ภาคที่ 5 บทที่ 126 เข้าสู่หุบเขา

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 126 เข้าสู่หุบเขา

รถม้าบินทะยานข้ามผ่านท้องฟ้าแจ่มใส

หญิงสาวสวยผู้คุมบังเหียนส่งเสียงหัวเราะคิกคัก ฟังดูไพเราะราวกับเสียงกระดิ่ง

“คุณชาย เราจะไปที่ไหนกันต่อหรือ ?” หญิงสาวมองย้อนกลับเข้าไปด้านในรถม้าพลางเอ่ยถามขึ้น

“แค่ตรงไปตามที่ข้าบอกก็พอ ไม่ต้องถามให้มากความ” ซูเฉินตอบโดยไม่เงยหน้า

“อืม” หญิงสาวขมวดคิ้วเม้มปากราวกับไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย ทว่าดวงตาของนางก็ยังคงเต็มไปด้วยความสุข

ขณะที่บังคับรถม้าไปเรื่อย ๆ นางก็ฮัมเพลงเบา ๆ คลอไปด้วย

โดยไม่ได้รับรู้เลยว่ามีปรมาจารย์อาร์คาน่าผู้หนึ่งคอยตามมาอย่างเงียบ ๆ และกำลังพูดคุยอยู่กับซูเฉิน

“อีกวันกว่าเราจึงจะไปถึงเขาพันพิษ สำนักงานใหญ่ของมือแห่งโชคชะตาและสถาบันประทีปแห่งจิตวิญญาณตั้งอยู่ที่นั่น”

“ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าองค์กรที่มีอำนาจอย่างมือแห่งโชคชะตา จะตั้งหลักปักฐานอยู่ในที่แห้งแล้งแบบนั้น พวกเจ้าช่างซ่อนกันเก่งดีจริง ๆ ” ซูเฉินหัวเราะเบา ๆ

เขาพันพิษเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงด้านสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษสูง

หากมันเป็นเพียงสภาพแวดล้อมที่มีพิษร้ายแรงมันก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ทว่าบนเขาแห่งนี้นั้นมีพิษแปลกประหลาดนับหมื่นผสมปนเปกันไปหมด นับเป็นบททดสอบคุณสมบัติที่ยากยิ่งแก่ผู้ที่ต้องการจะอาศัยอยู่ที่นั่น

การแก้พิษสักชนิดอาจไม่ใช่เรื่องยาก แต่การต้องแก้พิษนับ 10 กว่าชนิดในคราวเดียวนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

พิษที่ยากจะรับมือและยากจะต้านทานมักจะมีปะปนมาด้วยเสมอ

ด้วยเหตุนี้ เขาพันพิษจึงได้กลายเป็นสถานที่ต้องห้ามที่มีชื่อเสียงยิ่งของเผ่าปักษา

“เรื่องนี้เราไม่ได้มีทางเลือกมากนัก ถ้าไม่ใช่เพราะว่าบริเวณนี้เป็นเขตอันตรายมาก พวกมนุษย์นกก็คงจะออกมาตามล่าพวกเราแล้ว” อี่หนี่เก้อตอบ

“แล้วมือแห่งโชคชะตาจัดการกับพิษบนภูเขาได้อย่างไร ?” ซูเฉินถาม

อี่หนี่เก้อกล่าวว่ามีเผ่าปักษาผู้หนึ่งได้ศึกษาค้นคว้าและวิจัยวิธีการที่สามารถจัดการพิษทั้งหมด เพื่อให้เขาพันพิษมีสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร และในที่สุดปรมาจารย์อาร์คาน่าท่านนี้ก็เปลี่ยนเขาพิษนี้ให้กลายเป็นเมืองใหญ่ได้ ทว่าถึงเขาจะทำสำเร็จ แต่เขากลับปฏิเสธที่จะเผยแพร่วิธีที่เขาใช้ ทั้งยังพยายามขายมันให้กับมนุษย์นกตนอื่นในราคาสูงแทน

