หวงฝู่เย่าเย่ว์ไม่เชื่อแน่นอน คำสั่งสอนเมื่อครู่ของท่านอ๋องฉีได้บ่งบอกทุกอย่างแล้ว แต่นางก็ไม่ได้ตอบโต้ แค่พยักหน้า “ข้ารู้ ข้าแค่ไม่สบายใจเท่านั้น”
หวงฝู่สือเมิ่งลูบหัวนางเบาๆ “ตั้งแต่เราเกิดมา ก็เติบโตภายใต้การดูแลของท่านปู่ท่านย่า พวกท่านไม่อยากให้เราแต่งออกเรือนไปไกลก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ว่า พวกท่านล้วนเป็นคนหัวสมัยใหม่ หากเจ้าตกลงจริงๆ พวกท่านก็ไม่ขัดขวางแน่นอน เจ้าอย่าร้องไห้เลย หากท่านปู่ท่านย่าเห็นเข้า พวกท่านจะยิ่งเสียใจ”
หวงฝู่เย่าเย่ว์พยักหน้าแล้วเช็ดน้ำตา “ข้ารู้ ข้าเข้าใจ แต่ข้าแค่คิดไม่ถึงไปชั่วขณะนึงเท่านั้น ใช่แล้ว พี่ใหญ่ เมื่อครู่ข้าทำให้พวกท่านโกรธ ท่านปู่เดินออกไปด้วยความโมโห ท่านย่าก็สีหน้าไม่ดี พี่ใหญ่รีบไปปลอบพวกท่านเถิด”
“ก็ดี ข้าไปดูท่านย่า เจ้าก็สงบใจอยู่ที่ห้องเถิด อย่าร้องไห้อีกเลย”
หวงฝู่เย่าเย่ว์พยักหน้า
หวงฝู่สือเมิ่งลุกขึ้นแล้วเดินนำผ้าไปชุบน้ำในกะละมังทองแดงให้เปียก แล้วเดินกลับมายื่นให้นาง เห็นนางเช็ดน้ำตาบนใบหน้าเสร็จแล้ว จึงจะหันหลังเดินออกไป
ท่านอ๋องฉีเดินออกมาจากห้องด้วยความโมโห สั่งผู้ติดตามว่า “จูงม้ามา ข้าจะออกไปข้างนอก”
ผู้ติดตามมองไปทางหวงฝู่อี้เซวียน
หวงฝู่อี้เซวียนสั่งว่า “ไปเถิด จูงมาสองตัว”
ผู้ติดตามไปจูงม้า ท่านอ๋องฉีก็เดินก้าวขายาวออกไปทันที เดินไปด้วยสั่งพ่อบ้านไปด้วยว่า “ส่งคนไปบอกท่าป๋าหั่นหลิน ว่าข้ารอเขาอยู่ที่ป่าที่ห่างจากฝั่งตะวันออกของเมืองสามสิบลี้”
พ่อบ้านรับคำสั่ง รีบส่งคนไปส่งจดหมายที่โรงเตี๊ยมทันที
หลังจากท่านอ๋องฉีออกจากประตูจวน ก็ขี่ม้าตรงออกไปนอกเมืองทันที
หวงฝู่อี้เซวียนตามอยู่ข้างหลัง
ทันทีที่ท่าป๋าหั่นหลินได้รับข่าว ก็ไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย รับสั่งลูกน้องให้เตรียมม้า จะขี่ม้าไปนอกเมืองผู้เดียว แต่ถูกลูกน้องขัดขวางไว้ “เจ้านาย ท่านจะไปผู้เดียวมิได้ ข้าน้อยจะไปด้วยขอรับ”
เป็นองค์ชายและเป็นฮ่องเต้มานานหลายปี ท่าป๋าหั่นหลินจะไม่เข้าใจเป้าหมายที่ท่านอ๋องฉีเรียกเขาออกไปนอกเมืองได้อย่างไร ก็แค่อยากจะตีเขาเพื่อระบายอารมณ์ หากถูกลูกน้องของตัวเองเห็นเข้า ต้องเกิดการปะทะกันแน่นอน จึงสั่งด้วยความน่าเกรงขามทันทีว่า “ข้าจะไปผู้เดียว พวกเจ้ารออยู่ที่โรงเตี๊ยม หากผู้ใดกล้าตามข้าไป พรุ่งนี้ข้าจะไล่เขากลับรัฐอิงทันที ต่อไปก็จะไม่ให้เขาติดตามรับใช้ข้าอีก”
