ทวนค่อยๆ ดึงออกมาจากท้องจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ทีละน้อย เฉกเช่นต้นไผ่ที่งอกจากดินโคลนในป่าหลังฝน แต่สิ่งที่ติดอยู่มิใช่หยดน้ำหากแต่เป็นเลือด เลือดหงส์อาบย้อมลำทวน เปียกโชกมือนาง หยดลงบนหินปูพื้นที่ยอดเขาสุสานเทียนซู ครั้นแล้วก็เผาไหม้อย่างรุนแรงประดุจเพลิงศักดิ์สิทธิ์
ร่างนางดูแจ่มชัดในแสงเพลิง ผมดำสั่นพลิ้วอย่างบ้าคลั่ง ปีกหงส์ทอดยาวไปยังความมืดมิดที่หม่นมัวกว่าเดิม
เสียงหงส์ร้องที่เกรี้ยวกราดรุนแรงจนแทบคลุ้มคลั่งดังออกมาจากยอดเขาสุสานเทียนซูสู่ทุกส่วนของโลก ในพริบตามันก็ดังก้องไปทั่วจิงตู ผู้บำเพ็ญเพียรที่ระดับขั้นไม่สูงนักตกใจจนสลบไปในทันที บางคนที่อยู่ใกล้ถึงกับร่างระเบิดกลายเป็นบุปผาโลหิต
ในที่สุดทวนก็ถูกดึงออกมาจนหมด อยู่ในกำมือจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่
นางยืนอยู่บนยอดเขาสุสานเทียนซูอาบชุ่มไปด้วยเลือด ประหนึ่งจะล้มลงได้ทุกเมื่อ
ท้องฟ้าราตรีไร้ซึ่งเมฆหมอก แต่กลับมีฝนหยดลงมาบนใบหน้างามไร้ที่เปรียบของนาง
ดูเหมือนว่านางจะล้มลงได้ทุกขณะแต่สุดท้ายนางไม่ได้ล้มลง
สายฟ้าฟาดลงมาพร้อมเสียงกระหึ่ม ส่องสว่างยอดเขาสุสานเทียนซูขับไล่หยดน้ำฝนออกไป ทำให้ทุกคนมองเห็นภาพบนยอดเขา
ทวนตกลงพร้อมกับสายฟ้า
ทวนหิมาลัยเทวาตกลงบนยอดเขาสุสานเทียนซู ทว่ามือซ้ายนางยังกำแน่น สุสานเทียนซูสั่นสะเทือนอย่างแรงในทันที
นางโบกมือขวา แผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์ในมือขวาฟาดใส่ความมืดตรงหน้าสุสานเทียนซู
ดูเหมือนไม่มีสิ่งใดในความมืด ทว่ายามที่แผ่นป้ายอนุสรณ์รัศมีจรัสจ้าเกิดเสียงกรีดอากาศ ก็แหวกทางบนท้องฟ้าไปถึงซากปรักหักพังที่อยู่ห่างไปหลายลี้ทางตอนใต้ของจิงตู
ใบไม้ครามบนแผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์แหลกไประหว่างนี้ แตกกระจายเป็นเส้นใยจำนวนนับไม่ถ้วนม้วนอยู่รอบสังฆราช
สังฆราชยื่นมือยกใบไม้ครามขึ้นสู่ท้องฟ้าราตรีและนำลงมาตรงหน้าเขา
ในความเงียบงัน แสงกระจ่างใสฉายขึ้นและหายไป แผ่นป้ายอนุสรณ์รัศมีจรัสจ้าอันตรธาน กลับคืนสู่ที่ตั้งของมันในสุสานเทียนซู
ใบไม้ครามก็หายไปอย่างแท้จริง ในกระถางเหลือเพียงแค่สามใบเท่านั้น
……
……
ร่างจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ เต๋าและดวงจิตต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่มีโอกาสรอดชีวิตแม้แต่น้อย นางกำลังจะกลับสู่ทะเลดวงดาวแล้ว
นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนยืนยันแล้ว แต่พวกเขาก็ยืนยันได้อีกเช่นกันว่าในฐานะผู้ปกครองต้าลู่ที่แท้จริงหลังจักรพรรดิไท่จง ผู้แข็งแกร่งที่ทิ้งรอยจารึกไว้ในประวัติศาสตร์อย่างไม่อาจลบได้ จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ย่อมไม่ยอมตายไปเงียบๆ ด้วยว่าไม่สมกับนิสัยนางแม้แต่น้อย
ก่อนนางจะจากโลกมนุษย์ กลับคืนสู่ทะเลดวงดาว นางจะทำเรื่องบ้าคลั่งเช่นไร นางจะนำสิ่งใดไปสู่ความดับสูญพร้อมกับนางบ้าง ไม่มีใครรู้
จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ยืนอยู่บนยอดเขาและมองลงมายังโลก สีหน้าเรียบเฉย ร่างที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือด ดูดั่งเทพและดุจมาร
ทั่วโลกเริ่มรู้สึกหวาดกลัว
ทะเลบัวเกิดคลื่น ดอกบัวเบ่งบานห้อมล้อมอู๋ฉยงปี้ไว้ภายใน
หลังจากทำทั้งหมดนี้แล้ว เปี๋ยยั่งหงก็พาร่างที่บาดเจ็บสาหัสของตนไปยืนอยู่ตรงหน้าเหมาชิวอวี่
มู่จิ่วซือได้หายไปนานแล้ว ผู้อาวุโสจากตระกูลใหญ่และพรรคต่างๆ ล่าถอยเข้าสู่ความมืดอีกครั้ง ไม่กล้าสู้สายตาจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ ทุกคนรอให้เวลาสุดท้ายมาถึงแต่พวกเขาก็รู้ดีว่าการโจมตีครั้งสุดท้ายของจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ก่อนไปจากโลกนี้ ย่อมเป็นของพวกคนสำคัญเหล่านั้นไม่ใช่ตัวพวกเขา
จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่มองไปทางลั่วหยาง
ความมืดเบื้องหน้าอารามแหลกสลายไป หงส์หมอกแหลกสลายไปพร้อมกัน เปลี่ยนเป็นรอยแยกมิติมากมายที่พุ่งเข้าหานักพรตจี้
สีหน้านักพรตจี้เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดในทันที ถ้อยคำแปลกประหลาดและยากเข้าใจดังออกมาจากปากเขา และกระบี่ไม้ก็ลอยออกจากซากปรักหักพังของอาราม เปลี่ยนสภาพเป็นลำแสงเจิดจ้าที่ดูเหมือนจะตัดความมืดมิดอย่างวุ่นวาย ในเวลาเดียวกันร่างเขาก็หายตัวหลบหนีไปไกลแสนไกล
เลือดจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งผ่านท้องฟ้าราตรีเหนือเมืองลั่วหยาง เลือดแต่ละสายยาวนับสิบลี้
นักพรตจี้โผล่ออกมาจากท้องฟ้าราตรีตกลงบนถนน ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดและบาดแผลมากมาย
แม้จะใช้คัมภีร์เล่มสุดท้ายของสามพันมหามรรคอย่างภาษามังกรและกระบี่ไม้ เขาก็ยังไม่อาจต้านทานวิชาเต๋าของจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ได้ อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วเขาก็ยังรอด
จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ไม่สนใจลั่วหยาง ดึงสายตากลับมามองไปทางถนนไร้นามในจิงตู
ในครั้งนี้ สังฆราชยืนบนถนน ยืนในน้ำที่เจิ่งนอง ท่ามกลางซากปรักหักพังและซากศพ
สังฆราชมองขึ้นไปบนยอดเขาสุสานเทียนซู ยังโลกอันเต็มไปด้วยภัยพิบัติและค่ำคืนอันโชคร้าย ใบหน้าชราเปี่ยมไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
ทั่วโลกเงียบอย่างที่สุด รอดูการต่อสู้ครั้งสุดท้ายระหว่างสองนักปราชญ์
สังฆราชพลันวางใบไม้ครามในมือลง
เสียงร้องตกใจดังมาจากความมืด ไม่นานจากนั้น เสียงหวีดหวิวนับไม่ถ้วนก็ดังขึ้นเมื่อยอดฝีมือจำนวนมากของพระราชวังหลีพุ่งออกมาอย่างเต็มกำลังโดยไม่สนใจสายตาจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่
เพราะพวกเขารู้ดีว่าสังฆราชได้ตัดสินใจปล่อยวางแล้ว
สังฆราชเตรียมที่จะจากโลกนี้ไปพร้อมกับจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ กลับคืนสู่ทะเลดวงดาว!
