บทที่ 1385 ประสบความสำเร็จอย่างมาก

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

บทที่ 1385 : ประสบความสำเร็จอย่างมาก
  หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ใช้เวลาร่วมสามชั่วโมง ในการถ่ายทอดและอธิบายเคล็ดวิชามังกรทองคะนอง กับวิชาหงส์เล่นไฟให้กับฉินตงเฉวี่ยฟังอย่างละเอียด
  หลังจากที่นางสามารถจดจำเคล็ดวิชาและเข้าใจจุดสำคัญต่างๆของทั้งสองวิชาได้แล้ว หลิงหยุนจึงลงมือทำอาหารทะเล ที่จับมาจากทะเลจีนตะวันออกให้ทุกคนกินกันอย่างเอร็ดอร่อย
  หลังจากที่ทั้งสามคนรับประทานอาหารกันอย่างอิ่มหนำสำราญแล้วหลิงหยุนก็ได้ออกไปที่สวนหน้าบ้าน และทำการสร้างค่ายกลสะกัดกั้นจิตหยั่งรู้ขนาดเล็กขึ้น ..
  “เซียนเอ๋อเจ้าจัดการสร้างค่ายกลลวงตาขึ้นมา จากนั้นให้อยู่อารักขาข้ากับน้าหญิงที่สวนหน้าบ้านนี้ ก่อนที่ข้าจะรักษาน้าหญิงเสร็จ ห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้ามาภายในบ้านทันทั้งสิ้น..”
  หลิงหยุนกำชับไป๋เซียนเอ๋อหนักแน่นเพราะเกรงว่าจู่ๆ ตี้เสี่ยวอู๋กับโม่วู๋เตาจะโผล่มาที่บ้านหลังนี้ และนั่นจะทำให้ฉินตงเฉวี่ยเป็นกังวลขึ้นมาได้
  “พี่หลิงหยุนอย่าได้กังวลใจไปเซียนเอ๋อเข้าใจและจะทำตามที่พี่หลิงหยุนสั่งอย่างเคร่งครัด!”
  ไป๋เซียนเอ๋อรับคำหนักแน่นจากนั้นจึงเริ่มสร้างค่ายกลวงตาปกคลุมบ้านทันที..
  “นี่เจ้าเด็กตัวแสบข้าขอเตือนไว้ก่อนว่าหลังจากที่เจ้ารักษาข้าแล้ว ห้ามเจ้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว!”
  ฉินตงเฉวี่ยยังคงหน้าแดงก่ำด้วยความอายและความโกรธจึงได้กำชับหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงดุดัน หลิงหยุนรู้ตัวดีว่าเวลานี้ตนพูดอะไรก็จะผิดไปหมด จึงรีบตอบกลับไปว่า
  “ข้ารับปากน้าหญิง..จะหุบปากตัวเองให้สนิทเชียวล่ะ!”
  ใบหน้างดงามนั้นจ้องมองหลิงหยุนด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนจากนั้นจึงถามขึ้นด้วยใบหน้าที่แดงราวกับลูกตำลึง
  “เจ้าจะใช้ที่ใดในบ้านทำการรักษาข้ารึ”
  หลิงหยุนตอบกลับอย่างระมัดระวัง“สองที่.. ห้องนอนของท่าน หรือไม่ก็ห้องยิม..”
  ฉินตงเฉวี่ยหันไปมองห้องยิมซึ่งเป็นห้องกระจกพร้อมกับอ้าปากหวอและรีบตอบกลับไปทันที “ห้องนอนข้า!”
  จากนั้นหลิงหยุนก็เดินตามฉินตงเฉวี่ยไปที่ห้องนอนของนางด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ
  กลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้อง…
  หลังจากที่หลิงหยุนเดินเข้าไปฉินตงเฉวี่ยก็รีบปิดประตูและล็อคห้องทันที และเวลานี้ใบหน้าของนางก็ร้อนผ่าวและแดงยิ่งกว่าเดิม ในขณะที่หัวใจก็เต้นรัวราวกับกลอง
  แต่เพียงแค่ครู่เดียวฉินตงเฉวี่ยก็ตัดความอาย และความคิดที่ฟุ้งซ่านทั้งหมดทิ้งไป แล้วจึงถามหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
  “แล้วอย่างไรต่อ”
  “น้าหญิงท่านไปนั่งบนเตียงก่อน แล้วข้าจะค่อยๆบอกท่านไปทีละขั้นตอน!”
