ส่วนที่ 4 ภาคความปรารถนาจากบูรพา ตอนที่ 152 พระราชวังหลีส่องแสง

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

บทสนทนาและความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ณ ลำธารใกล้วัดเก่าเมืองซีหนิงยังดำเนินต่อไป

อีกด้านหนึ่งที่สุสานเทียนซูกลับเงียบสงัดน่าขนลุก ไม่มีเสียงใดให้ได้ยินแม้แต่เสียงเดียว

ทุกคนตกตะลึง

ไม่มีใครคาดคิดว่าการต่อสู้จะดำเนินไปเช่นนี้

นี่เป็นการโจมตีแรกของจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่

ในเวลาเพียงลมหายใจเดียว กวนซิงเค่อตาย เปี๋ยยั่งหงก็บาดเจ็บสาหัส

ในโลกนี้มียอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่กี่คน ในใจประชาชนและผู้บำเพ็ญเพียร บุคคลเหล่านี้เป็นเฉกเช่นเทพเจ้า จริงอยู่ ทุกคนรู้ว่านักปราชญ์เช่นจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่อาจจะแข็งแกร่งกว่าแปดมรสุมระดับหนึ่ง แต่ใครจะไปคาดคิดว่านางจะสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้ในเวลาอันสั้นเพียงนี้

การต่อสู้นี้ดำเนินไปเพียงไม่กี่อึดใจ จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ได้แสดงพลังของนางออกมาอย่างเต็มที่ ความแข็งแกร่งและเคล็ดวิชาอันเกินจินตนาการ ตลอดจนการคำนวณวางแผนอันเทียบได้กับเจตจำนงสวรรค์

เพื่อที่จะเปลี่ยนชะตาของเฉินฉางเซิง นางได้รับผลกระทบกระเทือนต่อการบำเพ็ญเพียร ทำให้ไม่ได้อยู่ในจุดที่แข็งแกร่งที่สุดอีกต่อไป อีกทั้งนางยังต้องพัวพันกับวิถีสวรรค์อันลึกลับ แม้กระนั้นนางก็ยังสามารถจ้องมองยอดฝีมืออีกฝั่งของแม่น้ำที่มาจากเซิ่งกวง ไล่นักพรตจี้ไปยังตะวันตกของลั่วหยาง กลับมายังถนนเสินเพื่อฆ่าคนแล้วก็ยังส่งดวงจิตเดินทางกลับไปหมื่นลี้!

ทางตะวันตกของลั่วหยาง นักพรตจี้มองขึ้นไปยังมังกรดำบนท้องฟ้าอย่างเงียบๆ

ในยามที่เขาสัมผัสดวงจิตที่อยู่ห่างไกลออกไป เขาก็เชื่อว่าตนเป็นเป้าหมายแรกของนาง เช่นนั้นเขาจึงได้ใช้วิชาเต๋าสร้างแสงใสและจัดตั้งค่ายกลไว้รอนาง

ก่อนหน้านี้ไม่มีใครคาดคิดว่าเป้าหมายแรกของนางจะเป็นอู๋ฉยงปี้

อู๋ฉยงปี้คิดว่านางมาฆ่าตัวตาย

เปี๋ยยั่งหงกับกวนซิงเค่อคิดว่านางโจมตีอู๋ฉยงปี้ก็เพื่อที่จะสังหารเปี๋ยยั่งหง

อันที่จริงแล้วไม่มีใครถูก นับตั้งแต่แรก เป้าหมายของนางคือสังหารทั้งเปี๋ยยั่งหงและกวนซิงเค่อในการโจมตีครั้งเดียว

พวกเขาไม่ใช่ยอดฝีมือทั่วไป แต่เป็นสองในแปดมรสุมที่ก้าวเข้าสู่เขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์หลายปีแล้ว!

ช่างเป็นความมั่นใจในตัวเองถึงเพียงไหน เป็นการกระทำที่กระเหี้ยนกระหือรือถึงเพียงใด!

