ภาคที่ 5 บทที่ 134 ทางเข้า

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 134 ทางเข้า

ทันทีที่ซูเฉินก้าวครั้งที่ 100 นั้น สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปในใด

การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันแต่มันไม่ใช่แผ่นดินไหว มันเป็นเพียงพื้นที่แปลกประหลาดที่ปรากฏขึ้นในทันใดโดยมีซูเฉินอยู่ตรงกลาง

อากาศรอบกายซูเฉินดูเหมือนถูกทำให้แข็งตัว

ทักษะนี้คล้ายคลึงกับวิชาสุเมรุสูญแต่มันก็ยังคล้ายคลึงกับสนามพลังกระแสแสงหรือวิชาพลังสูญอื่น ๆ อีกด้วย แต่ในเชิงของแก่นพื้นฐานแล้ววิชานี้นั้นต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

ทักษะจำกัดขอบเขตพลังสูญอื่น ๆ จะทำให้อากาศเข้มข้นขึ้นและสามารถเคลื่อนที่ได้ลำบากเท่านั้น

หากจะพูดง่าย ๆ คือทักษะพลังสูญเช่นนี้นั้นไม่เกี่ยวข้องกับความว่างเปล่า แต่มันพึ่งพาการควบคุมสสารจุลภาค สุเมรุสูญและสนามพลังกระแสแสงก็ไม่เว้น ด้วยการใช้พลังต้นกำเนิดควบคุมสสารจุลภาคเหล่านี้ภายในบริเวณหนึ่งของ ‘ที่ว่าง’ การเคลื่อนไหวของคนคนหนึ่งจะสามารถถูกกีดขวางได้ ด้วยเหตุนี้วิชาเช่นนี้จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับที่ว่างแต่เป็นสายลมต่างหาก

ลมก็เป็นเพียงแค่การเคลื่อนไหวของอากาศ

และวิชาเหล่านี้เพียงแค่ทำให้อากาศนิ่งงันและหยุดไหลเวียนเท่านั้น

เมื่ออนุภาคอากาศถูกบีบอัดอย่างหนาแน่น พวกมันจะสร้างบริเวณที่อากาศหนาทึบได้

วิชาเหล่านี้เกิดขึ้นโดยการใช้งานพลังต้นกำเนิดอย่างเหมาะสม แท้จริงแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือหายากเลย

แต่สถานการณ์ของซูเฉินนั้นต่างออกไป

เพราะไม่มีลมอยู่รอบกายเขาแม้แต่น้อย

เขาไม่สามารถได้ยินเสียงของลมอยู่รอบกาย และเขาก็ไม่รู้สึกว่าเขาเป็นสายน้ำที่กำลังเต้นรำ มันแค่รู้สึกเหมือนว่าเขาได้ถูกห่อหุ้มอยู่ในกล่องโลหะ

สุเมรุสูญเป็นเหมือนกับการเปลี่ยนแก๊สให้เป็นของเหลว ทำให้คนที่ถูกจับในพื้นที่ส่งผลของมันจะรู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังจมน้ำ มันจะทำให้พวกเขาเคลื่อนไหวได้ยากเย็นขึ้นและจะชะลอพวกเขาลง แต่ซูเฉินรู้สึกราวกับว่าอากาศรอบตัวเขาได้กลายเป็นของแข็งไปในทันใด มันทำให้เขาลำบากกระทั่งจะขยับสักนิ้วมือหนึ่ง นับประสาอะไรกับการเคลื่อนไหว

หากเจ้าถูกปิดผนึกไว้ในกล่องโลหะเจ้าจะเคลื่อนไหวอย่างไรล่ะ ?

ความหนาแน่นของอากาศรอบตัวเขานั้นสูงเป็นอย่างมาก

มันสูงจนแทบจะเป็นไปไม่ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์

ใช่แล้ว กระทั่งทวีปต้นกำเนิดก็ให้คุณค่ากับวิทยาศาสตร์ ไม่อย่างนั้นซูเฉินจะสามารถวิจัยได้อย่างไร ?

แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับซูเฉินนั้นไม่ใช่วิทยาศาสตร์อย่างแน่นอน มันยากที่จะเข้าใจหรืออธิบายได้

นี่ไม่ได้เป็นเพราะการบีบอัดอากาศรอบกายของซูเฉินราวกับอนุภาคจุลภาคของอากาศได้เปลี่ยนสภาพไปในชั่วพริบตา นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่มหาศาล

มันทั้งไม่เป็นวิทยาศาสตร์และล้ำลึกอย่างแท้จริง

โลกที่ลึกซึ้งนั้นรวมไปถึงความคิดที่ลึกซึ้งด้วยเช่นกัน เผ่าพันธุ์อัจฉริยะอื่น ๆ ก็คงจะอ้างว่าสถานการณ์ก่อนหน้านี้ตรงหน้าพวกเขานั้นไม่สมเหตุสมผลและไม่เป็นวิทยาศาสตร์

ถึงอย่างนั้นนี่ก็เป็นธรรมชาติของการบ่มเพาะที่ลึกซึ้งอย่างแท้จริง !

นี่คือกฎแห่งพลัง !

กฎแห่งพลังเป็นของเค่อเหลยซีต๋า

ภายใต้การใช้งานของกฎแห่งพลังนี้ ซูเฉินพบว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเคลื่อนไหว เขาหยุดนิ่งอย่างสมบูรณ์แบบ

เค่อเหลยซีต๋าหัวเราะ “เจ้าไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนั้นใช่ไหมล่ะ ? นอกจากกฎแห่งพลังสายฟ้าของข้าแล้ว ข้ายังมีความสามารถในการขังคนได้อีกด้วยละ !”

“พลังสูญ…… ไม่ ยังไม่ใช่ การกักขังเช่นนี้เป็นผลของการแปรสภาพของธาตุหนึ่งโดยสมบูรณ์ ข้าเหมือนติดอยู่ในกล่องโลหะดี ๆ นี่เอง” ซูเฉินพึมพำกับตัวเอง เขาค้นพบว่าคำพูดของเขานั้นกำลังมีรูปแบบกายภาพ นี่คล้ายคลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนแรกพบเค่อเหลยซีต๋า แต่ครั้งนี้คำพูดเหล่านั้นไม่ได้เสถียรนัก พวกมันหายไปหลังจากที่ปรากฏขึ้นได้ไม่นานและกลับไปยังสิ่งแวดล้อมโดยรอบ

“เจ้ายังพูดได้อีกหรือ ?” เค่อเหลยซีต๋าตกตะลึง

ภายใต้สถานการณ์ส่วนใหญ่ ผนึกโลหะประเภทนี้ไม่ได้ทรงพลังนักต่อผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดส่วนมาก

ปัญหาคือหลังจากพื้นที่ที่แข็งตัวนี้ปรากฏขึ้นจะไม่มีพลังต้นกำเนิดอีกต่อไป พูดอีกอย่างคือผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดคนใดก็ตามจะไม่สามารถใช้พลังต้นกำเนิดทำอะไรได้ทั้งสิ้น พวกเขาจะกลายเป็นคนธรรมดาไปในทันทีและจะสามารถพึ่งพาได้เพียงความแข็งแกร่งทางกายภาพของพวกเขาเท่านั้น

สำหรับปรมาจารย์อาร์คาน่าแล้ว นี่อันตรายถึงชีวิต !

เผ่าคนเถื่อนคงจะดีกว่าสักหน่อย อย่างไรแล้วพวกเขาก็พึ่งพาร่างกายภาพเป็นส่วนมากอยู่แล้ว

นี่คือเหตุผลที่ซูเฉินไม่ได้อยู่ในสภาพย่ำแย่ขนาดที่เขาคิด ยังไงเขาก็มีร่างกายของนักรบโทเทมระดับสูงสุด

