หวงฝู่อี้เซวียนเดินออกไปด้านนอก จับตัวบ่าวรับใช้ได้ระหว่างทาง ถามทางไปจวนฮั่ว พาคนไปยังหน้าจวนฮั่วทันที มองดูประตูจวนที่ปิดสนิท จึงสั่งองครักษ์ลับว่า “พังประตูเข้าไป ผู้ใดขัดขวาง ก็ฆ่าทิ้งให้หมด!” 

 

 

องครักษ์ลับตอบรับ จำนวนหนึ่งตรงเข้ามาพังประตู ขณะที่เดินไปยังหน้าประตู ประตูก็ถูกเปิดออกจากด้านใน ฮั่วเจี่ยเดินนำคนของตนออกมา สีหน้าไร้ความกังวล ท่าทีเป็นมิตร คำนับหวงฝู่อี้เซวียน กล่าวด้วยความนอบน้อมว่า “ข้าน้อยฮั่วเจี่ยขอคารวะซื่อจื่อ คารวะท่านผู้แทนพระองค์ขอรับ!” 

 

 

เพียงแต่ท่าทางที่เขาเข้าใจว่านอบน้อมนั้น ในสายตาของหวงฝู่อี้เซวียนกลับกลายเป็นการกำเริบเสิบสาน เขาเป็นเพียงคนชั้นต่ำ ถึงแม้เป็นถึงคนตระกูลใหญ่ แต่เห็นเขาและเมิ่งเชี่ยนโยวก็ควรคุกเข่าก้มหัวคารวะ เห็นทีฮั่วเจี่ยผู้นี้คงจะอยู่ไกลปืนเที่ยงมานาน ลืมสถานะของตนไปสิ้นแล้ว 

 

 

จึงไม่พูดพร่ำทำเพลง หวงฝู่อี้เซวียนขึ้นนั่งม้า เปิดปากถามว่า “เสด็จพ่อและเสด็จแม่ของข้าอยู่ที่ใด” 

 

 

ฮั่วเจี่ยชะงัก จากนั้นถามกลับด้วยความสงสัยว่า “ท่านอ๋องและพระชายามาที่นี่หรือขอรับ” ท่าทางเช่นนี้ของเขา หากเป็นผู้อื่นคงเชื่อจริงๆ ว่าเขาไม่รู้เรื่อง 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเบ้ปาก เผยรอยยิ้มเย้ยหยัน “นายท่านฮั่วรู้แล้วยังจะถามอีกหรือ คำพูดปดนี้ช่างไร้ยางอายเสียจริง” 

 

 

ฮั่วเจี่ยหัวร่อเสียงดัง จากนั้นลูบเคราของตนว่า “ซื่อจื่อล้อเล่นหรือนี่ ชีวิตนี้ข้าน้อยไม่เคยพูดปดเลยขอรับ” 

 

 

“อย่างนั้นหรือ” รอยยิ้มมุมปากของหวงฝู่อี้เซวียนเต็มไปด้วยความหมายที่พูดออกมาไม่ได้  

 

 

ฮั่วเจี่ยหรี่ตาลง เดาใจของเขาไม่ออก เสียงของหวงฝู่อี้เซวียนดังขึ้นข้างหูอีกครั้ง “ได้ยินมาว่าท่านฮั่วเป็นพ่อตาของนายน้อยอู่โหวอย่างนั้นหรือ” 

 

 

ฮั่วเจี่ยพยักหน้า “ไม่ผิดขอรับ เรื่องนี้ทุกคนทราบดี เรื่องนี้ก็ผิดหรือ” 

 

 

รอยยิ้มของหวงฝู่อี้เซวียนกว้างขึ้น “ข้าอยากบอกท่านฮั่วว่า นายน้อยอู่โหวได้รับคำสั่งจากฝ่าบาท ให้มาที่นี่ ไม่นานลูกเขยและพ่อตาจะได้พบหน้ากันแล้ว” 

 

 