แต่ราคาที่เขาขอนั้นสูงเกินไป พวกมนุษย์นกตนอื่นจึงไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขของเขา การเจรจาระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายจึงตกอยู่ในภาวะชะงักงัน พวกมนุษย์นกเชื่อว่ามีเพียงแค่พวกเขาเท่านั้นต้องการวิธีล้างพิษนี้ ส่วนปรมาจารย์อาร์คาน่าผู้นี้ก็เชื่อว่าเขาเป็นคนเดียวที่สามารถมอบวิธีแก้ปัญหานี้ให้มนุษย์นกได้

ทั้ง 2 ฝ่ายล้วนเชื่อว่าพวกเขามีอำนาจและปฏิเสธที่จะถอยกลับที่เหนือกว่า และปฏิเสธที่จะเป็นฝ่ายถอย

เมื่อมือแห่งโชคชะตารับรู้เรื่องนี้ พวกเขาก็ตระหนักว่ามันเป็นโอกาสที่ดี

พวกเขาไม่ใช่เผ่าปักษา พวกเขาไม่จำเป็นต้องวางท่าทำตัวให้สง่างาม ในเมื่อพวกเขาไม่สามารถจ่ายได้ พวกเขาก็แค่ต้องขโมยมัน

มือแห่งโชคชะตาได้ส่งผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังไปติดตามปรมาจารย์อาร์คาน่า และแย่งชิงของมาจากอีกฝ่าย แต่ปรมาจารย์อาร์คาน่าผู้นั้นกลับไม่ได้อ่อนแออย่างที่คิด ทั้งยังหลบหนีรอดพ้นไปจากวงล้อมของผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังได้ อย่างไรก็ตามอาการบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้ทำให้เขาเสียชีวิตลงหลังจากนั้นไม่นานนัก และวิธีการล้างพิษที่เขาคิดค้นขึ้นก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย

แต่มือแห่งโชคชะตาก็ไม่ได้ทำให้การเดินทางครั้งนั้นไร้ประโยชน์ พวกเขาได้พบกับสูตรในห้องปฏิบัติการของปรมาจารย์อาร์คาน่า

สูตรนี้เป็นผลงานก่อนหน้าที่เขาจะพัฒนาวิธีการล้างพิษทั้งหมดของเขาพันพิษขึ้น ถึงแม้ว่าสูตรนี้จะไม่สามารถจัดการกับพิษทั้งหมดได้ แต่มันก็ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเดินทางไปมาในเขตพื้นที่ส่วนใหญ่ของเขาพันพิษได้อย่างอิสระ

“เป็นเช่นนั้นเอง ถ้าเป็นดั่งที่เจ้ากล่าวมา ก็หมายความว่าวิธีการล้างพิษเขาพันพิษนั้นได้สูญหายไปแล้ว ?” ซูเฉินถาม

“ใช่ ทั้งหมดที่เรารู้คือมันเหมือนจะเป็นสิ่งของบางชนิดที่สามารถกลืนพิษในบริเวณใกล้เคียงทั้งหมดได้ น่าเสียดายที่หลังจากที่เขาหลบหนีไปได้แล้ว ก็ไม่มีใครหามันเจออีกเลย”

หืม ?

เหตุใดมันถึงฟังดูคุ้นเคยยิ่งนัก ?

ซูเฉินอดคิดถึงคัมภีร์หนังแกะที่เขาได้รับมาจากการประมูลในเมืองฉางผานไม่ได้

พูดให้ถูกคือมันเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กมากที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินพิษต่าง ๆ และเมื่อไม่มีพิษให้กินพวกมันก็จะเข้าสู่การจำศีล

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซูเฉินไม่ได้พบกับผู้เชี่ยวชาญด้านพิษมากนัก ดังนั้นเขาจึงไม่เคยพบโอกาสที่จะใช้คัมภีร์นี้ แต่คำพูดของอี่หนี่เก้อนี้ได้เตือนซูเฉินให้นึกถึงถึงสมบัติที่เขามีอยู่ขึ้นมา

