ส่วนที่ 4 ภาคความปรารถนาจากบูรพา ตอนที่ 162 ความมืดมิดก่อนรุ่งอรุณ

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

เฉินกวนซงมีอาวุโสอย่างมากในกองทัพต้าโจว มีทักษะล้ำเลิศในเรื่องความอดทน ได้รับความไว้วางใจอย่างลึกซึ้งจากจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ ดูแลสำนักเด็ดดารามานานหลายปี ลูกศิษย์ลูกหาหลายคนทำงานรับใช้ในกองทัพ ความแข็งแกร่งยากหยั่งถึง อีกเพียงครึ่งก้าวก็เข้าสู่เขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ ในการก่อกบฏต้นฤดูใบไม้ร่วงครั้งนี้ เขามีบทบาทสำคัญอย่างมาก หากไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น เขาต้องเป็นผู้นำกองทัพต้าโจวในอนาคต ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของอำนาจร่วมกันกับซางสิงโจว อาจถึงขนาดกลายเป็นผู้บัญชาการกองทัพต้าโจวในการต่อสู้กับเผ่ามารทางเหนือ

อย่างไรก็ตาม เมื่อชัยชนะอยู่ตรงหน้าแล้วเขากลับตาย

เขาตายอย่างน่าอนาถ ถูกเผาจนตายด้วยเพลิงแท้หงส์สวรรค์ ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ได้ตายในทันที แต่ถูกเผาอยู่เป็นเวลานานก่อนจะหมดลมหายใจในที่สุด

ก่อนตาย เขาประสบกับความทุกข์ทรมานที่สุดของมนุษย์

เพราะนี่คือการล้างแค้นของจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่

ก่อนนางจะจากโลกนี้ไป นางได้ล้างแค้นให้กับตัวเอง

ในเวลาเดียวกัน นางก็ได้ล้างแค้นให้กับพวกผู้ใต้บังคับบัญชาผู้ซื่อสัตย์ของนางที่ตายไป

เพียงโบกแขนเสื้อ นางก็เปลี่ยนซากศพขุนพลเทพเทียนฉุยให้กลายเป็นเปลวเพลิง มอบเกียรติให้เขาได้กลับสู่ทะเลดวงดาวพร้อมกับนาง

ครั้นแล้ว นางก็เดินทางหลายหมื่นลี้ บดบังท้องฟ้าพร่างดาวอีกครั้ง ก้าวลงสู่ลำธาร นางตบฝ่ามือลงบนนักบวช

แสงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนตกลงมาพร้อมกับฝ่ามือนาง แม้จะไม่หนักหน่วงแต่ก็สูงส่งอย่างหาใดเปรียบและไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

นักบวชพลิกฝ่ามือ ปะทะกับฝ่ามือนาง เสียงร้องดังออกมาจากภูเขาโดดเดี่ยวในหมอกหนาด้านหลังลำธาร ผสานรวมกับเสียงหวีดหวิวจากฝ่ามือของพวกเขา

ฝ่ามือทั้งสองปะทะกัน นักบวชเข้าใจเจตนาของนางจึงถาม “ท่านไม่คิดที่จะทิ้งเมล็ดพันธุ์เอาไว้แม้สักเมล็ดหนึ่งเลยหรือ”

“เรามีผู้สืบทอดแล้ว” จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ตอบ

นักบวชเชื่อว่านางพูดถึงสวีโหย่วหรง

อันที่จริงแล้วไม่ใช่นาง หรือไม่ใช่แค่นางคนเดียว

“ท่านช่างเป็นคนโดดเด่นอย่างแท้จริง”

นักบวชมองไปที่จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ เลือดไหลออกมาจากดวงตา

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงความเคารพต่อจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่

จากนั้นร่างเขาก็พลันหายไป เปลี่ยนไปเป็นเศษแสงนับไม่ถ้วนหายไปในสุสานเมฆา

ไกลออกไปจนไม่อาจคิดคำนวณได้ ในโลกอีกใบหนึ่ง ในทะเลทรายที่ทรายส่องประกายราวกับหยกมีแท่นบูชาขนาดใหญ่

นักบวชนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นบูชา

ผู้ศรัทธานับหมื่นคุกเข่าในทะเลทรายรอบแท่นบูชา ยกมือขึ้นสู่สวรรค์ สีหน้าเสมือนคนมึนเมา คลุ้มคลั่ง วิกลจริต