นางกล้าคิดเช่นนี้ก็เพราะว่านางมีความสามารถที่จะทำได้

นางต้องการจะทำก็เพราะนางทำได้

เฉินฉางเซิงมองดูแผ่นหลังจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ พลางนึกถึงคำพูดที่นางกล่าวกับเขาตั้งแต่ต้น

‘เราไม่อนุญาตให้เจ้าตาย เจ้าก็ห้ามตาย’

ใช่แล้ว นางไม่ต้องการให้เฉินฉางเซิงตาย ดังนั้นเฉินฉางเซิงจึงไม่อาจตายได้ แล้วถ้าหากนางต้องการให้ใครสักคนตาย แล้วคนนั้นจะไม่ตายได้หรือ

จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ยืนอยู่ริมถนนเสิน ดวงเนตรมองไปยังโลกเบื้องล่างใต้เท้านาง สีหน้าสุขุมประหนึ่งว่านางไม่ได้ทำอะไรหรือไปจากตรงนั้นแม้แต่น้อย

มีแต่เฉินฉางเซิงที่มองเห็นว่ามือทั้งสองของนางสั่นเล็กน้อย

ในการกำจัดสองในแปดมรสมในการโจมตีครั้งเดียว ต่อให้นางเป็นจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนอยู่บ้าง

ทั้งนี้การต่อสู้ของนักปราชญ์นั้นก็ไม่เคยมีเหตุผล ล้วนแต่เป็นไปตามเจตจำนงและความยิ่งใหญ่

ตอนนี้มีหงส์ดำอยู่บนท้องฟ้า ความยิ่งใหญ่ของนางอยู่ในจุดสูงสุด ยุคทองอันเจิดจ้า

จูลั่วกับกวนซิงเค่อตายไปแล้ว เปี๋ยยั่งหงได้รับบาดเจ็บสาหัส อู๋ฉยงปี้หวาดกลัวจนไร้ซึ่งความกล้า ต่อให้ยอดฝีมือของตระกูลใหญ่และนิกายหลวงที่ซ่อนตัวอยู่ปรากฏตัวขึ้น พวกเขาก็ไม่อาจเอาชนะฮั่นชิงแล้วขึ้นสู่ถนนเสินได้

คู่ต่อสู้ของนางไม่ใช่พวกแปดมรสุมตั้งแต่แรกแล้ว หากแต่เป็นนักบวชที่ริมลำธารข้างวัดเก่าเมืองซีหนิง นักพรตจี้ที่ลอบเร้นเข้าสู่เมืองลั่วหยาง แล้วก็…

จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่หันไปทางพระราชวังหลี

นางไม่ลืมว่าคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ที่ไหน

นับตั้งแต่การต่อสู้เริ่มขึ้น พระราชวังหลียังคงนิ่งเงียบอยู่ตลอด มีเพียงแต่ตอนที่นักพรตจี้กล่าวถึงที่มาของเฉินฉางเซิงเท่านั้น สังฆราชจึงได้พูดอะไรเล็กน้อย

นอกจากตอนนั้น ก็นิ่งงันมาตลอด

นี่คือสถานที่ที่จะกำหนดผลลัพธ์ของคืนนี้

ทั่วโลกต่างรอการตัดสินใจของสังฆราช

ตอนนั้นเองแสงก็พุ่งออกมาจากจิงตู

แสงนั้นมาจากพระราชวังหลี มาจากโถงตำหนักแสงสว่าง

ดวงตาหงส์ของจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์มองแสงอันศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์นี้แล้วก็หรี่ลงเล็กน้อย ดูแหลมคมและเย็นเยียบอย่างที่สุด

อันที่จริง นางรู้นานแล้วว่าทางเลือกของสังฆราชคืออะไร เพราะผู้สนับสนุนนางในนิกายหลวงอย่างตระกูลเทียนไห่ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น

หากจะพูดว่าพวกญาติของนางในตระกูลเทียนไห่เลือกที่จะแปรพักตร์เพราะนางเปลี่ยนชะตาของเฉินฉางเซิง ซึ่งเผยให้เห็นว่านางเลือกที่จะมอบบัลลังก์ให้กับเฉินฉางเซิง เช่นนั้นแล้ว ราชันย์แห่งหลิงไห่กับนักพรตซื่อหยวนก็คงเป็นคนสองคนที่ต้องการจะเห็นเฉินฉางเซิงได้ครองบัลลังก์ต้าโจวมากที่สุด เพราะนั่นหมายความว่าเฉินฉางเซิงจะไม่ได้ครองตำแหน่งสังฆราช

ทว่าราชันย์แห่งหลิงไห่หรือนักพรตซื่อหยวนก็ไม่ได้ทำอะไร

ย่อมหมายความว่าเป็นคนอื่นลงมือ

มีคนเดียวที่จะป้องกันไม่ให้ราชันย์แห่งหลิงไห่กับนักพรตซื่อหยวน สองผู้ยิ่งใหญ่แห่งนิกายหลวง ไม่ให้ลงมือหรือส่งเสียงได้