มันคงไม่ใช่คัมภีร์หนังแกะหรอก ใช่ไหม ? ซูเฉินคิดกับตัวเอง

ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งมั่นใจว่ามันเป็นไปได้

หากเป็นเช่นนั้น ก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อย

แมลงกลืนพิษเหล่านี้นอกจากจะกินพิษต่าง ๆ แล้ว มันยังสามารถปล่อยพิษออกมาได้อีกด้วย หากใช้มันถูกสถานการณ์มันจะมีประสิทธิภาพอย่างมาก เพียงแค่ว่าซูเฉินไม่เคยได้ศึกษามันอย่างละเอียด ดังนั้นเขาจึงยังไม่มีวิธีที่เหมาะสมที่สุดที่จะใช้มัน แต่ตอนนี้เขากำลังจะไปที่เขาพันพิษ นับเป็นโอกาสดีที่จะได้ทดลองใช้พวกมัน พิษบนภูเขาทั้งหมดจะกลายเป็นอาหารของพวกมันหรือไม่ ? จะมีพิษที่แม้แต่คัมภีร์หนังแกะยังไม่อาจกลืนกินได้อยู่หรือเปล่า ?

เขาพันพิษปรากฏขึ้นในมุมมองของพวกเขาอย่างรวดเร็ว

เขาพันพิษที่อยู่ไกลออกไป ถูกปกคลุมไปด้วยพืชพิษสีแดงที่ถูกเรียกว่าบุปผาพันปี มันเป็นพืชชนิดเดียวที่สามารถอยู่รอดได้บนเขาแห่งนี้ ตลอดลำต้นและส่วนต่าง ๆ ของมันล้วนถูกปกคลุมไปด้วยพิษ ใครก็ตามที่ไปสัมผัสโดนเข้า เนื้อหนังของพวกเขาจะเริ่มเปื่อยและจะตายในทันที

ทันทีที่นางเห็นพืชพันธุ์ที่คุ้นเคย อิงอิงก็รู้ทันทีว่ายามนี้นางอยู่ที่ไหน

“คุณชาย นี่คือเขาพันพิษ พื้นดินด้านล่างนี้มีพิษร้ายแรงยิ่ง แม้แต่ในอากาศเหนือยอดเขาเองก็มีพิษอยู่มาก เราไม่อาจเข้าไปใกล้กว่านี้ได้แล้ว !”

ซูเฉินโยนเหรียญหยกใส่นาง “หยุดพูดไร้สาระแล้วบินต่อไป”

เหรียญหยกนี้เขาได้มาจากอี่หนี่เก้อ มันบรรจุยาชนิดพิเศษซึ่งสร้างขึ้นมาตามสูตรของปรมาจารย์อาร์คาน่าผู้คิดค้นวิธีล้างพิษผู้นั้นเอาไว้ ด้วยยาเหล่านี้ผู้ใช้จะสามารถมั่นใจได้ว่าพิษส่วนใหญ่จะถูกกันให้อยู่ห่างจากพวกเขาอย่างน้อย 3 จั้ง

ประสิทธิภาพของยาตัวนี้ผันผวนได้ง่าย จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนเม็ดยาใหม่บ่อย ๆ

มือแห่งโชคชะตาใช้วิธีนี้ในการป้องกันตัวเอง ดังนั้นแม้ว่าจะมีสมาชิกคนใดหักหลังพวกเขา มันก็ไม่ได้สร้างผลกระทบที่อันตรายอะไรกับพวกเขามากนัก

ดังนั้นถึงแม้ว่าจือฮัวนู๋จะสามารถแทรกซึมเข้าไปในมือแห่งโชคชะตาได้ และแอบลักลอบนำยาออกมาได้ขวดสองขวด แต่นางก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์โดยรวมได้

อิงอิงเดาว่านี่เป็นของที่จะช่วยลบล้างพิษได้ แต่นางก็ยังคงกลัวอยู่ นางต้องการหันไปอ้อนวอนซูเฉิน แต่นางก็พบว่านางไม่สามารถขยับมือและเท้าได้เลย รถม้าเคลื่อนตัวบินตรงไปยังภูเขาด้วยตัวเอง

เมื่อเห็นเช่นนั้นอิงอิงก็กรีดร้องขึ้นด้วยความกลัว หลังจากรถม้าลงจอดและพบว่าตนยังสบายดี นางก็พูดด้วยความประหลาดใจและมีความสุขยิ่ง “มันไม่เป็นไรจริง ๆ หรอกหรือ ?”

