ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 92 บ้าคลั่ง

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

ทั้งสองยังถึงไม่เรือนหลักก็ถูกคนกันตัวเอาไว้ ถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

 

 

ฮั่วเจี่ยรอข่าวฮั่วต้าอยู่ด้านในด้วยใจจดใจจ่อ แน่นอนว่าเขาได้ยินเสียง ไฟโกรธปะทุขึ้น สั่งคนด้านนอกว่า “ผู้ใดมาเอะอะโวยวายอยู่ด้านนอก เอาตัวมันเข้ามา”

 

 

นอกห้องหนังสือมีเสียงคนตอบรับ เดินออกไปนอกเรือนหลัก พาตัวชุนเซียงและคนรถเข้ามา

 

 

ทั้งสองเข้ามาในห้องหนังสือด้วยความกลัว ไม่กล้าแม้เลยหน้า คุกเข่าลงที่พื้นทันที “นายท่าน แย่แล้ว เกิดเรื่องแล้วขอรับ/เจ้าค่ะ”

 

 

นานเพียงนี้แล้ว ฮั่วต้ายังไม่ออกมา ใจของฮั่วเจี่ยเริ่มทนไม่ไหว สิ้นเสียงของทั้งสอง ฮั่วเจี่ยยืนขึ้น ยกเท้าถีบไปที่กลางอกของคนรถ คนรถกลิ้งไปด้านหลัง นอนซบบนพื้น ไม่ขยับ “สมควรตาย พูดเรื่องอัปมงคลยามวิกาลเช่นนี้ อยากตายนักรึ”

 

 

ชุนเซียงเห็นว่าคนรถไม่ขยับ จึงยิ่งกลัวมากขึ้น ร่างของนางสั่นสะท้าน ฟันกระทบกันเสียงดัง

 

 

ได้ถีบระบายอารมณ์ ไฟโกรธในใจได้บรรเทาไปบ้าง ฮั่วเจี่ยนั่งลงบนเก้าอี้ พูดพร้อมควบคุมไฟโกรธว่า “ว่ามา เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

 

 

ชุนเซียงเป็นคนที่หลิวอวี้เอ๋อร์พามาจากเมืองหลวง หลิวอวี้เอ๋อร์ให้ความสำคัญกับนางเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่ได้ถีบนาง

 

 

“นาย นายท่านเจ้าคะ คุณ คุณหนูนาง…”

 

 

พูดถึงตรงนี้ ถูกฮั่วเจี่ยตะคอกเสียงดัง “พูดอะไรพิรี้พิไร ไม่มีลิ้นรึไง”

 

 

ชุนเซียงสะท้านไปทั้งร่าง ฟันกระทบกัน ลิ้นแข็ง “นายท่าน คุณหนูถูกโจรจับตัวไปเจ้าค่ะ”

 

 

ฮั่วเจี่ยยังไม่เข้าใจในทีแรก ถามย้ำอีกครั้งว่า “เจ้าว่าผู้ใดนะ”

 

 

“คุณหนู…เมื่อครู่ถูกโจรลักพาตัวไปเจ้าค่ะ!” ชุนเซียงรีบพูดอีกครั้ง

 

 

ฮั่วเจี่ยผุดลุกยืนขึ้น ถามย้ำให้แน่ชัด “อวี้เอ๋อร์?”

 

 

ชุนเซียงพยักหน้าด้วยความกลัว

 

 

เมื่อได้รับการยืนยัน แต่ฮั่วเจี่ยยังคงไม่เชื่อ ยามวิกาลเช่นนี้ หลิวอวี้เอ๋อร์จะถูกจับตัวไปได้อย่างไร จึงตะคอกถามชุนเซียงว่า “ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”

 

 

ชุนเซียงเล่าให้ฟังอย่างละเอียดเรื่องที่หลิวอวี้เอ๋อร์ยืนยันจะไปดูพวกอ๋องฉีตายให้เห็นกับตา นางห้ามไม่อยู่ จึงได้ไปหาคนรถ มอบอัฐให้เขา และแอบลักลอบออกจากประตูเล็ก ออกไปได้ไม่นาน ก็พบกับผู้ที่ทำร้ายพวกเขาจนสลบ และลักพาตัวหลิวอวี้เอ๋อร์ไป

 

 

เมื่อฮั่วเจี่ยฟังจบ ไฟโกรธก็ลามถึงขีดสุด ผุดยืนขึ้น ยกขาขึ้นถีบนางเช่นกัน

 

 

ชุนเซียงน่าสงสารเสียยิ่งกว่าคนรถ นางกระเด็นไปอยู่หน้าประตู

 

 

กระอักเอาเลือดออกมา ตาเหลือก เจ็บแทบจะขาดใจ

 

 