“เขามาทำอะไร!” ฮั่วเจี่ยถามออกมา 

 

 

“ท่านฮั่วคิดว่าอย่างไรเล่า” หวงฝู่อี้เซวียนถามกลับ  

 

 

ฮั่วเจี่ยขมวดคิ้ว 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนกลับกระโดดลงมาจากม้า พุ่งเข้ามาโจมตีฮั่วเจี่ยทันที 

 

 

ฮั่วเจี่ยว่องไว ถอยหลบออกมา พร้อมกันนั้นพูดเสียงดังว่า “ห้ามเขาไว้!” 

 

 

ด้านหลังมีคนออกมา หวังจะขวางหวงฝู่อี้เซวียนไว้ 

 

 

องครักษ์ลับพุ่งเข้ามา ขวางคนด้านหลังเอาไว้  

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนโจมตีพลาดไปในทีแรก จึงได้โจมตีต่อ 

 

 

คนด้านหลังของฮั่วเจี่ยเข้ามาขวางคนแล้วคนเล่า 

 

 

ฮั่วเจี่ยถอยหลังไปหลายก้าว กล่าวโทษเสียงดังว่า “ซื่อจื่อ ท่านจะทำอะไร แม้ว่าข้าจะเป็นเพียงชาวบ้านต่ำต้อย แต่ท่านจะมารังแกกันเช่นนี้ไม่ได้” 

 

 

พูดจบ ก็สั่งเสียงดังว่า “เตรียมพร้อม!” 

 

 

พลธนูโผล่หัวออกมาจากสองฝั่งกำแพง ดึงคันธนู มุ่งตรงมายังทุกคนตรงนั้น 

 

 

เขารอเวลานี้มานานแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนไม่โจมตีต่อ กลับขึ้นม้า พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ท่านฮั่ว ท่านเลี้ยงพลธนูอย่างนั้นหรือ อยากก่อกบฏหรืออย่างไร” 

 

 

พลธนูคือไพ่ใบสุดท้ายของฮั่วเจี่ย หากไม่ถึงเวลาสำคัญเขาไม่มีทางเอาออกมาใช้เด็ดขาด แต่ตอนนี้ หากไม่เรียกออกมาคงไม่ได้ หลังฮั่วต้าส่งคนมาบอกข่าว นานถึงเพียงนี้ยังไม่เห็นแม้เพียงเงาคน กลายเป็นหวงฝู่อี้เซวียนมาถึงก่อน แสดงว่าเกิดเรื่องขึ้นกับฮั่วต้าแล้ว ส่วนองครักษ์เงาของเขาล้วนบาดเจ็บไปไม่น้อยในคืนที่ทำการสู้กัน รวมกับคนที่ฮั่วต้าได้พาไปยังกำแพงเมือง เหลืออยู่ในจวนเพียงกำมือเท่านั้น พลธนูเหล่านี้ เป็นผู้ปกป้องชีวิตเขา ในเวลาสำคัญจะได้เรียกออกมาป้องกันตน 

 

 

เมื่อตั้งสติได้ ก็หัวร่อออกมาเสียงดัง ฮั่วเจี่ยว่า “ซื่อจื่อผิดแล้ว อยู่ที่นี่สถานะของข้าสูงส่งนัก ก็อาจจะจะทำให้ใครหลายคนมีใจคิดร้ายต่อเรา เพื่อมั่นใจว่าจะปกป้องชีวิตของคนในครอบครัวข้าได้ ก็มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นขอรับ” 

 

 

“เช่นนั้นหรือ” 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนมองพลธนูราวสิบคนด้วยสายตาไม่เปลี่ยน ขณะที่กำลังจะสั่งให้องครักษ์ลับเข้าโจมตีนั้น ม้าเร็วตัวหนึ่งก็ได้ทะยานเข้ามา 

 

 

ม้าวิ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็ว พริบตาเดียวมาถึงด้านหลังขององครักษ์ลับ คนควบม้าเป็นเถ้าแก่ของเหลาจวี้เสียน ตะโกนข้ามองครักษ์ลับหลายนายว่า “นายท่าน นายท่าน ท่านอ๋อง พระชายาและท่านหญิงทั้งสองปลอดภัยดีขอรับ เชิญตามข้ามาทางนี้!” 

