ภาคที่ 5 บทที่ 133 ทางออก

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 133 ทางออก

วันนี้ซูเฉินกำลังทดสอบหนึ่งในสมมติฐานของเขาอย่างทุกวัน

ทว่ากลับมีเสียงแผ่วเบาเรียกหาเขาในทันใด

“คุณชาย ! คุณชาย !”

อิงอิงนั่นเอง

ซูเฉินตกตะลึง “ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่ ? มันอันตรายนะ !”

อิงอิงกล่าว “คุณชาย ไม่ต้องห่วง ! ผู้นำของพวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ตอนนี้ เขาจากไปสักพักแล้วเพราะเขาต้องไปจัดการธุระบางอย่าง”

“หืม ?” ซูเฉินประหลาดใจ

เขารู้อยู่แล้วว่าเค่อเหลยซีต๋าไม่อยู่

เค่อเหลยซีต๋าไม่ได้พยายามจะซ่อนข้อมูลเช่นนั้นจากชายหนุ่ม

อีกฝ่ายบอกซูเฉินว่าตัวเองจำเป็นต้องจากไปสักพักหนึ่งและจะไม่สามารถพูดคุยสิ่งต่าง ๆ กับเขาไปช่วงหนึ่ง

แน่นอนว่าซูเฉินไม่ได้เชื่อเขามากนัก

เค่อเหลยซีต๋าไม่เคยยอมแพ้ต่อการจับกุมตัวซูเฉิน เป็นอุบายที่ไร้เดียงสาราวกับเด็กน้อย

อย่างไรแล้วใครจะรู้ได้ว่าเค่อเหลยซีต๋าจากไปจริงหรือไม่ ? ถ้าเขาไม่ได้ไปและเพียงแค่รอให้ซูเฉินออกไปล่ะ ?

ซูเฉินเลือกจะไม่เชื่อในคำพูดของเค่อเหลยซีต๋าเสียยังดีกว่า

แต่เรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดกลับเกิดขึ้น อิงอิงปรากฏตัวขึ้น

ทำไมอิงอิงถึงกลับมาในตอนนี้ ?

นางรู้ได้อย่างไรว่าเขาอยู่ที่นี่ ?

เค่อเหลยซีต๋ารู้ถึงตัวตนของนางหรือยัง ?

เค่อเหลยซีต๋ากำลังใช้นางเพื่อมาล่อลวงเขาหรือเปล่า ?

แน่นอนว่ามันก็เป็นไปได้ที่อิงอิงเพียงแค่ค้นพบเรื่องนี้และได้เสี่ยงชีวิตในการมารายงานซูเฉินหลังจากที่เค่อเหลยซีต๋าจากไป

หรืออาจเป็นอีกความเป็นไปได้หนึ่ง นั่นคืออิงอิงได้ถูกจับกุมหรือหักหลังเขา

สิ่งมากมากมหาศาลสามารถเกิดขึ้นได้ภายในระยะเวลาปีเดียว และยังมีความเป็นไปได้อีกล้นหลาม

ซูเฉินไม่รู้ว่าความเป็นไปได้ไหนที่เป็นความจริง แต่เขารู้ว่าเขาไม่สามารถจากไปได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ความเป็นไปได้ที่เค่อเหลยซีต๋าจะอยู่ในบริเวณใกล้เคียงนั้นสูงเกินไป

ดังนั้นแล้วซูเฉินจึงกล่าวอย่างแผ่วเบา “อย่างนั้นหรือ ? ข้าเข้าใจแต่ข้ายังไม่อยากไปตอนนี้”

อิงอิงเริ่มกระวนกระวาย “คุณชายอยู่ที่นี่มาถึงปีหนึ่งแล้ว ไม่ว่าท่านจะเตรียมการมาอย่างไร ท่านก็คงไม่สามารถอยู่ได้อีกนานนัก นี่เป็นโอกาสที่สวรรค์ประทานมาให้ท่าน ! หากท่านไม่ไปตอนนี้ท่านอาจไม่สามารถออกไปอีกเลยก็ได้”

“ข้าเข้าใจสถานการณ์ดี อิงอิง แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่ ?” ซูเฉินถาม

อิงอิงถอนหายใจ “คุณชายไม่เชื่อข้างั้นหรือ ? ที่จริงเรื่องนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเขาพันพิษแล้วละ”

