ตอนที่ 951 หยุดยั้งมิให้ไป

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

กู้ไป๋อีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ต้อง! นางเหนื่อยแล้ว วันหลังข้าจะไปเยือนเจ้าเพื่อจิบชา!”

กล่าวจบกู้ไป๋อีก็พามู่เฉียนซีหายไปจากที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว

หลงฉือยิ้มอย่างจนปัญญาก่อนจะกล่าว “ไป๋อีหวงแหนนางยิ่งนัก!”

“ฝ่าบาท กู้ไป๋อีไร้มารยาทกับท่านเช่นนี้ จะให้พวกเราไปขัดขวางพวกเขาเอาไว้หรือไม่” องครักษ์ข้างกายหลงฉือผู้หนึ่งกล่าวขึ้น

หลงฉือกล่าว “ไม่ต้องหรอก สิ่งที่ข้าเพ่งเล็งเอาไว้นั้นเจ้าคิดว่ามันจะสามารถหนีไปได้หรือ? ให้ราชทินนามเฮยมาพบข้า”

“ขอรับ!”

กู้ไป๋อีหนีออกไปอย่างรีบร้อนยิ่งนัก มู่เฉียนซีเองก็สัมผัสถึงความร้อนรนใจและเป็นกังวลของเขาได้อย่างชัดเจน

นางไม่เคยเห็นจิตใจของเสี่ยวไป๋ผันผวนเช่นนี้มาก่อน

จนกระทั่งได้มาถึงป้อมปราการเขาถึงได้สงบลงมา

มู่เฉียนซีกล่าว “ฝ่าบาทผู้นั้นอันตรายเป็นอย่างมากหรือ”

กู้ไป๋อีพยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่แล้ว! เขาอันตรายเป็นอย่างมาก ตอนนี้เจ้าได้สำเร็จเป็นตำแหน่งมหาจักรพรรดิและเจ้าก็บรรลุขั้นแล้ว ตอนนี้ควรที่จะรีบจากที่นี่ไปเสียในทันที”

มู่เฉียนซีทวนถาม “จากไปในทันที?”

ความกังวลของกู้ไป๋อีนั้นไม่ใช่ของปลอมอย่างแน่นอน

นางพยักหน้าแล้วกล่าว “ได้ ข้าจะไปจากเมืองนี้ เอาตามที่เจ้าว่า แต่ว่าจะออกไปเช่นไร?”

กู้ไป๋อียื่นมือออกมาแล้วกล่าว “คุณหนูใหญ่ยื่นมือออกมา!”

“ได้!” มู่เฉียนซีจึงยื่นมือออกไป

กู้ไป๋อีมองฝ่ามือของนางที่ขาวเหมือนดั่งหยก ในช่วงเวลานั้นกู้ไป๋อีเกิดความรู้สึกที่ทำไม่ลงอยู่บ้าง

แต่ตอนนี้มิใช่เวลาที่จะมาลังเล มีดสั้นเล่มหนึ่งได้กรีดเข้าไปที่กลางฝ่ามือของนาง

ฟืด! มู่เฉียนซีที่ได้รับความเจ็บปวดมองไปที่กู้ไป๋อีอย่างตกตะลึง และในตอนนี้กู้ไป๋อีก็ได้บีบข้อมือของนางเอาไว้

เขาจับมือของมู่เฉียนซียกขึ้นไปแกว่งอยู่กลางอากาศ และได้ใช้โลหิตของนางวาดรูปหนึ่งรูปขึ้นที่บนพื้น โลหิตสีแดงสดนั้นได้ระเบิดลำแสงสีดำออกมา

อีกาสีดำสนิทตัวหนึ่งได้บินออกมา มันกางปีกทั้งสองข้างออกแล้วมองไปยังมู่เฉียนซีก่อนจะกล่าว “ท่านมหาจักรพรรดิโยว ข้าคืออีกาดำน้อย ท่านมีอะไรให้ข้ารับใช้?”

