ตอนที่ 540 ข้าขอเตือนให้เจ้ารู้จักมีเมตตาบ้าง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

นางเอียงศีรษะลงมาเล็กน้อย มือก็สามารถสกัดศรน้ำแข็งที่พุ่งมาทางด้านหลังเอาไว้ในฝ่ามือ 

 

 

ศรน้ำแข็งพุ่งมาด้วยความเร็ว มันควงหมุนอยู่ตรงฝ่ามือของนาง คิดจะพุ่งทะลุฝ่ามือนางออกไป 

 

 

ตู๋กูซิงหลันคว้าศรน้ำแข็งดอกนั้นเอาไว้ พลังในมือขับเคลื่อนออกมา เป็นหมอกสีดำกลุ่มหนึ่งผุดขึ้นที่ใจกลางฝ่ามือ ทำลายศรน้ำแข็งดอกนั้นสลายเป็นผุยผง 

 

 

เถ้าถ่านเหล่านั้นไหลผ่านฝ่ามือร่วงลงไปในอากาศ 

 

 

บนตึกสูง ซ่งชิงอีที่ถือคันธนูเอาไว้ในมือถึงกับหน้าเปลี่ยนสี 

 

 

คันธนูด้ามหยกของนาง เป็นอาวุธวิญญาณชั้นยอด ลูกศรก็หลอมขึ้นมาจากเหล็กผสมทองคำ แต่กลับถูกคนทำลายจนกลายเป็นผงธุลี? 

 

 

นางมองดูคนที่ลอยอยู่กลางอากาศด้วยสายตาเย็นเฉียบ ทั้งยังประหลาดใจอยู่บ้าง 

 

 

เพราะอยู่ห่างไกลกันมา จึงไม่อาจมองเห็นรูปโฉมได้อย่างชัดเจน แต่แค่โครงหน้าที่ได้เห็นก็รู้ว่าเป็นหนุ่มน้อยผู้หนึ่ง 

 

 

ในเมื่อสามารถบุกเข้ามาในวังตันติ่งกงของนางได้ ….ดูท่าคงจะมีความสามารถอยู่ไม่น้อย! 

 

 

ซ่งชิงอีเพียงชะงักไปครู่เดียวเท่านั้น จากนั้นก็น้าวคันธนูอย่างเต็มแรงอีกครั้ง ยินลูกศรออกไปติดๆกันถึงสามดอก 

 

 

สองดอกแรกไม่มีอะไรเกินกว่าที่คาดเอาไว้ ล้วนถูกตู๋กูซิงหลันคว้าเอาไว้ ทำลายสลายกายเป็นผงธุลี แต่ว่าลูกศรดอกสุดท้ายนั่น ตู๋กูซิงหลันกลับกุมลูกศรนั้นเอาไว้ในมือหันมาเหลือบตาดูตึกสูงหลังนั้นแวบหนึ่งก็เขวี้ยงลูกศรกลับคืนไป 

 

 

ไม่มีคันธนู อาศัยเพียงกำลังข้อมือเขวี้ยงกลับไปเท่านั้น แต่ว่าความเร็วที่พุ่งคืนมาก็ยังเหนือกว่าซ่งชิงอีที่ใช้ธนูด้ามหยกที่มีจิตวิญญาณคันนั้นอีกเท่าหนึ่ง 

 

 

 ลูกศรส่งเสียงลากยาวไปในอากาศ มันถูกเขวี้ยงมาลงตรงหน้าซ่งชิงอีราวกับลูกระเบิด 

 

 

ซ่งชิงอีถึงกับหน้าเขียว นางหลบวูบ แต่ว่าลูกศรนั้นก็ยังสะกิดโดนใบหน้าของนางอยู่ หยดเลือดไหลออกมาจากปากแผลบนใบหน้าของนาง นองลงไปครึ่งใบหน้า 

 

 

ฝูลั่วที่ประกบอยู่ด้านข้างถึงกับตกตะลึงจนโง่งมไปแล้ว! 

