GGS:บทที่ 1078 ความมหัศจรรย์อันหลากหาย
วันถัดมา กลุ่มทุนห้วงเวลาและกาลอวกาศได้บังเกิดข่าวดีซ้ำๆกันหลายครั้งในหนึ่งวัน ตระกูฮัว ตระกูลฟู และตระกูลหยวน ได้ขอเข้าร่วมหุ้นไล่ๆกันมาในวันเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นเงื่อนไขที่ตระกูลเหล่านี้เรียกร้องเพื่อแลกเปลี่ยนกับการได้ร่วมหุ้นด้วยนั้นล้วนแล้วแต่ส่งเสริมกลุ่มทุนห้วงเวลาฯทั้งสิ้น
จนแม้แต่หวังจ้าวและเฉิงหนานที่คิดไปไกลก่อนที่จะเห็นเงื่อนไขของทั้งสามตระกูลจนมีสีหน้าเคร่งเครียด กลับต้องแสดงสีหน้ามึนตึ้บในทันทีที่เห็นเงื่อนไขจนต้องเรียกซูจิ้งมาดู
แต่ซูจิ้งเองไม่เพียงแต่จะไม่สนใจแม้แต่น้อย เขากลับบอกทั้งสองว่าไม่ต้องคิดมากและยอมรับไปให้มันจบๆเรื่องไปทั้งสองแม้จะสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี
จนในที่สุด ในตอนนี้ กลุ่มทุนห้วงเวลาฯนั้นเรียกได้ว่าขยายตัวมากกว่าเดิมจนทำให้ผู้คนในโลกหล้าที่เห็นต่างก็ต้องมึนงงกันในทันที
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ซูจิ้งไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจเหล่านี้ เขากลับเข้าไปยังสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯของเขาและได้จัดการขยะห้วงเวลาฯต่อ
สิ่งแรกที่เขาทำหลังจากกลับเข้าไปได้นั่นก็คือการศึกษาหนูทดลองของเขาต่อ
ในช่วงที่ผ่านมานี้เขาได้ยุ่งอยู่กับการจัดการหยวนหยินหนิงจนทำให้ไม่ได้สนใจอะไรเลยกับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้
แต่เมื่อเขาได้ตรวจสอบต่อ เขาก็ต้องพบเรื่องที่น่าประหลาดใจมากมาย การค้นพบที่น่าตื่นตะลึงนี้ทำให้เขาต้องอุทานออกมาเบาๆ
สำหรับซูจิ้งแล้ว ห้วงเวลาฯอภินิหารตำนานภูผาเหนือสมุทรนี้ช่างเป็นห้วงเวลาฯที่เต็มไปด้วยเหล่าสิ่งมีชีวิตสูญพันธุ์เท่านั้น เขายังได้พบสิ่งมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความน่ามหัศจรรย์พันลึกอีกหลายชนิดที่มีความสามารถพิเศษและสรรพคุณทางยาที่มากมายหลากหลาย
ซูจิ้งได้นำสิ่งมีชีวิตที่มีสรรพคุณทางยาออกจากสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯไปบางส่วน และมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลกังเฟิงจงหยุนเพื่อนำไปทำเป็นยาเพื่อใช้ทดลองในมนุษย์ต่อไป
ยกตัวอย่างเช่นพืชชนิดหนึ่งที่มีใบคล้ายกับต้นหอม มันมีดอกสีขาวและผลสีดำ เจ้าต้นไม้นี้มีผลในการรักษาโรคหิด แทบมีออกฤทธิ์ในทันทีที่ใช้อีกด้วยจนทำให้หายขาดในทันที
อีกหนึ่งนั่นก็คือต้นไม้ที่ขึ้นมาบนหินก้อนหนึ่ง ต้นของมันดูเหมือนต้นหอมเช่นเดียวกันแต่ต้นของมันกลับมีสีดำสนิท ต้นนี้มีสรรพคุณในการรักษาอาการปวดหัวและได้ผลดีอย่างมาก เรียกได้ว่าเหนือล้ำกว่ายาแผนปัจจุบันไปหลายขุมเลยทีเดียว
