ตอนที่ 2148 เงามารเกิดขึ้นอีกครั้ง

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

แม้ว่ามั่วเจี่ยนหลีจะรู้ว่าหานลี่เพิ่งกลับมาจากแดนมาร แต่ในใจไม่เคยรู้และนึกไม่ถึงเรื่องที่หานลี่สามารถเข้าไปในบ่อชำระวิญญาณได้

เป็นเวลาหลายหมื่นปีมานี้ ผู้แข็งแกร่งจากทุกดินแดนจำนวนไม่น้อยที่ไปที่บ่อชำระวิญญาณและบัววิญญาณพิสุทธิ์ มีไม่กี่คนที่จะประสบความสำเร็จได้อย่างแท้จริง แม้ว่าหานลี่จะอยู่ระหว่างเผ่าปีศาจและเผ่ามนุษย์ก็นับว่าเป็นพรสวรรค์ประทาน แต่เมื่อเทียบกับปีศาจพวกนั้นในดินแดนอื่นๆ ไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่งถึงขนาดนั้นจริงๆ

แต่สิ่งที่มั่วเจี่ยนหลีนึกไม่ถึงเกี่ยวกับหานลี่ก็คือ อิทธิฤทธิ์พื้นฐานของหานลี่ไม่ใช่ที่นักพรตระดับผสานอินทรีย์จะเปรียบได้ โดยเฉพาะทฤษฎีระรานเนื้อกายและจิตที่แข็งแกร่งก็เกือบจะไม่อยู่ในบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ แม้กระทั่งหลังจากที่ใช้ทั้งสองนิ้วกลายร่าง ล้วนเป็นเวลาสั้นๆ ในการต่อต้านร่างเดิมบรรพชนศักดิ์สิทธิ์บ้าง

ตอนที่หานลี่เข้ามาในแดนมาร ประจวบเหมาะกับการพบเจอภัยครั้งใหญ่ของเผ่ามารพอดี เผ่ามารระดับสูงล้วนตกอยู่ในความวุ่นวาย ไม่มีใครสนใจหานลี่และคนนอกอื่นเลย ไม่เช่นนั้นเพียงแค่ร่างเดิมบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ไม่กี่ร่างติดตามพวกเขาอย่างจริงจังด้วยความร่วมมือ ถึงแม้ว่าหานลี่และคนอื่นๆ จะมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมแต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถเดินไปถึงทะเลกำเนิดมาร

“เอาล่ะ ในเมื่อเป็นข่าวดีจริงๆ ด้วยความฉลาดของสหายหาน บวกกับผลลัพธ์อันน่าทึ่งของการชำระแก่นแท้อี้จิงในบ่อชำระวิญญาณและบัววิญญาณพิสุทธิ์ ถ้าหากเป็นการช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังของข้าสองคนหลังจากนี้ คิดจะเข้าสู่ระดับมหายานก็มีความหวังไปแล้วสามสี่ส่วน” ดวงตาทั้งสองข้างของมั่วเจี่ยนหลีเป็นประกายพร้อมกับเอ่ยขึ้น

“หืม แต่เขาเป็นนักพรตเผ่ามนุษย์ของพวกท่าน ขึ้นอยู่กับที่บรรพชนอาวุโสจะช่วยเหลืออย่างสุดกำลัง?” บรรพชนอาวุโสเอ๋าเซี่ยวกลับเอ่ยเรียบๆ ออกมาหนึ่งประโยค

 “เผ่ามนุษย์เผ่าปีศาจรวมเป็นหนึ่งเดียวในแดนวิญญาณ หากสหายหานสามารถเข้าสู่ระดับมหายานได้จริง ก็เป็นที่พึ่งของเผ่ามารเป็นเวลาหลายหมื่นปี สหายเอ๋าเซี่ยวทำไม่จะต้องแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันเล่า! ถ้าหากเผ่าปีศาจพวกท่านมีคนที่มีความหวังที่จะเข้าสู่ระดับมหายาน ผู้อาวุโสก็ไม่เสียดายที่จะสนับสนุนค่าตอบแทนเช่นกัน” มั่วเจี่ยนหลีเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ

“ปีศาจอาวุโสมั่ว ที่พูดนี้เป็นเรื่องจริงหรือ?” บรรพชนอาวุโสเอ๋าเซี่ยวพอได้ยินดังนี้ ดวงตาทั้งคู่ค่อยๆ หรี่ลง และฝืนยิ้มเอ่ยขึ้นหนึ่งประโยค