ได้ยินคำพูดที่เด็ดขาดเยี่ยงนี้ของเขาแล้ว ลูกน้องทุกคนต่างตกใจกันมาก รับหลีกทางทันที
ท่าป๋าหั่นหลินมาถึงที่นัดหมายเพียงผู้เดียว
ท่านอ๋องฉีมาถึงนานแล้ว รอเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมอยู่ที่เดิม เห็นท่าป๋าหั่นหลินลงจากหลังม้า ก็เดินก้าวขายาวมาทันที ไม่พูดจา ต่อยเข้าไปที่ใบหน้าของเขาทันที
ท่าป๋าหั่นหลินไม่หลบ โดนเข้าไปเต็มๆ หนึ่งที หน้าบวมขึ้นครึ่งหน้าทันที
ท่านอ๋องฉียังไม่หายโมโห เริ่มเตะต่อยเขาอย่างรวดเร็ว
ท่าป๋าหั่นหลินยังคงไม่หลบ กุมศีรษะของตัวเองไว้แน่น ปล่อยให้เขาเตะต่อยบนร่างกายของตัวเอง
หวงฝู่อี้เซวียนยืนมองอยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลา
เตะครั้งสุดท้ายทำให้ท่าป๋าหั่นหลินล้มลงไปที่พื้น ท่านอ๋องฉีก้มตัวมองเขา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบแต่กดดันว่า “ดีที่สุดคือเจ้าสู่ขอเย่ว์เอ๋อร์อย่างจริงใจ หากข้ารู้ว่าเจ้ามีเป้าหมายอื่น ข้าจะนำทหารไปทำลายรัฐอิงของเจ้า”
พูดจบ ก็หันหลังไปข้างๆ ม้า กระโดดขึ้นหลังม้า แล้วขี่ตรงเข้าไปในเมืองทันที
หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้ตามไป แต่เดินตรงมาข้างหน้าท่าป๋าหั่นหลินแล้วมองเขา
ท่าป๋าหั่นหลินรีบกุมศีรษะของตนทันที
แต่หวงฝู่อี้เซวียนกลับยื่นมือให้เขา
ท่าป๋าหั่นหลินมองเขาไปชั่วขณะนึง จึงจะยื่นมือให้เขาอย่างระมัดระวัง
หวงฝู่อี้เซวียนใช้แรงดึงเขาขึ้นมา ลุกขึ้นยืนดีๆ มองดูฝุ่นดินและรอยเท้าที่วุ่นวายบนตัวเขา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงใจเย็นและสงบว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าดึงเจ้าขึ้นมา หวังว่าจะมิใช่ครั้งสุดท้าย หากเจ้าไม่ดีต่อลูกสาวของข้าเพียงเล็กน้อย ไม่ต้องถึงมือผู้อื่น ข้าคนเดียวก็สามารถทำลายวังในรัฐอิงของเจ้าได้”
พูดจบ ก็ไม่สนใจว่าท่าป๋าหั่นหลินตอบสนองอย่างไร กระโดดขึ้นหลังม้า แล้วขี่ตามท่านอ๋องฉีไป
ท่าป๋าหั่นหลินหันหลังกลับไปดู เห็นเพียงฝุ่นตลบคละคลุ้งขึ้นมาปกปิดร่างกายของพวกเขา จึงมองเห็นไม่ชัด แต่เขารู้ว่า ท่านอ๋องฉีและหวงฝู่อี้เซวียนนั้นยินยอมแล้ว เรื่องที่เขาคิดอยู่ตลอดเวลามานานหลายปีนั้นจะสำเร็จแล้ว จึงเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง เสียงยิ่งอยู่ยิ่งดัง ยิ่งอยู่ยิ่งบ้าขึ้นเรื่อยๆ หัวเราะจนน้ำตาไหลอ จึงจะหยุดลง เผยสีหน้าดุร้ายและน่ากลัวขึ้นมาทันที