สังฆราช

“ทำไม” นางถามไปทางพระราชวังหลี

นี่เป็นครั้งแรกที่นางถามหาคำอธิบาย ถามหาเหตุผล

เพราะนางกับสังฆราชทำงานร่วมกันมาหลายปี มีมิตรภาพยาวนาน เคยเดินร่วมทางกันมา

“เพราะว่ามุมมองต่อโลกของท่านกับข้านั้นค่อยๆ ต่างกันออกไป”

เสียงของสังฆราชดังมาจากพระราชวังหลี “ช่วงยี่สิบปีหลังจากท่านขึ้นครองบัลลังก์ ท่านใช้คนเช่นโจวทงมากมาย ข้ารู้ว่าท่านต้องการจะปกป้องอำนาจท่าน และยังต้องการให้ความคิดของตนเป็นผล ปัญหาก็คืออำนาจไม่อาจแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง และความคิดของท่านก็มิใช่สิ่งที่ประชาชนทั่วไปคิด”

จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ตอบ “เจ้าผิดแล้ว เราไม่ต้องการอำนาจ แต่เราไม่อาจมอบอำนาจให้กับพวกขยะได้”

สังฆราชตอบ “แต่ไม่มีสิ่งใดจะดำรงอยู่ไปตลอดกาล”

คำพูดนี้หมายถึงนาง ถึงตัวเขาเอง และทุกอย่างในโลกนี้

หลังจากเงียบงันไปนาน จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ก็ตอบ “บางทีเจ้าอาจรอข้าให้นานกว่านี้หน่อย”

นี่เป็นครั้งแรกที่นางยอมรับ ต่อให้เป็นเพียงแค่คำพูดก็ตาม

เช่นที่กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ ว่ามิใช่ความกลัว แต่เป็นเพราะนางกับสังฆราชทำงานร่วมกันมาหลายปี มีมิตรภาพยาวนาน เคยเดินร่วมทางกันมา

“ในอดีตข้าคงเห็นด้วยเป็นแน่”

เสียงสังฆราชหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เศร้าสร้อยกว่าเดิม “แต่ข้าไม่มีเวลาอีกแล้ว”

คิ้วจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่เลิกขึ้น นางถาม “ทำไมเจ้าถึงไม่มีเวลาอีกแล้ว”

สังฆราชตอบอย่างสุขุม “เพราะข้ากำลังจะตาย”

คิ้วจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่เลิกสูงกว่าเดิม ประดุจกระบี่ที่ต้องการจะทิ่มแทงหลังคาสวรรค์ น้ำเสียงแหลมคมกว่าเดิม “เหตุใดเจ้าถึงกำลังจะตาย”

สังฆราชตอบ “เมื่อแก่มากแล้ว ก็เป็นธรรมดาที่จะตาย”

คิ้วจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ลดลงช้าๆ ราวกับปีกหงส์ น้ำเสียงโดดเดี่ยวอยู่บ้าง “ใช่แล้ว ผู้เฒ่าความลับสวรรค์ก็กำลังจะตาย เจ้าก็กำลังจะตาย สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็จะตาย”

สังฆราชเสริม “ยิ่งไปกว่านั้น คืนนี้ หากข้าไม่ลงมือ จะมีคนอีกมากต้องตาย มากมายเหลือเกิน”

……

……

ลำแสงเต็มโถงใหญ่แห่งแสง กำแพงหินที่ต้องแสงจนซีดจางแยกออกอย่างไร้เสียง

ภาพนักปราชญ์และเทพเจ้าบนกำแพงมองชายที่เดินออกมาด้วยสีหน้าซับซ้อน

คืนนี้ สังฆราชไม่ได้สวมชุดผ้าป่านแต่เป็นชุดคลุมเทพ สวมมงกุฎเทพ ในมือไม่ได้ถือไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นกระถางที่บรรจุใบไม้คราม

ราชันย์แห่งหลิงไห่และนักพรตซื่อหยวนคุกเข่าอยู่ด้านล่างบันไดหิน เห็นได้ชัดว่ามีผนึกอยู่บนร่างของพวกเขา ทำให้ไม่อาจเคลื่อนไหวได้