 “คำพูดของผู้อาวุโสปกติแล้วออกมาจากใจจริง? แล้วอย่างไร พวกท่านเผ่าปีศาจจะมีสักกี่คนที่มีโอกาสเข้าสู่ระดับมหายานจริงๆ?” มั่วเจี่ยนหลีตอบกลับก่อนโดยไม่ครุ่นคิด แต่ก็พลันนึกขึ้นได้อีกครั้ง

“เฮ้ๆ หลานสาวข้าผู้นี้ ปีศาจอาวุโสมั่วท่านเองก็เคยพบมาหลายครั้งแล้ว แต่ท่านคงจะยังไม่รู้ นางคือคนที่มีร่างจันทราดาราทั้งเจ็ด ตราบใดที่สามารถฝึกฝนจนถึงระดับผสานอินทรีย์ขั้นสูง แม้ว่าความเป็นไปได้ในการเข้าสู่ระดับมหายานจะน้อยกว่าสหายหานบ้าง แต่ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไร” บรรพชนอาวุโสเอ๋าเซี่ยวชี้ไปยังอิ๋นเย่ว์สีหน้าเรียบเฉยที่อยู่เบื้องหลัง และเอ่ยขึ้นอย่างภาคภูมิใจ

“หลิงเอ๋อร์ก็เช่นเดียวกันกับท่าน มีร่างจันทราเจ็ดดาราด้วย? ท่านอาวุโสเอ๋าเซี่ยว ท่านช่างปิดบังผู้อาวุโสได้ ทำไมถึงไม่บอกผู้อาวุโสก่อนสักนิด ยังไม่เชื่อใจมั่วคนนี้?” มั่วเจี่ยนหลีตกตะลึง หลังจากที่กวาดสายตาไปยังอิ๋นเย่ว์ สีหน้าก็มีความประหลาดใจขึ้นมา

“คนตระกูลเอ๋าจะไม่เชื่อศิษย์พี่มั่วได้อย่างไร เพียงแค่ในตอนที่หลานสาวคนนี้เกิดมาไม่ปรากฏรางบอกเหตุใดๆ ที่เกี่ยวข้องเลย ผู้อาวุโสก็เพิ่งจะมาพบทีหลังว่านางนั้นมีร่างนี้อยู่ ไม่มีเจตนาที่จะปิดบังสหายมั่วเลย” บรรพชนอาวุโสเอ๋าเซี่ยวโบกมือไปมา เอ่ยอธิบายอย่างหนักแน่น

“หึ แม้ว่าจะเป็นคนเช่นนี้ ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไม่เคยเห็นท่านเผยน้ำเสียงเช่นนี้ออกมาแม้แต่น้อย ตอนนี้อยู่ๆ ก็อาศัยเรื่องของสหายหานพูดมันออกมา ต้องมีแผนอะไรอื่นแน่” มั่วเจี่ยนหลีพ่นลมหายใจออกมา สีหน้ากลับคืนมาเป็นปกติแต่น้ำเสียงไม่พอใจยังคงอยู่

“ที่จริง แม้ว่าหลานสาวคนนี้ของข้าจะมีร่างจันทราเจ็ดดารา แต่ระหว่างที่บำเพ็ญตนนั้นได้พบปัญหายุ่งยากเล็กน้อย เกรงว่าจะต้องขอแรงกำลังสนับสนุนจากพี่น้องเต๋า ถึงจะสามารถแก้ได้” ในเวลานี้บรรพชนอาวุโสเอ๋าเซี่ยวได้แต่ถอนหายใจ

“ปัญหาอะไร ตราบใดที่มั่วคนนี้สามารถช่วยได้ เพียงสหายเอ๋าเซี่ยวแค่เอ่ยมันออกมา” มั่วเจี่ยน

หลีตอบกลับรับคำอย่างเต็มปาก

“เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้…” บรรพชนเอ๋าเซี่ยวพยักหน้า หลังจากที่พูดมาไม่กี่คำ ก็เห็นรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ทว่าไม่ได้ยินเสียงส่งออกมา เริ่มส่งเสียงขึ้นมา

มั่วเจี่ยนหลีใช้สมาธิรับฟังอย่างละเอียด และเมื่อเวลาผ่านไป สีหน้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

“ข้าเข้าใจแล้วสิ่งที่ท่านต้องการข้าสามารถให้ท่านได้ แต่เพื่อให้สอดคล้องกัน ต่อไปเมื่อตอนที่สหายหานปะทะคอขวดระดับมหายานหากประสงค์สิ่งใด ข้าและท่านต้องพอใจอย่างที่สุด” หลังจากที่ที่บรรพชนอาวุโสเอ่ยจบ มั่วเจี่ยนหลีไตร่ตรองเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจเอ่ยขึ้น