“หืม ?” ซูเฉินตกตะลึง เขาไม่คิดเลยว่าจะเป็นเช่นนั้น

งั้นเค่อเหลยซีต๋าก็ไม่ได้พยายามจะเก็บมันเป็นความลับเลยแม้แต่น้อย เขาป่าวประกาศให้ทุกคนในภูเขารู้

นี่เป็นเพราะเขาจำเป็นต้องรักษาเกียรติศักดิ์ศรีของมือแห่งโชคชะตาไว้

การที่มือแห่งโชคชะตาถูกปล้นชิงทรัพย์นั้นเป็นข่าวที่อื้อฉาวทีเดียว หากข่าวนี้แพร่กระจายออกไป มันจะเป็นชื่อเสียอย่างมากให้แก่มือแห่งโชคชะตา

กระทั่งองค์กรผู้ก่อการร้ายก็ยังมีหน้ามีตา ไม่เช่นนั้นแล้วพวกเขาจะสามารถดึงดูดผู้คนที่มีความคิดเช่นเดียวกันมาได้อย่างไร ? และพวกเขาจะสามารถแผ่ขยายรัศมีของอิทธิพลได้อย่างไร ?

เค่อเหลยซีต๋าจะไม่นั่งอยู่เฉย ๆ และมองดูชื่อของมือแห่งโชคชะตาถูกทำให้แปดเปื้อนเช่นนี้ เขาจึงจำเป็นต้องพยายามอย่างสุดฝีมือในการป้องกันไม่ให้ข่าวนี้กระจายออกไป

ไม่แปลกเลยที่อิงอิงจะรู้เรื่องนี้

“แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเค่อเหลยซีต๋าไม่อยู่ ?” ซูเฉินถาม

“อาจารย์ของข้าบอกข้ามา”

“อี่หนี่เก้อหรือ ?” ซูเฉินพึมพำ “เขาสบายดีไหม ?”

“ดูเหมือนว่าผู้นำองค์กรของพวกเขาจะสงสัยเขาแต่ก็ยังไม่เคยโจมตีเขา แต่อาจารย์ของข้ากระสับกระส่ายเป็นอย่างมาก เขาพยายามจะคิดหาวิธีการล่อลวงให้หัวหน้าจากไป แล้วจึงส่งข้ามาแจ้งเจ้า”

ซูเฉินหัวเราะ “เขากังวลว่าข้าจะจัดการเขาหากข้าตกอยู่ในเงื้อมมือของเค่อเหลยซีต๋าหรือ ?”

“……ใช่ !”

“งั้นเขาก็สายไปแล้ว เค่อเหลยซีต๋าไม่ได้หลอกง่ายอย่างนั้น เขาคงจะเอาชนะอี่หนี่เก้อด้วยวิธีการของเขาเอง ไปบอกอี่หนี่เก้อให้หนีไป เขาจะหลบหนีไปได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความเด็ดขาดของเขาเอง เค่อเหลยซีต๋าคงจะอยู่ใกล้ ๆ และกำลังรอให้ข้าออกไป …เขาจะไม่ใส่ใจอี่หนี่เก้อแม้แต่น้อยหากข้ายังอยู่ใกล้ ๆ”

“หืม ?” อิงอิงงุนงง

นางมาเพื่อมอบโอกาสดีให้ซูเฉินได้หลบหนี แต่นางก็กำลังถูกบอกว่าถึงเวลาแล้วที่อาจารย์ของนางจะต้องหลบหนีไป

นี่มันช่าง……

แต่ซูเฉินกลับเงียบสนิท

คำพูดของเขาก่อนหน้านั้นซื่อตรงเป็นอย่างมาก เขาเชื่อว่าอิงอิงไม่ได้มาเพื่อทำร้ายเขา แต่เขาก็เชื่อว่าเค่อเหลยซีต๋าจะไม่ถูกหลอกลวงง่ายดายเช่นนั้น

หากอิงอิงบอกเขาว่านางได้ค้นพบเหตุผลอื่นว่าเค่อเหลยซีต๋าจากไป ซูเฉินก็อาจเชื่อนางได้สักนิด แต่การถูกหลอกโดยอี่หนี่เก้อ…… ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอี่หนี่เก้อกำลังถูกเค่อเหลยซีต๋าสงสัย หากเขาจะตกเป็นเหยื่ออีกครั้ง เขาก็คงจะเป็นไอ้โง่จริง ๆ!

