คนที่มู่หรงฉีพบคือ เยี่ยโยวเหยา
เวลานี้ เขากำลังนั่งอยู่ด้านนอกเรือนพักของมู่หรงฉี อ่านจดหมายในมือด้วยท่าทางจดจ่ออย่างมาก
เห็นได้ชัดว่าจดหมายเหล่านั้น องครักษ์เงาส่งมาให้เขาหลังจากที่เขามาถึงด้านนอกเรือนพัก
มู่หรงฉีมีองครักษ์เงาอยู่ข้างกายมากมาย ทั้งวรยุทธ์ของพวกเขายังสูงส่ง ทว่าเมื่อดูสถานการณ์ในตอนนี้ พวกเขากลับถูกคนของเยี่ยโยวเหยาบังคับไว้ ไม่มีโอกาสแม้แต่จะเตือนเจ้านายของตน
ต้องบอกว่า เรื่องนี้ มู่หรงฉียอมรับในตัวเยี่ยโยวเหยาอย่างมาก
สีหน้าที่แสดงถึงความพ่ายแพ้ของมู่หรงฉีพลันหายไป เขาไพล่สองมือไว้ด้านหลัง และเดินเข้าไปหาเยี่ยโยวเหยาด้วยท่าทางของผู้มีอำนาจ
“โยวอ๋องมาเยี่ยมข้าเป็นการพิเศษ ไม่ทราบว่า… มีเรื่องอันใดหรือ? ”
เยี่ยโยวเหยาเก็บจดหมายในมือ ก่อนจะลุกขึ้นและยืนเผชิญหน้ากับมู่หรงฉี
เพียงชั่วครู่ บรรยากาศรอบตัวของบุรุษทั้งสองราวกับสายฟ้าฟาด บุคลิกของพวกเขาน่ากลัวอย่างมาก
แม้ในวันปกติ มู่หรงฉีที่ทุกคนเห็นจะเป็นคนเด็ดเดี่ยว มีความภาคภูมิใจในตนเอง ไม่มีผู้ใดในแคว้นหนานหลีเทียบได้ ทั้งลักษณะท่าทางอันทรงอำนาจของเขายังเทียบไม่ได้กับเยี่ยโยวเหยา
ทว่าเวลานี้ หากมีผู้ที่คุ้นเคยกับซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยายืนอยู่ข้างๆ พวกเขาต้องตกใจอย่างแน่นอน เพราะบุคลิกทรงอำนาจของมู่หรงฉีในตอนนี้ ไม่ด้อยไปกว่าเยี่ยโยวเหยาแม้แต่น้อย
น้ำเสียงของเยี่ยโยวเหยาเย็นชาราวกับมัจจุราชจากแดนนรก ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ “มู่หรงฉี โอ้ ไม่สิ เกาฉี เจ้าคงคุ้นเคยกับคำว่าสำนักอักษรประจำราชวงศ์เมื่อสองร้อยปีก่อน”
บุคลิกทรงอำนาจของมู่หรงฉีในตอนนี้ ไม่ด้อยไปกว่าเยี่ยโยวเหยาแม้แต่น้อย
“ในเมื่อโยวอ๋องทราบแล้วว่าสกุลมู่หรงก็คือสกุลเกาเมื่อสองร้อยปีก่อน เช่นนั้น ท่านก็ควรทราบด้วยว่าความบาดหมางระหว่างสกุลเกาของข้ากับจักรวรรดิต้าฉินนั้นมากมายเพียงใด ไม่ช้าก็เร็ว พวกเราต้องชำระแค้นให้ตายกันไปข้าง สกุลเกาสามร้อยยี่สิบสี่ชีวิต ทั้งหมดต้องตายภายใต้เงื้อมมือจักรวรรดิต้าฉินของท่าน บัญชีแค้นนี้ ไม่ว่าต้องใช้วิธีใด สกุลเกาของข้าจะต้องทวงคืนอย่างแน่นอน”
แม้แววตาของเยี่ยโยวเหยาจะเย็นชา ทว่าท่าทางของเขากลับเรียบเฉยไร้ซึ่งอารมณ์ เหมือนว่าเขากำลังมองต้นหญ้า “ข้าจะรอวันนั้น ทว่าสกุลเกาของเจ้าร่วมหัวกับสกุลเสวียนหยวนเพื่อทรยศต่อจักรวรรดิต้าฉินของข้า ส่งผลให้จักรวรรดิต้าฉินต้องล่มสลาย เรื่องนี้จะคิดบัญชีกันอย่างไร? ข้าเองก็ไม่ยอมเช่นกัน”
มู่หรงฉียิ้มเยาะ “โยวอ๋องมาหาข้าในวันนี้ คงไม่ได้มาพูดแค่เรื่องนี้กระมัง? ข้าเคยพูดไว้แล้ว สกุลเกาของข้าจะต้องแก้แค้นจักรวรรดิต้าฉินของท่าน รวมถึงพระชายาของท่าน ซูจิ่นซีด้วยอีกคน”
เยี่ยโยวเหยากำหมัดแน่นภายใต้แขนเสื้อของเขา สีหน้าของเขาถมึงทึงน่าหวาดกลัว
“ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น ในเมื่อได้อภิเษกเป็นพระชายาของข้าแล้ว ชั่วชีวิตนี้ นางถูกกำหนดให้เป็นสตรีของข้า ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น นางย่อมแบกรับไปพร้อมข้า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอันใดกับนาง”
“จริงหรือ? ที่แท้โยวอ๋องก็คิดเข้าข้างตนเองมาตลอด แม้ท่านจะต้องการเช่นนั้น แต่ขอถามว่าดวงวิญญาณของกองทัพจักรวรรดิต้าฉิน ขุนนางของจักรวรรดิต้าฉิน แม่ทัพและผู้ที่สละชีวิตในสงครามเมื่อสองร้อยปีก่อน พวกเขาเต็มใจหรือไม่? ” ขณะที่พูด สีหน้าของมู่หรงฉีดูเคร่งขรึมขึ้นมาก
ดวงตาของเยี่ยโยวเหยาแดงฉาน เขากำหมัดแน่น “ข้าบอกแล้วว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนาง”
มู่หรงฉีมีท่าทางหยิ่งทะนง เขาเดินเข้าไปใกล้เยี่ยโยวเหยาหนึ่งก้าวเพื่อสร้างแรงกดดัน ระหว่างคนทั้งสองไม่มีช่องว่าง สถานการณ์พลันตึงเครียด
“นั่นเป็นเพราะท่าน เยี่ยโยวเหยาคิดเพียงผู้เดียวเท่านั้น ทั้งนางยังไม่ทราบรายละเอียดในตอนนั้น
โยวอ๋อง ท่านทวดของนาง ย่าทวดของนาง และคนในสกุลของนางเสียชีวิตอย่างน่าอนาถภายใต้เงื้อมมือจักรวรรดิต้าฉินของท่าน เลือดของพวกเขาต้องแปดเปื้อนถนนทุกสายในเมืองหลวง ผู้คนทั้งหมดในสำนักอักษรประจำราชวงศ์ แม้แต่อาจารย์ในสำนักอักษร รวมถึงศิษย์ของสำนักอักษรทั้งหมด ต้องถูกสังหารภายในเวลาชั่วข้ามคืน ผู้คนทั้งจักรวรรดิเต็มไปด้วยความโศกเศร้า พวกเขาล้วนคับข้องใจ และผู้ที่กระทำเรื่องโหดร้ายทั้งหมดนี้คือจักรวรรดิต้าฉิน ผู้ที่สกุลเสวียนหยวนและสกุลเกาทุ่มเทปกป้องมาหลายชั่วอายุคน เรื่องเหล่านี้ ท่านกล้าให้นางรู้ความจริงหรือไม่?
ท่านกล้าพูดหรือไม่ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนาง หลังจากนางรู้ความจริงทั้งหมด? ”
น้ำเสียงและท่าทางของเยี่ยโยวเหยายังคงเหมือนเดิม “สกุลเกาของเจ้าทรยศต่อจักรวรรดิต้าฉิน ทำให้จักรวรรดิต้าฉินล่มสลาย ทำให้สถานการณ์ในใต้หล้าต้องแตกแยกและพบกับความทุกข์ยากเช่นนี้ พวกเจ้าคือคนบาปในใต้หล้า”
รอยยิ้มเยาะของมู่หรงฉีทวีความเย็นชามากขึ้น “ด้วยเหตุนี้หรือ? เยี่ยโยวเหยา ท่านกำลังพยายามผดุงความยุติธรรมให้ใต้หล้าหรือ? ”
หลังจากพูดจบ เขายังพูดเสริมอีกว่า “ความจริงเป็นสิ่งที่น่าเศร้าที่สุดเสมอ เยี่ยโยวเหยา จักรวรรดิต้าฉินทำผิดต่อสกุลเสวียนหยวนและสกุลเกาของข้า ความแค้นครั้งนี้หนักหนาไม่มีวันลบเลือนได้ แม้วันหนึ่ง จักรวรรดิต้าฉินของเจ้าจะคุกเข่าขอโทษต่อหน้าป้ายวิญญาณบรรพบุรุษสกุลเกา ทว่าสกุลเกาของข้าจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ นอกเสียจากจะนำศีรษะของจักรวรรดิต้าฉินมาสักการะหน้าหลุมฝังศพเท่านั้น”
ให้จักรวรรดิต้าฉินคุกเข่าขอโทษต่อหน้าป้ายวิญญาณบรรพบุรุษสกุลเกา?