“ไม่ว่าผู้ใด จะสหายหานหรือหลิงหลงได้เข้าสู่ระดับมหายาน ก็สามารถประคับประคองฐานที่มั่นของเผ่าพวกเราทั้งสองทั้งเผ่าปีศาจและเผ่ามนุษย์ในแดนวิญญาณได้” ในครั้งนี้ เป็นบรรพชนอาวุโสเอ๋าเซี่ยวเองที่ใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมา

“ต้องขอบใจในความปรารถนาดีของท่านอาวุโสทั้งสอง แต่ชนรุ่นหลังกลับไม่มีความมั่นใจในตนเองที่จะเข้าสู่ระดับมหายาน หากไม่สามารถทำสำเร็จ จะไม่ทำให้ท่านอาวุโสทั้งสองผิดหวังหรือ” หานลี่ด้านข้างที่ฟังมหายานทั้งสองท่านสนทนากันอย่างเงียบๆ ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมาก่อนที่จะเอ่ยขึ้น

“เรื่องการเข้าสู่ระดับมหายาน มีใครสามารถยืนยันได้บ้างว่าจะสามารถสำเร็จแน่นอน ตอนนั้นที่ผู้อาวุโสก้าวเข้าสู่ระดับมหายาน เป็นเพราะโชคถึงเก้าในสิบ ในตอนนั้นสหายคนอื่นๆ ในรุ่นเดียวกันไม่กี่คน ความสามารถที่เหนือกว่าข้าก็มี แต่ดันมีเพียงผู้อาวุโสเท่านั้นที่โชคดีสามารถทำสำเร็จ” มั่วเจี่ยนหลีเอ่ยขึ้น

“ไม่ผิด ดังนั้นต่อไปเราทั้งสองจะช่วยพวกเจ้าบำเพ็ญตนเอง อีกด้านหนึ่งดูเหมือนว่าทั้งสองเผ่าจะไม่มีคนอื่นที่จะมีโอกาสเข้าสู่ระดับมหายานได้เท่าพวกเจ้าสองคนแล้ว และอีกด้านวิธีการนี้ก็เป็นแนวปฏิบัติของพวกเราทั้งสองเผ่ามาตั้งนานแล้ว ทุกครั้งเมื่อในเผ่ามีอายุไขถึงระดับมหายาน ก็จะเริ่มรวบรวมทรัพยากรในเผ่า เริ่มฝึกฝนบ่มเพาะชนรุ่นหลังที่อาจจะเข้าสู่ระดับมหายาน และเรื่องนี้ไม่ใช่มีแค่พวกเราสองคนที่ทำ บนเกาะศักดิ์สิทธิ์ก็มีการฝึกฝนชนรุ่นหลังคนอื่นๆ ที่คิดว่าจะมีหวังเข้าสู่ระดับมหายานมานานแล้ว นี่ก็เป็นเป้าหมายแรกของเกาะศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งขึ้นอีกหนึ่งเป้าหมาย แค่เปรียบกับชายหนุ่มบนเกาะศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นเท่านั้น ตอนนี้เราสองคนแค่เห็นแววของพวกเจ้า หากจะว่าไป ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเจ้าสองคนมีความพิเศษ ไม่แน่ก็อาจจะถูกเชิญไปเกาะสวรรค์ไปนานแล้ว สหายหาน การบำเพ็ญตนหลังจากนี้ไปหากท่านเต็มใจที่ไปเกาะศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหากมีความคิดเช่นนี้แล้วละก็ พวกเราสองคนก็จะส่งพวกเจ้าไปเอง”

หลังจากที่บรรพชนอาวุโสเอ๋าเซี่ยวยิ้ม และอธิบายไม่กี่ประโยคขึ้น

“เกาะศักดิ์สิทธิ์ก็มีภารกิจเช่นนี้หรือ ชนรุ่นหลังยังไม่เคยได้ยินเลยจริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ชนรุ่นหลังก็จะไม่ปฏิเสธความหวังดีของท่านอาวุโสทั้งสอง แต่ว่าชนรุ่นหลังยังคุ้นเคยกับการบำเพ็ญตนเพียงผู้เดียวอยู่ หลังจากนี้ก็จะมีโอกาสได้ไปชื่นชมเกาะศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง” หลังจากที่จิตใจของหานลี่เปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็วอยู่หลายครา ก็ตัดสินใจขึ้นในพริบตา