ทันใดนั้น พลังจิตจากอีกดินแดนหนึ่งก็ปกคลุมโลกใบนี้และกดลงมาบนพื้นดิน

นักบวชลืมตาขึ้น นัยน์ตาดำขลับ เลือดสองสายไหลออกมาจากหางตา จากนั้นทั่วร่างก็เริ่มมีเลือดไหล

นักบวชสิบกว่าคนรอบแท่นบูชาระเบิด เหล่าผู้ศรัทธาร้องออกมาด้วยความตกใจแล้วเริ่มคร่ำครวญหวนไห้

ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนตายไป ทะเลทรายถูกย้อมจนแดงฉาน

……

……

ในช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตนาง จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ไม่ได้ทำตามที่หลายคนคิดไว้ เปลี่ยนพลังชีวิตเสี้ยวสุดท้ายเป็นพลังอันบ้าคลั่งสังหารคนที่นางไม่ชอบ

สังฆราชวางใบไม้ครามลง ทว่านางไม่โจมตี

ฮั่นชิงไม่ขัดขืนแม้แต่น้อย ทว่านางไม่โจมตี

จวนตระกูลเทียนไห่ยังคงเงียบงัน ทว่านางก็ไม่ได้โจมตี

ทวนของนางได้ทำลายหอหลิงเยียน สะบัดแขนเสื้อเผาเฉินกวงซงจนตาย จากนั้นก็เผาไหม้พลังชีวิตสุดท้ายเพื่อกำจัดนักบวชผู้นั้น

เพราะนักบวชผู้นั้นมาจากดินแดนเซิ่งกวง

หลังจากผ่านไปหลายปี ในยามที่คนในโลกนี้เริ่มติดต่อสื่อสารกับเผ่าพันธุ์อื่นบนดินแดนเซิ่งกวง ในที่สุดพวกเขาจึงเข้าใจความหมายของการที่จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่กำจัดนักบวชจากดินแดนเซิ่งกวงในคืนต้นฤดูใบไม้ร่วง และรู้ว่ามันได้ช่วยซื้อเวลาให้กับคนบนโลกนี้มากแค่ไหน

แน่ทีเดียว จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ไม่ใช่คนดีในสายตาของคนในโลกนี้ อย่าว่าแต่เป็นผู้นำที่เที่ยงธรรมเลย

นางตัดสินใจเลือกเช่นนี้ในช่วงเวลาสุดท้ายเพราะช่วงหลายปีมานี้นางได้เตรียมที่จะทำภารกิจนี้โดยเฉพาะ

แม้ว่าโลกนี้จะทรยศนาง นางก็ยังเชื่อมั่นว่าโลกใบนี้เป็นของนาง

นี่คือโลกของเรา

เมื่อเป็นโลกของเรา เราย่อมปกป้องมัน

ใครก็ตามที่กล้ายื่นมือเข้ามาในโลกของเราก็ต้องถูกตัดมือ

นางคิดเช่นนี้ ดังนั้นนางจึงทำเช่นนี้ และนางก็ทำจริงๆ

……

……

จบลงแล้ว

สิ้นสุดแล้ว

จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่กลับสู่ยอดเขาสุสานเทียนซู

หลังจากตรวจสอบโลกของนางเรียบร้อยแล้ว นางก็หันมามองข้างกายนางอย่างผ่อนคลายในที่สุด

เฉินฉางเซิงอยู่ข้างกายนาง

ช่วงเวลาที่ผ่านมา โลกนี้ลืมไปเลยว่าเฉินฉางเซิงอยู่ข้างนางโดยตลอด

บางทีอาจด้วยความเมตตาต่อผู้เดือดร้อน นางไม่เคยลืมว่าเขาอยู่ข้างกายนาง

นับจากตอนที่ขุนพลเทพฮั่นชิงได้ทรยศแทงทวนออกไป การสนทนาของพวกเขา ตลอดจนนางสำรวจโลกของนางเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งหมดล้วนเกินในเวลาอันสั้น