 

 

สีหน้าของฮั่วต้าเปลี่ยนไป ส่งคนไปสืบหาอยู่นานแต่กลับไม่เคยรู้เลยว่าเถ้าแก่ของเหลาจวี้เสียนคือผู้ใด คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นหวงฝู่อี้เซวียน นี่พระเจ้าคิดจะฆ่าเขาหรืออย่างไรกัน 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวหันหลังขึ้นม้าไป องครักษ์ลับเปิดทางออกให้ เถ้าแก่รีบกระโดดลงมา คุกเข่าลง “คารวะนายท่าน” 

 

 

“ไม่ต้องหรอก รีบพาพวกเราไปหาพวกเขาเร็ว” 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนสั่ง “โจวอัน พาคนคุ้มกันไว้ที่นี่ ล้อมจวนฮั่วเอาไว้ ห้ามผู้ใดเข้าออก!” 

 

 

“ขอรับ!” 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียน เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งชิงควบม้าตามเถ้าแก่ไป 

 

 

โจวอันโบกมือ องครักษ์ลับกระจายตัว ล้อมจวนฮั่วเอาไว้ 

 

 

ประตูเมืองเปิดแล้ว ผู้คนรู้ข่าว คนที่อยากเข้าเมือง คนที่อยากออกนอกเมือง ต่างรุมล้อมเข้ามายังประตูเมืองอย่างบ้าคลั่ง แต่กลับได้ความว่าไม่สามารถเข้าออกได้ สามวันแล้ว ผู้คนโกรธจนถึงขีดสุด มีคนโกรธจนไม่กลัวตายเข้ามาถามองครักษ์ลับที่เฝ้าประตูอยู่ ใครจะไปรู้ว่าขณะที่กำลังวางท่าโมโหท่าถกแขนเสื้อขึ้นมานั้น ชายตาไปเห็นทหารเฝ้าประตูกำลังแบกร่างคนตายลงมาจากด้านบนไม่น้อย วางเรียงไว้หน้าประตู คำที่เตรียมจะพูดก็ถูกกลืนไป ปล่อยชายเสื้อลงตามเดิม ฝีเท้าเดินถอยหลังไปช้าๆ ประตูเมืองที่เมื่อครู่เดือดดาลไปด้วยผู้คน บัดนี้ได้เงียบสงบลงทันที เหลือเพียงเสียงถอนใจ 

 

 

เถ้าแก่เองก็ได้ทราบข่าวนี้ ดีใจยิ่ง อ๋องฉียังคงแอบอยู่ด้านในเหลาจวี้เสียน เมื่อประตูเมืองเปิด อาจหมายความว่าซื่อจื่อมาถึงแล้วก็เป็นได้ คิดถึงตรงนี้ ก็จูงม้าออกมายังประตูเมือง เมื่อเห็นว่าคนเฝ้าประตูเป็นองครักษ์ลับจริง จึงยินดียิ่งนัก เดินออกจากกลุ่มคน เข้ามาถามว่า “พวกเจ้าอยู่ที่นี่ แล้วนายท่านเล่า” 

 

 

องครักษ์ลับแฝงตัวอยู่ทุกที่ ใช้เหลาจวี้เสียนเป็นที่พลางตัว คุ้นเคยกับเถ้าแก่ของทุกที่เป็นอย่างดี เมื่อได้ยินเขาถามเช่นนี้ รู้ทันทีว่าเขาเป็นผู้ใด จึงตอบอย่างนอบน้อมว่า “นายท่านพาคนเข้าเมืองไปแล้วขอรับ แต่ว่าอยู่ที่ใดนั้น พวกข้าก็มิอาจรู้ได้” 

