ภาคที่ 5 บทที่ 128 ไล่ล่า

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 128 ไล่ล่า

ซูเฉินบินอยู่บนท้องฟ้าอย่างอารมณ์ดี

การเดินทางไปยังเขาพันพิษครั้งนี้ทำให้ซูเฉินได้ผลประโยชน์กลับมาอย่างมหาศาล ไม่เพียงแต่จะกวาดสมบัติจากห้องสมุดของสถาบันประทีปแห่งจิตวิญญาณมาได้ ทว่ายังสามารถกวาดปล้นสำนักงานใหญ่ของมือแห่งโชคชะตาได้อย่างอิสระอีกด้วย

พวกเขาสมควรได้รับชื่อเสียงในฐานะองค์กรก่อการร้ายที่ทรงอิทธิพลที่สุดของอาณาจักรแห่งหมู่เมฆจริง ๆ คลังที่มั่งคั่งของพวกเขามีสมบัติอยู่มากมาย มีแม้กระทั่งเครื่องมือต้นกำเนิดระดับสูงบางอย่าง

แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้ แต่พวกมันย่อมมีประโยชน์ต่อนิกายไร้ขอบเขตอย่างแน่นอน

ซูเฉินได้วางแผนที่จะแบ่งปันเครื่องมือต้นกำเนิดที่ยอดเยี่ยมที่เป็นสินสงครามนี้ ให้แก่เหล่าศิษย์นิกายไร้ขอบเขตแต่ละคนเป็นมั่นเป็นเหมาะไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว

นอกเหนือจากเครื่องมือต้นกำเนิดแล้ว สถานที่แห่งนี้ยังมีสมุนไพรวิญญาณอยู่อีกมากมายนับไม่ถ้วน

ถึงเขาจะไม่สามารถใช้เครื่องมือต้นกำเนิดทุกชิ้นได้ แต่สำหรับสมุนไพรวิญญาณและวัตถุดิบต่าง ๆ เหล่านี้เขาย่อมใช้ได้อยู่แล้ว

ด้วยทักษะความสามารถในฐานะนักปรุงยาของซูเฉินยามนี้ น้อยคนนักที่จะเทียบเคียงได้ เขาจึงสามารถเก็บของเหล่านี้เอาไว้ให้ตนเองได้อย่างชอบธรรม

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาชายหนุ่มเฝ้าหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝนอย่างหนัก และในที่สุดความพยายามของเขาก็ได้รับการตอบแทน ทั้งในด้านความแข็งแกร่งส่วนตัวและความสามารถในฐานะนักปรุงยา

ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะความคิดนี้จะจบลง จู่ ๆ ก็มีกลุ่มควันขนาดใหญ่ลอยขึ้นมาเหนือภูเขาที่อยู่ห่างออกไป

ทันใดนั้นความรู้สึกกลัวอันแรงกล้าที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อนก็ห่อหุ้มหัวใจของเขาเอาไว้

“นี่มัน… ” ชายหนุ่มมองย้อนกลับไปและเห็นว่ามีเมฆสีดำที่ควบแน่นอยู่ในท้องฟ้า กำลังมุ่งหน้าตรงมาหาเขาอย่างรวดเร็ว

“บัดซบ !” ซูเฉินตระหนักได้ในทันทีว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องแล้ว นี่ไม่ใช่ปรากฏการณ์ประหลาดตามธรรมชาติ แต่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ถูกผู้ทรงพลังอย่างมากกระตุ้นให้เกิดขึ้นต่างหาก

เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่เขาเพิ่งจะทำไป ซูเฉินก็รู้ว่าผู้ที่ไล่ตามมาเป็นใครได้ทันทีทันใดโดยไม่ต้องเดา

ผู้นำของมือแห่งโชคชะตา ปรมาจารย์อาร์คาน่าระดับตำนาน !

