GGS:บทที่ 1087 ร่วมมือ
“เราอย่ามานั่งกันตรงนี้ดีกว่าครับ เข้าไปในงานกันดีกว่า” เจียงหวางได้พูดออกมาหลังจากออกมาต้อนรับฮัวหยุนชู ฟูฮงซิ่ว และหยวนหยินหนิง พลางรินชาให้ทั้งสามอย่างช้าๆ โดยที่รายรอบไปด้วยผู้คนของโรงแรมที่ไม่กล้าจะนั่งหรือแม้แต่จะเข้ามาพูดคุยแต่อย่างใด
ในสายตาของคนพวกนี้แล้ว ทั้งสามเหมือนมานั่งพูดคุยกันเองโดยไม่คิดที่จะสนใจแม้แต่เจียงหวางก็ตาม ยังดูที่ทั้งสามยังคุยกันด้วยท่าทางที่ค่อนข้างจะสนิทสนมทำให้บรรยากาศบริเวณนี้ไม่อึมครึมไปกว่านี้
ไม่เพียงแค่เจียงหวางเท่านั้น ตอนนี้แม้แต่โอฉิงซงและเหล่าเพื่อนร่วมรุ่นของเจียงหวางเองก็ได้เข้ามาพูดคุยกันในบริเวณนี้
คิดไม่ถึงว่าในคราวนี้ทั้งสามยินดีที่จะพูดคุยกับเพื่อนร่วมห้องของเจียงหวางอย่างไม่วางท่ามาก นี่ทำให้บรรยากาศในตอนนี้ดูอบอุ่นขึ้นกว่าเดิม
แต่กับเสี่ยวรุย ฉือเล่ย และหลินฮ่าว นั้น พวกเขาหาได้สนใจไม่ พวกเขายังคงพูดคุยอยู่กับติงบิน เตียนยี่ และคนอื่นๆ
ถึงแม้ว่าเฉียนหยิงหนิงจะค่อนข้างจะประหลาดใจแต่นี่ก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับเธอเหมือนกันเพราะจะหาอะไรทำแก้เซ็งไป ส่วนหวังหยานในตอนนี้เธอไปพูดคุยกับเพื่อนหญิงของเธอบางคน จนตอนนี้ดูเหมือนกับว่าภายในงานนั้นแบ่งกลุ่มกันพูดคุยกันอย่างชัดเจน
การพูดคุยของทุกคนในครั้งนี้เปรียบได้ดั่งทหารที่เหลือรอดจากศึกษาสงครามเลยก็ว่าได้ นั่นก็เพราะไม่นับรวมกับกลุ่มของพี่น้องนอกเลือดของซูจิ้ง และกลุ่มของหวังหยานแล้ว คนอื่นๆได้ลงไปพูดคุยกับสามคุณชายสี่ไปจนหมดสิ้น จะเรียกได้ว่างานนี้เกือบจะกร่อยไปแล้วก็ว่าได้เช่นกัน
สำหรับแขกคนอื่นของโรงแรมนานาชาติหลงเต็งเองที่เห็นฉากนี้ก็เริ่มผ่อนคลายลงมาบ้างและได้เริ่มพูดคุยกัน
“ได้ยินมาว่าฮัวหยุนชู ฟูฮงซิ่ว และหยวนหยินหนิงมาที่นี่นะ”
“ห้ะ นี่มันเรื่องอะไรกันล่ะ ทำไมสามคนนั่นถึงมาที่นี่ด้วยกันได้”
“ได้ยินว่าพวกเขามาเป็นแขกพิเศษในงานเลี้ยงรุ่นของศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเทียนหยางนะ แต่ฉันว่าที่สามคนนั่นมานี่ไม่ได้สนใจงานอะไรแบบนี้หรอก ฉันว่าพวกเขามาเพราะผู้หญิงมากกว่า เมื่อกี้ฉันเห็นสาวสวยใจงานตั้งสองคนแน่ะ”
“ฮิฮิฮิ สาวสวยพวกนั้นคงไม่รอดพ้นจากเงื้อมมือทั้งสามแล้วล่ะ”
“พวกเราจะไปแจมด้วยดีรึเปล่า”
“ฉันว่าอย่าดีกว่านะ กับฮัวหยุนชูและหยวนหยินหนิงเองถ้ารู้เรื่องนี้ก็คงไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่กับฟูฮงซิ่วนี่ถ้าเขาอยู่นี่ฉันไม่เอาด้วยหรอก เขาเป็นคนเอาแต่ใจ หยิ่งทะนง และเจ้าคิดเจ้าแค้นแบบสุดๆ ถ้าเผลอไปทำให้เขาโกรธล่ะก็ต่อให้ได้ยังไงก็ไม่คุ้ม”