“เอาล่ะ ในเมื่อสหายหานคิดดีแล้ว เราสองคนก็ไม่สามารถบังคับได้ แต่ว่าผู้อาวุโสยังมีอีกเรื่องที่อยากจะถาม บรรพชนอาวุโสตระกูลหล่งและเด็กสาวตระกูลเย่วิญญาณบริสุทธิ์ที่ไปด้วยกันกับท่านในตอนแรก สูญหายไปหมดแล้วจริงหรือไม่?” หลังจากที่มั่วเจี่ยนหลีพยักหน้าลง ทันใดก็เอ่ยถามเรื่องอื่นด้วยสีหน้าตรงไปตรงมา

“ศิษย์พี่หล่งพวกเขาบังเอิญประสบกับภัยร้ายที่คาดไม่ถึงในแดนมาจริงๆ” หานลี่ตอบกลับตามความจริง

“เฮ้อ น่าเสียดาย! ตระกูลหล่งและตระกูลเย่เป็นตระกูลขุนนางที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเหล่าวิญญาณบริสุทธิ์ การที่ทั้งสองหายไป เกรงว่าจะมีผลกระทบต่อตระกูลขุนนางในวิญญาณบริสุทธิ์ไม่น้อย และทำให้พลังบริสุทธิ์ของพวกเราเผ่ามนุษย์ลดลงไปอย่างมาก แต่ว่า ตอนนี้หากมีศิษย์พี่เซี่ยช่วยเหลืออยู่แล้วละก็ เป็นกลายเป็นอีกเรื่องกันเลย” ใบหน้าของมั่วเจี่ยนหลีปรากฏความรู้สึกเสียใจแวบขึ้นมา แล้วก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าฮึกเหิมอีกครั้ง

“ตระกูลขุนนางเผ่ามนุษย์เหล่านั้นของพวกท่าน หากมีนักพรตระดับสูงปรากฏออกมาจริงก็เทียบกับระดับทั่วไปเหมือนกัน แต่ว่าด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ ในตระกูลขุนนางเหล่านี้จะปรากฏนักพรตระดับสูงออกมา เมื่อเทียบกับคนธรรมดานั้นยากกว่า ข้าคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องสนใจ” บรรพชนอาวุโสเอ๋าเซี่ยวเอ่ยขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย

“ท่านไม่ควรเอ่ยเช่นนี้! ไม่สนใจตระกูลขุนนางวิญญาณบริสุทธิ์ได้อย่างไร วิญญาณบริสุทธิ์มีต้นกำเนิดมาแต่โบราณกาล ครั้งหนึ่งนั้นมีนักพรตระดับผสานอินทรีย์ปรากฏขึ้น เรียกได้ว่าเป็นกำลังใหญ่ในการต่อสู้ของพวกเราเผ่ามนุษย์ และยังคุ้มค่าต่อการรอคอย” มั่วเจี่ยนหลีเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่ายหัวไปมา

“แต่ในสายตาของเรานั้น ตระกูลขุนนางวิญญาณบริสุทธิ์เหล่านี้ยังห่างไกล ต่างจากราชวงศ์พวกเราเผ่าปีศาจที่ควรค่าต่อการให้ความสำคัญ หลายปีมานี้ ในราชวงศ์พวกเราอัตราส่วนยังระดับผสานอินทรีย์ที่ปรากฏออกมายังห่างไกล เมื่อเทียบกับตระกูลวิญญาณบริสุทธิ์นั้นแข็งแกร่งกว่ามาก” บรรพชนอาวุโสเอ๋าเซี่ยวยิ้มเยาะและเอ่ยขึ้น

“ราชวงศ์เผ่าปีศาจของพวกท่านผู้ที่มีความสามารถปรากฏออกมา ตระกูลขุนนางวิญญาณบริสุทธิ์ไม่มีทางที่จะเทียบได้เลยจริงๆ แต่ว่าจะมาเอ่ยตอนนี้ ก็ไม่มีความหมายอะไร เดิมทีผู้อาวุโสยังมีความหวังอื่นนอกเหนือจากสหายหาน ยังมีคนอื่นๆ ที่กลับมาจากแดนมารได้ ถึงวันนี้ดูเหมือนว่าจะหมดหวังแล้วจริงๆ” มั่วเจี่ยนหลีขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น

“เกิดอะไรขึ้น ท่านขาดคนหรือ? หรือว่ากองทัพพันธมิตรทางนี้ดำเนินการใหญ่อะไรไม่สำเร็จ?”

