เล่มที่ 28 เล่มที่ 28 ตอนที่ 823 ยอมถอย

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ตอนนี้ พวกเขาทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบงัน ไม่ต้องพูดถึงเหล่าทหารพวกนั้น แม้แต่ทหารของแคว้นตงเฉินก็พากันเงียบกริบ

ภายในหุบเขา นกกระพือปีกโบยบิน ท่ามกลางความเงียบงัน มีเพียงเสียงของซูจิ่นซีที่ดังกึกก้อง

ตงหลิงหวงชื่นชมซูจิ่นซีมาตลอด ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่นางเผชิญหน้ากับซูจิ่นซีแล้วแสดงอาการตกใจเช่นนี้

นางไม่คิดว่าซูจิ่นซี สตรีที่ร่างกายอ่อนและตัวเล็กเช่นนี้จะมีบุคลิกที่เข้มแข็งอย่างคาดไม่ถึง รัศมีของนางไม่ได้ด้อยไปกว่าบุรุษเลย และไม่ด้อยไปกว่าโอรสแห่งสวรรค์อย่างเยี่ยโยวเหยาที่ยืนอยู่ด้านหลัง

ในความเป็นจริง ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงกับคำพูดและรัศมีเย็นชาของซูจิ่นซีที่แผ่ซ่านออกมาจนพวกเขาพูดไม่ออกสักประโยค ดวงตาของเยี่ยโยวเหยากลับเต็มไปด้วยความตกใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ซูจิ่นซี ตั้งแต่สตรีผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นมาในชีวิตของเขา นางได้สร้างประสบการณ์ที่หลากหลายมาสู่โลกของเขา และยังนำเรื่องประหลาดใจและคาดไม่ถึงมาให้เขามากมาย

ครั้งนี้ นางได้เปลี่ยนความเข้าใจของเยี่ยโยวเหยที่มีต่อนางอย่างสิ้นเชิง

เป็นความแน่วแน่ เป็นความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเดิม

หลังผ่านไปครู่ใหญ่ แววตาของซูจิ่นซีก็เลื่อนไปมองที่ตงหลิงหวง ทว่าในขณะที่หมุนตัวกลับมา นางทำราวกับว่าไม่มีอันใดเกิดขึ้น ท่าทางแปรเปลี่ยนเป็นแย้มยิ้มอบอุ่นตามเดิม

“รัชทายาทตงเฉิน พวกเราหารือกันต่อ ก่อนหน้านี้… หารือกันถึงไหนแล้ว”

ตงหลิงหวงกลับมาได้สติ แม้ต้องปรับตัวเล็กน้อยกับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของซูจิ่นซี ทว่าในไม่ช้า นางก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ

“เมื่อครู่ ข้าพูดถึง… หากต้องการเจรจาสงบศึก ท่านต้องได้พบมู่หรงฉี ตอนนี้มู่หรงฉีอยู่ตรงหน้าท่านแล้ว ฉางอันกงจู่ เรื่องเจรจาสงบศึก ท่านได้โปรดพิจารณา”

ซูจิ่นซีเหลือบมองมู่หรงฉี

“ตอนนี้ฉีอ๋องทรงเป็นรัชทายาทของเราแล้ว ดั่งสุภาษิตที่ว่า แคว้นไม่อาจอยู่ได้โดยปราศจากผู้ปกครอง ตอนนี้เสด็จพ่อทรงประชวร ทั้งแคว้นยังต้องการให้รัชทายาททรงว่าราชการ เกรงว่าไม่อาจอยู่แคว้นของท่านนานเกินไป”

แม้คำพูดของซูจิ่นซีจะเปลี่ยนไปมาก ทว่าตงหลิงหวงเข้าใจความหมายที่นางสื่อ

“นั่นเป็นเรื่องปกติ อาการบาดเจ็บของมู่หรงฉีเกือบหายดีแล้ว ตอนนี้เขาสามารถกลับแคว้นได้”

ตอนนี้ ตงหลิงหวงต้องการปล่อยมู่หรงฉีกลับแคว้น

เหล่าทหารแคว้นหนานหลีที่อยู่ในอาการตกใจเมื่อครู่ กลับมาได้สติเรียบร้อยแล้ว เมื่อได้ฟังบทสนทนาระหว่างซูจิ่นซีและตงหลิงหวง ใบหน้าของแต่ละคนก็แสดงออกอย่างมีความสุข

ความจริงแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนเคยฝ่าฟันความยากลำบากมาพร้อมกับมู่หรงฉี

