ภาคที่ 5 บทที่ 127 ล่อเสือออกจากป่า

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 127 ล่อเสือออกจากป่า

แม้ว่าวิชาที่นำมาใช้พื้นฐานของการดัดแปลงนี้จะเป็นวิชาอาร์คาน่าระดับต่ำ แต่องค์ประกอบโดยกำเนิดของมันยังคงเป็นพลังต้นกำเนิดประเภทสายฟ้า โซ่สายฟ้าอันทรงพลังไม่เพียงแค่จำกัดการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้เท่านั้น มันยังส่งกระแสไฟฟ้าใส่พวกเขาเป็นระยะ ๆ ทำให้เหล่าปรมาจารย์ตัวสั่นกระตุก จนไม่อาจรวบรวมกำลังได้อย่างเต็มที่

ซูเฉินลากปรมาจารย์อาร์คาน่ากลุ่มใหญ่นี้ตามหลังเขาและตรงไปที่ห้องสมุดของสถาบัน

ก่อนที่จะมาถึงที่นี่อี่หนี่เก้อได้บอกเขาแล้วว่าสถานที่ที่มีค่าที่สุดของสถาบันประทีปแห่งจิตวิญญาณอยู่ที่ใดบ้าง

อี่หนี่เก้อก็เหมือนกับซูเฉินทั้งคู่ให้ความสำคัญกับความรู้เหนือสิ่งอื่นใด ด้วยเหตุนี้ ห้องสมุดจึงถือเป็นห้องเก็บสมบัติขนาดใหญ่ของสถาบัน ที่ซึ่งของดี ๆ ทุกอย่างได้ถูกเก็บเอาไว้ด้านใน

เมื่อกลุ่มปรมาจารย์เห็นซูเฉินบินไปในทิศทางนั้น พวกเขาเข้าใจจุดมุ่งหมายของชายหนุ่มในทันที และพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ขอบคุณพระเจ้า เป้าหมายของเขาคือห้องสมุด !”

ขอบคุณพระเจ้า ?

ซูเฉินรู้สึกตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น

ทว่าครู่ต่อมาเขาก็ตระหนักขึ้นได้ว่าสมาชิกของมือแห่งโชคชะตาล้วนแล้วแต่เป็นอาชญากรที่ต้องการตัว สำหรับพวกเขาแล้วการที่มีศัตรูที่กล้าบุกเข้ามาทางประตูหน้า ย่อมมีความสามารถพอที่จะสร้างโอกาสที่ทำให้พวกเขาถึงแก่ชีวิตได้

เพราะฉะนั้นในเมื่อชายผู้นี้มาเพียงเพื่อสมบัติ… เหตุใดพวกเขาถึงจะไม่รู้สึกโล่งใจล่ะ ?

ซูเฉินหัวเราะ “อืม พวกเจ้าโชคดียิ่ง เป้าหมายของข้ามีเพียงสมบัติในห้องสมุดเท่านั้น ตราบใดที่พวกเจ้าไม่ขวางทางข้า ข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า”

น่าเสียดายที่คำพูดเหล่านี้นั้นได้ไร้ความหมายอย่างสมบูรณ์

คนที่ถูกเขาจับมัดเอาไว้แล้วไม่มีทางที่จะก่อปัญหาอะไรได้ ในขณะที่คนที่ยังเคลื่อนไหวได้ยังคงต้องพยายามหยุดเขาอย่างเต็มที่ที่สุด มิฉะนั้น หากหัวหน้าสถาบันกลับมาและถามเอาคำตอบจากพวกเขา พวกเขาต้องเดือดร้อนแน่

แน่นอน พวกเขาไม่รู้ว่าหัวหน้าสถาบันได้กลับมาถึงแล้วและกำลังซ่อนตัวอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงพยายามหยุดซูเฉินด้วยกำลังทั้งหมดที่มี