“เจ้าไม่เคยฟังข้าเลย”

อิงอิงแลบลิ้น “ข้าเข้าใจแล้ว คราวหน้าข้าจะทำทุกอย่างตามที่ท่านสั่ง แม้ว่าจะต้องบุกน้ำลุยไฟก็ตาม”

“ดี เจ้าเห็นหินก้อนใหญ่อยู่ตรงหน้าเจ้าไหม ? ใช้หัวของเจ้าทำลายมันซะ”

“หือ ? ทำไมล่ะ ?”

“ไม่ใช่ว่าเจ้าบอกว่าจะบุกน้ำลุยไฟตามคำข้า ? แต่เจ้ากลับไม่กล้ากระทั่งเอาหัวโขกหิน ?”

นางหัวเราะคิกคัก “ข้าก็แค่พูดไป เหตุใดท่านต้องจริงจัง”

ซูเฉินถอนหายใจ “น่าเสียดาย แต่ข้าพูดจริง ๆ”

เขาเดินตรงไปและทุบหินก้อนใหญ่นั้นจริง ๆ

ก้อนหินเคลื่อนเปิดออก เผยให้เห็นประตูขนาดใหญ่สู่หุบเขาด้านใน

“นี่คือ… ” อิงอิงอ้าปากค้าง

“สถาบันประทีปแห่งจิตวิญญาณ”

“มือแห่งโชคชะตา ?” นางโพล่งขึ้น

“ใช่แล้ว” อี่หนี่เก้อปรากฏขึ้นอย่างเงียบ ๆ และยิ้มให้อิงอิง

“อ๊ะ !” หญิงสาวร้องด้วยความตกใจ

นางไม่เคยคิดว่าปรมาจารย์อาร์คาน่าระดับ 9 ผู้ทรงพลังจากแดนลับอวี้ชิงหลานจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่อย่างกะทันหัน

สิ่งแรกที่นางทำคือเอาตัวมาขว้างระหว่างเขากับซูเฉินไว้ “คุณชาย ออกไปจากที่นี่เร็วเข้า ! ข้าจะพยายามรั้งเขาไว้ !”

ความพยายามที่จะปกป้องซูเฉินของนางทำให้เขาพูดไม่ออก

ซูเฉินเหลือบมองอี่หนี่เก้อก่อนจะกล่าวว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นางคือศิษย์ของเจ้า”

“ขอรับ นายท่าน” อี่หนี่เก้อตอบรับอย่างสุภาพ

“นะ… นายท่าน ?” อิงอิงตกตะลึง

ทันใดนั้นนางก็ค้นพบว่านางไม่เคยเข้าใจชายที่มีนามว่าชิงเฮิ่นผู้นี้จริง ๆ เลย

นางจ้องไปที่ซูเฉินอย่างว่างเปล่าและพบว่าเขายิ้มตอบกลับมาเล็กน้อย

เขากล่าวว่า “ไปเถอะ ตั้งใจศึกษาจากอี่หนี่เก้ออย่างขยันขันแข็ง อนาคตของเจ้าจะได้ดีขึ้น”

กับ… อี่หนี่เก้อ ?

จู่ ๆ อิงอิงก็ตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่าง นางตะโกนขึ้น “คุณชาย อย่าทอดทิ้งข้า ! โปรดอย่าทิ้งข้านะ !”

ซูเฉินโบกมือ จากนั้นอี่หนี่เก้อก็คว้าตัวนางเข้าไปในหุบเขาพร้อมกับเขา

ขณะเฝ้ามองนางจากไป ซูเฉินก็ถอนหายใจ “ขออภัยด้วย แต่นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว”

การพาอิงอิงตามเขาไปด้วยไม่มีผลดีเลย เขาไม่ได้วางแผนที่จะเปิดฮาเร็มอื่นให้ตัวเอง ดังนั้นวิธีนี้จึงเป็นการแก้ปัญหาที่ดียิ่ง

หลังจากอี่หนี่เก้อพาอิงอิงไปแล้ว ซูเฉินก็ก้าวเท้าเข้าไปในหุบเขา

เขาไม่ได้ให้อี่หนี่เก้อนำทาง เพราะเขาไม่ได้ตั้งใจจะปลอมตัวอีกต่อไป

ตามที่อี่หนี่เก้อได้กล่าวไว้ ผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในสถาบันประทีปแห่งจิตวิญญาณคือปรมาจารย์อาร์คาน่าระดับ 8

ปรมาจารย์อาร์คาน่าระดับ 8 ไม่ใช่ตัวตนสำคัญในสายตาของซูเฉินเลย แล้วเขาจะต้องกลัวอะไรอีก ?