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าต้องการที่จะไปจากเมืองเฮยตู และนำกู้ไป๋อีไปด้วย”

อีกาดำน้อยกล่าวด้วยความตกตะลึงเล็กน้อย “ทำเช่นนั้นมิได้! ท่านมหาจักรพรรดิโยวเป็นผู้อัญเชิญข้าออกมา ข้าสามารถส่งท่านไปได้เพียงผู้เดียว ส่วนท่านราชทินนามหานคงทำได้เพียงแต่ให้เขาหาหนทางที่จะออกไปเอง”

กู้ไป๋อีกล่าว “ไม่ต้องเป็นห่วงข้า เจ้าไปก่อนก็พอแล้ว”

มู่เฉียนซีนึกถึงฝ่าบาทที่อันตรายของเมืองเฮยตูผู้นั้นขึ้นมา นางรู้สึกมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเป็นอย่างมาก

ทว่าเมื่อนางเงยหน้ามองดวงตาอันเย็นชาของกู้ไป๋อี นางจึงเอ่ยขึ้นว่า “อีกาดำน้อย ส่งข้าออกไป”

อีกาดำน้อยยิ้มแล้วกล่าว “รับคำสั่ง! เช่นนั้นวันพรุ่งนี้ข้าน้อยจะมาที่นี่แล้วส่งท่านมหาจักรพรรดิโยว ออกจากเมืองเฮยตู”

สีหน้าของกู้ไป๋อีเย็นชาลง “พรุ่งนี้? ทำไมต้องพรุ่งนี้?”

อีกาน้อยกล่าวขึ้น “ท่านราชทินนามหานคงลืมไปแล้วกระมัง! คืนนี้เป็นคืนจันทร์ใหม่ ทั้งเมืองเฮยตูนั้นได้ถูกปิดผนึกอย่างสมบูรณ์ ถึงต่อให้เป็นอีกาดำน้อยเองก็ออกไปไม่ได้! ทำได้เพียงแค่รอวันพรุ่งนี้เท่านั้น ท่านราชทินนามหานมิจำเป็นจะต้องใจร้อนเช่นนั้น”

กู้ไป๋อี้ขมวดคิ้วแน่น จะให้ไม่ใจร้อนได้อย่างไร!

แต่ตอนนี้คือคืนจันทร์ใหม่ ซึ่งไม่มีหนทางใดเลย!

กู้ไป๋อีกล่าว “เอาล่ะ เจ้าสามารถไปได้แล้ว เช่นนั้นพรุ่งนี้เจ้าจะต้องรีบมาแต่โดยไว”

“อีกาดำน้อยรับคำสั่ง!” หลังจากที่อีกาดำน้อยได้ตอบรับคำของกู้ไป๋อีแล้ว มันก็ได้กลายร่างเป็นควันสีดำแล้วหายไป

มู่เฉียนซีมองไปที่กู้ไป๋อีแล้วกล่าว “เสี่ยวไป๋ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ห้ามปิดบัง! เจ้าจงบอกกับข้ามาตามจริง”

ตั้งแต่ที่ฝ่าบาทแห่งเมืองเฮยตูปรากฏตัวขึ้น เสี่ยวไป๋ก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน นางจะต้องสอบถามให้ชัดเจน

กู้ไป๋อีได้ทำให้จิตใจของตนเองสงบลงมาแล้วไม่น้อย เขากล่าวกับมู่เฉียนซี “ฝ่าบาทแห่งเมืองเฮยตูนามว่าหลงฉือ เขาเป็นผู้ที่รักชอบในเหล่าคนที่มีความสามารถยิ่งนักผู้หนึ่ง พรสวรรค์ของคุณหนูใหญ่ได้ทำให้เขาสนใจเป็นอย่างมากเข้าเสียแล้ว ถ้าหากว่าคุณหนูใหญ่ยังไม่ออกจากเมืองนี้ไปอีก เกรงว่าเขาคงจะทำให้คุณหนูใหญ่ไม่สามารถที่จะออกจากเมืองนี้ไปได้อีกตลอดกาล”

มู่เฉียนซีกล่าว “อื้ม! ดูท่าแล้วที่แห่งนี้ไม่ควรที่จะอยู่นาน แต่ถ้าหากว่าข้าไปแล้วเขาจะทำอะไรที่เลวร้ายต่อเจ้าหรือไม่?”