“สมควรตาย ข้าสั่งแล้วมิใช่หรือ ว่าหลังยามสองไปแล้ว ห้ามมิให้ผู้ใดในจวนออกไปด้านนอก เจ้าเห็นคำของข้าเป็นเพียงลมผ่านหูรึไง” พูดจบ ยังไม่หายโกรธสั่งบ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านนอกว่า “ลากเจ้าไร้ประโยชน์สองตัวนี่ออกไปตีให้ตาย”

 

 

ราวกับว่าคนรถตายไปแล้วอย่างนั้น ไร้ซึ่งการตอบสนอง แต่ชุนเซียงตกใจมาก พยุงร่างขึ้นมาอย่างยากลำบาก โขกหัวให้ฮั่วเจี่ย “นายท่านไว้ชีวิตด้วย นายท่านไว้ชีวิตด้วยเจ้าค่ะ!”

 

 

ฮั่วเจี่ยโบกมือ บ่าวรับใช้ในเรือนเข้ามาปิดปากนาง แล้วลากนางและคนรถออกไปอย่างไร้ความปราณี

 

 

เสียงไม้โบยลงบนเนื้อดังสนั่น

 

 

“ใครก็ได้!”

 

 

ฮั่วเจี่ยตะโกนเสียงดัง

 

 

พ่อบ้านที่ดูแลอยู่ด้านหน้าตลอดเวลาเดินเข้ามา “นายท่าน!”

 

 

“ส่งคนในจวนออกมาให้หมด ไปหาอวี้เอ๋อร์ และปิดประตูเมือง ตั้งแต่บัดนี้ห้ามผู้ใดเข้าออก!”

 

 

พ่อบ้านรับคำ จากนั้นจึงรีบหันหลังเดินออกไปด้านนอก คุณหนูหลิวอวี้เอ๋อร์เป็นแก้วตาดวงใจของนายท่าน หากไม่หาให้พบโดยเร็ว คนในจวนก็อย่าหวังจะได้อยู่อย่างสงบเลย

 

 

“ช้าก่อน!” ฮั่วเจี่ยเรียกตัวเขาเอาไว้ “ส่งคนไปดูว่าฮั่วต้าเป็นอย่างไรบ้าง นานถึงเพียงนี้แล้ว เรื่องเท่านี้ยังทำได้ไม่ดี ไร้ประโยชน์ขึ้นทุกที”

 

 

หัวของพ่อบ้านมีเหงื่อผุดออกมา หลังตอบรับแล้ว รีบวิ่งออกมา ฮั่วต้าเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของนายท่าน บัดนี้ถูกพูดถึงเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่านายท่านโกรธเขามากแล้ว

 

 

หลังฮั่วเจี่ยคิดเล็กน้อย ก็กลับเรือนหลักไป บอกฮูหยินที่ตื่นขึ้นเพราะเสียงเอะอะโวยวายเรื่องที่หลิวอวี้เอ๋อร์ถูกลักพาตัวไป

 

 

ฮูหยินรับไม่ไหว ตาเหลือก เป็นลมล้มไป

 

 

ฮั่วเจี่ยรีบส่งคนไปเรียกตัวหมอมา

 

 

คนในจวนไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น วุ่นวายกันไปหมด

 

 

ในขณะที่จวนฮั่วกำลังวุ่นวายกันอยู่นั้น ฝั่งของอ๋องฉีเองก็วุ่นวายเช่นเดียวกัน ท่าป๋าหั่นหลินยังไม่ฟื้น คนของตนถูกไล่ฆ่า โดยเฉพาะหลังจากคืนวันนี้ วันพรุ่งฟ้าสาง ฮั่วเจี่ยจะต้องส่งคนมาค้นเป็นแน่ คนของตนยังอยู่ที่เหลาจวี้เสียน ไม่รู้ว่าสามารถหนีจากอันตรายนี้ได้หรือไม่

 

 

พระชายาคิดอย่างนี้เช่นกัน คิ้วขมวดกัน

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์มองสีหน้าของนาง เม้มปาก พิจารณาจากนั้นพูดว่า “ท่านปู่ ท่านเปลี่ยนชุดเปื้อนเลือดนี้ออกก่อนเถิดเจ้าค่ะ ข้าจะไปหาพี่ใหญ่”

 

 

อ๋องฉีจะชำระร่างกาย นางไม่เหมาะสมที่จะอยู่ที่นี่ พระชายาพยักหน้า “หากไม่มีปัญหาอะไร เจ้าและเมิ่งเอ๋อร์ไปพักผ่อนเถิด วันพรุ่งไม่รู้ต้องเจอกับอะไรบ้าง”

 

 

“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านย่า ข้าจะไปบอกพี่ใหญ่”

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์ตอบรับ หันหลังเดินออกไป มายังห้องของท่าป๋าหั่นหลิน

