ตอนที่ 752 คัดเลือกผู้มากพรสวรรค์

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ณ จวนตระกูลฉื่อ ฉินอวี้โม่ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีในฐานะแขกคนสำคัญของตระกูล

“ท่านลุงฉื่อ ข้าต้องขออภัยด้วยจริง ๆ ที่นำพาปัญหาเหล่านี้มาสู่ท่านและตระกูลฉื่อ”

ฉินอวี้โม่กล่าวขอโทษอย่างจริงใจ นางทราบดีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้จะนำพาปัญหามากมายมาสู่ตระกูลฉื่อ จูปี้และตระกูลจูจะไม่มีทางยอมรามือง่าย ๆ แน่ เมื่อจอมยุทธ์ราชาเซียนออกมาจากการเก็บตัว พวกเขาจะต้องประกาศสงครามครั้งใหญ่เพื่อชำระความแค้นอย่างแน่นอน

“แม่นางอวี้โม่ ไม่ต้องขอโทษหรอก เจ้าเป็นลูกพี่ของบุตรตัวดีของข้าและแน่นอนว่านั่นหมายถึงว่าเจ้าเป็นคนของตระกูลฉื่อแล้วเช่นกัน แม้พวกเราจะมีฝีมือไม่มากนัก แต่เราก็ไม่มีทางปล่อยให้สมาชิกของตระกูลถูกรังแกได้เด็ดขาด !”

จากนั้นฉื่อซิ่งก็มองแหวนมิติวงหนึ่งที่ฉินอวี้โม่ยื่นมาให้ตนโดยไม่คิดจะรับมันไว้

“ลุงฉื่อเจ้าคะ สิ่งของเหล่านี้มิใช่สำหรับคำขอโทษเจ้าค่ะ ข้าได้หินน้ำตาลร้อยปีจากจูปี้มาแล้วและมันก็เป็นประโยชน์กับข้ามาก อีกอย่าง…พี่น้องตระกูลฉื่อก็ทุ่มเทต่อสู้เพื่อปกป้องข้า ข้าอยากจะตอบแทนพวกเขาเจ้าค่ะ”

ฉินอวี้โม่รู้สึกชื่นชมในท่าทีสงบนิ่งของฉื่อซิ่งมากยิ่งขึ้นและกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

“ฮ่า ๆ ๆ ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจล่ะ ข้าขอขอบคุณแม่นางอวี้โม่แทนคนเหล่านั้นด้วย”

ฉื่อซิ่งหัวเราะเสียงดังและไม่วางท่าอีกต่อไปพร้อมรับแหวนมิติจากฉินอวี้โม่แต่โดยดี

ทว่าเมื่อสำรวจดูสิ่งของภายในแหวน เขาก็ถึงกับตกตะลึงนิ่งงันไปทันที

“อะแฮ่ม ท่านผู้นำขอรับ แม่นางอวี้โม่ยังมองอยู่นะขอรับ”

พ่อบ้านตระกูลฉื่อกระแอมเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของผู้นำตระกูล ท่านผู้นำทำตัวน่าขายหน้าจริง ๆ มันก็แค่แหวนวงหนึ่งเท่านั้น มันจะมีสิ่งใดที่น่าตกตะลึงจนออกนอกหน้าเช่นนี้กัน ?

“เจ้าดูเองเถิด แล้วบอกข้าว่าข้ามองผิดไปหรือไม่ ?”

ฉื่อซิ่งเรียกสติกลับมาและยื่นแหวนมิติให้กับพ่อบ้านพลางส่ายศีรษะอย่างแรงและครุ่นคิดว่าภาพที่เห็นเมื่อครู่นี้เป็นอย่างที่เขาคิดจริง ๆ หรือไม่

“นี่มัน…”

พ่อบ้านรู้สึกอับอายเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของผู้นำเมื่อครู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในแหวนมิติด้วยตาตัวเอง เขาก็ตกตะลึงเช่นกันและสีหน้าท่าทางไม่ต่างจากฉื่อซิ่งก่อนหน้านี้เลยสักนิด

ภายในแหวนมิติที่ฉินอวี้โม่มอบให้เต็มไปด้วยอาวุธอุปกรณ์คุณภาพดีและโอสถระดับสูงอีกไม่น้อย ต่อให้ตระกูลฉื่อของพวกเขาเป็นตระกูลใหญ่ที่มีอิทธิพลในอำเภอนี้พอสมควรก็ไม่มีทางที่จะรวบรวมของมีค่าได้มากถึงเพียงนี้