 

 

คนที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ บุกเข้ามาในวังตันติ่งกง แล้วยัง….แล้วยังทำร้ายใบหน้าของท่านเจ้า! 

 

 

รู้หรือไม่ว่า สิ่งที่ท่านเจ้าให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือใบหน้าอันงดงามดุจนางเซียนของตนเอง 

 

 

ก่อนหน้านี้เคยมีหญิงรับใช้ผู้หนึ่ง เพราะไม่ทันระวังทำเส้นผมของท่านเจ้าขาดไปเส้นหนึ่ง จึงต้องพบกับจุดจบที่เป็นการตายอย่างอนาถและถูกโยนลงไปในหุบเหว 

 

 

เจ้าคนชั่วร้ายที่บุกเข้ามาในวังตันติ่งกง นี่ถึงกับ…. 

 

 

พึ่งรู้ว่า อีกเพียงครึ่งเดือนก็จะถึงเทศกาลหมื่นบุปผาแล้ว ท่านเจ้าคิดจะปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าผู้แข็งแกร่งในดินแดนจิ่วโจวอย่างเพริดพริ้งที่สุด! 

 

 

แต่ในช่วงเวลาที่ใกล้จะถึงกลับถูกทำร้ายใบหน้า….. 

 

 

ฝูลั่วรู้เลยว่า เจ้าโจรร้ายผู้นั้นจะต้องได้ตายอย่างอนาถที่สุด! 

 

 

ตู๋กูซิงหลันมิได้ใส่ใจจะหันไปมองดูซ่งชิงอีเลยสักนิด 

 

 

ปลายนิ้วของนางยังคงค้างอยู่ในท่วงท่ายามที่เขวี้ยงลูกศรคืนไป สายตาของนางก็จับจ้องอยู่ที่ร่างของบุรุษผู้นั้นอยู่ตลอดเวลาเช่นเดิม 

 

 

“เจ้าดูสิ ตอนนี้ข้า ….. แข็งแกร่งขึ้นมากแล้วนะ สามารถปกป้องพวกเจ้าได้แล้ว” นางจ้องมองเขา ขณะเอ่ยด้วยนะเสียงที่แหบพร่าไปบ้าง 

 

 

ทั้งๆที่แม้แต่ใบหน้าของอีกฝ่ายก็ยังไม่ได้เห็นแท้ๆ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร นางถึงได้รู้สึกว่า จะต้องเป็นเขาแน่นอน 

 

 

ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ หรือว่าจีเฉวียน ขอเพียงพวกเขาสามารถกลับคืนมาได้คนหนึ่ง เช่นนั้นอีกคนหนึ่งก็จะต้องสามารถกลับมาได้เช่นกัน 

 

 

ก่อนหน้านี้เป็นเพราะว่านางอ่อนแอจนเกินไป ไม่มีพลังเพียงพอที่จะต่อต้านชาวสวรรค์ ดังนั้นจึงได้แต่ต้องทนมองดูพวกเขาสูญสลายไปกับตาของตนเอง 

 

 

แต่ว่าตอนนี้ หากเทียบกับเมื่อก่อน นางก็แข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว 

 

 

ถึงแม้ว่าจะยังไม่อาจต่อสู้กับชาวสวรรค์ได้อย่างเท่าเทียม แต่ว่าหากคู่มือเป็นแค่ยอดนักพรตที่อยู่ในขั้นฝึกฝนเช่นนี้ ก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ใดๆเลย 

 

 

นักพรตในดินแดนจิ่วโจวต่อให้แข็งแกร่งถึงเพียงไร ก็ยังเป็นเพียงคนธรรมดาที่กลายเป็นนักพรต……. 