ซูเฉินไม่ได้ใส่ใจมากนัก เขายังคงโบกโซ่สายฟ้าอย่างเต็มที่ ในชั่วพริบตา ปรมาจารย์อาร์คาน่ามากมายก็ถูกเขาจับตัว

ปรมาจารย์อาร์คาน่าเหล่านี้ไม่ใช่คนโง่ เมื่อพวกเขาเห็นว่าคู่ต่อสู้ไม่ได้คิดที่จะฆ่า พวกเขาก็รับรู้ได้ถึงโอกาสรอดชีวิตในทันควัน ดังนั้นเหล่าปรมาจารย์จึงหยุดดิ้นรนและยอมให้ซูเฉินลากพาพวกเขาไปรอบ ๆ แม้จะต้องเสียหน้าไปบ้างก็ตาม บรรดาศิษย์ต่างหลั่งไหลออกมาแหงนหน้ามองท้องฟ้า เฝ้าดูเหล่าอาจารย์ที่ปกติมักชอบวางตัวอยู่เหนือพวกเขาถูกลากไปรอบ ๆ ด้วยท่าทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นเรื่อย ๆ

“ช่างเป็นกลุ่มเด็กที่ไร้ประสบการณ์เสียจริง ๆ แต่ก็น่าสนใจ” ซูเฉินยิ้ม

หลังจากกล่าวจบเขาก็มาถึงที่ด้านหน้าห้องสมุด เขาไม่เสียเวลาพูดอะไรให้มากมาย และส่งหนวดอากาศจำนวนนับไม่ถ้วนออกไปคว้าหยิบหนังสือมา

หนวดอากาศระดับต่ำภายใต้การควบคุมของซูเฉินดูมีพลังเสียจนน่าตกใจ พวกมันปรากฏขึ้นในอากาศขยายจำนวนออกมานับพันอย่างรวดเร็ว และพุ่งเข้าใส่ห้องสมุดฉีกทำลายเกราะป้องกันทั้งหมดทิ้ง กวาดเข้าไปทั่วทุกมุมของห้อง คว้าจับทุกสิ่งอย่างที่พวกมันหาได้มาจนหมด

ไม่ว่าจะเป็น หนังสือลับ สมบัติ วัตถุวิญญาณ ฯลฯ ของมีค่าทุกสิ่งทุกอย่างถูกกวาดรวบมาจนเกลี้ยง

หนวดนับพันเป็นราวกับเครื่องสูบ ที่ปลายของพวกมันจะมีปากที่คอยกลืนกินทุกอย่างที่มันเจอ หนังสือและสิ่งของต่าง ๆ ไหลขึ้นไปตามท่ออากาศจนมาถึงมือของซูเฉินก่อนที่จะหายเข้าไปในแหวนกำเนิดของเขา

ทุกคนต่างตกตะลึงไปกับวิธีการปล้นห้องสมุดที่ไม่เหมือนใครของซูเฉิน

“หนวดอากาศ ! มันคือหนวดอากาศ !” ใครบางคนที่จำมันได้ตะโกนขึ้น

การเคลื่อนไหวของวิชาอาร์คาน่าเล็ก ๆ น้อย ๆ ภายใต้คำสั่งของซูเฉิน มันช่างดูละเอียดอ่อนและน่าอัศจรรย์ ราวกับว่าสิ่งมีชีวิตประหลาดที่มีมือนับพัน กำลังเอื้อมมือลงมาจากฟ้าโฉบคว้าสิ่งของไปอย่างป่าเถื่อน

“เจ้าคิดที่จะปล้นสถาบันประทีปแห่งจิตวิญญาณแห่งนี้งั้นรึ ? ช่างกล้าเสียนี่กระไร !” เสียงคำรามที่โกรธเกรี้ยวดังก้องไปทั่วฟ้า พร้อมกับลำแสงสีดำทที่พุ่งตรงมาทางซูเฉิน