บรรพชนอาวุโสเอ๋าเซี่ยวตอบสนองทันที ถามกลับด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ตอนนี้เผ่าพฤกษากำลังเตรียมแผนที่จะโต้ตอบเผ่ามาร และยังได้รับการสนับสนุนจากปีศาจอาวุโสซังเผ่ายักษ์ษา และหวังว่าจะประสบความสำเร็จในการต่อสู้ ครอบครองดินแดนที่สูญหายทั้งหมด”

มั่วเจี่ยนหลีสีหน้าเคร่งแข็งอยู่ครู่หนึ่ง ก็เอ่ยขึ้นเบาๆ

“หรือว่าพวกเขาจะบ้าไปแล้ว ถ้าหากการแย่งชิงดินแดนที่หายไปคืนได้ง่ายๆ พวกเราคงไม่ต้องยืนกรานอยู่ที่นี่กับเผ่ามารมาหลายปีขนาดนี้ คนไม่ต้องพูดถึงเผ่าพฤกษา หรือว่าปีศาจอาวุโสซังไห่นั่นสับสน ท่านไม่เห็นด้วย?” ใบหน้าของบรรพชนอาวุโสเอ๋าเซี่ยวพลันก็เต็มไปด้วยความโกรธขึ้นมา

“เอ๋าเซี่ยว ท่านออกไปจากกองทัพพันธมิตรมีก็นานกว่าครึ่งปีแล้ว ไม่รู้ข่าวคราวใหม่ๆ มิน่าล่ะถึงได้คิดเช่นนี้ สามเดือนก่อนหน้า พวกเราทั้งสองเผ่าเผ่ายักษ์ษา เผ่าวิญญาณและเผ่าอื่นๆ ได้รับข่าวคราวที่ส่งมาจากในเผ่าพร้อมๆ กัน ทันใดนั้นเผ่ามารก็ได้ส่งกำลังคนจำนวนมากเข้าไปในอาณาเขตแต่ละเผ่า และได้ขยายการโจมตีไปอย่างรุนแรง เผ่าฝ่ายเราไม่มีระดับมหายานบัญชาการ สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปไม่ดีนัก พวกเราจำเป็นต้องตัดสินใจรวดเร็วฉับพลัน จะต้องแก้ไขเรื่องของเผ่าพฤกษาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เท่านั้น อดใจรอวันที่ทั้งสองดินแดนหลุดพ้นวันนั้น” มั่วเจียนหลีเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“อะไรกัน เผ่ามารส่งคนเข้ามาในแดนวิญญาณของพวกเราอีกแล้ว ข่าวนี้ผ่านการกรองมาแล้วใช่หรือไม่ ไม่ใช่ว่าเผ่ามารนั้นกำลังที่จะวางอำนาจตบตาคนนะ” สีหน้าบรรพชนอาวุโสเอ๋าเซี่ยวพลันดูไม่ค่อยดีขึ้นมา

“ผู้อาวุโสได้ติดต่อกับเกาะศักดิ์สิทธิ์เป็นพิเศษแล้ว ข่าวนี้ไม่เพียงแต่เป็นความจริงเท่านั้น และในกองกำลังสนับสนุนกลุ่มใหม่ของเผ่ามารนี้ พบการแปลงกายของบรรพชนมารแรกเริ่มเผ่ามารสามตน ไม่รู้ว่าร่างเดิมของบรรพชนมารแรกเริ่มเผ่ามารนี้เข้าไปในแดนวิญญาณแล้วหรือยัง” หลังจากที่มั่วเจี่ยนหลีฝืนยิ้ม ก็เอ่ยออกมาหนึ่งประโยคที่ทำให้สีหน้าของหานลี่เปลี่ยนไปอีกครั้ง

 “เป็นไปไม่ได้ บรรพชนศักดิ์สิทธิ์เผ่ามารทั่วไปก็ช่างเถิด ร่างเดิมของบรรพชนมารแรกเริ่มเผ่ามารสามตนนี้ไม่มีทางที่จะเข้ามาในแดนวิญญาณของพวกเราได้ง่ายๆ ปีนั้นพวกเราพยายามที่จะวางแผนเช่นนี้หลายๆ วิธี ไม่ใช่เพราะเพื่อป้องกันการเกิดเรื่องเช่นนี้เหรอ?” บรรพชนอาวุโสเอ๋าเซี่ยวเอ่ยปฏิเสธขึ้นมา