สิบวันผ่านไป รถม้าสิบกว่าคันและทหารหลายร้อยนายเข้ามาในเมืองหลวง มาถึงโรงเตี๊ยมที่ท่าป๋าหั่นหลินพักอยู่จึงจะหยุดลง
ทุกคนต่างแปลกใจ ไม่เคยพบเห็นเหตุการณ์เยี่ยงนี้ ต่างล้อมรอบมุงดู คาดเดาว่าสิ่งของใน**บคืออะไร
ท่าป๋าหั่นหลินได้รับรายงาน จึงเดินลงมาจากชั้นบน ทหารทุกคนคุกเข่าทำความเคารพพร้อมกันทันที “เจ้านาย”
นี่เป็นสิ่งที่ท่าป๋าหั่นหลินสั่งเป็นพิเศษในจดหมาย ให้ทหารที่มาถึงเมืองหลวงห้ามเรียกเขาว่าฮ่องเต้ มิใช่เพื่อปิดบังฐานะ แต่เพื่อไม่ให้หวงฝู่ซวิ่นเกิดความระแวง ตั้งแต่สมัยโบราณสิ่งที่ยากที่สุดคือคาดเดาความคิดของฮ่องเต้ ผู้ใดจะไปรู้ว่าหวงฝู่ซวิ่นอาจไม่พอใจเขาเพียงเพราะคำเรียกขานนี้ก็เป็นได้ ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ จะเกิดเรื่องมิได้
ท่าป๋าหั่นหลินโบกมือ ทุกคนลุกขึ้นยืนอย่างเป็นระเบียบและพร้อมเพรียงกัน ทำให้ผู้คนที่มาล้อมดูชื่นชมกันมาก
หันไปกล่าวถามลูกน้องของผู้นำว่า “จัดเตรียมตามที่ข้ากล่าวในจดหมายใช่หรือไม่”
ลูกน้องก้มตัว แล้วกล่าวด้วยท่าทางเคารพว่า “รายงานเจ้านาย ไทเฮาเป็นผู้สั่งให้คนจัดเตรียมด้วยตัวเองขอรับ ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอนขอรับ”
“ดี ยกของลงมา ถือให้ดี แล้วไปสู่ขอที่จวนอ๋องฉี”
ทันทีที่สั่ง ทหารทุกคนก็เริ่มปฏิบัติทันที ยกลังทุกลังบนรถม้าลงมาทั้งหมด แม้แต่ผู้บรรเลงดนตรีและผู้ยกเกี้ยวก็เตรียมพร้อมแล้ว เสียงดนตรีบรรเลงขึ้นมา ทุกคนจึงเข้าใจทันทีว่า ที่ยกขึ้นมานั้นเป็นของสู่ขอ ต่างสูดอากาศหายใจเข้าลึกๆ แค่ดูจากสายตาก็มีหนึ่งร้อยกว่าลังแล้ว แค่สู่ขอยังมากเพียงนี้ แล้วตอนให้สินสอดทองหมั้น จะมากเพียงใด
แต่ก็ยังมีผู้คนที่นับตั้งแต่ลังแรกจนถึงลังสุดท้าย พอนับเสร็จก็ตกใจจนแทบกัดลิ้นของตัวเอง **บลังเหล่านี้จะมีเพียงหนึ่งร้อยกว่าลังได้อย่างไร สองร้อยห้าสิบหกลังชัดๆ
ผู้คนต่างครึกโครมขึ้นมาทันที บอกต่อกันจากหนึ่งคนสู่สิบคน สิบคนสู่หนึ่งร้อยคน แทบจะทุกคนที่วิ่งมามุงดู จนเต็มถนนตั้งแต่โรงเตี๊ยมจนถึงจวนอ๋องฉี ต่างเขย่งขา เงยหน้า เพื่อแย่งกันดูภาพที่เห็นดูได้ยากนี้