  หลิงหยุนตอบกลับด้วยสีหน้าสงบนิ่งเขาไม่มีความคิดที่ไม่ดีเลยแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือ ช่วยฟื้นฟูพลังปราณให้กับฉินตงเฉวี่ยเท่านั้น และช่วยให้นางสามารถพัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงสุดเท่าที่จะทำได้
  “เจ้าเด็กดื้อ..เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ได้หลอกข้า! เพราะหากไฟสามารถเผาไหม้เสื้อผ้าของข้าได้ มันจะไม่ไหม้บ้านหลังนี้เป็นเถ้าถ่านหรอกรึ!”
  ฉินตงเฉวี่ยขึ้นไปนั่งขัดสมาธิบนเตียงพร้อมกับร้องถามหลิงหยุนเสียงเข้ม..
  หลิงหยุนอธิบายให้ฉินตงเฉวี่ยฟังอย่างใจเย็น“น้าหญิง.. เรื่องนั้นท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะทำการวางค่ายกลสะกัดเปลวเพลิงไว้ ฉะนั้น ภายในบ้านหลังนี้จะสามารถทนความร้อนได้สูงถึงสองพันองศาเซลเซียส เพียงแต่ข้าไม่สามารถวางค่ายกลไว้บนเรือนร่างของท่านได้..”
  ฉินตงเฉวี่ยวส่ายหน้าพร้อมกับตอบไปว่า“เจ้ามีเหตุผลที่ข้าไม่อาจโต้เถียงได้เสมอสินะ”
  ฉินตงเฉวี่ยจ้องมองหลิงหยุนที่กำลังเรียกหินพลังชีวิตออกมาและจัดการวางค่ายกลสะกัดเปลวเพลิงไว้ จากนั้นจึงขึ้นไปนั่งขัดสมาธิบนเตียงกับนาง..
  “ข้าจะเริ่มแล้วนะ..”
  หลิงหยุนนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านหลังของฉินตงเฉวี่ยเขาผ่อนลมหายใจ และเริ่มทำจิตใจให้สงบนิ่ง จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า
  “น้าหญิงนี่เป็นการรักษาจุดตันเถียน และเส้นลมปราณที่เสียของท่าน และเป็นโอกาสเดียวที่ท่านจะกลับมากแข็งแกร่งได้อีกครั้ง ฉะนั้นแล้ว ท่านต้องทำจิตใจให้สงบนิ่ง อย่าได้คิดฟุ้งซ่านโดยเด็ดขาด และจดจ่ออยู่กับการฝึกฝนเท่านั้น!”
  “เด็กโง่..ข้ารู้หรอกน่า!”
  หลิงหยุนไม่ตอบและเพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น..   บูม!
  จากนั้นหลิงหยุนก็ทำการปลดปล่อยเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางออกมาและเปลวไฟทั้งเจ็ดสีซึ่งหลอมรวมกันเป็นลูกไฟขนาดสองเมตรนั้น ก็ได้ปกคลุมร่างของคนทั้งสองไว้ทันที แม้เปลวไฟทั้งเจ็ดจะลุกโชน แต่อุณหภูมิกลับไม่ร้อนมาก เพียงแค่อบอุ่นและให้ความรู้สึกสบายยิ่งนัก..
  เปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางทำหน้าที่บ่มเพาะกายเนื้อจุดตันเถียน และเส้นลมปราณ รวมทั้งพลังปราณภายในร่างกายให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น
  หลังจากที่ฉินตงเฉวี่ยทำลายวรุยทธของตนเองแล้วย่อมต้องมีพลังปราณ และหลายสิ่งหลายอย่างตกค้างอยู่ในร่างกาย การที่หลิงหยุนทำเช่นนี้ ก็เพื่อใช้ความร้อนของเปลวไฟทั้งเจ็ดชำระล้างสิ่งที่ตกค้างให้บริสุทธิ์ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะตามมา..
  ขั้นตอนแรกคือการชำระล้างสิ่งตกค้างขั้นตองที่สองคือการทำให้บริสุทธิ์ และทั้งสองขั้นตอนนี้ก็ล้วนแล้วแต่ใช้เปลวไฟห้าธาตุทั้งสิ้น หลิงหยุนใช้เวลาในขั้นตอนนี้เพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
  “น้าหญิง..ขั้นตอนต่อไป ข้าจะทำการรักษาจุดตันเถียนกับเส้นลมปราณให้กับท่าน!”
  ในขั้นตอนนี้หลิงหยุนเดินพลังหยินและหยางในร่างของตน เข้าไปทำการรักษาจุดตันเถียนในร่างของฉินตงเฉวี่ย ควบคู่กับเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยาง และเวลานี้เปลวไฟทั้งเจ็ดที่ห่อหุ้มร่างของพวกเขาทั้งสองไว้ ก็เริ่มหมุนเร็วมากขึ้น และภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที จุดตันเถียน และเส้นลมปราณของฉินตงเฉวี่ยก็กลับสู่ปกติ อีกทั้งยังมีสภาพที่ดีกว่าเดิมด้วย!
