บทที่ 2881 พลีชีพเล่นเป็นเพื่อนคุณชาย
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ พอพวกเขามองไปที่กู้ซีจิ่วอีกครั้งสายตาก็ไม่ปรากฏแววหยามหมิ่นแล้ว
ทักษะหมากของสตรีผู้นี้น่าตะลึงนัก! เดินหมากต่อเนื่องกันสองตา ไม่น่าเชื่อว่านายท่านของพวกเขาถูกพิฆาตจนยับเยิน แตกพ่ายไม่เป็นท่า
เด็กรับใช้เหล่านี้ก็เชี่ยวชาญด้านกลหมากยิ่งนักเช่นกัน เดิมทีพวกเขาก็คิดจะติดตามร่ำเรียนดูสักหน่อย กลับคาดไม่ถึงว่าพวกเขาดูไปได้เพียงไม่กี่ก้าวหมาก ก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะ ดวงตาพร่าลาย เสมือนเหยียบย่างอยู่บนนภาดาราอันลึกล้ำ มองไปไม่เห็นเส้นทาง แทบจะล้มฮวบลงไป!
ทดลองต่อเนื่องกันอยู่หลายครั้ง ล้วนปรากฏเหตุการณ์เช่นนี้ พวกเขาจึงไม่กล้ามองแล้ว
สายตาเพียงวนเวียนอยู่ที่ร่างนายท่านและสตรีสามัญผู้นั้น ตอนที่นายท่านเริ่มเดินหมากดูค่อนข้างไม่อนาทรร้อนใจเลย แต่หลังจากเดินไปได้สองก้าวก็นิ่วหน้าขึ้นมา ต่อมาทุกย่างก้าวที่เดินล้วนใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง
ต่อให้เป็นเช่นนี้ ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ยังพ่ายแพ้อยู่ดี
ตี้ฝูอีก็ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้เช่นกัน พ่ายแพ้ตาหนึ่ง ก็เดินต่ออีกตาหนึ่ง
กู้ซีจิ่วมองเขาติดๆ กันอยู่หลายแวบ สุดท้ายก็ยังคงตอบรับเขา เพียงแต่เอ่ยขึ้นมาต่อหน้าว่า “เวลาเดินหมากหากว่ารู้สึกอึดอัดไม่สบายยิ่งนักก็อย่าได้ฝืนทน”
ตี้ฝูอีพยักหน้า “ได้!”
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองคนจึงเดินหมากต่อเป็นตาที่สอง
ตานี้ระยะเวลาเดินหมากนานเป็นพิเศษ แต่สุดท้ายตี้ฝูอีก็ยังคงพ่ายแพ้อยู่ดี
เขาอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ “ข้ายังไม่เคยพ่ายแพ้ในเกมหมากเลย คาดไม่ถึงว่าวันนี้จะแพ้ถึงสองตา”
กู้ซีจิ่วเอ่ยว่า “เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจมากแล้ว!”
เธอเคยสอนวิถีหมากชนิดนี้ให้ฟั่นเชียนซื่อ อธิบายกติกาไปห้าครั้ง ฟั่นเชียนซื่อถึงพอจะจดจำอย่างถูไถขอไปทีได้ ตอนที่เดินหมากในตาแรก เขาก็สลบไปกลางคัน ถูกเธอใช้เวทวิชาปลุกขึ้นมาให้เล่นต่อ ฟั่นเชียนซื่อไม่เพียงแต่พ่ายแพ้ยับเยินเท่านั้น หลังจากจบการเดินตาแรกแล้วยังหลับไปถึงสองวันด้วย
ตอนเดินหมากครั้งที่สองดีขึ้นมาหน่อย แต่ก็พอฝืนเดินได้จนจบเท่านั้น ย่างก้าวอันใดล้วนไม่เป็นโล้เป็นพาย เดินหมากพลาดไปหลายสิบก้าว พ่ายแพ้อย่างเรียกได้ว่าน่าอนาถ
หลายปีมานี้กู้ซีจิ่วเดินหมากชนิดนี้กับฟั่นเชียนซื่อไปหนึ่งร้อยสิบครั้งแล้ว ปัจจุบันนี้ฟั่นเชียนซื่อมิได้พ่ายแพ้อย่างน่าอนาถเช่นนั้นแล้ว แต่ทุกครั้งที่เดินหมากประเภทนี้ ฟั่นเชียนซื่อล้วนจะหลับใหลไปหนึ่งวันถึงจะฟื้นฟูจิตวิญญาณได้
แต่ตอนนี้ ตี้ฝูอีเดินไปสองตาติด ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีทีท่าง่วงงุนเลย สายตายังคงเจิดจ้าอยู่ ดูมีชีวิตชีวายิ่ง
นี่ทำให้กู้ซีจิ่วประหลาดใจอย่างยิ่ง คิดดูแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยถามเขา “กลหมากประเภทนี้เจ้าเคยเล่นมาก่อนหรือไม่?”