ยังมีอีกต้นไม้หนึ่ง ใบของมันนั้นมีลักษณะคล้ายกับต้นพุทรา แต่ผลของมันนั้นคล้ายกับลูกท้อ ต้นนี้มีสรรพคุณช่วยให้จิตไจผ่อนคลายสลายความกังวล หรือก็คือค้นไม้นี้มีสรรพคุณในการรักษาโรคซึมเศร้าและโรคขี้กังวลนั่นเอง
นอกจากนี้ ซูจิ้งยังพบหญ้าต้นหนึ่งที่ดูๆไปแล้วก็คล้ายกับโกศเขมา แต่มันมีผลสีดำที่คล้ายกับองุ่นๆ หากกินผลนี้จะช่วยให้หลับได้อย่างไร้กังวลโดยไม่แม้แต่ฝันร้ายแม้แต่น้อย
ถึงแม้ว่ายาเหล่านี้จะไม่ได้มหัศจรรย์เทียบเท่ากับกระบวนการรักษาโรคALSที่เขาได้มาจากตำรารักษาโรคทั่วไปของห้วงเวลาฯสุสานไร้ค่าฯก็ตาม
แต่ยาเหล่านี้ก็เรียกได้ว่าอยู่เหนือกว่ายายุคปัจจุบันอยู่หลายขุม และด้วยการที่มีผลในการรักษาที่หลากหลายแบบนี้ แน่นอนว่ายาของเขาจะต้องได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายแน่นอน
ลูฉินหมิงและหมอคนอื่นของโรงพยาบาลกังเฟิงจงหยุนได้รับวัตถุดิบในการทำยาจากซูจิ้งเรียบร้อยแล้วและได้เริ่มทำการทดลองในทันที
และเมื่อได้เห็นผลการทดลองที่ดีแบบไม่เคยคาดคิดมาก่อนนี้ ทำให้พวกเขาต่างก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่า ทำไมยาแผนจีนโบราณที่มีสรรพคุณดีขนาดนี้ทำไมถึงไม่เป็นที่รู้จักมาก่อนได้กัน ทำไมอย่าพวกนี้ต้องรอให้ซูจิ้งมาเป็นผู้ค้นพบด้วย
นอกจากนี้ ซูจิ้งยังได้พบสิ่งมีชีวิตวิเศษอีกสองชนิด หนึ่งคือต้นไม้ที่มีกลิ่นฉุน มันมีผลที่ใหญ่โตราวกับมะละกอ บางผลเองมีลักษณะที่คล้ายกับลิงเลยก็ว่าได้ เขาเองในตอนแรกนั้นก็จับจ้องอยู่นานเพราะคิดว่ามันเป็นลิงตัวหนุ่งที่แอบซ่อนตัวอยู่ในผลไม้ จะไม่ให้เขาเข้าใจผิดได้ยังไงเพราะมันมีแม้กระทั่งหูทั้งสองข้าง
ด้วยคุณลักษณะทั้งหมดเหล่านี้ พืชต้นนี้ไม่ว่าดูยังไงก็ไม่น่าจะใช้รักษาโรคได้แต่อย่างใด แต่ซูจิ้งเชื่อว่า ต้นไม้นี้จะต้องมีสรรพคุณอย่างอื่นที่เหนือล้ำกว่า
เขาได้ทดลองอยู่นานจนในที่สุดก็พบสรรพคุณของมันในที่สุด
ในตอนนี้เขานึกอะไรบางอย่างได้จึงได้เปิดอินเตอร์เน็ตเพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับกีฬาโอลิมปิคดู ด้วยการที่กีฬาโอลิมปิคเป็นกีฬาระดับภูมิภาคที่สี่ปีจะมีการจัดแข่งสักครั้งหนึ่ง
และในครั้งนี้นี่เป็นครั้งแรกที่ได้รับโอกาสซ้ำของทวีปเอเชียที่ได้รับโอกาสในการจัดงานซ้ำประเทศเดิม
เห็นดังนี้ ซูจิ้งก็ได้หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาก่อนที่จะโทรไปหาเฉียนไจหยวน คนที่เป็นหลานของเฉียนไจบิงและเฉียนหยินหนิง
ทันทีที่เฉียนไจหยวนรับสาย เขาก็ได้พูดออกมาว่า “โว้ พี่ชายจิ้ง วันนี้ลมอะไรหอบมาถึงได้โทรหาผมได้กัน ”
“หืม พี่ชายจิ้ง อย่าบอกนะว่าเป็นซูจิ้งน่ะ”
“แม่…เอ๊ย ไจหยวน นี่นายไม่ได้คุยโวเลยนี่นาที่บอกว่ารู้จักซูจิ้งน่ะ”
“สุดยอดโดยแท้”
ที่ฝั่งของเฉียนไจหยวนในตอนนี้มีเสียงคนจำนวนหนึ่งพูดคุยเกี่ยวกับการโทรมาของซูจิ้งกันจนทั่ว เรียกได้ว่านี่เป็นผลพวงหนึ่งของการเป็นคนรู้จักของซูจิ้งก็ว่าได้