ซูเฉินไม่กล้าที่จะหยุดลง และไม่ลังเลที่จะกระตุ้นปีกวายุอัสนีทะยานข้ามท้องฟ้าด้วยความเร็วเต็มที่เลยแม้แต่น้อย

ด้วยปีกวายุอัสนีที่ได้รับการสนับสนุนจากสายลม ทำให้ความเร็วในการบินของเขาเพิ่มมากขึ้นอย่างยิ่งยวด เพราะก่อนหน้านี้เขาเดินทางด้วยรถม้ามาตลอด จึงไม่มีโอกาสให้มันได้แสดงความแข็งแกร่งนี้ออกมา และในตอนนี้มันก็ได้พิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์กับเขามากแค่ไหน

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าไพ่ตายทุกใบของซูเฉินจะมีประสิทธิภาพทันใจขนาดนั้น

แม้ว่าความเร็วของซูเฉินจะเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากที่เขากระตุ้นใช้งานปีกวายุอัสนี แต่หลังจากมองย้อนกลับไป เขากลับพบว่าเมฆดำยังคงไล่ตามติดเข้ามาเร็วยิ่งขึ้นเช่นกัน

ถึงจะดูเชื่องช้าแต่ระยะห่างของเขากับเมฆดำนั้นสั้นลงอย่างไม่ต้องสงสัย

ซูเฉินตกใจกับความเร็วของเมฆดำอย่างรุนแรง เขาเรียกใช้งานปีกของเขาด้วยพละกำลังมากเท่าที่จะมากได้ สายลมและสายฟ้าพัดหวนรอบตัวชายหนุ่มเร่งยกระดับความเร็วขึ้นจนขีดสุด

หากอยู่ในสถานการณ์ปกติ แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญด่านหยั่งรู้ฟ้าดินก็อาจตามไม่ทันเขา

ทว่าตำนานก็คือตำนาน ตัวตนของพวกเขาแข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญด่านมหาราชันขั้นปลายสุดที่ครองสายเลือดเทพอสูรบรรพกาลด้วยซ้ำ แล้วซูเฉินจะสามารถสลัดเขาออกไปได้ง่ายดายเช่นนั้นได้อย่างไร ?

ผู้นำมือแห่งโชคชะตาได้ใช้วิชาบางชนิดในการค้นหาตัวซูเฉิน และไล่ตามเขามาตลอดทางจนถึงที่นี่

ซูเฉินรู้ว่าเขาติดอยู่ในปัญหาใหญ่แล้ว อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ทุกอย่างราบรื่นเกินไป ทำให้เขาประเมินพลังของตำนานต่ำไป แน่นอนว่ามันยังมีความเป็นไปได้ที่อี่หนี่เก้อจะจงใจจัดฉากเขาอยู่…

ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าอี่หนี่เก้อจงใจจัดฉากเขาจริงหรือไม่ แต่ยามนี้เรื่องนั้นมันไม่ได้สำคัญเลย เขาต้องการหาวิธีที่จะสลัดให้หลุดจากปรมาจารย์อาร์คาน่าระดับตำนานผู้นี้เสียก่อน

แต่เมฆดำกลับเคลื่อนตัวใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้วเขาจะมีทางใดให้หนีไปได้บ้างกัน ?

สมองของซูเฉินทำงานอย่างบ้าคลั่ง ผลึกวิญญาณคำนวณความเป็นไปได้นับไม่ถ้วนอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะเขาจะเลือกหนทางที่มีความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จมากที่สุดออกมา

ซูเฉินหยุดวิ่งหนีตรงไปข้างหน้า แล้วร่อนลงไปบนเขาพันพิษแทน

เห็นได้ชัดว่าผู้นำที่กำลังไล่ตามหลังเขามาไม่ได้คาดคิดว่าซูเฉินจะเลือกเช่นนั้น การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้เขารู้สึกประหลาดใจ แต่หลังจากนั้นไม่นานเมฆดำก็เริ่มติดตามชายหนุ่มไปอีกครั้ง

ถ้าซูเฉินเลือกที่จะไม่ออกจากเขาพันพิษไป ก็นับว่าช่วยให้เขาประหยัดพลังงานได้มากขึ้น

แต่ครู่ต่อมา ใบหน้าของผู้นำองค์กรก็ต้องเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว “ไม่ดีแล้ว !”