โอสถนับร้อยชนิดที่สามารถพัฒนาความเร็วในการฝึกยุทธ์เพียงอย่างเดียวก็เรียกได้ว่าเกินเอื้อมสำหรับตระกูลฉื่อของพวกเขา นับประสาอะไรกับตระกูลฉื่อ กล่าวได้ว่าแม้ทั้งอำเภอซ่างหยวนก็ไม่มีทางรวบรวมโอสถที่วิเศษได้มากถึงเพียงนี้

“แม่นางอวี้โม่ ของพวกนี้มีค่ามากเกินไป…”

ก่อนหน้านี้ฉื่อซิ่งยังไม่กล่าวสิ่งใด ทว่าพ่อบ้านที่เรียกสติกลับคืนมาอย่างรวดเร็วก็อดกล่าวออกไปไม่ได้

จากนั้นเขาก็สบตากับฉื่อซิ่งราวกับเป็นความเข้าใจที่ตรงกันทั้งสองฝ่าย แม้ไม่ทราบแน่ชัดว่าฉินอวี้โม่ผู้นี้มาจากที่ใด พวกเขาก็มั่นใจว่าตัวตนของนางไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน จอมยุทธ์ธรรมดาทั่วไปจะมีสมบัติล้ำค่าอยู่กับตัวมากมายเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?

“พ่อบ้านฉื่อ มันเป็นเพียงการแสดงความขอบคุณเท่านั้น ท่านไม่ต้องกังวลหรอก ในเมื่อลุงฉื่อกล่าวว่าการที่ข้าเป็นลูกพี่ของฉื่อไท่หลางก็หมายความว่าข้าเป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลฉื่อ เพราะฉะนั้นไม่ต้องคิดมากหรอกเจ้าค่ะ”

ฉินอวี้โม่ยิ้มบาง ๆ และกล่าวตอบพร้อมรอยยิ้ม สิ่งของทั้งหมดในแหวนมิติวงนั้นล้วนเป็นสิ่งที่นางรวบรวมมาในช่วงเวลาที่นางอยู่ในดินแดนเทพมายา แม้ความแข็งแกร่งของผู้คนในดินแดนมหาเทพแห่งนี้จะเหนือยิ่งกว่าดินแดนระดับต่ำมาก ทว่าทักษะการหลอมอุปกรณ์และโอสถก็ถือว่าใกล้เคียงกัน อุปกรณ์และอาวุธมากมายที่นางหลอมขึ้นมารวมถึงโอสถเหล่านี้ก็ถือว่ามากพอที่จะก่อตั้งขุมกำลังระดับสองได้เลย ยิ่งไปกว่านั้น ส่วนที่นางมอบให้ฉื่อซิ่งเป็นเพียงหนึ่งในสิบส่วนจากทั้งหมดที่นางมีเท่านั้น

“ใช่แล้ว ไม่ต้องเกรงใจลูกพี่หรอก”

ฉื่อไท่หลางพยักศีรษะกล่าวเสริมโดยไม่ทราบว่าสิ่งของภายในแหวนมิติคือสิ่งใด ทว่าเมื่อเห็นทั้งบิดาและพ่อบ้านของตนตกตะลึง เขาก็รู้สึกสบายใจอย่างมาก

“เจ้าลูกตัวดี เจ้าจะไปรู้อะไรเล่า !”

ฉื่อซิ่งตวัดสายตามองบุตรชายเล็กน้อยก่อนเก็บแหวนมิตินั้นไว้

“ถ้าเช่นนั้นข้าจะไม่เกรงใจล่ะ แม่นางอวี้โม่ นับจากนี้ไปข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้อาวุโสของตระกูลฉื่อ หากเจ้าต้องการสิ่งใดก็บอกได้ทุกเมื่อ ตราบใดที่เราทำได้ เราจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน”

หลังจากได้พูดคุยกันพักใหญ่ ฉื่อซิ่งและสมาชิกของตระกูลฉื่อต่างก็ยอมรับในตัวตนของสตรีผู้นี้ นางไม่เพียงแต่เป็นคนเรียบง่ายสบาย ๆ เท่านั้น ทว่านางยังเป็นคนใจกว้างและมีน้ำใจ อีกทั้งก็ยังไม่หวาดหวั่นแม้ประจันหน้ากับศัตรูที่ทรงพลัง ไม่มีทางเลยที่ผู้ใดจะไม่รู้สึกชื่นชมนาง

“ข้าจะไปรายงานเรื่องนี้กับคนอื่น ๆ หากมีผู้อาวุโสที่งดงามเช่นนี้อยู่ในตระกูล ต่อไปทุกคนคงจะฝึกฝนกันอย่างขยันขันแข็งมากขึ้น”

พ่อบ้านฉื่อไม่รอให้ฉินอวี้โม่ปฏิเสธด้วยซ้ำและรีบออกไปประกาศข่าวทันที

“อะไรนะ ?! นับจากนี้แม่นางอวี้โม่จะกลายเป็นผู้อาวุโสของตระกูลฉื่อของเรางั้นรึ ?!”