ยิ่งไปกว่านั้น ร่างเฉินฉางเซิงยังเกร็งๆ อยู่บ้าง เขาจึงยังคงอยู่ในท่าเดิม

เข่าซ้ายงออยู่เล็กน้อย มือซ้ายกำฝักกระบี่ซ่อนคม และมือขวาถือกระบี่ไร้ราคี

ไม่มีใครสังเกตเห็นภาพนี้

ในตอนแรก ยามที่ทวนหิมาลัยเทวามาถึงยอดเขาสุสานเทียนซู เขาก็ทำท่าเช่นนี้

ในตอนนั้น ร่างกาย เต๋าหรือดวงจิตของจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ล้วนไม่อยู่ ไม่มีใครอยู่ที่นี่เพื่อช่วยปกป้องนาง

ทวนหิมาลัยเทวามาถึงแล้ว

เขาไม่ได้คิดถึงสิ่งที่เรียกว่าฝักฝ่าย หรือการที่เขากับนางไม่ใช่แม่ลูกกัน หรือปัญหาอื่นใด เขาคว้ากระบี่ตามสัญชาตญาณ ต้องการที่จะป้องกันทวนนี้จากนาง

เขายังไม่ฟื้นจากอาการบาดเจ็บ ร่างกายก็อ่อนแออย่างยิ่ง ทว่าเขามีกระบี่เลื่องชื่อหลายพันเล่มอยู่ในฝัก รวมทั้งกำไลลูกปัดหิน

แต่กระนั้น นี่คือทวนหิมาลัยเทวา

เป็นทวนศักดิ์สิทธิ์ของฮั่นชิง

ก่อนที่เขาจะมีเวลาตอบสนอง ทวนก็ได้แทงทะลุร่างจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ราวกับสายฟ้า

เขาได้แต่มองสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่อาจทำสิ่งใดได้

กระบี่ของเขาไปไม่ถึง มีเพียงแค่ความตั้งใจ

“เจ้าต้องการจะช่วยเราเช่นนั้นหรือ”

จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ขมวดคิ้วเล็กน้อย

เฉินฉางเซิงไม่รู้จะพูดอะไร

“ด้วยตัวของเจ้าเองน่ะหรือ” จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่เย้ย

จากนั้น ปีกหงส์ดำก็หายไปกับสายลม

ทันใดนั้นรอยยิ้มหยันบนใบหน้าก็จางหายไป นางก็ล้มลงไปด้านหลัง เฉินฉางเซิงพุ่งออกไปรับนางไว้แนบอก

จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่มองไปบนท้องฟ้าพร่างดาวอันกว้างใหญ่ สีหน้าเหยเกปรากฏขึ้นบนใบหน้านางราวกับว่าแสงเจิดจ้าเกินไป

เขาโอบนางไว้ บดบังแสงดาวไว้ด้านหลัง

เฉกเช่นการพบกันครั้งแรกของพวกเขาเมื่อหลายปีก่อน

ในตอนนั้นที่ริมสระน้ำในวังหลวงยามที่กระรอกตัวนั้นวิ่งผ่าน เขาตระกองกอดนาง ใช้ร่างบังนางเอาไว้ ป้องกันกระถางดอกไม้ที่ไม่ได้ตกลงบนหลังของเขา

ฝนเริ่มตกลงมาจากท้องฟ้าราตรีอีกครั้ง เสียงเปาะแปะดังบนพื้นดิน

ดวงดาวสว่างไสวอยู่สูงขึ้นไป

บนขอบฟ้าไกล มีลำแสงจางๆ ทว่าบนยอดเขาสุสานเทียนซูมืดมิดหาใดเปรียบ

ค่ำคืนอันไม่รู้จบในที่สุดก็กำลังจะผ่านพ้นไป รุ่งอรุณกำลังจะมาถึงในไม่ช้า

เฉินฉางเซิงสัมผัสได้ถึงไอปราณที่ฐานสุสานเทียนซู รู้ว่าอาจารย์มาถึงแล้ว

“ข้าจะพาท่านไป” เขากล่าวกับนาง

“แล้วเจ้าจะพาเราไปที่ใด สวนโจวอย่างนั้นหรือ” นางเย้ยเขา

ตอนนั้นเองที่เฉินฉางเซิงตระหนักว่าเหนียงเหนียงรู้ทุกอย่างตลอดมา

“เราจะไม่ไปยังที่ผีสางไร้แสงตะวันนั่นแน่นอน”

จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่มองไปทางบูรพาซึ่งแสงอรุณกำลังมาเยือน ปากกล่าวอย่างเรียบเฉย “ที่แห่งนี้ก็ดีอยู่”