เวลาเหมือนจะผ่านไปอย่างช้าๆ ทว่าในความเป็นจริง ก็ดำเนินไปด้วยความเร็วเช่นปกติ
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
โลกยังเงียบอย่างมาก
ใบไม้ครามลอยอยู่ในน้ำซึ่งเต็มไปด้วยซากศพและเศษซากปรักหักพัง
บนยอดเขาสุสานเทียนซู มุมปากจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ยกขึ้นเผยรอยยิ้มเยาะ
นางเยาะเย้ยคนที่เคยเป็นพวกเดียวกัน
ไม่น่าสนใจเลย
ทำไมเราต้องทำตามใจเจ้าด้วย
ขุนพลเทพฮั่นชิงยืนอยู่ที่ต้นถนนเสิน มองขึ้นไปบนยอดเขา ดวงตาเปี่ยมไปด้วยอารมณ์อันซับซ้อน
สังฆราชวางใบไม้ครามลง ทว่าจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ไม่ได้โจมตีเขา
ต่อให้ข้าสามารถวางกล่องข้าวลง เหนียงเหนียงก็คงไม่ปล่อยข้าไปกระมัง
อารมณ์อันซับซ้อนวุ่นวายหายไปในทันทีเมื่อฮั่นชิงสงบใจลง รอเวลาที่ทวนจะพุ่งผ่านร่างเขา
ทันใดนั้นแสงดาวบนยอดเขาเทียนซูก็แตกกระจาย
ทางสายหนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าราตรี ตามมาด้วยเสียงร้องคำรามของทวนเล่มหนึ่ง!
นางโบกมือ ทวนหิมาลัยเทวาพุ่งมาประหนึ่งสายฟ้าพุ่งผ่านความมืดตรงไปยังที่แห่งหนึ่งในจิงตู
นางไม่มองไปที่ฮั่นชิงด้วยซ้ำ ความไม่แยแสนี้แสดงถึงอารมณ์และทัศนคติของนางอย่างแท้จริง
ทวนหิมาลัยเทวากลับสู่ที่ซึ่งมันควรจะอยู่ วังหลวงต้าโจว
เสียงดังทึบลอยมาจากส่วนที่ห่างไปของจิงตู จากนั้นก็เป็นเสียงพังทลายของอาคาร
เบื้องหน้านางคือหอสูงของเขา หอที่เขาสร้างขึ้น
ในไม่ช้าหอสูงจะพังทลายลง เราจะทำลายหอของเจ้า
หอนั้นพังทลายลงจนราบเป็นหน้ากลอง แหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
สิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในจิงตูมานานหลายร้อยปี สัญลักษณ์ราชวงศ์ต้าโจว หอหลิงเยียนหายไปเช่นนี้เอง
……
……
สายฝนยังคงโปรยปรายอยู่เหนือสันเขาเฉิงกง ซากศพกระจัดกระจายอยู่ท่ามกลางแอ่งน้ำฝน ขุนพลเทพอันดับหกของต้าลู่เทียนฉุย ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ภักดีต่อจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่มากที่สุด กองทัพหันโจวที่เขาเป็นผู้นำคือกองที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพภาคเหนือต้าโจว คืนนี้ แม้ว่าพวกเขาจะถูกซุ่มโจมตี ก็ยังต้านทานอย่างแข็งขืนและล้มตายอย่างน่าอนาถที่สุด
เจ้าสำนักเด็ดดารา เฉินกวนซงมองไปที่ศพขุนพลเทพเทียนฉุยที่ลืมตาค้าง ใบหน้าขาวซีดแววตามีประกายขอโทษ คืนนี้ หากมิใช่เพราะว่าเขาแสดงตนในฐานะอาจารย์ที่เคารพและนำกองทัพรวมถึงยอดฝีมือของตระกูลเทียนไห่ทำการซุ่มโจมตีเทียนฉุยได้สำเร็จ ก็คงไม่อาจหยุดการเดินทัพของกองทัพหันโจวได้
“ในฐานะอาจารย์เจ้า ข้าจะทำให้ความหวังสุดท้ายของเจ้าเป็นจริง นำกองทัพบุกเมืองเสวี่ยเหล่า ดังนั้นเทียนฉุย….นอนตายตาหลับเสียเถอะ”
เสียงเรียบเฉยดังขึ้นท่ามกลางสายฝนราตรี
“เจ้าคิดว่าตนเองมีความคุณสมบัติที่จะทำได้หรือ”