 

 

นายท่านมาแล้วจริงๆ เถ้าแก่ดีใจเหลือเกิน ปล่อยมือขององครักษ์ลับออก เดินเข้าไปในกลุ่มคน กระโดดขึ้นม้า ขณะเดียวกันก็คิดว่าหวงฝู่อี้เซวียนจะไปที่ใด ที่แรกที่คิดได้คือจวนฮั่ว จึงได้ควบม้าไปยังจวนฮั่วทันที เมื่อเห็นองครักษ์ลับที่คุ้นตามาแต่ไกล จึงได้ตะโกนเรียกออกมา 

 

 

เถ้าแก่พาทุกคนมายังห้องเก็บฟืน เปิดห้องลับออกมา เดินไปยังห้องริมสุด  

 

 

พวกของอ๋องฉีรออยู่ในนั้นนานสามวัน เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของเถ้าแก่ คิดว่านำอาหารมาให้ จึงไม่ได้ใส่ใจ 

 

 

“เสด็จพ่อ เสด็จแม่!” หวงฝู่อี้เซวียนร้องทักพวกเขา 

 

 

คนทุกผุดลุกขึ้นพร้อมกัน 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์พูดด้วยความยินดี “ท่านพ่อ!” 

 

 

พูดจบ ก็วิ่งออกมาด้านนอก 

 

 

อ๋องฉีเดินตามด้านหลัง หวงฝู่สือเมิ่งและพระชายารั้งท้าย เซี่ยเฟิงพร้อมองครักษ์ลับเดินตามออกมา ส่วนท่าป๋าและคนของเขา ไม่ได้ขยับ 

 

 

“ท่านพ่อ ท่านแม่!” เมื่อเห็นชัดว่าเป็นพวกเขา หวงฝู่เย่าเย่ว์ยกชายกระโปรงวิ่งเข้ามาหาพวกเขา พุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของเมิ่งเชี่ยนโยว “ท่านแม่ ในที่สุดท่านก็มาจนได้” 

 

 

รับรู้ถึงความอับชื้นในเรือนหลัง คิดได้ว่าพวกเขาต้องเผชิญกับอะไรบ้าง สายตาของเมิ่งเชี่ยนโยวเย็นชา ยื่นมือ เช็ดหัวของนาง “เย่ว์เอ๋อร์ ไม่เป็นอะไรแล้วนะ” 

 

 

“เสด็จพ่อเสด็จแม่ขอรับ” หวงฝู่อี้เซวียนเดินเข้าไป  

 

 

“คารวะท่านอ๋อง พระชายาขอรับ” เมิ่งชิงทักทายพวกเขาด้วยความเคารพ  

 

 

อ๋องฉีพยักหน้า “มาก็ดีแล้ว” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวปล่อยหวงฝู่เย่าเย่ว์ แล้วเข้ามาทักทายทุกคน พยุงพระชายา เห็นสีหน้านางไม่สู้ดี จึงได้จับชีพจรให้นาง ขมวดคิ้วเล็กน้อย 

 

 

สีหน้าของนางสะท้อนเข้าไปในแววตาของหวงฝู่อี้เซวียน ถามด้วยความร้อนรนว่า “สุขภาพของเสด็จแม่เป็นเยี่ยงไรบ้าง” 

 

 

“ค่อนข้างอ่อนแอ คงต้องใช้เวลารักษาหลายวัน” เมิ่งเชี่ยนโยวปล่อยมือของนางลง ตอบอย่างอ้อมค้อม 

 

 

อ๋องฉีเชื่อเช่นนั้น หวงฝู่อี้เซวียนมองหน้านางเล็กน้อย ไม่ได้ว่าอะไร 

 

 

“ไปกันเถิด ไปหาโรงเตี๊ยมที่ดีที่สุด แล้วพักผ่อนกันก่อน” หวงฝู่อี้เซวียนกล่าว 

 

