บทที่ 1365 ค่ายกลกำแพงศิลา

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

“สวัสดีตอนเช้าเจ้านายที่เคารพ!”
  พอลเดินตรงเข้าไปหาหลิงหยุนพร้อมกับเอ่ยทักทายด้วยความเคารพนอบน้อมเช่นเคยพอลยังคงเป็นพอลที่มีกิริยามารยาทเรียบร้อย และเป็นสุภาพบุรุษตามแบบชาวตะวันตกไม่เปลี่ยนแปลง เวลานี้ใบหน้าที่เคยซีดขาวของพอลเริ่มมีสีแดงปรากฏขึ้นบ้างแล้ว..
  “พอล..ดูเจ้าสบายดีมากสินะ!”
  หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจกับสภาพของพอลเวลานี้เขาพบว่าพอลฟื้นคืนความเป็นมนุษย์กลับขึ้นมาได้มาก และเวลานี้หัวใจของเขาก็เต้นไม่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไป
  “เอ็ดเวิร์ดกับเจสเตอร์เล่า”
  “เจ้าหนายที่เคารพเอ็ดเวิร์ดกับเจสเตอร์ได้ลงไปที่ก้นหลุมยักษ์นานแล้ว พวกเขาคอยเฝ้าทำหน้าที่เฝ้าสมบัติของเจ้านายอยู่ที่ถ้ำหินด้านล่าง”
  หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยชม“เยี่ยมมาก พวกเจ้าทำงานได้ดีมาก!”
  ต้องยอมรับว่าแวมไพร์สี่ห้าตนที่หลิงหยุนทำให้พวกมันกลายเป็นบริวารได้นั้นแต่และตนล้วนจงรักภักดีกับเขาอย่างมาก และมีความรับผิดชอบในงานที่หลิงหยุนมอบให้สูงมาก ทำให้เขารู้สึกพอใจในตัวของพวกมันยิ่งนัก
  ส่วนเย่ซิงเฉินเองก็พอใจไม่น้อยแม้ส่วนตัวนางจะไม่นึกชื่นชอบชาวต่างชาติมาก่อน แต่หลังจากที่เริ่มคุ้นเคยกันนั้น พวกเขาต่างก็เรียกขานนางว่านายหญิง ทำให้เย่ซิงเฉินสุขใจ แล้วก็เริ่มพึงพอใจในตัวพวกมันมากขึ้นด้วยเช่นกัน
  เหล่าแวมไพร์ทั้งห้าเองต่างก็รู้จักหญิงสาวรอบตัวหลิงหยุนแทบทุกคนและพวกมันก็รู้ว่าเย่ซิงเฉินนั้นไม่เหมือนหญิงสาวคนอื่นๆของหลิงหยุน แม้ว่าพวกมันจะเป็นแวมไพร์แต่ก็มีสมองที่ชาญฉลาด และดูออกว่าเย่ซิงเฉินสำคัญกับหลิงหยุนมากเพียงใด พวกมันจึงให้ความเคารพเย่ซิงเฉินอย่างมาก และไม่กล้าเสียมายาทกับนาง
  “พี่หยุน!”
  ตี้เสี่ยวอู๋ร้องตะโกนทักทายหลิงหยุนในขณะที่วิ่งเข้าไปหาเมื่อไปถึงจึงรีบบอกกับเขาว่า “แม่นางทั้งหมดของอารามจิ้งซินให้ข้ามอบสิ่งนี้ให้กับพี่!”
  ระหว่างที่พูดตี้เสี่ยวอู๋ก็ยื่นสมุนไพรสีเขียวหอบใหญ่ในมือให้กับหลิงหยุน..
  สมุนไพรชนิดนี้มีรากและลำต้นที่ยาวมากรากของมันเรียวเล็กและยาว มีสีเหลืองอมชมพู แล้วก็ขดเป็นวงกลมดูคล้ายกับลำไส้ของในท้องมนุษย์
  ส่วนลำต้นมีลักษณะคล้ายไม้เลื้อยแต่ก็ยาวมากจนน่าประหลาด อีกทั้งยังปกคลุมไปด้วยใบไม้สีเขียวที่มีความคมราวกับฟันของเลื่อย หากไม่ระวังก็สามารถถูกใบของมันบาดเลือดไหลได้ทีเดียว  หลิงหยุนจ้องมองกองสมุนไพรหลายสิบกิโลกรัมพร้อมกับพึมพำออกมา“นี่มันหญ้าใจสลายไม่ใช่รึ”
  “ใช่!”ตี้เสี่ยวอู๋ตอบพร้อมกับพยักหน้า
  “ดูเหมือนตั้งแต่ที่ศิษย์อารามจิ้งซินสูญเสียวรยุทธไปความคิดความอ่านพวกนางก็เปลี่ยนไปมากด้วยเช่นกัน นอกจากจะไม่ต้องการหญ้าใจสลายแล้ว ยังรู้ว่าต้องนำมามอบให้กับข้าอีกด้วย!”
  หลิงหยุนยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจพร้อมกับเรียกกองสมุนไพรเข้าไปเก็บในแหวนของตนเอง
  “ส่วนนี่โอสถไร้ใจ..”
  ตี้เสี่ยวอู๋เรียกโอสถสามขวดออกมาถือไว้ในมือแต่ละขวดมีโอสถไร้ใจอยู่สิบแปดเม็ด รวมแล้วหลิงหยุนได้รับโอสถไร้ใจห้าสิบสี่เม็ด
  คิดไม่ถึงว่าแม่ชีมี่เจียวก่อนตายยังปกป้องโอสถไร้ใจทั้งสามขวดนี้และนำไปฝากไว้กับเหล่าแม่ชีที่รอดชีวิต แต่ท้ายที่สุดกลับตกมาอยู่ในมือของหลิงหยุนอยู่ดี
  “แม่ชีมี่หลินเป็นคนขอให้ข้านำโอสถทั้งสามขวดนี้มามอบให้กับพี่นางบอกว่าไม่จำเป็นต้องใช้อีกแล้ว!”
  แน่นอนว่าหลิงหยุนย่อมไม่ปฏิเสธเขารับโอสถสามขวดเข้าไปเก็บในแหวนอีกครั้ง แล้วจึงเริ่มพูดธุระของตนเอง เวลานี้เรื่องสำคัญคือต้องนำหินมังกรเขียวเข้าไปเก็บไว้ในแหวนของตนเสียก่อน
  “เหตุใดที่ปากหลุมยักษ์จึงมีผู้คนมากมายเช่นนี้”
  หลิงหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปทางปากหลุมยักษ์และเอ่ยถามตี้เสี่ยวอู๋ด้วยความสงสัย
  ช่วงเวลานี้เหมาะที่จะไปนั่งชมทิวทัศน์ที่ทะเลสาบมากกว่าและปกติของเช้าวันทำงานเช่นนี้ ที่หลุมยักษ์จะมีคนน้อยมาก หรือแทบจะไม่มีคนเลยทีเดียว แต่วันนี้กลับมีผู้คนพลุกพล่าน และหนาแน่นผิดปกติ  และต่อให้เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากที่อื่นก็น่าจะไปชมทะเลสาบ หรือไปเที่ยวเขามังกร ซึ่งน่าจะสุนกมากกว่าที่จะมารุมล้อมดูหลุมยักษ์เช่นนี้
  ตี้เสี่ยวอู๋มองหลิงหยุนพร้อมกับยิ้มออกมาแล้วจึงรีบตอบกลับไปว่า “พี่หยุน คนเกือบทั้งหมดนั่นล้วนเป็นคนของเราเอง! ฉันเตรียมมาเพื่อสร้างสถานการณ์เท่านั้น คนตระกูลหลงจะได้ไม่กล้าส่งคนแอบลงไปตอนกลางวัน!”
  “…”
  หลิงหยุนถึงกับอึ้งไปเขาจ้องมองตี้เสี่ยวอู๋ตาโตด้วยความตกตะลึง พร้อมกับร้องอุทานออกมาเสียงดัง
  “โอ้โห!!เจ้าเปลี่ยนเป็นฉลาดหลักแหลมเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน”
  จะไม่ให้หลิงหยุนตกใจได้อย่างไรกันในเมื่อวิธีนี้เป็นวิธีการรับมือกับอำนาจ และความแข็งแกร่งของตระกูลหลงได้อย่างเฉียบแหลมยิ่งนัก  “เอ่อ..”
  ตี้เสี่ยวอู๋ยกมือขึ้นเกาศรีษะด้วยความเก้อเขินพร้อมกับรีบอธิบายว่า “พี่หยุน เรื่องแบบนี้ข้าจะคิดเองได้อย่างไรกันเล่า ความจริงนี่เป็นความคิดของพี่เม่ยเม่ยต่างหาก..”
  “ข้าก็ว่าแล้ว..”