กู้ไป๋อีกล่าว “เมื่อก่อนนี้ข้ามิได้อ่อนแอไปกว่าเขา เขาเองก็ไม่รู้ว่าพลังความสามารถของข้าได้ถดถอยลงไป ดังนั้นเขาจะไม่ลงมือกับข้าอย่างง่ายดายเป็นแน่ ขอแค่เพียงคุณหนูใหญ่หนีไปก่อน ข้าถึงจะคิดหาหนทางดี ๆ ที่สามารถจะออกไปอย่างปลอดภัยได้”

มู่เฉียนซีพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าจะต้องระวังตัวด้วย! วันรุ่งขึ้นข้าจะไปในทันที”

“ดี!” กลางดึก มู่เฉียนซีนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงด้วยไม่สามารถนอนหลับได้

ถึงแม้ว่าคำอธิบายของเสี่ยวไป๋ที่กล่าวมาจะสมเหตุสมผล แต่นางกลับรู้สึกว่ามันจะไม่ได้มีเพียงแค่เท่านั้น!

ตุบ ตุบ ตุบ!

กู้ไป๋อีลืมตาทั้งสองข้างขึ้นทันที ที่บนพื้นสะท้อนเงาคนที่มีหนึ่งร่างและสองหัวให้เห็น

ปราณกระบี่สีเงินพุ่งเข้าไปอย่างไม่เกรงใจ

ซึบ! ผู้ที่อยู่ตรงหน้านั้นได้แยกออกเป็นสองส่วน

ทั้งสองผู้นี้ผู้หนึ่งมีร่างกายสูงและใหญ่ ส่วนอีกผู้นั้นมีร่างกายที่เล็กและเตี้ย เตี้ยถึงขั้นที่ว่ามองเห็นได้เพียงแค่ต้นขาของผู้ที่ตัวสูงใหญ่เท่านั้น

กู้ไป๋อีกล่าว “ราชทินนามซวง พวกเจ้าทั้งสองมาทำอะไร?”

ผู้ที่มีร่างสูงใหญ่กล่าว “ได้ยินว่าเจ้าผู้เป็นราชทินนามหานกลับมาแล้ว พวกเราสองพี่น้องก็แค่อยากจะมาขอคำชี้แนะสักหน่อยก็เท่านั้น”

“พวกเจ้ารนหาที่ตาย!” สายตาของกู้ไป๋อีเปลี่ยนเป็นเย็นชา และได้ออกกระบวนท่าพิฆาตเพื่อจัดการกับพวกเขาทันที

บึ้ม!

มู่เฉียนซีได้ยินเสียงของการต่อสู้จึงได้ลุกจากเตียงขึ้นมา

ปัง! หน้าต่างบานหนึ่งที่อยู่ต่ำใกล้พื้นได้ถูกพลังสายหนึ่งทำลายเสียจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ

“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!” ชั้นน้ำแข็งที่แกร่งกล้าได้กันเศษที่แตกกระจายของกระจกจากเบื้องหน้า

เด็กสาวตัวน้อยในชุดสีดำก็ได้เข้ามาจากทางหน้าต่าง นางยิ้มแล้วกล่าวขึ้น “มหาจักรพรรดิโยว ข้าได้พบกับเจ้าอีกแล้ว”

มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้ามาในวันนี้มีเป้าหมายอะไร? คิดที่จะฆ่าข้าหรือ?”