เขาตระหนักได้ว่าซูเฉินกำลังมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เฉพาะเจาะจงยิ่ง

กล่าวให้ถูกต้องยิ่งขึ้น คือชายหนุ่มมุ่งหน้าไปยังหนึ่งในพื้นที่ต้องห้ามของเขาพันพิษ

แม้ว่ามือแห่งโชคชะตาจะได้รับสูตรยาแก้พิษทั่วไปมาจากปรมาจารย์ผู้นั้นแล้ว แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้ช่วยล้างพิษทั้งหมดบนเขาแห่งนี้ พื้นที่บางแห่งนั้นมีพิษรุนแรงมากจนแม้แต่ยาแก้พิษในสูตรก็ใช้ไม่ได้ และสถานที่เช่นนั้นก็คือบริเวณที่ได้รับการระบุว่าเป็นพื้นที่ต้องห้ามจากมือแห่งโชคชะตา

ที่ซึ่งเป้าหมายของผู้นำองค์กรกำลังมุ่งหน้าตรงไป

ผู้นำไม่รู้ว่าทำไมเป้าหมายของเขาเปลี่ยนทิศทางไปยังพื้นที่ต้องห้าม แต่เขารู้ว่าถ้าเขาไม่หยุดเป้าหมายของเขาตอนนี้ เขาก็อาจไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นสมบัติของตนที่ถูกฉกฉวยเหล่านั้นอีกต่อไป

เปรี้ยง !

สิ้นเสียงฟ้าฟาดจากเมฆดำ ฝ่ามือสีดำก็ตกลงมาจากท้องฟ้าเอื้อมตรงหวังเข้าคว้าตัวซูเฉินไว้

ช่างเป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัว ฝ่ามือสีดำนี้ทำให้ซูเฉินรู้สึกราวกับว่าท้องฟ้ารอบตัวเขากำลังถล่มลงมา

แม้ว่าฝ่ามือนี้จะไม่ได้กินขอบเขตทั่วผื่นฟ้าเท่าที่เขาสัมผัสได้ก็จริง ทว่าแรงกดดันของมันก็ยังรุนแรงและคลุมขอบเขตไปมหาศาลอยู่ดี จนส่งผลให้ซูเฉินรู้สึกเช่นนั้นอย่างอดไม่ได้

ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดวิชาอาร์คาน่าถึงได้ครอบครองระบบการฝึกฝนมาได้เป็นนับพัน ๆ ปี

น่าเสียดายที่ซูเฉินไม่สนใจที่จะอยู่ชื่นชมความแข็งแกร่งของวิชาอาร์คาน่าในตำนานนี้ เมื่อเห็นว่ามือใหญ่กำลังตรงมาจับตน ร่างของเขาก็สั่นไหว ก่อนจะหายไปและปรากฏขึ้นห่างออกไป หลบหนีจากมือของปรมาจารย์อาร์คาน่าระดับตำนานที่พยายามจะคว้าจับเขา

ปรมาจารย์อาร์คาน่าระดับตำนานไม่ได้คาดคิดเลยว่าขโมยตัวน้อยคนนี้ จะมีความสามารถในการเคลื่อนย้ายทางไกลอยู่ด้วย แม้แต่เขายังไม่อาจเคลื่อนย้ายไปไกลมากเช่นยอีกฝ่ายในการลงมือครั้งเดียว

ความปรารถนาของเขาที่จะจับตัวซูเฉินยิ่งมายิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น หากเขาสามารถบีบบังคับเอาวิชาลับจากอีกฝ่ายมาได้ก็นับว่าเป็นผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้นผู้นำองค์กรกัดฟันและเปิดใช้งานวิชาลับของตนทันที ทันใดนั้นซูเฉินก็รู้สึกเหมือนพื้นที่รอบตัวเขากำลังถูกบีบอัด