แสงสีดำเคลื่อนตัวมาด้วยท่าทีที่ดูบิดเบี้ยวแปลก ๆ ราวกับว่ามันคืองูที่สร้างขึ้นจากแสง

ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่งูจริง ๆ แสงที่ดูพิลึกพิลั่นนี้ ชวนให้ผู้คนที่ได้เห็นรู้สึกถึงความแปลกประหลาดที่อธิบายไม่ได้

ถ้าซูเฉินไม่รู้ว่านี่คือวิชาอะไร เขาก็คงจะระมัดระวังและหลีกเลี่ยงมัน

น่าเสียดายที่เขารู้ว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับวิชาอะไรอยู่

เขาได้รับรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ทั้งหมดของสถาบันจากอี่หนี่เก้อตั้งแต่ก่อนจะมาถึงแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าคู่ต่อสู้ของเขาคนนี้คือรองหัวหน้าของสถาบัน อีกฝ่ายเป็นที่รู้จักดีในฉายา ‘เงาบิดเบื้อน’ การโจมตีที่เขาใช้นั้นก็เป็นวิชาที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี มังสะโรยรา

มังสะโรยราเป็นวิชาโจมตีที่ทรงพลังอย่างมาก มันสามารถโจมตีเป้าหมายได้โดยไม่สนใจการป้องกันของฝั่งตรงข้าม หากถูกวิชานี้โจมตีเข้า มันจะเจาะทะลุร่างกายเข้าไปกัดกินเนื้อเลือดโดยตรง

วิชาอาร์คาน่านี้ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ เพราะมันจะไล่ติดตามตำแหน่งของเป้าหมาย ทำให้แทบเป็นไม่ได้เลยที่จะสลัดหนีพ้น

วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับมัน ไม่ใช่การหลบหลีกแต่เป็นการทำลายมันตรง ๆ

ใช่แล้ว ลำแสงนี้สามารถทำลายได้

นั่นเพราะแก่นแท้ของมันไม่ใช่แสง แต่เป็นพลังงานพิเศษชนิดหนึ่งที่ควบแน่นกันอยู่

การเคลื่อนตัวที่แปลกประหลาดและดูบิดเบี้ยวนั้นเกี่ยวข้องกับความว่างเปล่า และนั่นก็เป็นสาเหตุที่การโจมตีนี้สามารถเพิกเฉยต่อการป้องกันต่าง ๆ ได้

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้เป็นเหตุทำให้ความเร็วของมันช้ามาก ทั้งหมดที่ซูเฉินต้องทำคือทำลายมันก่อนที่มันจะโดนตัวเขา

ส่วนวิธีการทำลายนั้นก็ง่ายยิ่ง

ซูเฉินสะบัดข้อมือ ส่งเลือดหยดหนึ่งให้ลอยออกไปปะทะกับลำแสงในอากาศ

พริบตาต่อมาแสงสีดำก็ได้เลือนหายไป

ก็ง่ายดายตามที่เห็น เลือดเพียงหยดเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้การโจมตีนี้ไร้ผลได้แล้ว

มังสะโรยรามีจุดมุ่งหมายอยู่ที่เลือดเนื้อของเป้าหมาย ฉะนั้น ตราบเท่าที่เป้าหมายมอบเลือดหรือเนื้อให้แก่มัน แม้จะเป็นเลือดเพียงแค่หยดเดียว วิชานี้ก็เป็นอันไร้ผลแล้ว

นี่เป็นข้อบกพร่องที่ใหญ่ที่สุดของวิชาอาร์คาน่านี้ แต่สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับมันแล้ว พวกเขาย่อมไม่ทราบถึงเรื่องนี้และไม่รู้ว่าต้องรับมือกับมันอย่างไร

รองหัวหน้าสถาบันไม่คิดว่าซูเฉินจะรู้เรื่องนี้ เขาพูดด้วยความประหลาดใจ “เจ้าเป็นใครกัน ? เจ้ารู้ได้อย่างไร… ”