จะไม่ให้แขกของโรงแรมพูดคุยเรื่องของทั้งสามก็คงจะแปลกเกินไป นั่นก็เพราะแต่ละคนนั้นคือคุณชายสี่ที่มีชื่เสียงและเงินมากมายมหาศาล แค่ได้เห็นแค่ทีละคนก็น่าแปลกใจแล้ว แต่นี่พวกเขากลับมาที่นี่กันทีเดียวกันถึงสามคน
ในห้องสำนักงานของโรงแรม หลี่เชิงได้อ่านเอกสารอยู่ที่โต๊ะของตัวเอง ตอนนั้นเองก็ได้มีเสียงเคาะประตูขึ้น เขานั้นไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาดูแต่อย่างใดทำเพียงพูดออกมาว่า “เข้ามา”
ชายหนุ่มคนหนึ่งได้เข้ามาก่อนที่จะปิดประตูแล้วรีบตรงเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของหลี่เชิงในทันทีว่า “นายน้อยครับ ผมมีเรื่องเกี่ยวกับฮัวหยุนชู หยวนหยินหนิงและฟูฮงซิ่วมารายงาน”
“…..เรื่องอะไร” หลี่เชิงที่นิ่งไปพักหนึ่งได้รีบถามออกมาในทันที
“ดูนี่สิครับ พวกเขาได้ไปปรากฎตัวในงานเลี้ยงรุ่นของซูจิ้ง” ชายหนุ่มได้นำโทรศัพท์ของตัวเองออกมาก่อนที่จะเปิดภาพถ่ายให้หลี่เชิงดูในทันที
มันเป็นภาพของฮัวหยุนชู หยวนหยินหนิง และฟูฮงซิ่วกำลังเดินเข้าไปในโรงแรมนานาชาติหลงเต็ง เท่าที่ดูแล้วนี่น่าจะเป็นภาพถ่ายจากใครบางคนที่เห็นและได้โพสต์ขึ้นไปบนอินเตอร์เน็ต
“พวกนั้นจะทำอะไรกัน” หลี่เชิงขมวดคิ้วในทันที เขามั่นใจแล้วว่าก่อนหน้านี้ทั้งสามคนนั้นได้รวมหัวกันเพื่อเล่นงานซูจิ้งแล้วได้ก่อเรื่องจนทำให้เว่ยเสี่ยวหยวนตกตึกลงมาและทำให้เสี่ยวไจ๋พ่ายแพ้ไป แม้ตอนแรกเขาจะไม่แน่ใจแต่ยังไงเขาก็ยังเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตนเอง เขาจึงได้ให้คนของตัวเองคอยจับตาดูเอาไว้
อย่างไรก็ตอบ ก่อนหน้านี้เขาก็นึกว่าสามคนนี้จะเลือกที่จะเคลื่อนไหวลับหลังตามที่บอกเขามาก่อนหน้านี้ แล้วทำไมอยู่ๆสามคนนี้ถึงได้แสดงออกอย่างเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์อันดีต่อกันแบบนี้ แถมยังกล้าไปงานเลี้ยงรุ่นของซูจิ้งได้อีก นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ การกระทำแบบนี้นี่ไม่ต่างจากเปิดเผยสถานะต่อซูจิ้งหรอกเหรอ
ขณะเดียวกันที่สำนักงานใหญ่ของกลุ่มทุนห้วงเวลา ทั้งเฉิงหนานและหวังจ้าวเองในทันทีที่รู้เรื่องนี้ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทีตื่นเต้นตกใจกันไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมไอ้พวกนั้นถึงไปร่วมงานเลี้ยงรุ่นของซูจิ้งได้ล่ะ ไม่ใช่ว่าพวกนั้นมันขัดแย้งกับซูจิ้งอยู่หรอกเหรอ” หวังจ้าวถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวดในทันทีที่เห็นข่าวนี้
“จริงๆแล้วก่อนหน้านี้บริษัทในเครือตระกูลของสามคนนี้ได้ขอร่วมหุ้นกับเราโดยเสนอเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์กับเราแบบสุดๆ