“พระเจ้าช่วย… ” ซูเฉินตกอยู่ในความตกใจ

วิชานี้มีความสามารถในการผนึกพื้นที่คล้ายคลึงกับสุเมรุสูญของเขายิ่ง แต่นี่มันไม่ครอบคลุมพื้นที่ใหญ่เกินไปหน่อยหรือ ? มันส่งผลกระทบต่อพื้นที่มากสุเมรุสูญเกือบร้อยเท่าเห็นจะได้

ซูเฉินพบว่าตนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ แม้กระทั่งการเคลื่อนย้ายก็ยัง…

หืม ? เขายังสามารถเคลื่อนย้ายทางไกลได้

ชายหนุ่มเปิดใช้งานหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกายอีกครั้ง แม้ว่าระยะทางที่เคลื่อนย้ายไปจะสั้นกว่ามากแต่ก็ยังสามารถใช้งานได้

นี่แสดงให้เห็นว่าวิชาผนึกพื้นที่ของอีกฝ่ายไม่ได้ครอบคลุมพื้นที่อย่างหมดจด ทว่าเป็นเพียงการบังคับขัดขวางพลังต้นกำเนิดของพื้นที่รอบตัวเป้าหมาย แต่เนื่องจากวิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกายของซูเฉินนั้นเป็นวิชาที่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดอย่างแท้จริง แม้ว่าจะไม่ทรงพลังเท่าคู่ต่อสู้แต่ก็สามารถเอาชนะวิชาของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย

เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ซูเฉินรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง และเคลื่อนย้ายลงไปใกล้จุดหมายปลายทางอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันเขาก็สะบัดมือส่งหยดเลือดสองสามหยดให้กระจัดกระจายไปบนพื้น

เมื่อปรมาจารย์อาร์คาน่าระดับตำนานเห็นว่าความพยายามในการหยุดยั้งการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ล้มเหลว เขาก็ตระหนักว่าความสามารถในการเคลื่อนย้ายของซูเฉินนั้น เป็นการเคลื่อนย้ายผ่านพื้นที่จริง ๆ มากกว่าเคลื่อนย้ายผ่านพลังงานในพื้นที่ นี่คือเหตุผลที่ซูเฉินสามารถเคลื่อนย้ายทางไกลได้เรื่อย ๆ และด้วยเหตุนี้ความปรารถนาที่จะจับตัวเขาของอีกฝ่ายจึงเพิ่มมากขึ้นไปอีก

เมื่อผู้นำองค์กรเห็นคู่ต่อสู้ของเขากำลังจะเข้าไปในพื้นที่ต้องห้าม เขาก็ตะโกนขึ้นอย่างกังวล “อย่าได้ลงไป ! ไม่เช่นนั้นเจ้าจะตายเอา !”

โอ้ ? เป็นห่วงข้างั้นหรือ ?

ซูเฉินหัวเราะในขณะที่เขาตะโกนกลับ “ขอบคุณสำหรับความห่วงใยของท่าน !”

อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงมุ่งหน้าลงไปอย่างต่อเนื่อง

แต่เพียงครู่เดียวหลังจากที่ซูเฉินพูดจบประโยค ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็หยุดชะงักลงในทันที ราวกับว่ามีบางอย่างขวางกั้นและรั้งตัวเขาเอาไว้

ซูเฉินตกตะลึง และหันมองไปรอบ ๆ ตัวเขาอย่างรวดเร็วแต่ไม่พบสิ่งใดขวางทางเอาไว้ แล้วอะไรหยุดเขาไม่ให้ลงไปกัน ?

