ตอนที่ 959 ยุทธนาวี

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 959 ยุทธนาวี

ย้อนเวลากลับไปเมื่อเช้าตรู่ของรัชสมัยเทียนเต๋อปีที่สาม วันที่ยี่สิบสาม เดือนสี่

เรือบรรทุกสินค้าจำนวน 12 ลำของชาวฝูหล่างจีถอยออกไปอยู่ด้านหลังกองเรือรบ ภายใต้กล้องส่องทางไกลของไป๋ยู่เหลียนมองเห็นเรือรบ 20 ลำของฝ่ายตรงข้ามเริ่มรวมตัวกัน

“ถ่ายทอดคำสั่ง…”

นี่เป็นการนำกองทัพเรือออกต่อสู้ในทะเลคราแรกของไป๋ยู่เหลียน ในใจของเขามิมีความมั่นใจเอาเสียเลย !

หากเป็นบนบกเกรงว่าไป๋ยู่เหลียนคงจะรีบเข้าไปขย้ำฝ่ายตรงข้ามในทันทีทันใด

“เรือทุกลำเตรียมพร้อมเข้าประจัญบาน ! ”

เรือธงลำดับที่หนึ่งโบกสัญญาณธง ส่งผลให้เรือรบอีกห้าลำที่เหลือเริ่มจัดขบวน

เคานต์1 ปิซาร์โรที่อยู่บนเรือธงฝูหล่างจีก็ยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาเช่นกัน ระหว่างคิ้วที่อยู่บนใบหน้ามืดครึ้มของเขาขมวดมุ่น

การมาจากมหาสมุทรที่อยู่ห่างไกลนี้พบเจออุปสรรคมานับมิถ้วนจนทำให้เรือเสียหายไปถึงครึ่งและในที่สุดก็ได้มาถึงฝั่งตะวันออกอันลึกลับ

เขาใช้เวลามากกว่าหนึ่งเดือนในการพิชิตแคว้นหลิวและบัดนี้ก็ได้มาถึงดินแดนเทพทางตะวันออกที่กล่าวขานกันมาช้านาน

ได้ยินมาว่ามั่งคั่งร่ำรวยมากยิ่งนัก !

ผ้าไหมที่วิจิตรงดงามถูกผลิตขึ้นที่นี่ ใบชา เครื่องลายคราม เครื่องประดับหยกและอื่น ๆ เหล่านั้นก็ผลิตขึ้นที่นี่เช่นกัน

ที่นี่ยังมีสาวงามและมีวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมานานนับพันปี

หากพิชิตดินแดนผืนนี้ได้… จิตใจของปิซาร์โรตื่นเต้นขึ้นมาทันพลัน ครอบครัวของเขาก็จะมั่งคั่ง จนยากจะจินตนาการถึงได้และสถานะของเขาในฝูหล่างจีก็จะทะยานสูงขึ้นทันที !

ส่วนแกรนด์ดยุคฟิลิปที่ขัดขวางการเดินเรือผู้นั้น… รอให้ข้ากลับไปพร้อมชัยชนะก่อนเถิด เมื่อนั้นย่อมถึงเวลาตายของท่าน !

สมเด็จพระราชินีจะต้องประทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่เราเป็นแน่ จากนั้นท่านเคานต์เยี่ยงเราก็จะกลายเป็นแกรนด์ดยุค !

ทว่าเรือรบของฝ่ายตรงข้ามใหญ่ถึงเพียงนั้น เหตุใดถึงมิมีเสากระโดงกัน ?