บรรดาศิษย์ของตระกูลต่างกันหันมองหน้ากันด้วยความตื่นเต้น ข่าวเรื่องนี้ทำให้พวกเขาแทบบ้าคลั่ง

“ถูกต้อง แม่นางอวี้โม่ตกปากรับคำแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น นางก็มีของขวัญตอบแทนพวกเจ้าทุกคนและข้าจะแบ่งจัดสรรให้ในภายหลัง”

พ่อบ้านพยักศีรษะและกล่าวพร้อมรอยยิ้มชัดเจนบนใบหน้า

“เยี่ยมไปเลย การที่ตระกูลฉื่อของเรามีผู้อาวุโสที่งดงามเพียงนี้ ตระกูลของเราจะมีหน้ามีตามากขึ้นเช่นกัน”

ศิษย์คนหนึ่งกล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้างแสดงความสุขใจอย่างไม่ปิดบัง

“ใช่ ผู้อาวุโสอวี้โม่ทั้งงดงาม แกร่งกล้าและองอาจกล้าหาญยิ่งนัก หากมิใช่เพราะนางแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ข้าก็คงจะลองเสี่ยงดวงดูสักตั้ง”

ศิษย์อีกคนกล่าวอย่างชื่นชม

แม้ยังไม่ได้เห็นฉินอวี้โม่แสดงฝีมือที่แท้จริงออกมา ทว่าไม่ทราบเช่นกันว่าเพราะเหตุใดเขากลับรู้สึกได้ว่าความแข็งแกร่งของนางจะต้องเหนือชั้นมากเป็นแน่ ในตอนที่ประจันหน้ากับตระกูลจูก่อนหน้านี้ ฉินอวี้โม่ก็ไม่มีท่าทีหวาดหวั่นแม้แต่น้อยและนั่นทำให้พวกเขาชื่นชมเป็นที่สุด

“พอเถอะ เราไม่คู่ควรกับผู้อาวุโสอวี้โม่หรอก อย่างไรก็ตาม หากได้พูดถึงหลังจากนี้ว่านางเป็นผู้อาวุโสตระกูลเรา ข้าก็รู้สึกภูมิใจมากแล้ว”

ศิษย์อีกคนตระหนักถึงความเป็นจริงดี อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกว่าฉินอวี้โม่คนงามเข้าร่วมตระกูลฉื่อและสามารถโอ้อวดกับคนอื่น ๆ ว่าฉินอวี้โม่เป็นผู้อาวุโสของพวกเขา เพียงเท่านี้ก็ทำให้พวกเขาเชิดหน้าชูตาในสังคมได้แล้ว

แน่นอนว่าไม่มีศิษย์คนใดคัดค้านและสมาชิกตระกูลฉื่อทุกคนต้อนรับฉินอวี้โม่ด้วยความยินดี พวกเขาเป็นตระกูลที่เป็นปึกแผ่นเดียวกันมาก หากไม่เป็นเช่นนี้ พวกเขาคงไม่สามารถต่อกรกับตระกูลจูมาได้เป็นระยะเวลานาน แม้ตระกูลจูจะมีจอมยุทธ์ราชาเซียนผู้ทรงพลังอยู่ ศิษย์ตระกูลฉื่อทั้งหมดก็ไม่หวาดหวั่น

ในเวลานี้ ภายในห้องโถง ฉื่อซิ่งก็ตัดสินใจยื่นแหวนมิติให้บุตรชายได้เห็นด้วยตาตัวเอง

แน่นอนว่าฉื่อไท่หลางเองก็ตกตะลึงเช่นเดียวกับบิดาและพ่อบ้าน ทว่าอาการของเขาดีกว่ามาก หลังจากพ่ายแพ้ต่อฉินอวี้โม่ในครานั้น เขาก็ทราบได้ทันทีว่าสตรีผู้นี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน การที่นางมีสมบัติเหล่านี้ก็ถือเป็นเรื่องปกติ ใบหน้าของเขาในตอนนี้ประดับด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างมีความสุขและดูจะภาคภูมิใจอย่างมาก การที่ฉินอวี้โม่เป็นลูกพี่ของเขา ไม่อาจทราบได้เลยว่าศิษย์คนอื่น ๆ ของตระกูลฉื่อจะอิจฉากันเพียงใด…