ขณะที่เขามองไปรอบ ๆ ด้วยความประหลาดใจ เขาก็เห็นอักขระ 4 ตัวปรากฏอยู่ในอากาศอย่างลึกลับ และมีเส้นใยบาง ๆ เชื่อมโยงกับตัวเขาเอาไว้

นี่คือ…

“ขอบคุณสำหรับความห่วงใย ?” ซูเฉินอ่านประโยคบนฟ้า มันคือคำที่เขาเพิ่งกล่าวออกไป อย่างไรก็ตามมันกลับไม่ได้หายไปแต่กลับปรากฏขึ้นมาให้เห็นเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน

นี่มันวิชาอาร์คาน่าแบบไหนกัน ?

มันไม่น่าทึ่งเกินไปหน่อยหรือ ?

คำ 4 คำกลับปรากฏขึ้นเป็นรูปธรรม ฉุดรั้งซูเฉินเอาไว้ทำให้เขาไม่สามารถลงไปใกล้พื้นมากกว่านี้ได้อีก

มือสีดำสนิทจากฟากฟ้าเอื้อมลงมาหาเขาอีกครั้ง

ซูเฉินรับรู้ว่าครานี้ท่าจะแย่จริง ๆ แล้ว เขารีบเร่งกระตุ้นปีกวายุอัสนีอย่างสุดกำลังที่มี คลื่นสายฟ้า สายลม และเปลวเพลิง พวยพุ่งออกมาจากกายของเขา

ตูม !

ธาตุทั้ง 3 ผสานเข้าด้วยกันและพุ่งตรงเข้าปะทะกับอักขระ 4 ตัวบนฟ้า

ท้ายที่สุด อักขระเหล่านี้ก็สร้างขึ้นมาจากพลังของปรมาจารย์อาร์คาน่าในตำนาน แม้ว่าจะทรงพลังแต่ก็ไม่ได้เชื่อมโยงกับปรมาจารย์อาร์คาน่าโดยตรง ภายใต้การโจมตีของซูเฉิน พวกมันจึงเริ่มกระจายออกอย่างรวดเร็ว

ปรมาจารย์อาร์คาน่าในตำนานรู้สึกกระวนกระวายอย่างมาก เขาพยายามใช้ออกไพ่ตายที่มีอย่างเต็มที่เพื่อจับซูเฉินกลับมา

ตัวอักษรบนฟ้า 3 ใน 4 ระเบิดออก ในขณะที่อักขระ ‘ห่วงใย’ ตัวสุดท้ายกำลังจะแตกสลายไป ทันใดนั้นมันก็เปล่งแสงสีทองออกมา

พลังงานอันทรงพลังทำให้คำว่าห่วงใยมั่นคงพร้อมกับรัศมีวิจิตรที่กวาดไปทั่วท้องฟ้า

“นี่มันอะไรกัน ?” แม้แต่ซูเฉินก็ยังตกตะลึง

เขารู้ว่าปรมาจารย์อาร์คาน่าในตำนานนั้นไม่ธรรมดา ทว่าก็ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้ ไม่เพียงแค่ทำให้คำพูดของซูเฉินกลับมามั่นคงขึ้น แต่ยังสามารถ ‘ฉาบทอง’ คำพูดของเขาได้ด้วย ?

นั่นเป็นพลังลึกลับแบบใดกัน ?

ปรมาจารย์อาร์คาน่าในตำนานไม่เพียงทรงพลัง เร็วขึ้น และยืดหยุ่นมาก พวกเขามีทักษะวิชาที่ผู้อื่นไม่อาจเข้าใจได้อยู่ด้วย

กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจาก ‘ห่วงใย’ นั้นทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อและไม่อาจอธิบายได้ เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้ไม่ใช่พลังของพลังต้นกำเนิดอย่างแน่นอน

ในโลกนี้มีพลังงานชนิดอื่นนอกเหนือจากพลังต้นกำเนิดอีกหรือ ?