“ข้าเป็นใครไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคืออย่าได้มายุ่งกับธุระของข้า” ซูเฉินตอบอย่างไม่อ้อมค้อม และโจมตีกลับไปยังท่านรองด้วยสายฟ้าของเขา

แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นปรมาจารย์อาร์คาน่าระดับต่ำกว่าซูเฉินหนึ่งระดับ แต่เส้นทางที่เขาใช้ฝึกฝนนั้นแปลกและชั่วร้ายยิ่ง ดังนั้นเขาคงจะพอมีวิชาที่ยากจะรับมืออยู่บ้าง หากซูเฉินไม่ระวังให้ดีมันอาจเป็นปัญหาได้ ทว่าเนื่องจากซูเฉินกำลังขโมยห้องสมุดไปด้วย มันจึงเป็นการยากที่จะระวังรอบด้าน เขาจึงตัดสินใจที่จะชิงลงมือก่อน สายฟ้าฟาดลงมาเหนือศีรษะของรองหัวหน้าสถาบัน ทำให้เขาต้องดิ้นรนเพื่อป้องกันตัวเอง

เนื่องจากการโจมตีของเงาบิดเบื้อนนั้นมีจุดเด่นอยู่ที่ความแปลกประหลาด ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ใช้ผู้ที่มีความสามารถในการโจมตีแต่อย่างใด ส่วนตัวซูเฉินผู้อยู่ระดับ 9 ที่มีวายุแม่เหล็กไฟฟ้าและสายฟ้าสังหารจึงสามารถต้อนอีกฝ่ายเข้ามุมได้ รองหัวหน้าสถาบันไม่มีหนทางให้โต้กลับ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงดูซูเฉินปล้นห้องสมุดตามที่ตามอำเภอใจ

“ตาอินทรีสลักลายของข้า ! มุกสายฟ้าไร้ขอบเขตของข้า ! ใยแมงมุมพันพิษของหัวหน้าสถาบัน นั่นน้ำละลายกระดูก… ไอ้…ไอ้ตัวบัดซบ ไอ้สารเลว เจ้าตัวหน้าไม่อาย !” เมื่อรองหัวหน้าสถาบันเห็นปล้นสมบัติตกไปอยู่ในมือของซูเฉินไปอันต่ออัน เขาก็ฮึดฮัดด้วยความโกรธขณะที่หลบเลี่ยงการโจมตีจากสายฟ้าของซูเฉินไปด้วย

เมื่อซูเฉินเห็นว่าเขาได้เอาของมีค่ามาเกือบทุกอย่างแล้ว เขาก็เรียกหนวดอากาศกลับมาและหัวเราะขึ้น “ขอบคุณมากสำหรับความเอื้ออาทรของพวกเจ้ามาก ข้าขอตัวลา”

ขณะที่กล่าวเขาก็บินจากไปอย่างรวดเร็วในทันที

รองหัวหน้าสถาบันไม่ต้องการปล่อยให้อีกฝ่ายหนีไปเช่นนั้น แต่จู่ ๆ ก็มีพายุหมุนปรากฏขึ้นขว้างหน้าและพัดเขาลอยไปไกล ทำให้เขาพลาดโอกาสที่จะไล่ตามไปโดยสมบูรณ์

แน่นอนว่าถ้าเขาตัดสินใจที่จะไล่ตามไปจริง ๆ เขาก็อาจถูกฆ่าตาย

“ปรมาจารย์อาร์คาน่าระดับ 9 ที่เชี่ยวชาญทั้งสายฟ้าและลม ?” รองหัวหน้าสถาบันตกตะลึง “หรือจะเป็นอิ๋งเกอซวงเหริ่น ?”