เรือรบขนาดใหญ่มีข้อได้เปรียบอย่างมากคือสามารถบรรจุปืนใหญ่ได้มากขึ้น และปืนใหญ่ของฝ่ายตรงข้ามย่อมมีมากกว่าเรือรบไร้พ่ายของตนเป็นแน่

ทว่าเรือขนาดใหญ่ก็มีข้อเสียด้วยเช่นกัน คือมิคล่องแคล่วและมิสะดวกต่อการหันหัวเรือเพื่อยิงให้เร็วขึ้น

แม้ฝ่ายตรงข้ามจะมีเรือรบเพียง 6 ลำ แต่เขาก็รู้สึกกังวลใจมากยิ่งนัก ถึงเยี่ยงไรการออกเดินทางในครานี้ก็ถือเป็นคราแรกที่กองทหารเรือของพวกตนได้พบกับศัตรูอย่างแท้จริง

คุมเชิงกันมาสามวันแล้ว ฝ่ายตรงข้ามมิกล้ายิงมาก็หมายความว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงเสือกระดาษ

พวกเรายังอยู่ในยุคสมัยที่ต้องอาศัยฝีพายกำลังคน เรือรบขนาดใหญ่เยี่ยงนั้นจะมีประโยชน์อันใด ? กระสุนจำนวนมากจะมีประโยชน์อันใด เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองทัพเรือไร้พ่ายของตน เกรงว่าพวกนั้นจะถูกกวาดล้างด้วยการโจมตีเพียงรอบเดียวเท่านั้น !

ด้วยเรือรบไร้พ่าย 20 ลำต่อเรือของฝ่ายตรงข้ามเพียง 6 ลำ ในความคิดของเคานต์ปิซาร์โรเห็นว่าสงครามครานี้มิมีอันใดน่าเป็นห่วง

ทันใดนั้นเขาก็ออกคำสั่งและเป็นคำสั่งที่เรียบง่ายมากยิ่งนัก “เปิดศึกได้ ! ”

ดวงตาของเหล่าทหารบนเรือรบไร้พ่ายแดงก่ำมาเนิ่นนานแล้ว เพราะการเดินทางมาปล้นครานี้ได้บรรทุกสมบัติใส่เรือสินค้าทั้งสิบสองลำด้านหลังจนเต็มแล้ว

ท่านเคานต์เอ่ยไว้แล้วว่า หากยึดครองดินแดนเทพทางตะวันออกได้เมื่อใด ของที่อยู่บนเรือสินค้าทั้งสิบสองลำนั้นจะแบ่งให้กับพวกเขาทั้งหมด !

สิ่งที่ท่านเคานต์ต้องการคือแผ่นดินเทพทางตะวันออกและทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บนดินแดนเทพ !

เยี่ยงนั้นก็ต้องรีบทำลายฝ่ายตรงข้ามแล้วตามหาท่าเทียบเรือ จากนั้นก็ขึ้นฝั่งและสังหารไปตลอดทางที่ผ่าน !

เรือรบ 20 ลำฝ่าลมทะลวงคลื่นมา ไป๋ยู่เหลียนยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมอง จากนั้นก็ออกคำสั่งไปอีกครา

“ทุกกองจงเตรียมตัว แบ่งกำลังครึ่งต่อครึ่ง จากนั้นให้จัดขบวนเป็นรูปพัด เปลี่ยนทิศหัวเรือ เมื่อศัตรูเข้ามาในระยะยิงก็สามารถยิงได้เต็มที่ ! ”

มีเขม่าควันดำลอยออกมาจากปล่องควันของเรือรบระดับอู่เว้ย เรือขนาดใหญ่เริ่มเคลื่อนตัว แววตาของเคานต์ปิซาร์โรบังเกิดอาการตื่นตกใจเล็กน้อย…นี่เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ ?

เหตุใดถึงเกิดควันก่อนลงมือโจมตีเล่า ?

มิว่าจะมองเยี่ยงไรก็มิเข้าใจ ผ่านไปชั่วครู่ก็ต้องตื่นตกใจขึ้นมาอีกครา เพราะความเร็วในการเคลื่อนไหวของเรือรบฝ่ายตรงข้ามเร็วเสียยิ่งกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้

คาดว่าคงแล่นมาตามทิศทางลมที่เป็นใจ เยี่ยงนั้นศัตรูคงใช้ฝีพายจำนวนมากและเกรงว่ากำลังรบบนเรืออาจจะมิมากพอซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายเรา

เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงสงบสติได้ในที่สุด วางกล้องส่องทางไกลลง ทั้งยังยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มอีกหนึ่งอึก