เขาก็แค่ต้องเดินเข้าไปหาสมบัติเสร็จแล้วก็จากไปเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ ซูเฉินจึงเข้าไปในหุบเขาทั้งแบบนั้น

หลังจากที่ซูเฉินเข้าไปได้ไม่นานนัก เสียงสัญญาณก็ดังขึ้นทั่วหุบเขา

เหล่าอาจารย์ของสถาบันต่างพากันบินตรงเข้ามา เมื่อพวกเขาเห็นซูเฉิน พวกเขาไม่แม้แต่จะกล่าวทักทาย และเปิดฉากโจมตีเขาด้วยวิชาอาร์คาน่าที่เชี่ยวชาญที่สุดในทันที

มือแห่งโชคชะตาเป็นตัวตนที่เผ่าปักษาต้องการตามจับ ดังนั้นพวกเขาจึงระมัดระวังตัวกันอย่างมาก ใครก็ตามที่บุกเข้ามาในสถานที่แห่งนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต จะถูกมองว่าเป็นศัตรูและถูกไล่สังหารในทันที

เนื่องจากสถาบันประทีปแห่งจิตวิญญาณเป็นของมือแห่งโชคชะตา หลักการนี้จึงถูกพวกเขานำมาใช้กับด้วยเช่นกัน พวกเขาจึงลงมือโจมตีอย่างไร้ความปราณี

ซูเฉินยิ้มเล็กน้อย ปีกบนหลังของเขากางออก สายลมและฟ้าร้องเริ่มรวมตัวกันเป็นบอลสายฟ้าขนาดมหึมา ก่อนจะขว้างพวกมันใส่คู่ต่อสู้ของเขา

ปรมาจารย์อาร์คาน่าเหล่านี้ไม่เคยเห็นการต่อสู้รูปแบบนี้มาก่อน พวกเขาพากันตกใจอย่างมาก และเลือกที่จะถอยหลบฉากก้อนพลังงานพวกนั้น อย่างไรก็ตามซูเฉินเร็วยิ่งกว่าพวกเขา บอลสายฟ้าทั้งหมดต่างพุ่งเข้าใส่เป้าหมาย สายฟ้าพัวพันมนุษย์นก ในชั่วพริบตา ปรมาจารย์อาร์คาน่านับ 10 ก็ถูกสายฟ้าของซูเฉินผูกมัดเอาไว้

ไม่มีใครเคยเห็นวิชาเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงรู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่อาจอธิบายได้

ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะนี่เป็นหนึ่งในผลลัพธ์ที่ซูเฉินได้รับจากความก้าวหน้าของการทำความเข้าใจเกี่ยวกับสายฟ้าในช่วงที่ผ่านมา

ตอนนี้เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งลม ไฟ และสายฟ้า มุมมองของเขาเองก็กว้างขึ้นมากเช่นกัน หลังจากที่ได้รับพลังแห่งลมและสายฟ้ามาแล้ว ซูเฉินก็เริ่มเข้าใจว่าทำไมเขาจึงสามารถใช้งานโทเทมวิญญาณสายลมและสายฟ้าได้

โทเท็มเหล่านั้นเป็นพลังที่อยู่ในระดับที่ลึกซึ้งกว่า ทั้งยากต่อการสัมผัสและยากเกินกว่าจะทำความเข้าใจ

แต่ด้วยโทเท็มทั้ง 3 นี้ ความรู้ความเข้าใจของซูเฉินจึงพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดด ทักษะที่เขาเพิ่งปลดปล่อยไปคือ 1 ในสิ่งที่เขาได้รับมาจากช่วงเวลานั้น

อันที่จริง เส้นสายฟ้าเหล่านี้เป็นการรวมตัวของวิชาหนวดอากาศกับพลังสายฟ้าต้นกำเนิด การผสมผสานของทั้ง 2 ทำให้เกิดวิชาอาร์คาน่าแบบใหม่ขึ้น ในเวลาเดียวกันนั้น ประตูบานใหม่ก็เปิดออกที่เบื้องหน้าของซูเฉิน !