ซูเฉินจึงพูดขึ้น “ออกไปเถอะ ข้าเข้าใจกฎแห่งพลังสายฟ้าบางส่วนแล้วและสามารถตรวจสอบมันด้วยตัวเองได้ เค่อเหลยซีต๋าคงจะกังวลว่าข้าจะรู้เข้าและจะไม่แอบฟังบทสนทนาของพวกเรา ไปบอกอี่หนี่เก้อให้หนีไปตอนนี้เลย นี่คือการแสดงความใจกว้างเพียงครั้งเดียวที่ข้าจะแสดงให้แก่เขา ส่วนเจ้า อิงอิง…… เค่อเหลยซีต๋าระมัดระวังเกี่ยวกับสถานะของเขาและคงจะไม่ทำอะไรเจ้ามาก”

อิงอิงพยักหน้าและกลืนน้ำลาย “เข้าใจแล้ว !”

ขณะที่พูด นางก็คุกเข่าลงและก้มคำนับซูเฉิน 3 ครั้งขณะที่นางพึมพำ “ขอให้พระเจ้าอสูรพิษปกป้องท่าน”

เมื่อนางพูดจบและหันหลังไปเพื่อจะกลับ

ตอนนั้นเอง ซูเฉินก็พูดขึ้นกะทันหัน “เดี๋ยวก่อน”

อิงอิงตกใจ “ต้องการอะไรอีกหรือคุณชาย ?”

“เมื่อกี๊เจ้าบอกว่าพระเจ้าอสูรพิษใช่ไหม ?” ซูเฉินถาม

“ใช่ มือแห่งโชคชะตาถูกปกป้องโดยพระเจ้าพิษซึ่งทำให้พวกเราสามารถรอดพ้นไปจากสิ่งแวดล้อมประเภทนี้ได้ พวกเราจึงนับถือพระเจ้าพิษเป็นอย่างมาก”

“แต่ไม่ใช่ว่าเขาพันพิษก็เป็นแค่ภูเขาหรือ ?”

อิงอิงส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่เชิงหรอก ดูเหมือนว่าภูเขาลูกนี้เคยไร้ซึ่งพิษมาก่อน แต่เทพอสูรตนหนึ่งได้เข้ามาจำศีลเมื่อนานมาแล้วและทำให้ภูเขาลูกนี้เป็นพิษอย่างมาก นั่นคือเหตุผลที่มือแห่งโชคชะตาเรียกสิ่งนี้ว่าพระเจ้าพิษ”

ซูเฉินกลอกตาทันที “เทพอสูร ? เจ้ากำลังบอกว่ามีเทพอสูรนอนหลับอยู่ใต้เท้าข้าหรือ ? หรือว่าภูเขาทั้งลูกนี้เป็นเทพอสูร ?”

“นั่นคือตำนานที่เล่าขานกันมา”

“อย่างนี้นี่เอง” ซูเฉินพยักหน้า “ก็ได้ ข้าเข้าใจแล้ว ไปได้แล้วละ”

“ลาก่อนคุณชาย” อิงอิงโค้งคำนับและจากไป

หลังจากครุ่นคิดสักพักซูเฉินก็พูดขึ้น “ผ้าเท่อลั่วเค่อ ข้าคิดว่าข้ารู้วิธีหนีแล้วละ แม้ว่ามันจะ… เสี่ยงตายสักหน่อยก็เถอะ”

ในชั่วพริบตา เวลาได้ล่วงเลยมา 3 เดือนแล้ว

เค่อเหลยซีต๋าและซูเฉินยังคงพูดคุยกันต่อไป

เขาไม่ได้พูดถึงอี่หนี่เก้อหรืออิงอิงราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อย ซูเฉินจึงไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ถามอะไรและทั้งสองฝ่ายต่างก็สามารถรักษาความเข้าใจได้อย่างเงียบเชียบ

แต่ในวันนี้ซูเฉินก็เริ่มพูดขึ้นในที่สุด

เขาตะโกนออกไปด้วยท่าทีตื่นตกใจในทันใด

“ข้าไม่เหลือเสบียงแล้ว” เขากล่าว

เค่อเหลยซีต๋าตกตะลึงไปชั่วขณะก่อนที่ความตกใจนั้นจะกลายเป็นความสุข “งั้นเจ้าก็ไม่เหลือเสบียงแล้วสินะ ? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า สหายหนุ่มนิรนามของข้า ทำไมเจ้าไม่ออกมาล่ะ ?”

ซูเฉินตอบ “ข้าออกแน่ ข้าจึงอยากให้เจ้ารู้ไว้ว่าข้ากำลังจะออกไป เจ้าจะให้ข้าออกไหมล่ะ ?”