ตอนนั้นเองฉันคิดว่าต้องมีลับลมคมในอยู่จึงได้ไปปรึกษาอาจิ้งแล้ว แต่เขากลับบอกมาเพียงว่าให้เซ็นๆไปอย่าคิดอะไรมาก ฉันเองก็ได้ลองสืบเรื่องนี้ดูแล้วแต่ก็ไม่ได้อะไรเลยเหมือนกัน” เฉิงหนานพูดออกมา
“อืมมมม…งั้นก็ไม่น่าจะมีอะไรหรอกนะ…คิดว่านะ” หวังจ้าวเปลี่ยนท่าทีพลางพยักหน้าในทันที
“ตอนนี้มีคนส่งข่าวมาในอินเตอร์เน็ตว่าซูจิ้งยังอยู่ในพื้นที่ซื้อของของโรงแรมนานาชาติหลงเต็งแล้ว ดูเหมือนเขาเองก็รู้เรื่องนี้แล้วเหมือนจะเตรียมตัวทำอะไรบางอย่าง” เฉิงหนานได้พูดข้อมูลจากข่าวที่มีคนโพสต์ในเน็ตด้วยท่าทีคิ้วขมวด
ทั้งสองคนนั้นค่อนข้างเป็นกังวลกับเรื่องนี้พอสมควร พวกเขากลัวว่าสามคนนี้จะร่วมมือกันเพื่อโค่นล้มซูจิ้งและกลุ่มทุนห้วงเวลาฯของพวกเขา หากเรื่องนั้นเกิดขึ้นจริงๆล่ะก็ต้องน่าสะพรึงกลัวไม่น้อยเลยทีเดียว
“สามคนนี้ร่วมมือกันงั้นเหรอ” เมื่อหนิงหยิงติงที่เป็นผู้จัดการทั่วไปของยริษัทซิหลานได้เห็นข่าวนี้ก็ถึงกับต้องเลิกคิ้วและพูดพึมพัมออกมาในทันที ก่อนที่จะพูดออกมาต่อว่า “คราวนี้ซูจิ้งน่าจะต้องเกิดอันตรายขึ้นแน่ๆ ที่เป็นอย่างนี้เพราะว่าเขานั้นทำตัวเด่นในช่วงนี้เกินไปจริงๆ”
เธอนั้นยังจำได้ดีเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นต่อหน้าเธอในงานเลี้ยงที่เธอจัดขึ้นในวันนั้น ซูจิ้งไม่ได้ใส่ใจฟูฮงซิ่วเลยแม้แต่น้อย ไม่เพียงเท่านั้น เขายังเล่นงานฟูฮงซิ่วจนลงไปกองกับพื้นอย่างไม่แยแสต่อสิ่งใดเลยสักนิด
หากเป็นฟูฮงซิ่วคนเดียวคงไม่กล้าแม้แต่จะคิดเอาคืนแม้แต่น้อย แต่นี่ เขาไปร่วมกับฮัวหยุนชูและหยวนหยินหนิงแบบนี้แล้วซูจิ้งจะเอาอะไรไปสู้
“หึหึหึ ในที่สุดก็จะได้เห็นเรื่องดีๆสักที” ณ บ้านพักแห่งหนึ่ง ฉิวจิงที่เห็นข่าวนี้ก็แสดงท่าที่ติ่นเต้นขึ้นมาในทันที ด้วยการที่ก่อนหน้านี้เขาได้ไปหาเรื่องซูจิ้งเอาไว้
ต่อให้ซูจิ้งไม่ได้ทำอะไรแม้แต่จะสนใจการคงอยู่ของเขาด้วยซ้ำ แต่กลายเป็นว่าเรื่องที่เขาใส่ร้ายซูจิ้งไว้มากมายได้ย้อนกลับมาทำลายตัวเขาเองจนทำให้หน้าที่การงานแทบจะจบสิ้น
จากหมอใหญ่อนาคตไกลในตอนแรก มาในตอนนี้เขาได้รับหน้าที่ในการดูแลคลีนิคเล็กๆของโรงพยาบาลเท่านั้น ภรรยาที่จากเข้าไปก็ไม่เคยคิดกลับมาเขาอีกแม้แต่น้อย นี่จึงทำให้ชีวิตของเขานั้นพลิกกลับไปเป็นไร้ค่าในทันที
ความจริงเขาเองก็ได้ยินเรื่องงานเลี้ยงรุ่นนี้มาอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร นั่นก็เพราะเขานั้นไม่อยากเห็นซูจิ้งที่นับวันได้ดิบได้ดียิ่งๆขึ้นไปมาเทียบกับตัวเองที่นับวันจะตกต่ำลงแบบนี้