ในเวลาครึ่งถ้วยชา ระยะห่างของเรือรบทั้งสองทัพก็เหลือเพียง 80 จั้งเท่านั้น เพียงเรือรบของศัตรูเคลื่อนเข้ามาในระยะ 50 จั้ง ก็จะมาถึงระยะหวังผลของเรือรบไร้พ่ายแล้ว

ทว่าในเวลานั้นเองกัปตันถูฟูของเรือรบอู่เว้ยหมายเลขสองซึ่งเป็นทหารผ่านศึกและเป็นลูกน้องของไป๋ยู่เหลียนก็ได้ออกคำสั่งให้โจมตีทันที “เรือศัตรูเข้ามาในระยะยิงแล้ว ปรับหัวเรือและเล็งเป้าประเดี๋ยวนี้ ! ”

เรือรบอู่เว้ยหมายเลขสองค่อย ๆ เปลี่ยนทิศ ปืนใหญ่สีดำมะเมื่อมปรับตำแหน่งเล็งไปยังทิศทางของเรือศัตรูสองลำที่กำลังตรงเข้ามา

“ยิงได้ ! ” ถัดจากเสียงตะโกนของถูฟู ปืนใหญ่ทั้งสิบกระบอกบนเรือรบอู่เว้ยหมายเลขสองก็ถูกยิงออกไปพร้อม ๆ กัน เสียงดังสนั่นลั่นฟ้าทำเอาแก้วกาแฟในมือของปิซาร์โรตกพื้นดังปึก จากนั้นก็แตกกระจายเป็นชิ้น ๆ

เขารีบยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมา ระยะห่างนี้ยังมิเข้าระยะยิง เหตุใดกระสุนของฝ่ายตรงข้าม…

ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกโพลงเพราะเห็นได้ชัดเจนว่ากระสุนปืนใหญ่ 3 ลูกของฝ่ายตรงข้ามตกลงมาบนเรือรบของตน

‘ตู้มตู้มตู้ม… ! ’

กระสุนปืนใหญ่มาพร้อมกับการระเบิดอย่างรุนแรง เรือรบไร้พ่ายที่ถูกโจมตีเกิดไฟลุกโชน มีควันดำลอยขึ้นมา มันโดนกระสุนสามลูกนั้นจนระเบิดออกเป็นสองส่วน !

‘ตู้มตู้มตู้ม…’ ลูกกระสุนที่เหลือตกลงไปในมหาสมุทร จากนั้นก็ระเบิดจนเกิดเป็นน้ำพุที่สูงหลายจ้าง ท่ามกลางน้ำพุนั้นเรือรบไร้พ่ายก็ค่อย ๆ จมลงอย่างช้า ๆ

“ยิงโดนเป้าแล้ว ! เตรียมพร้อมโจมตีรอบที่สอง ! ”

ถูฟูกู่ร้องด้วยความดีใจ โบกธงคำสั่งไปมา จากนั้นปืนใหญ่ของห้องโดยสารชั้นสองก็ยื่นปากกระบอกปืนออกมาพร้อมเล็งเป้าไปที่เรือของศัตรู

ในเวลาเดียวกัน เรือรบระดับอู่เว้ยอีก 5 ลำที่เหลือก็ปรับหัวเรือเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปืนใหญ่ที่อยู่ด้านข้างถูกดันออกมาทั้งหมด

ระยะ 80 จั้งกับปืนใหญ่กว่าหนึ่งร้อยกระบอกถูกยิงออกไปพร้อม ๆ กัน เกิดเสียงอึกทึกครึกโครมขึ้นมาทันใด เรือของศัตรูที่ถูกยิงจะเกิดไฟลุกท่วม ผิวน้ำราวกับน้ำที่เดือดขึ้นมา สาดกระเซ็นไปทั่วสารทิศ

เคานต์ปิซาร์โรตื่นตกใจจนเหงื่อท่วมกาย ระยะยิงของศัตรูไกลกว่าของตนถึง 30 จั้งเชียวหรือ !

นี่มันอันตรายถึงชีวิตเลยนี่ !