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งจับชีพจรให้เขาอีกครั้ง รู้สึกว่าชีพจรเขาดีกว่าเมื่อครู่ จึงโล่งใจ สั่งอะไรบางอย่างกับเซี่ยเฟิง กำลังจะกลับไปยังห้องที่เถ้าแก่ได้เตรียมเอาไว้ให้ หวงฝู่เย่าเยว์เข้ามาพอดี

 

 

“เจ้ามาทำอะไร” เดินไปตรงหน้าของหวงฝู่เย่าเย่ว์ บดบังสายตาของนาง

 

 

คนทั้งสองสูงพอกัน สายตาของหวงฝู่เย่าเย่ว์ถูกบดบัง ความหวังที่จะมาดูอาการท่าป๋าหั่นหลินหมดไป เกิดความรู้สึกหดหู่ในใจ แต่ยังคงตอบตามจริง “ท่านปู่กำลังผลัดเสื้อผ้า ไม่สะดวกอยู่ด้านใน ข้ามาเรียกพี่กลับห้อง”

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งวางมือทั้งสองไว้บนไหล่ของนาง จับนางหมุนหันหลัง “เช่นนั้นก็ไปกันเถิด วันนี้เจ้ามีเรื่องให้เสียขวัญ รีบไปพักผ่อนดีกว่า”

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์ไม่ได้รั้นจะอยู่ต่อ ทั้งสองกลับห้องของตนเองไป

 

 

เหนื่อยมานาน ฟ้าใกล้สางแล้ว สิ่งที่กลัวมีเพียงว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรอีก ทั้งสองนอนลงบนเตียงทั้งเสื้อผ้า หลับตาลง ไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทรา

 

 

ฮั่วต้ามองร่างศพถูกเผาจนมอดในกองไฟ จึงจะพาคนที่เหลือกลับมายังจวนฮั่ว

 

 

เมื่อมาถึงจวนฮั่วก็ถูกพ่อบ้านห้ามเอาไว้ “นายท่านสั่งเอาไว้ว่า ให้ท่านไปเรือนหลักทันทีขอรับ”

 

 

ฮั่วต้ามิได้คิดอะไร ตรงไปยังเรือนหลักทันที

 

 

ฮั่วเจี่ยได้ยินเสียงของเขา เดินออกมาจากห้อง ไม่ชายตามองศพสองร่างที่เต็มไปด้วยเลือด ถามเขาด้วยความโกรธว่า “เรื่องเท่านี้ ใช้เวลาจัดการนานถึงเพียงนี้ ข้าว่าเจ้าช่างไร้ประโยชน์ไปทุกทีแล้ว”

 

 

ฮั่วต้าคุกเข่าลง ยอมรับผิด “ข้าน้อยไร้ปัญญา นายท่านได้โปรดลงโทษด้วยขอรับ”

 

 

เมื่อได้ยินความผิดปกติในน้ำเสียงของเขา ฮั่วเจี่ยหรี่ตา สายตามีความโกรธ “อย่าบอกข้าเชียวนะว่าเจ้าทำพลาด”

 

 

ฮั่วต้าไม่แก้ตัว ยังคงพูดต่อว่า “นายท่านได้โปรดลงโทษด้วยขอรับ”

 

 

“คนของเจ้ามีร่วมร้อย ทั้งยังมีธนู กลับฆ่าพวกมันไม่ได้ เจ้ากลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไปตั้งแต่เมื่อใดกัน” น้ำเสียงของฮั่วเจี่ยเย็นชา เต็มไปด้วยความแค้นเคือง

 

 

ใจของฮั่วต้าเริ่มกลัว แต่ยังคงพูดต่อไปว่า “ทีแรกข้าน้อยกำลังจะชนะแล้ว แต่มิรู้ว่ามีเด็กเมื่อวานซืนจากที่ใดโผล่มา ซ้ำยังพาคนฝีมือดีมาไม่น้อย ข้าน้อยไล่ล่าเต็มกำลังแล้ว แต่ยังไม่สามารถฆ่าพวกมันได้ ซ้ำยังเสียคนของเราไปนับสิบ”

 

 

องครักษ์เงานั้น ตั้งแต่คัดเลือกจนถึงการฝึกซ้อม ใช้กำลังและเงินมหาศาล เมื่อได้ยินว่าศูนย์เสียไปหลายสิบคน ฮั่วเจี่ยจึงโกรธจนมีเสียงระเบิดดังขึ้นในหัวของเขา ถามด้วยความโกรธว่า “ไร้ประโยชน์สิ้นดี ไร้ประโยชน์กันทั้งหมด!”

 

 

ฮั่วต้าไม่กล้าส่งเสียง

 

 

พ่อบ้านเองก็กลัวไม่น้อย ไม่ต้องพูดถึงบ่าวรับใช้ในเรือน ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงด้วยซ้ำ

 

 

“รุ่งขึ้นไปสืบค้นทุกบ้าน ข้าไม่เชื่อว่าพวกมันจะติดปีกบินออกไปได้” กัดฟันกรอด สั่งการชัดถ้อยชัดคำ

 

 

วันที่สอง หลังฟ้าสางประตูของซื่อเฉิงเต็มไปด้วยผู้คน รอประตูเปิดออก เพื่อเข้าออกได้สะดวก แต่เกินเวลาไปแล้วประตูยังคงปิดสนิท ไม่มีร่องรอยว่าจะเปิดเมื่อใด ผู้คนเริ่มร้อนใจ เริ่มสืบถามกัน จึงได้รู้ว่า นับแต่วันนี้ประตูเมืองจะไม่เปิดออกอีก ไม่ว่าจะเป็นคนที่ต้องการเข้ามา หรือต้องการออกไป ล้วนไม่สามารถข้ามไปได้ทั้งสิ้น

 

 

ผู้คนเริ่มวุ่นวาย วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ ยังมีคนที่รีบออกจากเมืองไปทำธุระ ต้องการเข้าเมืองมาค้าขาย พวกเขารับไม่ได้ จึงถามเสียงดังว่าเหตุใดจึงไม่เปิดประตู

 

 

ฮั่วต้านำกองทัพคนมายืนที่กำแพงเมือง ถือธนูคนละคัน มุ่งไปที่คนสองคนด้านล่าง ความหมายชัดเจน คือหากผู้ใดขยับ จะยิงให้ตายคาที่

 

 

ล้วนเป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่เคยเจอสิ่งเหล่านี้ จึงกลัวเสียจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ รีบผละออกจากประตูเมืองทันที สองฝั่งประตูเมืองเป็นระเบียบขึ้นมาในพริบตา

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ฮั่วต้าปรากฏตัวให้ผู้อื่นเห็นอย่างเปิดเผย เงยหน้า มองฟ้า รู้สึกว่าแสงอาทิตย์วันนี้สว่างแสบตากว่าทุกวัน

 

 

พวกของอ๋องฉีก็ได้ข่าวแล้วเช่นกัน แม้จะเป็นดังที่คาดการณ์ไว้ แต่ก็ยังโกรธไม่น้อย สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกยินดีได้นั้น ก็คือไม่รู้ว่าคนของท่าป๋าใช้วิธีใด พอฟ้ารุ่งสาง สามารถนำยากลับมาได้จริงๆ หวงฝู่สือเมิ่งที่เพิ่งพักผ่อนได้ไม่นานรีบลุกขึ้นมาทันที ต้มยาให้เขาด้วยตัวเอง สั่งให้คนของเขาป้อนยาให้เขาดื่ม

 

 

ยาแก้พิษที่เมิ่งเชี่ยนโยวทำ ใช้ตัวยาที่ดีที่สุดจากในวัง ภายในมีดอกบัวสีเลือดผสมอยู่ด้วย ทีแรกมอบให้หวงฝู่สือเมิ่ง ให้นางใช้หากได้รับพิษเข้า แต่ด้วยว่าท่าป๋าช่วยชีวิตพวกนางไว้ หวงฝู่สือเมิ่งจึงได้ป้อนยาให้เขาอย่างไม่ลังเล เกรงว่าพิษของยาจะกลับมาอีก จึงได้ให้คนไปนำยามาเพิ่ม

 

 

ตอนนี้ดีแล้ว ได้ยามาแล้ว คนต้องปลอดภัยเป็นแน่ วันหน้าเพียงดูแลให้ดีเป็นพอ พวกหวงฝู่สือเมิ่งโล่งใจ ใจของอ๋องฉีและพระชายาก็กลับมาเป็นดังเดิม

 

 

เหลาจวี้เสียนเปิดทำการดังเดิม ทุกคนซ่อนตัวอยู่ในเรือนหลัง จึงไม่มีผู้ใดพบเห็น

 

 

เมื่อใกล้เวลาเที่ยง คนกลุ่มหนึ่งมายังเหลาจวี้เสียน คนนำทัพใบหน้าอวบอ้วน พูดจาหยาบคาย “เถ้าแก่ ที่นี่แอบซ่อนคนบาดเจ็บเอาไว้หรือไม่ รีบส่งตัวมาดีกว่า มิเช่นนั้นข้าจะพังเหลาจวี้เสียนของพวกเจ้าเสีย!”

 

 

เถ้าแก่รีบเดินออกมาจากโต๊ะ ทำท่าเคารพ “นายท่าน นายท่าน พูดอะไรกัน ที่นี่ทำการค้าต้อนรับแขกเหรื่อ มีคนบาดเจ็บที่ใดกัน หากไม่เชื่อ เชิญท่านเข้ามาดูเลยขอรับ”