แต่มาใจตอนนี้ไม่ว่าใครดูก็รู้ว่าฮัวหยุนชู ฟูฮงซิ่ว และหยวนหยินหนิงนั้นได้ร่วมมือกันเพื่อจะก่อปัญหาให้ซูจิ้งอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะกับหยวนหยินหนิงที่ต้องระเห็ดออกจากกลุ่มคุณชายสี่อย่างไม่เต็มใจโดยมีซูจิ้งเข้ามาแทนที่แบบนี้ย่อมแค้นฝังลึกกว่าใครแน่นอน
หากทั้งสามร่วมมือกันแบบนี้ย่อมไม่มีทางจับมือกันเพื่อร่วมงานกับซูจิ้งเป็นแน่ ฉิวจิงจึงเริ่มสนใจข่าวงานเลี้ยงนี้ในทันทีเพระอยากจะเห็นซูจิ้งต้องตกต่ำหรืออับอายบ้างสักนิดก็ยังดี
ไม่เพียงแต่ฉิวจิงเท่านั้น ทั้งหวู่จู จินชิซู คิมูระ และคนอื่นๆที่เคยหาเรื่องซูจิ้งเอาไว้ต่างก็จับตาดูงานเลี้ยงนี้กันอย่างใกล้ชิด
แม้แต่เหล่าชนชั้นสูงเองก็อดไม่ได้ที่จะจับตามองงานเลี้ยงนี้เช่นเดียวกัน นั่นก็เพราะพวกเขานั้นเกรงว่าหากสามคนนี้ร่วมมือกันแล้วล่ะก็ คราวนี้ซูจิ้งน่าจะยากที่จะรอดพ้นไปได้เป็นแน่
นี่จึงทำให้ งานเลี้ยงรุ่นที่จัดขึ้นอย่างลวกๆกลับกลายเป็นสนามรบที่พายุโหมกระหน่ำในทันที
หลังจากผ่านไปสิบนาที โทรศัทพ์ของฮัวหยุนชูก็ได้มีข้อความส่งเข้ามา ฮัวหยุนชูได้รีบเปิดดูข้อความ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยืนขึ้นในทันที
“เกิดอะไรขึ้นครับคุณฮัว” เจียงหวางพูดออกมา
“หากว่าคุณฮัวอยากจะหาอะไรดื่มหรืออยากได้อะไรมานั่งกินเล่นล่ะก็บอกผมก็ได้นะเดี๋ยวผมไปดูมาให้” โอฉิงซงได้พูดออกมาด้วยท่าทีประจบประแจง
“ไม่ใช่เรื่องของพวกแก” ฮัวหยุนชูได้พูดออกมาอย่างไม่ใยดี และในตอนนี้เอง ฟูฮงซิ่วและหยวนหยินหนิงก็ได้ยืนขึ้นเช่นเดียวกันก่อนที่จะรีบเดินออกจากห้องงานเลี้ยงแล้วรีบลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว ฉากนี้ทำให้คนที่อยู่ในงานเลี้ยงต่างก็ต้องมองตามกันอย่างโง่งม พวกเขาต่างก็สงสัยกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมทั้งสามถึงมีท่าทีร้อนลนแบบนี้ได้
ในขณะเดียวกันนั้นเอง รถยนต์กาลเวลา001สีแดงบาดใจก็ได้ขับเข้ามาที่หน้าประตูของโรงแรม หนุ่มหล่อคนหนึ่งในชุดสูทและสาวสวยในชุดเดรสยาวสีขาวก็ได้เปิดประตูออกมาเพื่อเตรียมที่จะก้าวออกจากรถ
ฟูฮงซิ่วและฮัวหยุนชูที่เห็นดังนั้นก็ได้รีบหยิบร่มที่วางเอาไว้สำหรับเตรียมรับแขกที่หน้าประตูแล้ววิ่งเข้าไปก่อนที่ประตูจะเปิดออกดีด้วยซ้ำแล้วทำการกางร่มบังแดดให้ทั้งสองในทันทีจนเรียกได้ว่าแทบจะไม่ได้สัมผัสแดดเลยแม้แต่น้อย
ส่วนหยวนหยินหนิงนั้นเขาเป็นคนเปิดประตูพร้อมทั้งหยิบบุหรี่ของซูจิ้งเกรดคัดพิเศษยื่นให้ชายหนุ่มในทันที
เหล่าสุดยอดคุณชายสี่ทั้งสามคนในตอนนี้มีท่าทีไม่ต่างไปจากลูกกระจ๊อกของกลุ่มแก๊งเลยแม้แต่น้อย และแน่นอนว่าหนุ่มหล่อที่ดูราวกับเป็นพี่ใหญ่ของกลุ่มผู้นี้นั่นก็คือซูจิ้งนั่นเอง