ขบวนมาถึงจวนอ๋องฉีอย่างยิ่งใหญ่
นายประตูที่เห็นก็รีบวิ่งเข้าไปรายงานอย่างรวดเร็ว ท่านอ๋องฉีได้ยิน ก็นั่งเหมือนเดิมไม่ขยับ สั่งพ่อบ้านว่า “ปล่อยเขาเข้ามาคนเดียวเป็นพอ ส่วนสิ่งของพวกนั้น ทิ้งไว้ข้างนอก ตอนกลับให้เขายกกลับไปด้วย จวนอ๋องฉีไม่ต้องการสิ่งของพวกนั้นของพวกเขา”
พ่อบ้านรับคำสั่ง แล้ววิ่งเหยาะๆ ไปที่หน้าประตูจวน
ท่าป๋าหั่นหลินลงจากหลังม้า พ่อบ้านก้าวออกมาแล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋องฉีเชิญท่านเข้าไป ส่วนสิ่งของพวกนี้ ท่านอ๋องฉีกล่าวว่าท่านยกมาเยี่ยงไรก็ยกกลับเยี่ยงนั้น จวนอ๋องฉีไม่ต้องการสิ่งของพวกนี้”
สีหน้าของท่าป๋าหั่นหลินไม่สู้ดีขึ้นมาทันที แต่ไม่นานก็หายไป สั่งให้คนวางสิ่งของลง ส่วนตัวเองนั้นเดินเข้าจวนทันที
ลูกน้องอยากจะเดินตามเข้าไป พ่อบ้านโบกมือ องครักษ์ลับในจวนรายร้อยคนวิ่งออกมาจากด้านในจวน ในมือถืออาวุธแหลมคม ขวางหน้าพวกเขาไว้
พ่อบ้านกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบว่า “ท่านอ๋องฉีสั่งแล้ว ให้เจ้านายของพวกเจ้าเข้าไปเพียงผู้เดียว ส่วนผู้อื่นเฝ้ารออยู่ด้านนอก”
ลูกน้องกำลังจะพูดอะไรออกมา แต่พ่อบ้านกลับหันหลังเดินเข้าไปในจวนแล้ว เดินไปด้วยสั่งไปด้วยว่า “หากผู้ใดกล้าบุกเข้ามาในจวน ไม่ต้องออมมือ”
องครักษ์ลับในจวนทุกคนรับคำสั่งด้วยน้ำเสียงดังฟังชัด ทำให้ผู้คนต่างตกใจจนใจสั่น
ไม่มีผู้ใดกล้าขยับ
ท่าป๋าหั่นหลินมาถึงห้องโถงรับแขกเพียงผู้เดียว ท่านอ๋องฉี พระชายาฉี หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวล้วนนั่งอยู่ในห้องโถงรับแขก
ทันทีที่เดินเข้ามาในห้องโถงรับแขก ท่าป๋าหั่นหลินทำความเคารพแล้วกล่าวว่า “ทำความเคารพท่านอ๋องฉี พระชายาฉี ซื่อจื่อ และซื่อจื่อเฟย”
ท่านอ๋องฉีไม่พูดจาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
พระชายาฉียิ้มแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องทำความเคารพมากมาย นั่งลงแล้วพูดคุยกันเถิด”
ท่าป๋าหั่นหลินกล่าวขอบคุณ แล้วนั่งหลังตรง
พระชายาฉียิ้มแล้วมองพินิจพิเคราะห์เขา ไม่ได้พบเจอกันมาสองปี สุขุมมากขึ้น เพียงนั่งอยู่ก็มีความน่าเกรงขามของฮ่องเต้เผยออกมา
สัมผัสได้ถึงการมองพินิจพิเคราะห์ของนาง ในใจของท่าป๋าหั่นหลินก็กังวลเล็กน้อย หลังยิ่งตั้งตรงมากขึ้นไปอีก มือสั่นเล็กน้อย