ตี้ฝูอีส่ายหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว “ไม่เคย!”
กลหมากที่น่าสนใจเช่นนี้หากว่าเขาเคยเดินมาก่อน ย่อมต้องศึกษาจนทะลุปรุโปร่งแล้ว วันนี้ไหนเลยจะพ่ายแพ้จนเป็นเช่นนี้เล่า?
ตี้ฝูอียังไม่หนำใจ จึงรบเร้าให้กู้ซีจิ่วเดินกับเขาอีกตา
กู้ซีจิ่วมองเขาอยู่สักพัก ถึงได้ยิ้มแวบหนึ่ง “ได้ วันนี้ข้าจะพลีชีพเล่นเป็นเพื่อนคุณชายเอง!”
ด้วยเหตุนี้ นาวาล่องอยู่ในภพมารหนึ่งวัน ทั้งสองคนก็เดินหมากกันอยู่บนเรือตลอดทั้งวัน
….
เมื่อตี้เฮ่าได้เห็นฉากนี้ ก็อดทอดถอนใจออกมาไม่ได้ เขารู้ว่ากลหมากที่ท่านแม่สอนให้ท่านพ่อก็คือกลหมากดารา เห็นทีว่าในสัญชาตญาณของท่านแม่เอง ยังคงรู้สึกว่าตี้ฝูอีเหมาะสมจะเป็นเทพผู้สร้างโลกที่สุดแล้ว ต่อให้เขามิใช่ศิษย์ของนาง นางก็อยากจะถ่ายทอดความรู้บางอย่างให้อยู่ดี
สายตาของตี้เฮ่าวนสำรวจดวงหน้าของมารดารอบหนึ่ง แล้วส่ายหน้านิดๆ
เขาเป็นผู้มาจากอนาคต ซ้ำยังเป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ ย่อมทราบถึงกฏเกณฑ์บางอย่างดี
โลกใบนี้ไม่ได้ต้องการเพียงเทพผู้สร้างโลกเท่านั้น ยังต้องการเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ด้วย
เทพผู้สร้างโลกให้กำเนิด รังสรรค์สรรพสิ่งบนโลกหล้า เติบใหญ่รุ่งเรือง มิได้จัดการกฏเกณฑ์ของโลกหล้า
เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์กำหนดกฏเกณฑ์ บัญญัติกฎระเบียบให้หกภพภูมิ ทำให้หกภพภูมิดำเนินไปตามปกติ
————————————————————————————-
บทที่ 2882 พลีชีพเล่นเป็นเพื่อนคุณชาย 2
เทพผู้สร้างโลกกับเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์น่าจะมีความสัมพันธ์แบบส่งเสริมเกื้อกูลกัน
เห็นได้ชัดว่าในชาตินั้นตี้ฝูอีคือเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ ทุกสิ่งที่เขากระทำล้วนเป็นแนวทางของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ เขาจะตื่นรู้กลายเป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ในไม่ช้าก็เร็วนี้ ไม่มีทางรับช่วงตำแหน่งเทพผู้สร้างโลกต่อได้
และเมื่อเทพผู้สร้างโลกดับขันธ์ ก็จะมีผู้สืบทอดคนใหม่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างแน่นอน ฟั่นเชียนซื่อก็น่าจะเป็นผู้สืบทอดคนนั้น
ตี้เฮ่าหลับตาใคร่ครวญ ตอนนี้ในสมองของเขามีความทรงจำส่วนหนึ่งเพิ่มขึ้นมาแล้ว เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเทพผู้สร้างโลกและเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ในตำนานบรรพกาล
กล่าวกันไว้ว่าในยุคบรรพกาล แรกเริ่มที่โลกก่อกำเนิดขึ้นมา หกภพภูมิยังไม่ก่อตั้งขึ้น มีเทพยดาหลายองค์คอยสร้างสรรค์โลกหล้าสรรพสิ่ง เรียกขานว่าคณะเทพผู้สร้างโลก
เมื่อโลกหล้ามีสิ่งมีชีวิตมากเข้า ย่อมพิพาทเบาะแว้งกัน เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ถึงได้ปรากฏขึ้น บัญญัติกฏเกณฑ์ ควบคุมชะตาสรรพสิ่ง บงการฟ้าดิน กลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ทวยเทพ
แรกเริ่มที่ก่อกำเนิดฟ้าดิน ปั่นป่วนวุ่นวาย เกิดภัยพิบัติขึ้นไม่ขาดสาย และเหล่าเทพผู้สร้างโลกเพื่อที่จะปกป้องสรรพสิ่งที่ได้รังสรรค์ขึ้นมา จึงแบกรับเคราะห์หายนะดับขันธ์ไป เหล่าทวยเทพค่อยๆ โรยรา เลือนหายไป