เขาไม่เพียงพูดคุยได้แต่เขายังสามารถขยับเขยื้อนได้อีกด้วย

เขาค่อย ๆ ยกมือขึ้นและค้นพบว่าพื้นที่ว่างเปล่ารอบกายเขาเริ่มที่จะแตกออกช้า ๆ โลหะรอบกายเขากำลังเปลี่ยนแปลงด้วยการเคลื่อนไหวของเขา และอากาศที่ล่องหนก็จับต้องได้ขึ้นมาในทันใด มันกระทั่งเริ่มที่จะหมุนวนไปรอบกายซูเฉินอีกครั้ง

แต่กำแพงโลหะที่แข็งอย่างน่าเหลือเชื่อก็เพียงแค่งุ้มงอแต่ไม่พังทลายลงด้วยพละกำลังของซูเฉิน ผนังเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าภูเขาอยู่มากโข เค่อเหลยซีต๋าได้แผ่ขยายพลังทั้งหมดของเขาเพื่อใช้งานกลอุบายเช่นนี้ เขาพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะจับกุมตัวซูเฉินจริง ๆ

เค่อเหลยซีต๋าตกตะลึงเมื่อเห็นว่าซูเฉินยังสามารถขยับตัวได้ “เจ้าทำได้ยังไงกัน ? เจ้าแข็งแกร่งเกินไปแล้ว แต่โชคดีที่เจ้ายังไม่มีทางหนีออกไปจากวิชาจำกัดขอบเขตของข้าได้อยู่วันยังค่ำ !”

“วิชาจำกัดขอบเขตอะไร ? นี่ก็แค่กฎแห่งพลังโลหะ นี่คือไพ่ตายที่เจ้าแอบซ่อนมาตลอดหรือ ? แต่ดูเหมือนว่ามันจะจำกัดทีเดียวในเมื่อเจ้าสามารถใช้มันได้กับเป้าหมายที่อยู่ใกล้ตัวเท่านั้น นั่นคือเหตุผลที่เจ้าไม่สามารถใช้มันได้ในคราวที่แล้วยังไงล่ะ นอกจากนั้น… นี่คือขีดจำกัดพลังในวิชาของเจ้าแล้วงั้นสิ ?” ซูเฉินถาม

“เจ้าหลักแหลมทีเดียวนะ” เค่อเหลยซีต๋าหัวเราะ “แต่เจ้าน่ะเย่อหยิ่งเกินไป แม้ว่าเจ้าจะมั่นอกมั่นใจนักหนา… ข้าก็ยังไม่สามารถจินตนาการว่าเจ้าจะวางแผนในการออกไปจากที่นี่ได้อยู่ดี !”

ซูเฉินกล่าว “ข้าไม่มีวิธีออกไปจากที่นี่หรอก เพราะก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้ว่าไพ่ตายของเจ้าคืออะไร เนื่องจากข้าไม่รู้ข้าจึงไม่ไม่สามารถเตรียมการได้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ข้าจะหลบหนีไปจากการควบคุมของเจ้าได้”

เค่อเหลยซีต๋ารื่นเริงใจ “ตราบใดที่เจ้ายังรู้ตัวดี”

ซูเฉินพูดต่อไป “แต่เจ้าก็เหมือนกัน เจ้าไม่รู้ว่าข้ามีไพ่ตายอะไรซ่อนอยู่ ข้าก็มีกลอุบายบางอย่างที่ยืนยันได้ว่าข้าสามารถรับมือสิ่งใดก็ตามที่เจ้าจะทำใส่ข้าเช่นกัน”

ขณะที่พูด ร่างกายของเขาก็เริ่มบิดเบี้ยวและเปลี่ยนแปลงไป… เป็นพลังต้นกำเนิดที่แปลกตา

ภายในกล่องโลหะนี้ พลังต้นกำเนิดได้ปรากฏขึ้นมาจริง ๆ

พลังต้นกำเนิดนั้นมาจากภายในร่างกายของเขาและเป็นเพียงพลังงานเดียวที่เค่อเหลยซีต๋าไม่สามารถสกัดกั้นได้ คลื่นความร้อนที่ทรงพลังเริ่มแผ่รังสีออกมาจากร่างของซูเฉินและโลหะรอบกายเขาก็เริ่มหลอมละลายลงจนกลายเป็นลาวาเหลวที่เดือดพล่านอยู่รอบซูเฉินในที่สุด