  บูม!
  เมื่อเข้าสู่ช่วงสำคัญหลิงหยุนจึงได้ทำการเผาเสินหยวนหนึ่งพันแปดร้อยหยดพร้อมกันทันที จากนั้นจึงใช้พลังวิเศษจากการเผาเสินหยวนนี้ ทำการเปิดสระอสุนีบาตภายในจุดตันเถียนของตนออก แล้วค่อยๆถ่ายเทพลังสายฟ้าธาตุทองเข้าสู่ร่างของฉินตงเฉวี่ยทันที
  นี่คือสายฟ้าธาตุทองบริสุทธิ์ที่ได้จากทัณฑ์อสุนีบาตห้าธาตุพลังของมันจึงไม่ได้ด้อยไปกว่าพลังอมตะเลยแม้แต่น้อย ครั้งนี้หลิงหยุนจึงไม่จำเป็นต้องใช้พลังอมตะในร่างของตน..
  “น้าหญิงท่านเริ่มฝึกวิชามังกรทองคะนองได้แล้ว..”
  ฉินตงเฉวี่ยเริ่มฝึกวิชามังกรทองคะนองตามคำชี้แนะของหลิงหยุนทันทีระหว่างที่ฝึกฝนวิชานี้ ฉินตงเฉวี่ยก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตธาตุทองที่บริสุทธิ์ภายในจุดตันเถียนของตน จากนั้นจึงได้ใช้วิชามังกรทองคะนองโคจรพลังชีวิตธาตุทองนี้ไปทั่วทั้งร่าง..
  ด้วยความช่วยเหลือของหลิงหยุนหลังจากที่โคจรพลังชีวิตธาตุทองนี้ไปทั่วร่างครบหนึ่งรอบใหญ่ ฉินตงเฉวี่ยก็สามารถเดินลมปราณจากจุดตันเถียน ไปตามเส้นลมปราณทั่วร่างได้เองอย่างเป็นปกติ  และเวลานี้ฉินตงเฉวี่ยก็เริ่มควบคุมพลังชีวิตธาตุทองภายในร่างของตนได้ดีขึ้นมา..
  แต่หลิงหยุนยังไม่มั่นใจเขาจึงให้ฉินตงเฉวี่ยเดินลมปราณไปอีกสิบสองรอบใหญ่ จนกระทั่งฉินตงเฉวี่ยสามารถใช้วิชามังกรทองคะนอง จัดการกับพลังชีวิตธาตุทองในร่างของตนเองได้อย่างคล่องแคล่ว..
  “เอาล่ะ..คราวนี้จะเข้าสู่การฝึกวิชาหงส์เล่นไฟแล้ว!”
  หลิงหยุนหยุดการถ่ายเทพลังสายฟ้าธาตุทองเข้าไปในร่างของฉินตงเฉวี่ยแล้วทำการเผาเสินหยวน และเริ่มทำการถ่ายเทพลังสายฟ้าธาตุไฟเข้าไปแทน!
  และทันทีที่สายฟ้าธาตุไฟปรากกฏขึ้นอุณหภูมิภายในห้องก็สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตา อุณหภูมิภายในห้องได้สูงขึ้นเกือบถึงพันองศาเลยทีเดียว..
  ด้วยอุณหภูมิที่สูงมากมายถึงเพียงนี้หากไม่มีหลิงหยุนช่วย แน่นอนว่าฉินตงเฉวี่ยย่อมไม่อาจทนต่อความร้อนที่เกิดขึ้นได้ แต่หลิงหยุนได้ทำการเผาเสินหยวน และได้ทำการปกป้องกายเนื้อของนางไม่ให้ได้รับอันตราย..
  แต่ก็อย่างที่หลิงหยุนได้บอกไปก่อนหน้านี้เขาสามารถปกป้องได้เพียงแค่กายเนื้อของฉินตงเฉวี่ยเท่านั้น แต่เสื้อผ้าที่นางสวมใส่นั้นได้ถูกความร้อนที่สูงกว่าพันองศาเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา และเวลานี้ ร่างที่งดงามราวกับเทพธิดานั้นก็เปลือยเปล่าต่อหน้าหลิงหยุน!
  เพียงแค่เหลือบมองแวบเดียว..เพียงแค่แวบเดียวจริงๆ!
  หลิงหยุนเกือบจะหลุดจากสมาธิเพราะร่างของฉินตงเฉวี่ยนั้นไม่เพียงขาวสว่างไสว แต่ส่วนเว้าส่วนโค้งยังสมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติด้วย!!