อย่างไรก็ตาม ไม่รู้เพราะเหตุใด ใบหน้าของมู่หรงฉีกลับปรากฏความผิดหวังเล็กน้อย ทว่าในไม่ช้าก็ถูกแทนที่ด้วยใบหน้าสงบนิ่ง

จากนั้น ซูจิ่นซีก็พูดอีกครั้งว่า “แม้วันนี้จะเป็นการนัดหมายเพื่อหารือเรื่องเจรจาสงบศึกของข้ากับรัชทายาท ทว่าความจริงแล้ว ข้าทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการในกองทัพแคว้นหนานหลีเพียงชั่วคราว ผู้บัญชาการที่แท้จริงยังคงเป็นฉีอ๋องของแคว้นเรา จะพักรบชั่วคราวหรือไม่นั้น ยังต้องฟังความเห็นของฉีอ๋อง”

ในตอนนี้ เหล่าทหารแคว้นหนานหลีต่างตกใจกลัวซูจิ่นซีอย่างสมบูรณ์แล้ว แม้ในจำนวนพวกเขา บางคนยังต่อต้านการเจรจา ทว่ากลับไม่กล้าพูดอันใด

“โอ้? ”

ตงหลิงหวงไม่คาดคิดว่าซูจิ่นซีจะคืนอำนาจให้มู่หรงฉีในเวลาเช่นนี้ จึงประหลาดใจเล็กน้อย

เกี่ยวกับความรู้สึกที่มู่หรงฉีมีต่อนางนั้นชัดเจนอยู่แล้ว ทว่านางไม่ได้ครุ่นคิดเกี่ยวกับท่าทีที่มู่หรงฉีมีต่อการเจรจาสงบศึก นางจึงไม่แน่ใจว่ามู่หรงฉีจะมีความคิดเช่นไร

นางจึงหันไปมองมู่หรงฉี

เห็นได้ชัดว่ามู่หรงฉีก็เหมือนกับนางที่แปลกใจเล็กน้อย เขาไม่ได้มองนาง ทว่ามองไปที่ซูจิ่นซี

ซูจิ่นซีนั่งอยู่บนหลังม้า พู่สีแดงพลิ้วไหว ผ้าคลุมโบกสะบัด ใบหน้าเคร่งขรึม

นางตะเบ็งเสียง “เชิญท่านอ๋องกลับกองทัพ”

“พ่ะย่ะค่ะ! ”

แม่ทัพใหญ่สองสามนายที่อยู่ด้านหลังรีบตอบรับและลงมาจากหลังม้า ก่อนจะเข้าไปพยุงมู่หรงฉีกลับมาที่กองทัพแคว้นหนานหลี

มู่หรงฉีเหลือบมองไปที่ตงหลิงหวง ทว่าดวงตานั้นสงบนิ่งอย่างมาก ไม่มีผู้ใดรู้ว่าในใจเขาคิดอันใด

เห็นได้ชัดว่าซูจิ่นซีเตรียมพร้อมนานแล้ว แม่ทัพใหญ่สองสามนายพยุงมู่หรงฉีกลับมาที่กองทัพแคว้นหนานหลี และมีทหารสองสามนายยกเก้าอี้ไม้จันทน์เก้ามังกรโบราณมาวางไว้ด้านหน้าสุดของกองทัพ เพื่อให้มู่หรงฉีนั่งลงไป

จากนั้น ซูจิ่นซีจึงสั่งแม่ทัพใหญ่จำนวนหนึ่งที่เหลือให้ลงจากหลังม้า และไปยืนอยู่ด้านหลังมู่หรงฉี

เห็นได้ชัดว่าการจัดวางเช่นนี้ของซูจิ่นซี การเจรจาหารือระหว่างสองกองทัพได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ ผู้นำของอีกฝ่ายคือตงหลิงหวง และผู้นำของแคว้นหนานหลีคือมู่หรงฉี

เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ซูจิ่นซีถอนตัวจากตำแหน่งผู้บัญชาการโดยอัตโนมัติ และส่งมอบการควบคุมทั้งหมดให้กับมู่หรงฉี จุดรวมและศูนย์กลางทั้งหมดของกองทัพถูกเปลี่ยนไปเป็นมู่หรงฉีแล้ว ทว่าท่ามกลางสายลมหนาว ความสง่างามของซูจิ่นซีซึ่งเป็นสตรี ทำให้พวกเขาไม่สามารถเพิกเฉยและถูกปกปิดได้ ตรงกันข้าม เนื่องจากการกระทำที่ไม่คาดคิดของนาง ยิ่งทำให้นางโดดเด่นสะดุดตามากขึ้นไปอีก