ซูเฉินได้เปลี่ยนตัวเองเป็นชายแห่งเปลวเพลิง พลังต้นกำเนิดในร่างกายของเขาได้เผาไหม้และลุกโชนในฐานะองค์ประกอบพื้นฐานของไฟ

ต่อมา สายลมแปลกประหลาดเหนือความคาดหมายก็เริ่มพัดพาและเปลี่ยนหินหนืดโดยรอบให้กลายเป็นมังกรเพลิงขนาดมหึมา

ถึงอย่างนั้นนี่ก็ยังไม่เพียงพอ รังสีแสงสว่างเต้นรำไปตามผิวกายของมังกรเพลิงนั้น

3 องค์ประกอบแห่งไฟ ลม และสายฟ้า ได้ผนวกรวมกันในรูปแบบของมังกรที่ดุร้ายและกำลังขู่คำรามในตอนนี้

นี่เป็นหนึ่งวิชาอาร์คาน่าที่ซูเฉินพึ่งพัฒนาขึ้นมาใหม่ หงส์เพลิงได้กลับกลายเป็นมังกรสายฟ้าเวหาเพลิง เนื่องจากการผสมผสานของทั้ง 3 ธาตุทำให้มันทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ

ถึงอย่างนั้นนี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เค่อเหลยซีต๋าประหลาดใจมากที่สุด

เขาไม่ได้เกรงกลัวในความทรงพลังของวิชาอาร์คาน่าแม้ว่ามันจะเป็นระดับตำนานก็ตาม

อย่างไรแล้วเขาเองก็เป็นปรมาจารย์อาร์คาน่าระดับตำนาน

แต่เขาก็พลันค้นพบว่าร่างที่กำลังปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังเช่นนี้นั้นไม่ใช่ร่างกายหลักของซูเฉิน !

ที่จริงแล้วนี่ไม่ใช่ชุยอวี่คงเหิน มันเป็นเพียงร่างเลียนแบบของชุยอวี่คงเหินที่สร้างขึ้นจากพลังต้นกำเนิดของเขาเท่านั้น

ดังนั้นแล้วมังกรสายฟ้าเวหาเพลิงจึงถูกปล่อยออกมาจากร่างเลียนแบบเท่านั้น พูดอีกอย่างคือมังกรสายฟ้าเวหาเพลิงนี้มาจากร่างเลียนแบบนั้นเอง

ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก

ร่างเลียนแบบของอีกฝ่ายแข็งแกร่งขนาดนั้นได้อย่างไรกัน?

แล้วทำไมเขาถึงไม่สามารถมองมันออก ?

นี่ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด !

เค่อเหลยซีต๋าไม่สามารถตั้งสติกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้

“เจ้าทำได้ยังไง ? มันควรจะเป็นไปไม่ได้สิ !” เขาแผดเสียงดังลั่น

“ข้าทำได้ยังไงน่ะหรือ ? เจ้าก็เคยเห็นข้าใช้ทักษะนี้ไปเมื่อปีที่แล้วนะ” ซูเฉินอีกคนพูดขึ้นและยังคงซ่อนตัวอยู่ลึกภายในพื้นที่หวงห้าม

แน่นอนว่าชายคนนี้ผู้ได้ก้าวเดินออกมานั้นเป็นเพียงร่างเลียนแบบ ร่างนี้สามารถหลอกลวงได้กระทั่งเค่อเหลยซีต๋า

เหตุผลที่ร่างเลียนแบบนี้สามารถหลอกลวงเขาได้เป็นเพราะเขาไม่เข้าใจในแก่นที่แท้จริงของร่างเลียนแบบ

ร่างเลียนแบบเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาจากเลือดของเขาเอง ในแง่หนึ่งพวกมันจึงเป็นส่วนขยายของตัวเขา และเหตุที่เขาไม่สามารถหลอกคนอื่น ๆ ในช่วงที่ผ่านมาเป็นเพราะเขาใช้เลือดน้อยเกินไป !