“ข้าให้ !” เค่อเหลยซีต๋าตอบทันที

แน่นอนว่าเขาต้องตกลง สิ่งอื่น ๆ ที่จะตามมานั้นไว้หารือกันหลังจากที่ซูเฉินออกมาแล้วก็ได้

ซูเฉินกล่าว “ถ้าข้าออกไปแล้วเจ้าไม่ปล่อยข้าล่ะ ?”

เค่อเหลยซีต๋ารีบรุดพูดขึ้น “ข้าเป็นคนแบบไหนกัน ? ข้าไม่โกหกเจ้าหรอก”

คำตอบนั้นไม่ซื่อสัตย์เลยแม้แต่น้อย แต่เค่อเหลยซีต๋ารู้สึกว่าเขาไม่จำเป็นต้องซื่อสัตย์อีกต่อไป ซูเฉินไม่เหลือทรัพยากรแล้วและจะต้องตายลงในที่สุดหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป จึงไม่มีทางที่ซูเฉินจะไม่ลองอะไรบางอย่าง นอกจากนั้น เค่อเหลยซีต๋าไม่มีเจตนาที่จะสังหารซูเฉินจริง ๆ เขาเพียงแค่ต้องการจับตัวซูเฉินมาเป็นทรัพย์สมบัติเท่านั้น

ซูเฉินกล่าว “ก็ได้ หากเจ้าโกหกข้า เจ้าจะไม่สามารถค้นพบสิ่งใดได้ในการหยั่งรู้กฎแห่งพลังได้อีกต่อไป และปีศาจจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในหัวใจเจ้านับจากวันนี้เป็นต้นไป”

เค่อเหลยซีต๋าพูดไม่ออก

ในโลกใบนี้ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าปีศาจหัวใจ

หนึ่งเท่ากับหนึ่งและสองเท่ากับสอง ทุกสิ่งทั่วไปสามารถถูกคำนวณได้และพลังทั้งหมดต่างก็มาจากการใช้พลังต้นกำเนิด

แต่กฎแห่งพลังนั้นต่างออกไป มันมาจากแรงบันดาลใจและการนำทางโดยอารมณ์ของบุคคล บางทีอาจมีบางสิ่งอย่างปีศาจหัวใจเมื่อพูดถึงการหยั่งรู้ของกฎแห่งพลังก็เป็นได้

แต่เค่อเหลยซีต๋าก็ลังเลอยู่เพียงครู่เดียวเท่านั้นก่อนจะตอบตกลง ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าปีศาจหัวใจอยู่จริงในประวัติศาสตร์ของทวีปต้นกำเนิด และเขาก็ไม่เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นกับเขาเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงพูดขึ้น “ก็ได้ ข้าตกลง ถ้าข้าผิดคำพูดของตัวเอง ข้าจะไม่สามารถบรรลุสิ่งใดได้ในคามหยั่งรู้กฎแห่งพลังของข้าอีกต่อไป และปีศาจหัวใจจะติดตามข้าไปทุกหนแห่ง”

แม้ว่าเขาจะดูไม่ใส่ใจแม้แต่น้อยในคำพูดของเขา มันก็ดูราวกับเมล็ดพันธุ์เล็ก ๆ ที่ได้ปลูกฝังตัวเองลงในหัวใจของเขาแล้ว !

แต่ซูเฉินก็ปฏิเสธที่จะออกไปและพูดต่อ “ข้ายังมีวิชาที่จะทำให้ข้าสามารถพลิกสวรรค์และทำให้ทุกอย่างบนผืนแผ่นดินนี้พังทลายลงหากเจ้าผิดคำพูด เมื่อถึงตอนนั้น… สถาบันประทีปแห่งจิตวิญญาณและมือแห่งโชคชะตาอาจถูกทำลายลงก็เป็นได้ เจ้าเข้าใจไหม ?”

เค่อเหลยซีต๋าหัวเราะ “ถ้าเจ้ามีทักษะเช่นนั้นเจ้าคงใช้มันไปนานแล้ว ทำไมต้องรอจนถึงตอนนี้ด้วยล่ะ ?”

ซูเฉินตอบ “เห็น ๆ กันอยู่เป็นเพราะข้าพึ่งจะค้นพบวิชาลับนี้ได้ไม่นาน”

พึ่งค้นพบไม่นานหรือ ?

พูดจาไร้สาระอยู่ได้ !