“ท่านลุงฉื่อ คนตระกูลจูไม่มีทางยอมแพ้ง่าย ๆ แน่ ท่านช่วยเล่าถึงสถานการณ์ของตระกูลจูให้ข้าฟังเถอะเจ้าค่ะ เราจะได้เตรียมตัวรับมือล่วงหน้า”

ฉินอวี้โม่กล่าวเปิดประเด็นขึ้นมา การที่นางมีปัญหาบาดหมางกับตระกูลจูเช่นนี้ หากยังสะสางปัญหานี้ไม่ได้ นางก็ไม่คิดจะไปจากอำเภอซ่างหยวน เพราะเหตุนั้น นางจึงต้องการทราบว่าตระกูลจูเก่งกาจหรือทรงพลังอย่างไร นี่คือการรู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้ง

“แม่นางอวี้โม่ ไม่ต้องคิดมากหรอก ตระกูลจูไม่มีทางยอมแพ้ก็จริง ทว่าในช่วงเวลาอันใกล้นี้พวกเขาจะไม่เคลื่อนไหวออกมาแน่”

ฉื่อซิ่งยิ้มและกล่าวด้วยสีหน้าใจเย็น

“ใช่แล้วลูกพี่อวี้โม่ ช่วงนี้มีเรื่องสำคัญอยู่จริง ๆ ตระกูลจูจะไม่ทำอะไรพวกเราตระกูลฉื่อหรอก”

ฉื่อไท่หลางทราบถึงเรื่องนี้เช่นกันและพยักศีรษะยืนยันก่อนอธิบายต่อฉินอวี้โม่

ปกติแล้วในทุก ๆ ห้าปีทั้งสามสำนักและเก้านิกายของดินแดนมหาเทพจะจัดการคัดเลือกศิษย์ผู้มีพรสวรรค์จากหลากหลายแห่งทั่วดินแดน และปีนี้ก็บังเอิญเป็นปีของการคัดเลือกพอดิบพอดี

เมืองใหญ่ทุกเมืองจะเลือกศิษย์ที่โดดเด่นของตนส่งเข้าร่วมการคัดเลือกนี้ ส่วนจะได้รับเลือกหรือเป็นที่ถูกใจของสามสำนักและเก้านิกายหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเขาเอง

และแน่นอนว่ามณฑลชิงโจวก็จะส่งคนไปเข้าร่วมการคัดเลือกเช่นกัน

บรรดาศิษย์เหล่านั้นจะไม่ได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า ทว่าเมืองเล็กแต่ละเมืองจะเลือกศิษย์สิบคนที่มีอายุน้อยกว่าสามสิบปีส่งไปที่เมืองหลักของมณฑลเพื่อแข่งขันกัน และท้ายที่สุดศิษย์ห้าสิบคนแรกที่ผ่านไปได้ก็จะถูกส่งไปเข้าร่วมการคัดเลือกของสามสำนักและเก้านิกายต่อไป

ซึ่งอำเภอซ่างหยวนก็จะต้องส่งตัวแทนไปทั้งหมดสิบคน

ในฐานะที่เป็นสองตระกูลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในอำเภอนี้ แน่นอนว่าตระกูลฉื่อและตระกูลจูก็จะต้องส่งคนเข้าร่วมการคัดเลือกเพื่อให้เข้าไปที่เมืองหลักและผ่านเข้ารอบลึก ๆ ไปให้ได้

ในตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนก่อนถึงการคัดเลือก แม้ว่าตระกูลจูจะพ่ายแพ้อย่างเสียหน้าเมื่อวานนี้ ทว่าเพื่อการคัดเลือกดังกล่าว พวกเขาก็ไม่จะทำสงครามชำระความแค้นภายในเดือนนี้อย่างแน่นอน ถึงอย่างไร หากศิษย์ของตระกูลได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสามสำนึกหรือเก้านิกาย นั่นจะเป็นเกียรติยศอันสูงสุดของตระกูล และหากเปรียบเทียบกัน การต่อสู้ระหว่างตระกูลทั้งสองเป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ ที่ไม่คู่ควรแก่การกล่าวถึงด้วยซ้ำ