“ไจหยวน ตอนนี้สถิติว่ายน้ำของนายเป็นยังไงบ้าง” ซูจิ้งถามออกมา
“ผมพึ่งจะได้เข้าทีมชาติเมื่อไม่นานมานี่เองครับ ที่พี่ได้ยินไปเมื่อกี้ก็เป็นเสียงของเพื่อนร่วมทีมของผมนั่นแหล่ะ ตอนนี้ผมเองก็ได้ลงแข่งในการแข่งขันหลักอยู่หายหนเหมือนกันจนตอนนี้ก็ได้ทำลายสถิติโลกไปสองรายการแล้ว
ตอนนี้ผมถือครองสถิติโลกการว่ายน้ำประเภทฟรีสไตล์สองร้อยเมตรชายและประเภทผีเสื้อหนึ่งร้อยเมตรชายครับ
ด้วยการที่ผมพึ่งจะทำลายสถิติโลกไปได้ไม่นานทำให้พวกเขาเลือกผมเป็นทีมชาติแล้วในตอนนี้ ต้องขอบคุณพี่จิ้งจริงๆครับที่ทำให้ผมมาได้ไกลถึงขนาดนี้” เฉียนไจหยวนพูดออกมาด้วยท่าทีตื่นเต้น
แน่นอนว่าเขาย่อมไม่มีวันลืมว่าที่เขามาได้ไกลถึงจุดนี้ได้เป็นเพราะใครกัน การที่เขาติดทีมชาติได้นี้เป็นเพราะซูจิ้งมอบผลไม้บางอย่างให้จนทำให้ร่างกายของเขานั้นเพลิดเพลินไปกับการว่ายน้ำและประสบความสำเร็จในชีวิตถึงขนาดนี้
และด้วยการแสดงออกมาอย่างตื่นเต้นจนผิดสังเกตนี้ทำให้หลายๆคนเอง ก็นึกสงสัยเหมือนกันและบางคนก็คิดว่าเป็นเพราะซูจิ้งเหมือนกัน แต่ต่อให้พูดออกมาก็ไม่มีใครเชื่ออย่างแน่นอนอยู่แล้ว เพราะพวกเขานั้นต่างก็เป็นคนที่เชื่อมั่นในการฝึกฝนของตัวเอง
“ดีแล้ว ดีแล้ว” ซูจิ้งยิ้มออกมาพลางนึกถึงชาถังที่ได้มอบให้เด็กคนนี้ไปนั้นช่างไม่เสียเปล่าจริงๆ
“แต่กับเรื่องนั้นถึงแม้ว่าผมเองจะยังมีโอกาสติดตัวจริงอยู่สูงก็ตามแต่เรื่องนี้ก็ยังไม่แน่เหมือนกัน ถึงแม้ตอนนี้จะไม่มีใครเอาชนะผมได้ก็จริง แต่กว่าจะแข่งคัดตัวกันก็อีกตั้งพรุ่งนี้แน่ะ กว่าจะถึงตอนนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ” เฉียนไจหยวนพูดออกมา
“ทำไมล่ะ” ซูจิ้งถามออกมาอย่างสงสัย
“โธ่ผู้จิ้ง เรื่องนี้ก็ต้องโทษพี่นั่นแหล่ะ นั่นก็เพราะพี่นอกจากจะสอนเพลงหมัดวัวคลั่งจนทำให้หลายๆคนมีสมรรถนะร่างกายจนทำให้หลายคนนั้นแข็งแกร่ง
นี่ยังไม่รวมถึงข้าวสีน้ำเงินตอนนี้ได้กลายเป็นอาหารหลักของเหล่านักกีฬารอบโลกไปแล้วเลยก็ว่าได้ นี่ทำให้ทีมนักกีฬาที่มีเงินยอมจ่ายเงินไปกับข้าวสีน้ำเงินมหาศาลเพื่อให้นักกีฬากินในทุกๆมื้อ
อย่าว่าแต่ว่ายน้ำเลยพี่ ตอนนี้แม้แต่กีฬาอื่นเองมีหวังได้ทำลายสถิติโลกในการแข่งกีฬาโอลิมปิคครั้งนี้แหงๆ ผมถึงว่ามันยังไม่แน่ไม่นอนว่าจะติดตัวทีมชาติรึเปล่าไง” เฉียนไจหยวนพูดออกมา
เมื่อได้ยินดังนี้ ซูจิ้งก็เข้าใจได้ในทันที เขาก็ว่าอยู่ว่าทำไมช่วงนี้ยอดสั่งข้าวสีน้ำเงินจากต่างประเทศถึงได้เยอะแปลกๆ นั่นก็เพราะตอนนี้ข้าวนี้ได้เป็นที่นิยมไปโลกนี่เอง นี่ยังไม่รวมกับเพลงหมัดวัวคลั่งที่กลายเป็นท่าบริหารสำหรับนักกีฬาไปแล้ว นี่เรียกว่าวงการนี้นี่เป็นแหล่งทำเงินและทำค่าการใช้ประโยชน์ไม่น้อยเลยทีเดียว เรื่องนี้เกินความคาดหมายของเขาไปไกลแบบที่ไม่เคยนึกมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