การใช้งานเลือดปริมาณมากจะลดความแข็งแกร่งลงเป็นอย่างมากและการบ่มเพาะของเขาจะเชื่องช้าลง จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะหลีกเลี่ยงการใช้งานแก่นเลือดของตัวเองมากเกินไป

แต่ซูเฉินก็ได้เก็บรักษาปริมาณของแก่นเลือดที่ใช้โดยเฉพาะในราว ๆ 1 ปีที่ผ่านมา

เขาได้กักเก็บมามากกว่าที่เค่อเหลยซีต๋าคาดการณ์ไว้ ที่จริงแล้วพลังภายในร่างเลียนแบบนั้นทรงพลังยิ่งกว่าที่ซูเฉินครอบครองอยู่เสียอีก

พูดอีกอย่างคือซูเฉินได้ผสมแก่นเลือดมากกว่าที่เขามีลงไปในร่างจำลองนี้ตั้งแต่แรก ผลที่ตามมาคือระดับพลังของซูเฉินได้เริ่มถดถอยลงในช่วงเวลานั้น

แต่หลังจากนั้นซูเฉินก็พบว่าเป็นการง่ายทีเดียวที่จะสร้างร่างจำลองของตัวเองขึ้นมา ที่จริงแล้วร่างจำลองของเขาได้ระเบิดออกไปด้วยพลังที่มากกว่าที่เขาจะสามารถทำได้เสียอีก

ดังนั้นแล้วพลังที่น่าตกตะลึงของร่างเลียนแบบนี้จึงทำให้มันสามารถทำลายลานจำกัดขอบเขตของเค่อเหลยซีต๋าได้อย่างสมบูรณ์ กฎแห่งพลังนั้นทรงพลังเป็นอย่างมากแต่มันไม่ได้ไร้เทียมทานและไม่สามารถทำงานได้ตลอดเวลา

แม้ว่ากฎแห่งพลังจะเป็นเหมือนคลังสมบัติขนาดใหญ่ เงินทองข้างในนั้นก็สามารถใช้ได้ในวิธีการทั่วไปเท่านั้น

เป็นเพียงธรรมชาติที่ลานจำกัดขอบเขตของเค่อเหลยซีต๋าจะพังทลายลงภายใต้การจู่โจมโดยวิชาของซูเฉิน

แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งสำคัญคือเขาได้พลาดโอกาสในการจับกุมฝ่ายตรงข้ามและได้มอบโอกาสในการตอบโต้กลับให้แก่ซูเฉินแทน

ซูเฉินกล่าว “ข้ามอบโอกาสให้แก่เจ้า เค่อเหลยซีต๋า แต่เจ้าปฏิเสธที่จะรับมัน เมื่อเป็นเช่นนั้นข้าจะให้เจ้าได้รับชมวิชาของข้าแทนก็แล้วกัน”

ขณะที่เขาพูด มังกรสายฟ้าเวหาเพลิงก็พุ่งตัวลงมาอีกครั้ง

คราวนี้มันไม่ได้โจมตีเค่อเหลยซีต๋าแต่เป็นตัวภูเขาแทน

เขาพันพิษ !

ตู้ม !

หินหนืดเดือดพล่านไหลไปตามพื้นดิน หลอมละลายหินทุกชนิดในทิศทางของมันก่อนที่จะทะลวงลึกลงไปใต้พื้นดิน

น่าประหลาดใจที่ระบบอุโมงค์ขนาดมหึมาได้ปรากฏภายใต้พื้นดินในทันใด

กระทั่งด้วยพลังของมังกรสายฟ้าเวหาเพลิงก็ต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ก่อนที่มันจะสร้างหลุมขนาดใหญ่ได้ มันคงจะแผ่ขยายพลังทั้งหมดออกไปหลังจากที่ขุดลึกลงไปกว่า 10 จั้ง

แต่ในตอนนี้เมื่อเขาได้พบอุโมงค์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติแล้ว ปริมาณของพลังที่ถูกใช้งานก็เริ่มลดลงอย่างมหาศาล

มังกรยักษ์ตามเส้นทางของอุโมงค์ไปขณะที่มันบินต่ำลง

เค่อเหลยซีต๋านึกขึ้นได้ในทันทีว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นและท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง “ไม่ !”