เชื้อพระวงศ์จักรวรรดิต้าฉินเหลือเยี่ยโยวเหยาเพียงผู้เดียว มู่หรงฉีกล่าวเช่นนี้ ต้องการให้เยี่ยโยวเหยาคุกเข่าขอโทษต่อหน้าป้ายวิญญาณบรรพบุรุษสกุลเกามิใช่หรือ?
เป็นไปได้อย่างไร?
จริงดังคาด ทันทีที่สิ้นเสียงของมู่หรงฉี แววตาของเยี่ยโยวเหยาพลันหรี่ลง จากนั้นจึงโจมตีมู่หรงฉีทันที
ปฏิกิริยาตอบสนองของมู่หรงฉีก็รวดเร็วมากเช่นกัน เขาหลบได้ทัน ในไม่ช้า ทั้งสองก็เข้าต่อสู้พัวพันกันหลายกระบวนท่า
ท่วงท่าดุเดือด แต่ละกระบวนท่าหมายโจมตีไปที่จุดตายของคู่ต่อสู้ทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรก มู่หรงฉียังสามารถปัดป้องการเคลื่อนไหวของเยี่ยโยวเหยาได้ ทว่าวรยุทธ์ของเขาด้อยกว่าเยี่ยโยวเหยาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่นานนัก เขาก็โดนฝ่ามือของเยี่ยโยวเหยาโจมตีเข้าอย่างจังจนล้มลงบนพื้นและกระอักเลือดออกมา
เห็นได้ชัดว่าเวลานี้ เยี่ยโยวเหยาเดือดดาลอย่างมาก ดวงตาของเขาแดงฉานเป็นสีเลือด เขาเรียกกระบี่เสวียนหยวนออกมาราวกับเทพเจ้า และเดินเข้าไปหามู่หรงฉีทีละก้าว
เดิมทีมู่หรงฉีได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว เวลานี้ยิ่งบาดเจ็บเพิ่มขึ้นไปอีก เขาไม่มีแรงลุกขึ้นต่อต้านเยี่ยโยวเหยา ทว่าเขาไม่แสดงท่าทีอ่อนแอแม้แต่น้อย ทั้งยังจ้องมองเยี่ยโยวเหยาด้วยแววตาแค้นเคือง เยี่ยโยวเหยาเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้าดั่งมัจจุราชแห่งความตาย
บุรุษมีบางอย่างที่สามารถยอมให้ได้ ทว่ามีบางสิ่งที่เป็นหลักการและยอมให้ไม่ได้
เมื่อเห็นเยี่ยโยวเหยายกกระบี่เสวียนหยวนขึ้นมา หมายปลิดชีพมู่หรงฉี มู่หรงฉีที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไปจึงค่อยๆ หลับตาทั้งสองข้าง
ทว่าขณะที่กระบี่เสวียนหยวนกำลังฟาดฟันลงมาบนร่างของมู่หรงฉี ทันใดนั้น ฝ่ามืออันทรงพลังก็กระแทกกระบี่เสวียนหยวนของเยี่ยโยวเหยาที่ไม่อาจดึงกลับได้อีก และผลักกระบี่เสวียนหยวนไปที่โต๊ะหินด้านข้างอย่างรุนแรง
โต๊ะหินแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
วินาทีถัดมา ซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่นก็ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา
ซูจิ่นซีมีท่าทางสับสน “เยี่ยโยวเหยา ท่านบ้าไปแล้วหรือ? ท่านกำลังทำอันใด? ”
ขณะที่นางกับอวิ๋นจิ่นเข้ามา พวกเขาเห็นเยี่ยโยวเหยายกกระบี่เสวียนหยวนหมายปลิดชีพมู่หรงฉี โดยไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นเกิดอันใดขึ้น
ทว่ามีเหตุผลอันใดที่ทำให้เยี่ยโยวเหยาต้องการสังหารมู่หรงฉีอย่างไร้สติเช่นนี้? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นางกับมู่หรงฉีมีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด มู่หรงฉีเป็นพี่ชายแท้ๆ ของนาง
เยี่ยโยวเหยาไร้ซึ่งคำอธิบาย เขาค่อยๆ เก็บกระบี่เสวียนหยวนกลับมา ทว่าไม่สบสายตาซูจิ่นซี
มู่หรงฉีนอนอยู่บนพื้น ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด เขามองเยี่ยโยวเหยาพลางยกยิ้มเย็นชา
เยี่ยโยวเหยาส่งสายตาเย็นชาเพื่อเป็นการเตือนในที สีหน้าของมู่หรงฉีเรียบเฉยอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และไม่มีท่าทีหวาดกลัวเยี่ยโยวเหยาแม้แต่น้อย
“โยวอ๋องวางใจ ข้าจะไม่พูดอันใด”
“เกิดอันใดขึ้นกันแน่? ” ซูจิ่นซีถามเยี่ยโยวเหยาด้วยท่าทางจริงจังอย่างมาก