  หลิงหยุนพึมพำออกมาเพราะไม่น่าเชื่อว่าสมองอย่างตี้เสี่ยวอู๋จะคิดแผนการแยบยลเช่นนี้ได้ สมองของตี้เสี่ยวอู๋มีเพียงแค่เรื่องการฝึกฝนวิชาเท่านั้น
  “เสี่ยวเม่ยเม่ยเจ้าทำได้ดีมาก!”
  หลิงหยุนหันไปทางเสี่ยวเม่ยเม่ยพร้อมกับเอ่ยชมเสี่ยวเม่ยเม่ยเพียงแค่พยักหน้ายิ้มรับ แต่ไม่ได้ตอบสิ่งใดกลับไป
  หลิงหยุนถึงกับจ้องมองใบหน้าของเสี่ยวเม่ยเม่ยจนลืมตัวและได้แต่คิดในใจว่า เสี่ยวเม่ยเม่ยในยามนี้ที่มีเพียงแค่ยิ้มบาง กลับมีเสน่ห์ดึงดูดยิ่งนัก..
  ในขณะที่เย่ซิงเฉินกลับแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น..
  “เสี่ยวอู๋เจ้า.. พอล.. และเสี่ยวเม่ยเม่ยรออยู่ที่นี่ก่อน หาทางดึงดูดผู้คนไปที่อื่น ส่วนข้ากับซิงเฉินจะรีบลงไปที่ก้นหลุมยักษ์!”
  ระหว่างที่พูดนั้นร่างของหลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินก็ได้หายเข้าไปในป่า ซึ่งอยู่ห่างจากหลุมยักษ์ไปราวสามสิบกว่าเมตรแล้ว
  ตี้เสี่ยวอู๋แสร้งทำเป็นร้องตะโกนสร้างความสนอกสนใจให้ผู้คนพากันมาดูแล้วผู้คนที่อยู่บริเวณปากหลุมยักษ์ต่างก็พากันหันไปมองด้วยความสนอกสนใจ
  แรกๆหลายคนก็พากันถกเถียงกันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อคนของตี้เสี่ยวอู๋เริ่มเคลื่อนตัว หลายคนก็เริ่มวิ่งตามไป คนของแก๊งมังกรเขียวแสร้งทำเป็นวิ่งไปทางป่าที่หลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินหลบอยู่ แต่ก็ไม่ได้เข้าไปด้านใน แล้วก็วิ่งกลับไปที่ปากหลุมยักษ์ ก่อนจะวิ่งกลับมาที่ป่าอีกครั้ง และเวลานี้ผู้คนต่างก็พากันวิ่งออกมาจากปากหลุมยักษ์กันหมดแล้ว
  “ซิงเฉินเร็วเข้า.. รีบลงไปในหลุมยักษ์ตอนนี้!”
  ในระหว่างที่ผู้คนกำลังสนอกสนใจคนของแก๊งมังกรเขียวอยู่นั้นหลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินก็ได้ใช้วิชาเงาลวงตาพุ่งออกจากป่าลึกสามสิบเมตร ตรงเข้าไปที่ใต้หลุมยักษ์ในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตา
  “ฮ่าๆเล่นซ่อนหาเช่นนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน!”
  หลิงหยุนพึมพำออกมาในระหว่างที่ดำอยู่ในผืนน้ำภายใต้หลุมยักษ์แน่นอนว่าเขาย่อมต้องใช้แก้วจ้าวสมุทรให้เกิดประโยชน์ และเพียงแค่ประเดี๋ยว หลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินก็สามารถดำจากผิวน้ำไปถึงก้นหลุมซึ่งมีระยะทางกว่ายี่สิบเมตรได้แล้ว
  “ความจริงข้าเองก็เคยลงมาสำรวจที่นี่ครั้งหนึ่งแล้วเมื่อครั้งที่เจ้าพาเซียนเอ๋อไปที่เกาะเตียวหยู..”เย่ซิงเฉินบอกกับหลิงหยุนระหว่างที่เดินอยู่ก้นหลุมยักษ์
  “แต่ครั้งนั้นข้าเองก็ไม่พบสิ่งใดแล้วก็คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะนำหินมังกรเขียวมาซ่อนไว้ที่นี่เจ้าช่างสรรหาที่ซ่อนได้เก่งนัก!”