“พี่จิ้ง พี่ไม่รู้หลอกว่าพวกคนในทีมชาติทั้งหลายในตอนนี้ต่างทั้งเทิดทูนและเกลียดชังพี่ไปพร้อมๆกัน พวกเขาเทิดทูนพี่เพราะการที่ได้กินข้าวสีน้ำเงินของพี่ทำให้ร่างกายนั้นแข็งแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ที่เกลียดก็เพราะมันแพงมากเลยทำให้ซื้อกินได้อย่างจำกัดจำเขี่ย
นี่ยังไม่รวมถึงการที่ต่างประเทศได้มีโอกาสกินข้าวสีน้ำเงินนี่แล้วด้วยอีก นี่ทำให้คู่แข่งของเราล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งขึ้น”
“โห่….เมื่อเป็นนี้ฉันคงนิ่งเฉยไม่ได้สินะ เอาอย่างนี้ นายไปติดต่อตัวแทนจำหน่ายข้าวสีน้ำเงินของฉันได้เลย เดี๋ยวฉันจะสปอนเซอร์พวกนายเป็นข้าวสีน้ำเงินเกรดธรรมดาหมื่นชั่งกับเกรดคัดพิเศษอีกพันชั่ง ดูสิว่าคราวนี้ใครจะมากล้าสู้ประเทศเรา” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ห้ะ เอาจริงดิ” เฉียนไจหยวนตกใจจนอุทานพร้อมเหลือกตามองไปทั่วพร้อมทั้งชี้ให้คนอื่นๆมองมาที่โทรศัพท์ทันที
นั่นก็เพราะข้าวสีน้ำเงินเกรดธรรมดานั้นราคาชั่งละหมื่นหยวน หากมอบให้พวกเขาหมื่นชั่งนั่นหมายถึงมูลค่ากว่าร้อยล้านหยวน และข้าวสีน้ำเงินเกรดคัดพิเศษเองก็มีมูลค่าถึงชั่งละหนึ่งแสนหยวน จำนวนพันชั่งนั้นก็มีค่าถึงร้อยล้านหลวนเช่นเดียวกัน
นี่หมายความว่าซูจิ้งนั้นยอมเป็นสปอนเซอร์ให้กับทีมชาติถึงสองร้อยล้านหยวน นี่มันมากจนไม่รู้จะมากยังไงแล้ว
“เอ้า…แน่นอนสิ” ซูจิ้งพูดพลางหัวเราะออกมา ก่อนที่จะพูดต่อว่า “นอกจากนี้ฉันจะส่งของอีกสามอย่างไปให้พวกนาย ของที่ว่าเป็นของทีมนักแม่นปืน ทีมยกน้ำหนัก แล้วก็ทีมเดินเร็วด้วย เข้าใจ๋…”
“ห้ะ…เดี๋ยวนะ…พี่อย่าบอกนะว่า…” ในตอนนี้ดวงตาของเฉียนไจหยวนเปล่งประกายจนแทบจะเห็นได้ เขายังจำได้ถึงลูกไม้สีแดงที่ไม่รู้จักที่เขาได้กินก่อนหน้านี้
แต่คราวนี้ซูจิ้งกลับมีของแบบนั้นอีกตั้งสามแบบ หากไม่บอกว่าเขานั้นคือผู้วิเศษก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะให้เรียกเขาว่าอะไรแล้ว
ถึงแม้ว่าทีมนักแม่นปืน ทีมยกน้ำหนัก และทีมเดินเร็วนั้นจะไม่ต้องแข่งกันเองภายในแบบพวกเขา แต่กีฬาทั้งสามอย่างนี้เองก็เป็นที่หมายตาของประเทศทั่วโลกที่จะชนะ
และหากว่านี่เป็นไปอย่างที่เขาคิดไว้จริงล่ะก็ แน่นอนว่าเพื่อนนักกีฬาทีมชาติของเราทั้งสามประเภทกีฬานี้จะต้องมีความสุขอย่างมาก ไม่เพียงเท่านั้น ความหวังที่จะทำให้ประเทศได้รับเกียรติยศมานี้ก็ไม่ได้ไกลเกินเอื้อมแต่อย่างใด
“ไม่ต้องถามอะไรมากแล้วกัน ของที่ฉันว่าเดี๋ยวฉันจะส่งไปพรุ่งนี้ไม่ก็วันมะรืน อย่าลืมรับของกับมือก็พอ” ซูจิ้งพูดออกมา
“แน่นอนครับพี่ ผมจะเฝ้ารอเลย” เฉียนไจหยวนพูดออกมาพลางตบอกตัวเองจนดังลั่นและเฝ้ารอได้เห็นความมหัศจรรย์ต่อหน้าตัวเองอีกครั้ง กับคนที่สัมผัสความวิเศษของสิ่งที่ซูจิ้งให้มาก่อนเท่านั้นถึงจะเชื่อมั่นอย่างหมดใจ