ปรมาจารย์อาร์คาน่าระดับ 9 ผู้มีชื่อเสียงที่เชี่ยวชาญทั้งสายฟ้าและลมที่สุดคืออิ๋งเกอซวงเหริ่นจากตระกูลอิ๋งเกอ แต่ตระกูลอิ๋งเกอนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก ตัวอิ๋งเกอซวงเหริ่นเองก็อยู่ห่างออกไปไกลยิ่ง เขาจะปรากฏตัวมาปล้นสถาบันได้อย่างไร ? ด้วยความจงรักภักดีของเขา หากเขาหาสถาบันประทีปแห่งจิตวิญญาณแห่งนี้เจอ เขาย่อมเลือกสังหารทุกคนทิ้งแทนที่จะฉกฉวยสมบัติอยู่แล้ว

ด้วยเหตุนี้ รองหัวหน้าสถาบันจึงโยนความคิดนี้ทิ้งอย่างรวดเร็ว

ถ้าเช่นนั้นก็ผ่อเยว่เถี่ยน ? ไม่ ผ่อเยว่เถี่ยนอายุ 400 ปีแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะดูเด็กขนาดนั้น

รองหัวหน้าสถาบันพยายามนึกถึงบุคคลที่เขารู้จักอีกมากมาย แต่ก็ยังไม่อาจระบุได้ว่าผู้ที่มาปล้นเอาสมบัติของพวกเขาไปเป็นใครกันแน่ ? แล้วเช่นนี้เขาจะอธิบายสถานการณ์ให้หัวหน้าสถาบันฟังอย่างไรดี ?

เขารู้สึกสับสนกับสถานการณ์ในตอนนี้อย่างมาก

ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงพูดดังขึ้น “เกิดอะไรขึ้น ?”

เสียงที่คุ้นเคยนี้ชวนให้ทุกคนต้องประหลาดใจ

“หัวหน้าสถาบันกลับมาแล้ว !”

อี่หนี่เก้อปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับอิงอิง

เขาดูราวกับว่าเขาเพิ่งกลับมา และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความว่างเปล่า

เหล่าอาจารย์ถูกบังคับให้อธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

“หัวหน้าสถาบัน โจรนั่นเพิ่งจะจากไป อาจจะยังสายเกินไปที่จะไล่ตามไปจับมัน” อาจารย์คนหนึ่งกล่าวขึ้น

“ไล่ตามไปจับ ? เหตุใดถึงต้องไล่ตามไป ?” ไม่มีใครคาดคิดว่าอี่หนี่เก้อจะตอบกลับมาเช่นนี้

“ห้ะ ?” ทุกคนตะลึง

อี่หนี่เก้อกล่าวต่อ “ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าเพิ่งจะพูดไปว่าอีกฝ่ายเป็นปรมาจารย์อาร์คาน่าระดับ 9 ที่เชี่ยวชาญทั้งสายฟ้าและลมหรอกหรือ ? พวกเจ้าหลายคนรวมกันยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แล้วข้าจะแข็งแกร่งพอเป็นคู่ต่อสู้ให้เขาได้ ?”

“นี่… ” ทุกคนไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร

ผู้คนกลัวที่จะพูดว่าพวกเขาทำไม่ได้ แต่หัวหน้าสถาบันกลับกลัวว่าคนจะบอกว่าเขาทำได้

เนื่องจากอี่หนี่เก้อกล่าวเช่นนั้น ทุกคนจึงได้แต่นิ่งเงียบ

ท้ายที่สุดอี่หนี่เก้อก็พูดขึ้นก่อน “มีใครรายงานเรื่องนี้ให้สำนักงานใหญ่ทราบแล้วหรือยัง ?”