 

 

แต่ว่าในร่างของนางมีสายโลหิตของราชามังกรทมิฬไหลเวียนอยู่ จิตวิญญาณของนางก็ผนึกรวมกับหยกสรรพชีวิตก้อนใหญ่ ทั้งยังพึ่งจะได้ไม้คฑาที่มีพลังดึงดูดลึกลับมาอันหนึ่ง ร่างกายของนาง ต้องถือว่ากลายเป็นแข็งแกร่งดั่งตัวประหลาดไปแล้ว 

 

 

“ครั้งนี้ ข้าจะปกป้องพวกเจ้าเอง จะไม่ให้ใครมาทำร้ายพวกเจ้าได้อีกแล้ว” 

 

 

แววตาของนางมีหมอกหนาเพิ่มขึ้นมา ตู๋กูซิงหลันพยายามฝืนอาการคัดจมูกเอา บอกกับตนเองให้สงบจิตใจลงเข้าไว้ 

 

 

 นางพึ่งจะมาถึงดินแดนจิ่วโจว หากว่าคนที่อยู่เบื้องหน้าตรงนี้ เป็นท่านอาจารย์หรือว่าจีเฉวียนจริงๆ เช่นนั้นก็ต้องนับว่าฟ้าดินเมตตานางมากแล้ว 

 

 

นางประหม่าแล้ว ทั้งยังหวาดกลัว 

 

 

ศิลาโลหิตที่อาจารย์ทิ้งไว้ให้นางก็ยังไม่ผลิบาน….. 

 

 

นางเกรงว่าคนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ จะไม่ได้มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับท่านอาจารย์และจีเฉวียนเลยแม้แต่นิดเดียว 

 

 

ใบหน้าของคนผู้นี้ถูกหน้ากากทองแดงทรงโบราณครึ่งใบปิดบังเอาไว้ ทำให้มองไม่เห็นแววตาของเขา ทั้งยังอ่านความรู้สึกของเขาไม่ได้ 

 

 

ทั่วร่างของเขามีแต่ไอหยินที่เหน็บหนาวรุนแรง ราวกับว่ามีดวงวิญญาณนับพันนับหมื่นรายล้อมอยู่ 

 

 

ด้านหลังของเขามีแต่ความมืดมิดราวกับว่ามันเกิดมาจากตัวเขาอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

ทั้งๆที่ยืนอยู่เพียงลำพัง แต่ก็เหมือนมีกองทัพนับพันนับหมื่นอยู่ด้วย บรรยากาศที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ช่างน่าประหลาดไปแล้ว 

 

 

เขานิ่งฟังคำพูดของตู๋กูซิงหลันอย่างเงียบๆ มุมปากที่เหมือนจะยกยิ้มอยู่เมื่อครู่นี้ โค้งตัวลงมา 

 

 

“ที่นี่คือวังตันติ่งกง” ครู่หนึ่ง เขาถึงได้เอ่ยประโยคออกมา “ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะมาเปิดเผยความในใจ” 

 

 

ไม่ยอมรับ แต่ก็มิได้ปฏิเสธ คำตอบของเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคำถามของตู๋กูซิงหลันเลยสักนิดเดียว 

 

 

………………………… 

 

 

  

 

 

บนตึกสูง ใบหน้าของซ่งชิงอียังคงมีหยดเลือดไหลลงมาไม่ขาดสาย เมื่อมองดูฝ่ามือที่แดงไปด้วยเลือด นางก็แทบจะระเบิดอารมณ์ออกมาแล้ว! 

 

 

ก่อนที่จะใช้ยาบุปผาสะคราญ นางจะต้องรักษาใบหน้าของตนอย่างทะนุถนอม แม้แต่บาดแผลเล็กๆก็ไม่อาจมี มิเช่นนั้นผลของยาบุปผาสะคราญจะถูกลดทอนลงไป 

 

 

แต่ว่าเจ้าโจรชั่วที่บุกเข้ามาในวันนี้ กลับขวัญกล้าจนถึงขั้นบังอาจทำร้ายใบหน้าของนาง? 

 

 

ทั้งยังดูถูกนางถึงเพียงนี้? 

 

 

ซ่งชิงอีที่อยู่บนชั้นบนสุด ยกดาบน้ำแข็งในมือขึ้นมา ชี้ออกไปในท้องฟ้าพลางออกคำสั่งว่า “สังหารสองคนนั้นเสีย!” 