ฉินอวี้โม่เข้าใจอย่างง่ายดายและเกิดความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจ หากได้เข้าร่วมการคัดเลือกนี้และมีโอกาสเข้าร่วมหนึ่งในสามสำนักและเก้านิกายเหล่านั้น นางก็จะสืบข่าวเกี่ยวกับมารดาได้เร็วขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น หากหานโม่ฉือและคนอื่น ๆ ทราบเกี่ยวกับการคัดเลือกนี้ พวกเขาจะต้องหาทางเข้าร่วมให้ได้อย่างแน่นอน ด้วยความสามารถและพรสวรรค์ที่มี พวกเขาก็น่าจะเข้าสู่รอบสุดท้ายได้ไม่ยากและในตอนนั้นทุกคนจะได้พบหน้ากันอีกครั้ง…

“แม่นางอวี้โม่ ข้าได้ยินว่าเจ้ามีเรื่องอยากให้พวกเราช่วยอย่างนั้นหรือ ? ไม่ทราบว่ามันคือเรื่องใดรึ ?”

หลังจากนั่งอยู่ในห้องโถงพักใหญ่และโบกมือส่งสัญญาณให้ผู้อาวุโสหลายคนของตระกูลกลับไปโดยเหลือไว้เพียงคนที่ไว้วางใจมากที่สุดไม่กี่คน ฉื่อซิ่งก็เอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา

“ท่านลุงฉื่อ อันที่จริง…ข้าไม่ได้มาจากดินแดนนี้เจ้าค่ะ”

ฉินอวี้โม่ลังเลเล็กน้อยและตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาให้ฉื่อซิ่งได้ทราบ รวมถึงภูมิหลังของตนและจุดประสงค์ของการมาที่นี่

ฉื่อซิ่ง ฉื่อไท่หลางและคนอื่น ๆ ที่ยังอยู่ในห้องโถงก็มีสีหน้าโศกเศร้าเล็กน้อยทว่ารู้สึกชื่นชมฉินอวี้โม่ยิ่งกว่าเดิม

“ไม่แปลกใจเลยที่ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเจ้ามาก่อน”

ฉื่อซิ่งถอนหายใจเล็กน้อยและกล่าวออกไป ไม่มีทางเลยที่สตรีงดงามและไม่ธรรมดาอย่างฉินอวี้โม่จะไร้ชื่อเสียงในดินแดน และการที่เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับนางมาก่อน แท้ที่จริงก็เป็นเพราะนางมาจากดินแดนอื่นนี่เอง

“ลูกพี่อวี้โม่ ไม่ต้องห่วง ข้าจะส่งคนออกไปสืบข่าวคราวของพวกเขา”

ฉื่อไท่หลางยืนขึ้นและเดินแยกออกไปทันทีเพื่อจัดการเตรียมส่งคนออกไปสืบหาเบาะแสของหานโม่ฉือและคนอื่น ๆ

“แม่นางอวี้โม่ ไม่ต้องกังวลไป ข้าคิดว่าเจ้าควรที่จะเข้าร่วมการคัดเลือกของอำเภอซ่างหยวน ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า ข้าเชื่อว่าเจ้าจะติดสิบอันดับแรกได้ไม่ยาก หลังจากนั้นเจ้าก็จะได้ไปที่เมืองหลักของมณฑลชิงโจวและเข้าสู่รอบต่อไป หากสหายเหล่านั้นอยู่ที่มณฑลแห่งนี้ พวกเขาก็จะต้องไปที่นั่นแน่ แต่ถ้าหากว่ามิใช่ ตราบใดที่พวกเขาผ่านการคัดเลือกไปสู่รอบลึก ๆ พวกเจ้าก็จะได้พบกันอย่างแน่นอน”

ฉื่อซิ่งเป็นคนชาญฉลาดไม่น้อยและเพียงแค่ครู่เดียวเขาก็เกิดความคิดเช่นนี้ขึ้นมา

ผู้ที่เดินทางข้ามดินแดนมาพร้อมกับฉินอวี้โม่จะเป็นเพียงบุคคลธรรมดา ๆ ได้อย่างไร ? พรสวรรค์ของคนเหล่านั้นจะต้องน่าทึ่งไม่ต่างกัน และพวกเขาจะต้องเข้าร่วมการคัดเลือกประจำปีนี้อย่างแน่นอน ซึ่งสุดท้ายแล้วฉินอวี้โม่และสหายเหล่านั้นก็จะได้พบกันอีกครั้ง