ซูเฉินสงสัย

อย่างไรก็ตาม มันไม่มีประโยชน์ที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในตอนนี้ เพราะมือใหญ่จากท้องฟ้าได้เอื้อมมาหาเขาอีกครั้งแล้ว

ทว่าซูเฉินก็เพียงแค่ยิ้มให้กับมัน

โชคดีที่ระหว่างทางเขาได้ทำความเข้าใจพลังใหม่มาบ้างเล็กน้อย

ขณะที่เขายิ้มและแหงนมองท้องฟ้า รัศมีที่แข็งแกร่งและลึกลับก็ระเบิดออกมาจากร่างกายของเขา

เป็นกลิ่นอายที่ไม่ได้มาจากพลังต้นกำเนิด

กลิ่นอายรัศมีนี้แข็งแกร่งและลึกลับมากเสียจนปรมาจารย์อาร์คาน่าในตำนานสามารถสัมผัสถึงมันได้ในทันทีที่มันปรากฏขึ้น “เป็นไปได้อย่างไร เหตุใดเจ้าถึง… !”

เสียงสายฟ้าระเบิดก้องไปทั่วท้องฟ้าด้านบน สายฟ้าฟาดขัดขวางไม่ให้มือใหญ่กดลงไปได้อีก พลังลึกลับของซูเฉินแสดงออกถึงความแตกต่างจากพลังลึกลับของปรมาจารย์อาร์คาน่าในตำนาน แต่ก็คล้ายคลึงในเวลาเดียว

ด้วยเหตุนี้ แม้แต่พลังของผู้นำองค์กรที่เป็นถึงปรมาจารย์อาร์คาน่าในตำนานเองก็ไม่สามารถเอาชนะกระแสลมที่รุนแรงและสายฟ้าที่ทรงพลังนี้ได้ ในที่สุดอักขระ ‘ห่วงใย’ ตัวสุดท้ายพังทลายลงภายใต้แรงกดดันจากพลังของชายหนุ่ม

เศษซากของมันร่วงหล่นลงมา ซูเฉินแอบคว้ามันไว้ชิ้นหนึ่ง ก่อนที่ร่างของเขาจะสั่นขึ้นและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เมื่อชายหนุ่มปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขาก็อยู่ที่ด้านล่างและเกือบจะถึงพื้นแล้ว

เขาใช้วิชาเคลื่อนย้ายร่างแยกของเขา สิ่งนี้ทำให้เขาสามารถเคลื่อนย้ายไปได้ไกลกว่าการเคลื่อนย้ายด้วยหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกาย และข้อจำกัดในการใช้งานก็น้อยกว่าเช่นกัน ดังนั้นซูเฉินจึงสามารถสลัดหลุดออกจากเงื้อมมือของปรมาจารย์อาร์คาน่าในตำนาน และปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งใกล้กับพื้นของเขาพันพิษได้ในที่สุด

“ไม่ !” ปรมาจารย์อาร์คาน่าในตำนานตะโกนร้องอย่างโกรธเกรี้ยว

ร่างของซูเฉินสั่นไหวอีกครั้ง จากนั้นก็ปรากฏขึ้นบนพื้นของเขาพันพิษ

ผลข้างเคียงจากการบังคับเคลื่อนย้าย 2 ครั้งติดต่อกันอย่างรวดเร็วทำให้ขาของเขาหมดแรง ขาของซูเฉินสั่นเทาก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น

แต่เขาก็ยังหัวเราะ

เพราะเขาชนะ !!!

ปรมาจารย์อาร์คาน่าในตำนานไม่กล้าตามเขาลงมา

แม้ว่าผู้นำองค์กรจะแข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่อยู่ยงคงกระพัน เขาไม่กล้าพอที่จะต่อกรพิษของสถานที่แห่งนี้

“ถ้าเช่นนั้น… ลาก่อน” ซูเฉินยิ้มให้ท้องฟ้าเป็นครั้งสุดท้ายขณะที่ร่างของเขาพุ่งเข้าไปในป่า หายไปอย่างไร้ร่องรอย