 

 

จะอย่างไรที่นี่ก็คือพื้นที่ของตนเอง ไหนเลยจะยอมให้สุนัขเรร่อนมาเพ่นพ่านได้? 

 

 

สองคนนั้นแค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นพวกเดียวกัน ไยจะต้องไปปราณี! 

 

 

นางจะให้พวกมันจ่ายค่าตอบแทนอย่างแสนเจ็บปวดเพื่อชดเชยที่พวกมันล่วงล้ำเข้ามาและไร้มารยาทต่อนาง! 

 

 

เมื่อท่านเจ้ามีบัญชาให้สังหาร ทั่วทั้งวังตันติ่งกงก็เคลื่อนไหวโดยทันที 

 

 

ศิษย์นับพันและเหล่าผู้อาวุโสพากันรวมตัว ต่างก็ชักอาวุธของตนขึ้นมา ตั้งกระบวนท่า ล้อมพวกตู๋กูซิงหลันทั้งสองคนเอาไว้อย่างแน่นหนา! 

 

 

พวกเขาไม่มีทางหลบหนีได้อย่างแน่นอน เพราะแม้แต่ด้านบนก็ยังมีเขตอาคมของวังตันติ่งกงกางกั้นอยู่! 

 

 

เมื่อถูกคนทั้งวังตันติ่งกงล้อมเอาไว้เช่นนี้ ต่อให้มีปีกก็ไม่อาจบินหนีไปได้! 

 

 

“ให้พวกมันตายอย่างไม่เหลือซากสมบูรณ์!” ซ่งชิงอียืนอยู่บนตึก ส่งเสียงบัญชาอย่างเย็นชา 

 

 

ทันทีที่มีคำสั่งลงไป ศิษย์ชุดแรกก็บุกเข้าไปในทันที 

 

 

ตู๋กูซิงหลันเหลือบตามองดูแวบหนึ่ง คนเหล่านี้มีพลังจิตวิญญาณเข้มแข็ง เพียงแค่ในดินแดนโบราณมีคนเช่นนี้สักคนก็ต้องนับว่าเป็นยอดนักพรตแล้ว 

 

 

แต่เมื่อมีกันนับพันเช่นนี้ ก็เพียงพอที่จะถล่มแว่นแคว้นใดแคว้นหนึ่งในดินแดนโบราณให้ราบเป็นหน้ากลองได้แล้ว 

 

 

แต่ว่าน่าเสียดาย…. ที่นางมิใช่ตู๋กูซิงหลันคนเดิมแล้ว 

 

 

นางมิได้หนี เพียงแต่ขยับตัวเข้าไปใกล้คนผู้นั้นอีกเล็กน้อย ยื่นมือไปคว้าแขนเสื้อของเขาเอาไว้ ใช้มือซ้ายจับฝ่ามือของเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา ราวกับกลัวว่าเขาจะหนีหายไป 

 

 

อีกมือหนึ่ง ก็ผุดแสงสีดำขึ้นมา ทั้งยังคีบยันต์โลหิตเอาไว้ในมือ 

 

 

สายตาของนางมองผ่านพวกศิษย์เหล่านั้น ไปยังซ่งชิงอีที่อยู่บนตึกสูง 

 

 

“เจ้าคนนั้นน่ะ ข้าขอเตือนให้เจ้ายอมแพ้ซะ!” ริมฝีปากสีแดงของตู๋กูซิงหลันขยับ 

 

 

ดูเถอะ! ไม่โอ้อวดเกินจริงไปหน่อยหรือ! 

 

 

ทั้งๆที่นางเป็นฝ่ายถูกพบตัวและล้อมเอาไว้แล้ว แต่ว่าตอนนี้นางกลับให้ผู้อื่นยอมแพ้ 

 

 

“เจ้าพูดจาไร้สาระใดกัน? ความตายมาเยือนถึงศีรษะแล้วยังจะกล้าต่อปากต่อคำอีก?” 

 

 

…………………………………