แม้ว่าเจ้าอาจจะได้รับกฎความแข็งแกร่งบางอย่างมา ….มันก็คงยังเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะสามารถกลับตาลปัตรเขาพันพิษได้หรอก !!!

เค่อเหลยซีต๋าไม่ใส่ใจคำพูดของซูเฉินแม้แต่น้อย เขาหัวเราะ “ก็ได้ ก็ได้ ก็ได้ ตราบใดที่เจ้ายินดีที่จะออกมา พวกเราจะพูดคุยอะไรกันก็ได้ ถ้าข้าผิดคำพูด เจ้าจะทำอะไรกับข้าก็ได้ แม้ว่าเจ้าจะสามารถทำลายสำนักงานใหญ่ของมือแห่งโชคชะตาและสถาบันประทีปแห่งจิตวิญญาณลงได้จริง ข้าก็จะไม่โกรธแค้นเจ้า ดีพอหรือยัง ?”

“ข้ารู้สึกสบายใจขึ้นมากเมื่อได้ยินเช่นนั้นจากเจ้า”

ร่างของซูเฉินอยู่ใกล้กับขอบของพื้นที่ต้องห้ามขณะที่เขาพูด

กระทั่ง 1 ปีผ่านไปแล้ว ซูเฉินก็ยังคงมีรูปลักษณ์เช่นเดิม เขาสวมใส่เสื้อคลุมยาวสีขาวสะอาด และที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่งคือเขาได้ถอดหน้ากากออกและเปิดเผยใบหน้าของชุยอวี่คงเหินออกมา

“ชุยอวี่คงเหิน ! เป็นเจ้าเองสินะ !” เค่อเหลยซีต๋าไม่ได้ประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย

เค่อเหลยซีต๋าไม่ได้นิ่งเฉยตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาพยายามค้นหาตัวตนที่แท้จริงของซูเฉินและได้ค้นพบเบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับตัวตนของซูเฉินเข้า เบาะแสเหล่านี้ชี้ว่าเขานั้นเกี่ยวข้องกับตระกูลชุยอวี่ ร่องรอยนี้ถูกตั้งใจทิ้งไว้โดยซูเฉินเพื่อการนี้เอง ตอนนี้ดูเหมือนว่าการเตรียมการของซูเฉินจะไม่เปล่าประโยชน์เสียแล้ว

ซูเฉินเผยยิ้มบาง “งั้นเจ้าก็สามารถมองทะลุการปลอมกายของข้าได้สินะ แต่เจ้าก็ไม่ได้พยายามจะใช้เรื่องตระกูลมาข่มขู่”

เค่อเหลยซีต๋าตอบอย่างภาคภูมิใจ “ข้าไม่ได้ต่ำทรามขนาดนั้น”

แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้น ตระกูลชุยอวี่ก็ตั้งอยู่ที่ใจกลางของเมืองล่องนภา หากเขาไปก่อเรื่องขึ้นที่นั่นก็คงจะเป็นการฆ่าตัวตายแม้ว่าเขาจะเป็นถึงปรมาจารย์อาร์คาน่าระดับตำนานก็ตาม

ซูเฉินไม่กังวลที่จะเปิดเผยตัวตนแก่เขาและเดินหน้าไปอีกก้าวหนึ่ง

แม้ว่าก้าวนี้จะดูเรียบง่าย มันก็นำพาเขาออกมาจากพื้นที่ต้องห้ามได้อย่างน้อยหนึ่งครั้ง

เขามีเท้าข้างหนึ่งอยู่ในสวรรค์และอีกข้างอยู่ในนรก

แต่เค่อเหลยซีต๋าก็ไม่ได้ทำสิ่งใด เขายังคงส่งยิ้มมายังซูเฉิน “เจ้าสบายใจหรือยังล่ะ ?”

สบายใจ ? ไม่มีทางที่ซูเฉินจะสบายใจ !!

เขายังคงเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้าจนกระทั่งมาหยุดลง ณ ก้าวที่ 99 ในที่สุด

แล้วชายหนุ่มก็พูดขึ้น “เมื่อข้าเหยียบก้าวสุดท้ายนี้ ข้าจะไปถึงก้าวที่ 100 เจ้าแน่ใจหรือว่าจะรอจนถึงตอนนั้น ?”

เค่อเหลยซีต๋าตอบอย่างสงบนิ่ง “ข้าจะไม่ผิดคำพูด”

ซูเฉินก้าวออกไปอีกครั้ง

ด้วยก้าวนี้ สถานการณ์ทั้งหมดก็พลิกผันไปทันที !