โชคดีที่เรือของศัตรูมีเพียง 6 ลำเท่านั้น หลังจากที่พวกมันยิงกระสุนหนึ่งรอบก็จำต้องหันหัวเรือเพื่อเปลี่ยนด้าน ซึ่งต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน และนี่จะทำให้กองทัพเรือของตนสามารถเข้าไปในระยะ 50 จั้งได้

ฝ่ายตรงข้ามได้ทำลายเรือรบไร้พ่ายไปแล้วทั้งสิ้น 6 ลำ

เรือรบระดับอู่เว้ยเริ่มออกตัวหมุน เรือรบไร้พ่ายอีก 14 ลำที่เหลืออยู่เดินหน้าอย่างสุดกำลัง เพื่อที่จะเข้าไปในระยะ 50 จั้งให้ได้

เคานต์ปิซาร์โรยังมิได้สั่งให้ยิงเพราะจำต้องเข้าใกล้อีกเล็กน้อย

หากยิงกระสุนในระยะ 30 จั้งจะแม่นยำมากยิ่งขึ้น

ในยามที่เรือรบระดับอู่เว้ยทั้งหกลำหันหัวเรือเพื่อเปลี่ยนด้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว เรือรบไร้พ่าย 14 ลำก็ได้เข้าสู่ขอบเขตระยะยิง 30 จั้งในที่สุด

เคานต์ปิซาร์โรโบกธงคำสั่งอย่างดุดัน “จงทำลายล้างพวกมันเสีย ! ”

เรือรบไร้พ่าย 14 ลำปรับทิศทางให้เหมาะแก่การโจมตี พวกเขาโจมตีได้เร็วกว่าเรือรบระดับอู่เว้ยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

‘ตู้มตู้มตู้ม…’

ลูกกระสุนถล่มลงมานับมิถ้วน เรือรบอู่เว้ยหมายเลขสามถูกยิง 3 นัดรวด บัดนี้ดาดฟ้าเรือได้แตกออกแล้ว ไฟกำลังไหม้ลุกลาม ทว่า…มันกลับมิจม !

“กองพลที่หนึ่งดับไฟ กองพลที่สองยิง ส่วนกองพลที่สามบัดนี้ใต้ท้องเรือมีน้ำเข้า รีบไปอุดให้ข้าประเดี๋ยวนี้ ! ”

นี่เป็นยุทธนาวีคราแรก กองทัพเรือยังขาดประสบการณ์อีกมาก ไป๋ยู่เหลียนยืนอยู่บนเรือธงพลางขมวดคิ้วมุ่น

จนถึงวันนี้พวกเขาได้ทำผิดไปแล้วถึงสองครา !

คราแรก… คือมิยอมทิ้งเรือรบอู่เว้ยหมายเลขหนึ่งเอาไว้เพื่อป้องกันยามเรือรบที่เหลือเปลี่ยนทิศทาง

คราที่สอง… คือความแม่นยำในการระดมยิงต่ำจนเกินไป

ศัตรูเข้ามาในระยะยิง 30 จั้งก่อนจะเริ่มยิง นั่นหมายความว่าระยะยิงของศัตรูสั้นกว่าระยะยิงของตนมากนัก

ทว่าการยิงกระสุนครานี้ของศัตรูกลับยิงโดนเรือรบระดับอู่เว้ยได้ถึง 4 ลำ หากมิใช่เพราะเรือรบระดับอู่เว้ยใช้เหล็กกล้าจำนวนมากในการประกอบก็เกรงว่าท่ามกลางการโจมตีครานี้ ตนจะพ่ายแพ้ไปเสียแล้ว

“เล็งเป้า ! ยิง ! ”

1เคานต์ เป็นบรรดาศักดิ์ของขุนนางที่ใช้กันในยุโรป เคานต์ที่เป็นสตรีหรือภริยาของเคานต์เรียกว่า ‘เคาน์ติส’ เคานต์ปกครองดินแดนที่มีศักดิ์เป็นเคาน์ตี อำนาจในการปกครองของเคานต์จะเรียกว่า “countship” ชื่อตำแหน่งเคานต์มาจากภาษาฝรั่งเศสว่า “comte” ที่มาจากภาษาละติน “comes” ซึ่งมีความหมายว่าเพื่อน