ไม่ว่าแคว้นหนานหลีหรือแคว้นตงเฉิน แววตาของผู้คนจำนวนมากล้วนตกอยู่ที่ร่างของนางเพียงผู้เดียว

รอยยิ้มบนใบหน้าของนางแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและสุภาพ “รัชทายาทตงเฉิน มีเรื่องอันใดโปรดพูดคุยกับเสด็จพี่ของข้า เขาเป็นผู้มีอำนาจของแคว้นหนานหลี”

เห็นได้ชัดว่าตงหลิงหวงไม่ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ ชั่วครู่จึงกลับมาได้สติ

ทว่านางเป็นคนฉลาดหลักแหลม นอกจากนั้นยังควบคุมสถานการณ์ได้ยอดเยี่ยม ในไม่ช้าก็ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้

นางเอ่ยกับมู่หรงฉีด้วยใบหน้าสงบนิ่ง “ในเมื่อฉางอันกงจู่ยังอยู่ภายใต้อำนาจของฉีอ๋อง เช่นนั้น ข้าคงต้องคุยกับฉีอ๋องแล้ว ไม่ทราบว่าฉีอ๋องมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องเจรจาสงบศึก? ”

เมื่อตงหลิงหวงพูดจบก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อโดยไม่รอให้มู่หรงฉีตอบ

“ข้าเป็นห่วงใต้หล้า เป็นห่วงพสกนิกร ไม่ว่าฉีอ๋องจะมีกลยุทธ์การศึกอย่างไร ข้าหวังว่าท่านจะนึกถึงพสกนิกรของทั้งสองแคว้น สุดท้ายแล้ว… สภาพอากาศในตอนนี้ ภูมิประเทศตามแนวชายแดนระหว่างแคว้นตงเฉินกับแคว้นหนานหลี ไม่ง่ายที่จะทำสงคราม”

ดวงตาเปล่งประกายของมู่หรงฉีสะกดอยู่ที่ร่างของตงหลิงหวงเสมอ ทว่าในเมื่อเวลานี้เขากำลังนั่งอยู่เบื้องหน้าทหารของแคว้นหนานหลี นั่งอยู่บนตำแหน่งผู้นำสูงสุด เขาจึงไม่อาจทำตัวเหมือนตอนที่อยู่กับตงหลิงหวงตามลำพังได้ อย่างไรก็ตาม เขามีท่าทางของผู้ที่มีตำแหน่งสูงศักดิ์ ทั่วทั้งร่างยังเปล่งรัศมีความสง่างาม

ดวงตาเรียวรีงดงามทั้งคู่หรี่ลงอย่างเป็นธรรมชาติ แววตาที่คาดเดาไม่ได้อยู่แล้วยิ่งซับซ้อนมากขึ้น

“ในเมื่อรัชทายาททรงคิดแทนพสกนิกรทั้งสองแคว้นเช่นนี้ คาดว่ารัชทายาทคงสามารถเสียสละทุกอย่างเพื่อประชาชนได้ ไม่ทราบว่ารัชทายาททรงเสียสละเพื่อพสกนิกรทั้งสองแคว้นได้ถึงระดับใด”

เห็นได้ชัดว่านี่คือข้อดีของการเจรจากับตงหลิงหวง

ในเมื่อตงหลิงหวงมาแล้ว เรื่องพวกนี้ นางย่อมมีแผนไว้ในใจ

หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง นางจึงพูดขึ้น “หากฉีอ๋องตกลงเจรจาสงบศึก แคว้นหนานหลีของข้าจะยกเมืองหนานชวนและซีชวนให้ ไม่ทราบว่าฉีอ๋องและฉางอันกงจู่มีความเห็นอย่างไร? ”

เมืองที่สำคัญที่สุดระหว่างแคว้นตงเฉินและแคว้นหนานหลีก็คือเมืองหนานจิ้ง การได้เมืองหนานจิ้งมาเทียบเท่ากับการเปิดประตูใหญ่ของแคว้นตงเฉิน กองทัพแคว้นหนานหลีสามารถเข้ามาได้ทันที ตงหลิงหวงไม่มีวันยกเมืองหนานจิ้งให้แน่

ส่วนเมืองหนานชวนและเมืองซีชวนนี้…