  ในวินาทีนั้นฝ่ามือของหลิงหยุนที่สัมผัสอยู่บนแผ่นหลังของฉินตงเฉวี่ย ถึงกับตกลงเล็กน้อยในทันที..
  “นี่เจ้ากล้ามองงั้นรึนับแต่นี้ไปเจ้าจะต้องรับผิดชอบข้าไปตลอดชีวิต!”
  สีหน้าของฉินตงเฉวี่ยยังคงสงบนิ่งได้อย่างน่าแปลกใจอีกทั้งใบหน้ายังมีรอยยิ้มที่ไม่อาจอธิบายได้ปรากฏขึ้นด้วย ในช่วงเวลาเช่นนี้ นางกลับเอ่ยคำพูดประโยคนี้ออกมาได้..
  “ข้ารู้!”
  หลิงหยุนเองก็ไม่ได้โง่จนไม่สามารถเข้าใจคำพูดของนางได้..
  แต่เวลานี้หาใช่เวลาที่จะมาครุ่นคิดเรื่องเหล่านี้ช่วงนี้เป็นช่วงอันตรายยิ่ง ทั้งคู่จึงได้แต่จดจ่ออยู่กับการสิ่งที่ต้องทำตรงหน้า และฉินตงเฉวี่ยก็จดจ่ออยู่กับการเดินลมปราณภายในร่าง..
  เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าในที่สุดฉินตงเฉวี่ยก็สามารถใช้วิชาหงส์เล่นไฟโคจรลมปราณได้ถึงสิบสองรอบใหญ่ และฉินตงเฉวี่ยก็สามารถใช้วิชานี้ควบคุมพลังชีวิตธาตุไฟในร่างของตนได้อย่างคล่องแคล่ว..   และในเวลานี้ฉินตงเฉวี่ยก็ได้เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8 แล้ว ซึ่งนับว่าเหนือกว่าก่อนหน้านี้อย่างมาก..
  “เอาล่ะ..ครั้งนี้ท่านใช้วิชาบ่มเพาะพลังทั้งสอง เดินลมปราณเข้าไปที่จุดซือไห่กลางหว่างคิ้ว..”
  หลิงหยุนร้องบอกทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่ฉินตงเฉวี่ยจะเปิดจิตหยั่งรู้ได้..
  บูม!
  ฉินตงเฉวี่ยทำตามคำชี้แนะของหลิงหยุนทันทีและแล้วจิตหยั่งรู้ของนางก็เปิดออก…
  บูม!!
  ขั้นปฐมชี่ชั้นเอ้อเฉิงชี่ ขั้นซานเฉิงชี่!
  “หยุด!”
  หลังจากที่ฉินตงเฉวี่ยเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นซานเฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-3) ได้แล้ว หลิงหยุนจึงสั่งให้หยุดทันที และห้ามไม่ให้นางเข้าสู่ด่านกลางขั้นพลังชี่  “น้าหญิง..หากท่านเข้าสู่ด่านกลางขั้นพลังชี่ในตอนนี้ ทัณฑ์สวรรค์จะปรากฏ ท่านควรใช้เวลาปรับตัว และศึกษาขั้นพลังของตนเองให้คุ้นเคยเสียก่อน..”
  หลังจากที่ผ่านช่วงวิกฤตไปจนหมดแล้วเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาสบายๆ ทั้งคู่จึงสามารถพูดคุยกันได้อย่างไม่ต้องกังวลใจ
  พรึบ!
  ฉินตงเฉวี่ยยังคงนั่งขัดสมาธิแต่จู่ๆร่างของนางกลับหันมาเผชิญหน้ากับหลิงหยุน แล้วสายตาของทั้งสองคนก็ประสานกัน..
  “….”
  หลิงหยุนได้แต่ตกตะลึงและเลือดกำเดาแทบทะลักไหลออกมาจากจมูก
  “นี่เจ้ายังกล้าเรียกข้าว่าน้าหญิงอีกรึ”
  ท่ามกลางแสงสว่างจากเปลวไฟทั้งเจ็ดสีที่ยังคงปกคลุมร่างของคนทั้งสองทำให้ร่างเปลือยเปล่าของฉินตงเฉวี่ยที่นั่งขัดสมาธิอยู่นั้น ยิ่งเป็นประกายงดงามราวกับเทพธิดาแห่งเปลวเพลิง และกำลังจ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตาแน่นิ่ง..
  “นับจากนี้ไปหากเจ้ายังกล้าเรียกข้าว่าน้าหญิงอีกล่ะก็ ข้าจะหักขาของเจ้าทั้งสองข้างทิ้งซะ!”
  ฉินตงเฉวี่ยสั่งหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน!