บทที่ 891 ความยากลำบากของเย่จิงหง

Mars เจ้าสงครามครองโลก

ได้ฟังคำพูดของเย่เซิ่งเทียน เย่จิงหงตกใจกลัวอย่างมาก

เย่เซิ่งเทียนต้องการวิชาต้องห้ามไปทำอะไร เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไรกัน

ลูกชายของเขาใช้วิชาต้องห้าม ท้ายที่สุดหายวับไปกับตา ไม่เหลือแต่แม้ชายเสื้อ

ตอนนี้เขาจะถ่ายทอดวิชาต้องห้ามให้หลานชายของตัวเองได้ยังไง?

เขาไม่อยากเห็นหลานตายจากไปก่อนตัวเองอีก ไม่อยากให้หลานชายของตัวเองเดิมรอยตามลูกชายแล้ว

“ไม่ ไม่ได้ เซิ่งเทียน แกห้ามใช้วิชาต้องห้ามเด็ดขาด นั่นไม่ใช่ของดีอะไร”

เย่จิงหงปฎิเสธแล้ว เขาไม่อยากให้ และก็ไม่ยินยอมที่จะให้ และยิ่งไม่กล้าให้

แม้แต่เย่ห้าวลูกชายของเขาท้ายที่สุดก็ถูกกดดันจนถึงทางตัน ใช้วิชาต้องห้าม เผาพลังชีวิตแล้ว สุดท้ายเขาต้องยืนมองดูลูกชายหายวับไปกับตา

และเย่เซิ่งเทียนหลานชายของเขา เขาก็ยิ่งเข้าใจดีว่าเป็นคนที่ดื้อดึงอย่างไร

นั่นเป็นนิสัยที่ยอมตายดีกว่ายอมแพ้

สุดโต่งยิ่งกว่าเย่ห้าว และก็เด็ดขาดมากยิ่งกว่าเย่ห้าว

เขาไม่อยากสูญเสียหลานชายอีกแล้ว

เย่เซิ่งเทียนถอนหายใจ เงยหน้ามองเขา พูดอย่างจริงจังว่า“ให้ผมเถอะ ผมรู้ว่าในใจของคุณคิดอะไร คุณวางใจ หากไม่หมดหนทาง ผมไม่มีทางใช้วิชาต้องห้าม ผมก็ไม่มีทางไปตายง่ายๆ ไม่ได้กำจัดสรวงสวรรค์ ผมก็ไม่มีทางตาย ผมยังต้องแก้แค้น ไม่ได้อยากตายขนาดนั้น”

ดวงตาแก่ๆของเย่จิงหงมองเย่เซิ่งเทียนอย่างอ้อนวอน พูดอย่างแหบแห้ง “เซิ่งเทียน อย่าเอาเลย ฉันขอร้องแกละอย่าเอาเลย จะต้องมีทางเลือกอื่นแน่นอน”

เย่เซิ่งเทียนตบๆที่ไหล่ของเขาแล้ว พูดว่า “คุณปู่ ให้ผมเถอะ ผมรู้ว่าในใจปู่คิดอะไร คุณวางใจได้ ผมไม่มีทางตายง่ายๆ แม่ของผมยังไม่ได้รับการช่วยเหลือออกมา ยังมีความแค้นที่ยิ่งใหญ่ที่ยังไม่ได้แก้แค้นเลย ผมหวงแหนชีวิตกว่าใครเขา ยิ่งไปกว่านั้น ผมมีวิชาต้องห้ามแล้ว เท่ากับว่ามีวิธีรักษาชีวิต อีกอย่าง ปู่รู้นิสัยของผมดี มีวิชาต้องห้ามแล้วผมอาจจะยิ่งระวังมากขึ้นหน่อย ไม่มีวิชาต้องห้าม ผมก็ต้องไปจัดการสรวงสวรรค์เหมือนกัน”

เย่จิงหงรู้สึกแย่อย่างมาก ชายชราน้ำตาไหลอาบหน้าแล้ว

โชคชะตาที่โคตรระยำนี่

สรวงสวรรค์ที่โคตรระยำ

ทำไมจะต้องมาทรมานตระกูลของพวกเราให้ได้

เย่จิงหงพูดพึมพำกับตัวเอง “ฉันสูญเสียพ่อไป สูญเสียลูกชายไปแล้ว หลานชายของฉันก็จะเดินมาถึงขั้นนี้อีก แต่คนที่ทุพพลภาพอย่างฉันจะทำอะไรได้ เมื่อก่อนฉันมักจะรังเกียจที่ห้าวเอ๋อร์ไม่มีประโยชน์ แต่ตัวฉันเองไม่ใช่ขยะที่ไหนกัน?”

เย่เซิ่งเทียนพูดปลอบใจว่า “คุณปู่ นี่เป็นชะตาของคนตระกูลเย่ของเรา เกิดมาเพื่อที่จะต่อสู้กับชะตาชีวิตที่ไม่ยุติธรรมนี้ ภารกิจของคนตระกูลเย่อย่างเรา ก็คือกำจัดพวกเศษสวะของสรวงสวรรค์นั่น คุณทวดล้มเหลวแล้ว พ่อผมล้มเหลวแล้ว พวกเราจะยอมแพ้เพราะความล้มเหลว ปล่อยให้พวกเขาฆ่าแกงไม่ได้ เส้นทางที่เหลือ ถึงคราวที่ผมจะต้องเดินแล้ว ความรับผิดชอบที่เหลือ ถึงคราวที่ผมจะแบกรับแล้ว คุณปู่ นี่เป็นโอกาสเดียวของพวกเรา”

เย่จิงหงเจ็บปวดจนหัวใจชักกระตุก ก็เหมือนกับมีคนเอามีด ทิ่มแทงในหัวใจของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน

ทุกคนต่างก็รู้ว่าเย่เซิ่งเทียนชะตาชีวิตลำบาก แต่ชะตาชีวิตของเย่จิงหงไม่ลำบากที่ไหนกันละ?

พ่อของเขาตายแล้ว ตัวเองยังต้องกล้ำกลืนความเจ็บช้ำน้ำใจ เพื่อปกป้องคนในครอบครัว ตัดสินใจทำเรื่องที่ไร้คุณธรรมขัดต่อหลักการ

ตอนนี้เขาเห็นลูกชายหายวับไปกับตา หลานชายก็จะเดินบนเส้นทางของพ่อและลูกชาย แต่เขาไม่มีกำลังพอที่จะทำอะไรได้

เขาไม่ทุกข์ที่ไหนกันละ?

ถ้าหากว่าเขาเป็นคนที่จิตใจโหดเหี้ยมเยี่ยงหมาป่าจริงๆ จากนิสัยของอดีตจอมพลเจียงลั่วเสิน จะปกป้องเขาได้ยังไงกัน

พวกหยางทาวนั่นจะวางใจกับอำนาจของตระกูลเย่ได้ยังไงกัน?

เพราะว่าพวกเขาต่างก็รู้ เย่จิงหงที่รอดชีวิตต่างหาก ที่ทุกข์ทรมานที่สุด

“ก็ได้ ฉันให้แก ฉันให้แก”

เย่จิงหงหลับตาลงแล้ว น้ำตายังคงไม่หยุดไหล น้ำตาไหลอาบหน้า

นี่คือชะตากรรมของคนตระกูลเย่

เขารู้ ตัวเองขัดขวางไม่ได้

ตอนนั้นพ่อรนหาที่ตายอย่างไม่คิดถอยกลับหลัง ลูกชายก็ตายแล้ว ตอนนี้หลานชายก็จะเหยียบบนเส้นทางนี้อีก

เขานอกจากสนับสนุนการรนหาที่ตายของพวกเขาแล้ว จะทำอะไรได้อีกล่ะ?