  หลิงหยุนได้ฟังถึงกับหัวเราะออกมา“ฮ่าๆๆ หลุมยักษ์นี่ปรากฏขึ้นก่อนที่จะถึงวันสอบเอนทรานซ์ราวสองเดือน ช่วงเวลาสองเดือนนั้น เหล่าชาวยุทธก็พากันมาสำรวจอย่างมากมายแล้ว และเมื่อไม่พบสิ่งใด พวกเขาย่อมไม่เสียเวลากลับลงไปสำรวจอีก ข้าจึงได้นำหินมังกรเขียวมาซ่อนไว้ที่นี่ แต่คิดไม่ถึงว่าท้ายที่สุดกลับถูกคนตระกูลหลงพบเข้าจนได้!”
  ทั้งคู่เดินไปคุยไปอยู่ที่ก้นหลุมยักษ์และด้วยอานุภาพของแก้วจ้าวสมุทร เวลานี้รอบกายหลิงหยุนและเย่ซิงเฉินได้กลายเป็นพื้นที่โล่งรูปก้นหม้อขนาดสามสิบเมตร
  “ไปทางทิศใต้!”
  หลิงหยุนย่อมจดจำตำแห่งที่เขาหย่อนหินมังกรเขียวลงมาได้และหินที่มีน้ำหนักกว่ายี่สิบตันนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกสายน้ำพัดพาไปที่ใดได้ หลิงหยุนจึงพาเย่ซิงเฉินเดินตรงไปยังทิศทางที่ต้องการทันที  “หลิงหยุนเหตุใดที่นี่จึงมีซากปลาใหญ่โตแปลกประหลาดอยู่มากมาย”
  ภายใต้หลุมยักษ์นั้นเย่ซิงเฉินพบเห็นซากปลาขนาดใหญ่แปลกประหลาดมากมาย จึงอดที่จะถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้
  “ที่นี่เคยเป็นค่ายกลมังกรหยิน–หยางมาก่อนและบริเวณนี้ก็คือที่ที่พลังหยินและหยางมาบรรจบกัน จึงมีสัตว์น้ำน้อยใหญ่รวมทั้งอสูรน้ำมารวมตัวกันอยู่ที่นี่เป็นเวลาเนิ่นนาน ก็เลยกลายเป็นอย่างที่เจ้าเห็นนั่นล่ะ!”
  หลิงหยุนอธิบายพลางหยิบกระดูกบางส่วนขึ้นมาดูและพบว่ายังมีสภาพใหม่คล้ายเพิ่งถูกฆ่า จึงสันนิษฐานว่าต้องเป็นฝีมือของหลงเทียนซินอย่างแน่นอน
  ไม่นานนักหลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินก็มาถึงยังตำแหน่งที่หินมังกรเขียวตั้งอยู่หากมองด้วยตาเปล่าจะพบว่ามีหินก้อนใหญ่หลายก้อนวางเรียงรายเป็นชั้นอยู่อย่างหนาแน่น และไม่มีทางที่ผู้ใดจะเข้าไปได้อย่างแน่นอน
  “หึ!ค่ายกลกำแพงศิลา และค่ายกลสะกัดวิญญาณ ดูท่าคงจะเป็นฝีมือของหลงเทียนซินแน่!”
  หลิงหยุนเห็นค่ายกลทั้งสองชนิดก็สามารถคาดเดาได้ทันทีว่าตระกูลหลงคงต้องส่งหลงเทียนซินมาสืบเรื่องของเขาที่จิงฉูเป็นแน่!
  ค่ายกลกำแพงศิลานั้นสร้างขึ้นเพื่อสะกัดกั้นไม่มิให้ผู้ใดเข้าไปใกล้กับหินมังกรเขียวในขณะที่ค่ายกลสะกัดวิญญาณนั้น สร้างขึ้นเพื่อป้องกันมิให้จิตหยั่งรู้ของยอดฝีมือที่แข็งแกร่งสำรวจพบหินมังกรเขียวก้อนนี้
  ค่ายกลทั้งสองชนิดนี้นั้นหากเป็นยอดฝีมือในขั้นที่ต่ำกว่าหลงเทียนซิน ย่อมไม่สามารถมองเห็นหินมังกรเขียวก้อนนี้ด้วยตา หรือผ่านจิตหยั่งรู้ได้ จึงแทบไม่ต้องพูดถึงการจะฉกฉวยไป ซึ่งยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้
  “เยี่ยมมากทีเดียว!”
  หลิงหยุนไม่คาดคิดว่าหลงเทียนซินจะสามารถสร้างค่ายกลที่แข็งแกร่งและทรงพลังเช่นนี้ได้ พร้อมกับแอบคิดว่าเมื่อคืนเขายังไม่ได้เห็นฝีมือของหลงเทียนซินเลยแม้แต่น้อย!