ส่วนความสัมพันธ์ของเทพผู้สร้างโลกกับเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ก็ยอดเยี่ยมดี เป็นสหายกัน
เมื่อสามหมื่นล้านปีก่อน เกิดเคราะห์ภัยที่หนักหนาเป็นที่สุดขึ้นมา ในฟ้าดินนี้มีเพียงแปดทวยเทพเป็นผู้สร้างโลกาที่สามารถคุ้มครองปกป้องใต้หล้านี้ได้ เจ็ดองค์ในนั้นดับขันธ์ไป ก่อนที่พวกเขาจะดับขันธ์ไป ได้ฝากฝังน้องสาวคนสุดท้องไว้ให้เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ช่วยดูแล น้องสาวคนสุดท้องผู้นี้ก็คือกู้ซีจิ่ว และเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ย่อมเป็นตี้ฝูอี
ระหว่างที่ตี้ฝูอีคอยดูแลกู้ซีจิ่วอยู่ คงจะค่อยๆ เกิดความรู้สึกต่อนางเข้า ทว่าไม่ทราบเลยว่าคณะเทพเหล่านั้นรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าความรักจะสร้างความยากลำบากให้แก่ผู้เป็นเทพ ดังนั้นก่อนที่จะฝากฝังกู้ซีจิ่วเอาไว้กับเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ ได้ถอนเอาเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาของนางไปแล้ว ทำให้นางไร้ความรู้สึกต่อความรักไปตามธรรมชาติ ดังนั้นนางจึงไม่อาจตอบรับเขาได้ ความรู้สึกที่มีต่อตี้ฝูอีก็เป็นเพียงความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องเท่านั้น
ในช่วงหนึ่งหมื่นล้านปีก่อนได้เกิดภัยพิบัติขึ้นมาอีกครั้ง ผู้ที่สมควรจะพลีชีพดับขันธ์เพื่อปกป้องสรรพสิ่งคือกู้ซีจิ่ว แต่ตี้ฝูอีกลับฝืนลิขิตสวรรค์ ฝืนผนึกบ่อเกิดไอพิฆาตที่สามารถทำลายล้างสรรพสิ่งได้แทนนาง ผลลัพธ์คือตี้ฝูอีสูญเสียพลังสิ้นชีพไป ส่วนกู้ซีจิ่วเนื่องจากบาดเจ็บสาหัสเกินไปจึงเข้าสู่ห้วงนิทรา หลับใหลไปหลายหมื่นปี…
และเมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งนางจดจำได้เพียงว่าตนคือเทพผู้สร้างโลก และใกล้จะต้องเผชิญเคราะห์ดับขันธ์แล้ว สัญชาตญาณทำให้นางเสาะแสวงหาผู้รับช่วงต่อมาสักคน ถึงได้พบฟั่นเชียนซื่อเข้า และได้พบพานกับตี้ฝูอีที่กลับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้ง…
….
ตี้เฮ่ามองกู้ซีจิ่วและตี้ฝูอีที่อยู่ในวิชาย้อนทวนปางบรรพ์ ถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง
ท่านแม่ของตนไร้รากเหง้าแห่งรักเช่นนี้ แม้ว่าท่านพ่อในชาติก่อนจะมีใจปฏิพัทธ์ต่อนางจริงๆ เกรงว่ายังคงไม่ได้รับการตอบรับจากนางเช่นเดิม…นางยังคงมองเขาเป็นเพียงเพื่อนร่วมงาน มองเป็นสหาย
ยิ่งไปกว่านั้นคือนางกำลังจะถึงช่วงดับขันธ์แล้ว ยิ่งไม่มีทางหวั่นไหว
ท่านพ่อที่น่าสงสาร!
ตี้เฮ่าคาดเดาได้ไม่ผิดเลย กู้ซีจิ่วที่เป็นเทพผู้สร้างโลกมองตี้ฝูอีเป็นเพียงเพื่อนร่วมงานจริงๆ
ช่วงเวลาหลายวันในภพมาร เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนเธอจะเชื่อฟังตี้ฝูอีแสดงความรักหวานชื่นกับเขา เดินจูงมือเขาไปพบจอมมารด้วยกัน แต่ยามที่ไร้ผู้คน เธอจะพูดคุยอย่างมีมารยาท ไม่อนุญาตให้ตี้ฝูอีเข้าใกล้เธอมากเกินไป
ส่วนตี้ฝูอีก็เป็นบุคคลที่แข็งแกร่งยิ่งนัก มีกลยุทธ์แผนการอยู่ในใจ เขาก็ทราบเช่นกันว่ารีบร้อนเกินไปก็ไม่ดี ความร้อนใจไม่ทำให้ประสบผล ดังนั้นยามที่ไม่มีคน จึงพูดคุยกับนางอย่างสุขุม เขายังคงยิ้มแย้ม ไม่ฝืนบังคับ
การมาถึงของตี้ฝูอีก่อระลอกคลื่นอย่างมหันต์ให้แก่ภพมาร ทำให้ผู้ที่อยู่ฝ่ายผู้สำเร็จราชการรู้สึกประหม่ากังวลขึ้นมากันหมด