กระบี่มังกรเพลิงได้เข้ามาอยู่ในมือของมู่เฉียนซีแล้ว ถึงแม้ว่าคนผู้นี้จะเป็นถึงตำแหน่งราชทินนาม แต่หากคิดที่จะฆ่านางแล้วละก็ มันก็มิได้ง่ายดายเช่นนั้น

ราชทินนามเฮยส่ายหน้าแล้วกล่าว “ไม่ไม่ไม่! ไหนเลยข้าจะกล้าฆ่าเจ้าเล่า! ในตอนนี้ฝ่าบาทนั้นเห็นเจ้าเป็นดั่งสิ่งล้ำค่า หากข้าเตะต้องเจ้าแค่เพียงปลายขน เกรงว่าฝ่าบาทคงจะได้สับข้าเป็นหมื่น ๆ ชิ้น”

สีหน้าของมู่เฉียนซีหม่นหมองลง ดูเหมือนว่าสิ่งที่กู้ไป๋อีเป็นกังวลนั้นจะมิผิดไป เห็นได้ชัดเลยว่าฝ่าบาทแห่งเมืองเฮยตูนั้นมีแผนการบางอย่างกับนาง

มู่เฉียนซีถามขึ้น “ในเมื่อพวกเจ้ามิได้มาลงมือกับข้า แล้วพวกเจ้ามาทำอะไร?”

ราชทินนามเฮยกล่าว “ข้าได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทให้มาหยุดยั้งมิให้เจ้าหนีไป และเชิญเจ้าไปท้าสู้กับหอคอยทมิฬ”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา “หยุดยั้งข้า? เช่นนั้นก็ต้องดูว่าเจ้ามีวิธีการอะไรที่จะหยุดยั้งไม่ให้ข้าไป”

“ข้าไม่จำเป็นต้องลงมือ เจ้าเองก็คงจะไม่อยากจากไปอยู่แล้ว แค่เพียงข้าบอกความลับอย่างหนึ่งแก่เจ้า ความลับที่เกี่ยวกับพี่ไป๋อี”

“เจ้าต้องการจะพูดอะไรก็พูดมาเถอะ!”

“แม้ว่าข้าจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าเจ้า แต่ว่าเจ้าเองก็เป็นคนที่ตรงไปตรงมาผู้หนึ่ง เช่นนั้นข้าจะพูดเลยก็แล้วกัน การที่พี่ไป๋อีกลับมายังเมืองเฮยตูอีกครั้งหนึ่ง เจ้าคิดว่าจะไม่มีราคาใดที่เขาจะต้องจ่ายหรือ?” ราชทินนามเฮยกล่าว

มู่เฉียนซีถามต่อ “ราคาอะไร?”

ราชทินนามเฮยกล่าว “หากผู้ที่จากเมืองเฮยตูไปแล้วได้กลับมาอีกครั้ง เช่นนั้นจะต้องไปยังสถานที่แห่งนั้น หากทันทีที่มิยอมไปจะถูกพลังของเมืองเฮยตูดูดเอาพลังชีวิตทั้งหมดไป”

มู่เฉียนซีถามต่อไปอีก “สถานที่แห่งนั้น หมายถึงสถานที่ใด?”

ราชทินนามเฮยกล่าว “นี่เป็นความลับเมืองเฮยตูของพวกเรา ซึ่งไม่สามารถที่จะบอกแก่ผู้อื่นได้”

“ข้าเองก็ไม่เคยไปมาก่อน ข้ารู้แค่เพียงว่าสถานที่แห่งนั้นเป็นสถานที่ที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง เมืองเฮยตูตั้งอยู่มามากกว่าหนึ่งหมื่นปี ไม่มีตำแหน่งราชทินนามคนใดที่เข้าไปแล้วสามารถออกมาอย่างมีชีวิตได้ ส่วนผู้ที่สามารถรอดออกมาอย่างมีชีวิตได้นั้นมีเพียงผู้เดียว นั่นก็คือฝ่าบาทของพวกเราเพียงผู้เดียวเท่านั้น”

.

.