“เรียบร้อยแล้วขอรับ”

ทันทีที่ซูเฉินโจมตี อาจารย์ของสถาบันก็ได้รายงานขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว

สำนักงานใหญ่ของมือแห่งโชคชะตาและสถาบันประทีปแห่งจิตวิญญาณ ต่างก็อยู่ในเขาพันพิษแห่งนี้ แต่เพื่อความปลอดภัยจึงถูกตั้งอยู่คนละสถานที่กัน

เมื่อได้ยินคำตอบ อี่หนี่เก้อก็พยักหน้า “เนื่องจากคู่ต่อสู้แข็งแกร่งมาก เราก็ควรขอให้พวกเขาส่งผู้เชี่ยวชาญที่มีพลังมากกว่ามา บางทีหากท่านผู้นำมาด้วยตัวเองได้คงจะเป็นการดีที่สุด”

“ท่านผู้นำ ?” ทุกคนตกตะลึง

“ใช่” อี่หนี่เก้อตอบ “ไม่ว่าอย่างไร สถาบันประทีปแห่งจิตวิญญาณก็อยู่ติดกันกับสำนักงานใหญ่ ถ้าเราเจอปัญหา พวกเขาเองก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถจัดการกับมันอย่างประมาทได้”

“แต่ศัตรูจากไปแล้ว”

“แล้วเจ้าแน่ใจได้ยังไงว่าเขาจะไม่กลับมาอีก ?”

“ทราบแล้ว !” ทุกคนทำได้เพียงตอบรับเท่านั้น

ประกาศเตือนภัยได้ถูกส่งออกไปอย่างเร่งด่วน

หลังจากนั้นไม่นานสมาชิกของมือแห่งโชคชะตาจำนวนมากก็มาถึงที่เกิดเหตุพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลัง แม้แต่ผู้นำของมือแห่งโชคชะตาก็ปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน

ร่างของเขาปกคลุมไปด้วยเงาดำทำให้ไม่อาจมองเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน แม้แต่แสงส่องมาทางเขาก็ไม่ได้ช่วยให้รูปลักษณ์ของเขาเด่นชัดขึ้นแต่อย่างใด เพราะแสงเหล่านั้นดูราวกับพยายามหลีกเลี่ยงเขาไปด้วยตัวเอง

เขาเป็นเหมือนหลุมดำ ไม่มีแสงสะท้อนใดจากร่างกายของเขา กลิ่นอายอันทรงพลังที่เขาปล่อยออกมา ทำให้ทุกคนรอบตัวเขาอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านด้วยความกลัว

นี่คือกลิ่นอายของระดับตำนาน

ผู้นำของมือแห่งโชคชะตาเป็นปรมาจารย์อาร์คาน่าระดับตำนาน

“อี่หนี่เก้อมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกัน ..ทำให้เจ้าต้องเรียกข้ามาถึงที่นี่ ? แล้วภารกิจของเจ้าในเมืองมากเมฆาเป็นอย่างไรบ้าง ?”

“สถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก” อี่หนี่เก้อเล่าถึงสิ่งที่เรื่องที่เกิดขึ้นในแดนลับ โดยตั้งใจเจาะจงว่ากลุ่มมนุษย์ได้ขโมยสมบัติไป แม้ว่าเขาพยายามที่จะฆ่าพวกมันทั้งหมดแล้ว แต่ก็ยังมีบางคนที่สามารถหลบหนีไปได้ เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเกิดการปล้นชิงอีกครั้งหลังจากกลับมาถึงสถาบันแล้ว

“ที่แท้ก็เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น” ผู้นำมือแห่งโชคชะตาเหลือบมองไปทางห้องสมุด เขาสัมผัสได้ถึงวิชาอาร์คาน่าระดับ 9 ที่เพิ่งถูกใช้ในที่แห่งนี้ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก

เป็นใครกัน ? ใครจะมาปล้นสถาบันประทีปแห่งจิตวิญญาณ ?

ขณะที่เขากำลังครุ่นคิด เสียงสัญญาณเตือนก็ดังขึ้นอีกครั้ง

ผู้นำมือแห่งโชคชะตาหันกลับไปด้วยความตกใจและร้องว่า “ไม่ดีแล้ว ! สำนักงานใหญ่ถูกโจมตี ! การปล้นสถาบันประทีปแห่งจิตวิญญาณเป็นเพียงการล่อเราออกมา !”