พระชายาฉีเห็นทุกอย่าง จึงพยักหน้าเล็กน้อย ยิ้มแล้วกล่าวว่า “พวกข้าได้ถามเย่ว์เอ๋อร์แล้ว นางตกลงกับการแต่งงานครั้งนี้ ถ้าเยี่ยงนั้น พวกข้าก็ไม่ขัดขวางอีก วันนี้ถือว่าตกลงกับการสู่ขอของเจ้า ส่วนสิ่งของพวกนั้นที่เจ้ายกมา เดี๋ยวให้คนของเจ้าเอารายการทั้งหมดให้พ่อบ้าน หลังจากทุกอย่างตรงกันแล้ว พวกข้าจะเอาเข้าห้องคลัง ต่อไปสิ่งของพวกนี้ก็จะเป็นสินเดิมของเย่ว์เอ๋อร์”
หลังจากได้ยินคำพูดของนางแล้ว ท่าป๋าหั่นหลินก็โล่งอกทันที
“แต่ว่า…”
เสียงของพระชายาฉีดังขึ้นมาอีกครั้ง
ท่าป๋าหั่นหลินใจสั่นขึ้นมาอีกครั้ง แล้วมองนางด้วยความกังวลใจ
“พระชายาฉีพูดต่อว่า เย่ว์เอ๋อร์เพิ่งจะเข้าสู่วัยสาว พวกข้ายังไม่อยากให้นางแต่งงานเร็วเยี่ยงนี้ เกรงว่าจะต้องให้ฮ่องเต้รัฐอิงรออีกสักปีสองปี”
ท่าป๋าหั่นหลินเริ่มร้อนใจเล็กน้อย รีบกล่าวทันทีว่า “พระชายาฉี ปีนี้ท่าป๋าสิบแปดปีแล้ว เพื่อรอท่านหญิงเยว์เอ๋อร์เติบโต การแต่งงานเลื่อนแล้วเลื่อนอีก ตอนนี้มีขุนนางมากมายเริ่มคาดเดาว่าร่างกายของข้ามีปัญหา หากต้องรออีกปีสองปี เยี่ยงนั้น…”
ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกน้ำเสียงที่ไม่พอใจของท่านอ๋องฉีขัดขวางไว้ “หากเจ้าไม่ยอมรอ ก็ไปสู่ขอผู้อื่นได้เลย การแต่งงานครั้งนี้ถือเป็นโมฆะ พวกข้าจะถือว่าวันนี้เจ้าไม่เคยมา”
คำพูดที่ท่าป๋าหั่นหลินอยากพูดติดอยู่ที่คอ ผ่านไปสักพักจึงจะพึมพำออกมาว่า “ข้า ข้า ข้าเพียงกล่าวชี้แจง ไม่ได้พูดว่าจะไม่รอ”
ไม่คิดว่าเขาจะพูดคำพูดแบบนี้ออกมา พระชายาฉีจึงเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา
กลั้นหัวเราะไว้ แล้วไอออกมาเบาๆ จึงพูดต่อไปว่า “พวกข้าเข้าใจถึงความลำบากใจของฮ่องเต้รัฐอิง แต่ก็อยากให้ท่านเห็นใจพวกข้าเช่นกัน หลายปีมานี้เย่ว์เอ๋อร์ไม่เคยห่างจากพวกข้าเลย หากต้องแต่งไปยังรัฐอิงจริงๆ ก็ห่างไกลกันมาก เดินทางไปมาก็ไม่สะดวก ยิ่งไปกว่านั้นคือต่อไปนางจะเป็นถึงมารดาของรัฐ ก็ไม่มีเวลาว่างกลับมาที่นี่ ฉะนั้น พวกข้าอยากให้นางอยู่กับพวกข้าอีกสักปีสองปี จึงอยากจะให้ฮ่องเต้เข้าใจด้วย”
นางพูดชัดเจนและใช้คำพูดที่รื่นหู ท่าป๋าหั่นหลินจะไม่กล้าตกลงได้อย่างไร จึงพยักหน้าตกลงอย่างจนใจ กัดฟันแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้น ท่าป๋าจะรอ”