 

อ๋องฉีไม่คัดค้าน 

 

 

อาศัยอยู่ในที่คับแคบอับชื้นหลายวัน ไม่มีแม้แสงตะวัน ร่างกายของทุกคนจึงเริ่มรับไม่ไหวแล้ว  

 

 

“เสด็จพ่อ เสด็จแม่ พวกเราไปกันเถิดขอรับ” หวงฝู่อี้เซวียนกล่าว 

 

 

“ช้าก่อน!” อ๋องฉีห้ามเขา “ด้านในยังมีคนอีก” 

 

 

ตอนที่อ๋องฉีออกมาเที่ยวเล่นนั้น เซี่ยเฟิงและองครักษ์ลับอีกกว่าสามสิบนายติดตามมาดูแล ตอนนี้เห็นเขาและองครักษ์ลับอีกเพียงสองนาย หวงฝู่อี้เซวียนก็สลดใจ ตอนนี้ท่านพ่อกล่าวเช่นนี้ คิดว่ายังมีองครักษ์ลับที่บาดเจ็บอยู่อีก ได้ยินดังนั้นจึงถามเซี่งเฟิงทันทีว่า “ยังเหลืออยู่อีกกี่คน” 

 

 

เซี่ยเฟิงตอบว่า “ยังมีอีกสองขอรับ” 

 

 

ความดีใจมลายหายไป น้ำเสียงของหวงฝู่อี้เซวียนเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ไปพยุงพวกเขาออกมา” 

 

 

“ไม่เป็นไร พวกเราเดินเองได้!” เสียงของท่าป๋าหั่นหลินลอยออกมา 

 

 

มองไปตามเสียง คนของท่าป๋าหั่นหลินพยุงเขาอยู่ เดินเข้ามาด้วยท่าทีไร้เรี่ยวแรง 

 

 

เมื่อเห็นชัดว่าเป็นผู้ใด สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนตกใจไม่น้อย แต่ไม่นานก็หายไป ถามด้วยความน่าเกรงขามว่า “เหตุใดเข้าจึงอยู่ที่นี่ได้” 

 

 

“เรื่องนี้มันยาวนัก พวกเราออกไปคุยกันด้านนอกเถิด” อ๋องฉีถอนใจเบาๆ กล่าวออกมา 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนไม่ว่าอะไรต่อ หันหลัง บอกให้เมิ่งเชี่ยนโยวพยุงพระชายาออกไป  

 

 

ทุกคนเดินออกมา คนงานที่เรือนหลังเห็นมีคนมากถึงเพียงนี้ จึงมองมาด้วยความสงสัย 

 

 

เถ้าแก่แสร้งไอเสียงดัง คนงานตัวสั่น รีบก้มหน้าทำงานของตน เหลาจวี้เสียนเป็นโรงเตี๊ยมใหญ่ การรับคนงานมีเกณฑ์เข้มงวด แต่เบี้ยหวัดก็มาก พวกเขาอุตส่าห์เข้ามาได้ ไม่ต้องการให้ถูกไล่ออกเพียงเพราะเหตุเล็กน้อยเช่นนี้หรอก 

 

 

เถ้าแก่ควบรถม้าออกมา อ๋องฉี พระชายา พร้อมทั้งเมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์ขึ้นนั่ง ท่าป๋าหั่นหลินและคนของเขาเตรียมขึ้นไป แต่ถูกหวงฝู่อี้เซวียนขวางไว้ ส่งสายตาให้เถ้าแก่  

 

 

เถ้าแก่เข้าใจ จึงได้ไปจูงม้ามาอีกตัว มอบให้ทั้งสอง 

 

 

ท่าป๋าหั่นหลินไม่ได้คัดค้าน ปีนขึ้นม้าไปได้ด้วยการช่วยเหลือจากลูกน้อง ตามหลังรถม้าไป ตามพวกเขามายังโรงเตี๊ยมที่ใหญ่ที่สุดในเมือง