ณ แคว้นตงเฉิน ภายในจวนแห่งหนึ่ง
แม่ทัพใหญ่ฮั่วจีนั่งอยู่ที่นั่งด้านบนด้วยสีหน้าถมึงทึงสุดขีด
ที่นั่งตำแหน่งผู้ช่วยมีบุตรสาวฮั่วอวี้เจียว และบุตรชายฮั่วซืออวี่นั่งอยู่
ทั้งสามคนอยู่ในสภาพนิ่งเงียบเช่นนี้เป็นเวลานานแล้ว
จู่ๆ ฮั่วอวี้เจียวก็ลุกขึ้นยืน “ท่านพ่อ ลูกไม่เต็มใจอภิเษกกับหลู่หยางอ๋อง ให้ตายก็ไม่ยอม บุตรของเขา ตงหลิงจวิ้นอายุมากกว่าลูก ท่านพ่อให้ลูกแต่งกับคนเช่นนั้นได้อย่างไร? ท่านทนได้อย่างไร? ”
ฮั่วอวี้เจียวพูดพลางน้ำตาไหลอาบแก้ม
ฮั่วจีก็ไม่เต็มใจ ทว่าตอนนี้ สถานการณ์ของสกุลฮั่วกลับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
พวกเขาอาศัยอยู่ใต้ชายคาผู้อื่น อยู่ภายในแคว้นตงเฉิน จะทำอันใดก็ไม่สะดวกนัก แต่ละวันที่อยู่ในราชสำนักก็แสนลำบาก
ครั้งนี้ หลู่หยางอ๋องต้องตาอวี้เจียว ทั้งพระองค์ยังกล่าวกับเขาอย่างลับๆ หลายต่อหลายครั้ง
แม้ด้านอายุจะไม่เหมาะสมให้พูดเรื่องการอภิเษก ทว่าตอนนี้ อำนาจของหลู่หยางอ๋องในแคว้นตงเฉินนั้นรุ่งเรืองดุจอาทิตย์กลางท้องฟ้า เขาจะขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ในอีกไม่กี่วัน หากอวี้เจียวอภิเษกเข้าไปในราชวงศ์ ภายหลังสกุลฮั่วจะเป็นเครือญาติของฮ่องเต้ อาจเป็นจุดพลิกผันของสกุลฮั่วก็เป็นได้
เมื่อครุ่นคิดถึงจุดนี้ ฮั่วจีก็ลำบากใจเช่นกัน
“เรื่องนี้ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว พรุ่งนี้ข้าจะไปทูลต่อหลู่หยางอ๋อง ใช่เวลาที่เจ้าจะยอมหรือไม่ยอมหรือ? ”
ฮั่วอวี้เจียวเดินเข้าไปหาฮั่วซืออวี่ “ท่านพี่ ท่านพูดสักประโยค! พูดแทนอวี้เจียว อวี้เจียวไม่ต้องการอภิเษกกับหลู่หยางอ๋อง ไม่ต้องการจริงๆ ไม่ต้องการๆ ! ท่านพูดสักประโยคสิ! ”
เกิดเป็นบุตรสาวตระกูลแม่ทัพ ช่างเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ไม่อาจใช้ชีวิตเฉกเช่นคนธรรมดา ไม่อาจอยู่กับคนที่ชอบ การเป็นบุตรสาวตระกูลขุนนาง ไม่เพียงไม่อาจอยู่กับคนที่ชอบได้เท่านั้น ทว่านางยังไม่อาจภักดีต่อชาติบ้านเมือง เป็นเรื่องนี่น่าเศร้ายิ่งกว่า
เดิมที ฮั่วซืออวี่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวเรื่องของบิดา ทว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฮั่วอวี้เจียว น้องสาวของเขา
มารดาจากไปนานแล้ว ทายาทสกุลฮั่วมีไม่กี่คน วันนี้เหลือเพียงพวกเขาสองคนที่สามารถนำความรุ่งโรจน์มาสู่ตระกูลได้ ทั้งอวี้เจียวยังเป็นน้องสาวที่เขารักและทะนุถนอมมาตั้งแต่เด็ก จะให้เขาทนดูนางเหนื่อยล้าทั้งกายและใจเช่นนี้ได้อย่างไร?
“ท่านพ่อ ลูกคิดว่าเรื่องนี้ยังต้องหารือกันอีก… ”
ฮั่วซืออวี่ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกฮั่วจีโบกมือขัดจังหวะ “เรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว” ฮั่วจีพูดพลางหยุดสายตาที่ร่างของฮั่วอวี้เจียว “อวี้เจียว เรื่องนี้เจ้าอย่าถือโทษพ่อ วันนี้เจ้าอาจไม่เข้าใจ ทว่าในอนาคต… เจ้าจะเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ อนาคตของสกุลฮั่วฝากไว้กับเจ้าผู้เดียว”
ฝากไว้ที่นางผู้เดียวหรือ?
เมื่อเห็นท่าทีแน่วแน่ของบิดา และเห็นใบหน้าที่อับจนหนทางของพี่ชาย ความหวังของฮั่วอวี้เจียวก็ค่อยๆ มลายหายไป หลังจากเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ นางก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา
หัวเราะทั้งที่น้ำตาไหลอาบแก้ม
“ฝากไว้ที่ลูกผู้เดียวหรือ ฮ่า ฮ่า… ท่านพ่อลองถามกระบี่ในมือท่านดูสิว่า มันมีไว้เพื่ออันใด? สกุลฮั่วเป็นตระกูลแม่ทัพ! ในเมื่อเป็นตระกูลแม่ทัพ ท่านควรยกกระบี่ในมือขึ้นมาปกป้องความรุ่งโรจน์ของตระกูลและบ้านเมืองมิใช่หรือ? ทว่าแม่ทัพใหญ่ฮั่ว ท่านกำลังทำอันใด? ตลอดเวลามานี้ ท่านกำลังทำอันใด?
ตอนที่อยู่แคว้นจงหนิง ความรุ่งโรจน์และฐานะของตระกูลล้วนต้องการบุตรสาว ดังนั้นท่านจึงบังคับบุตรสาวให้แต่งงานกับเยี่ยเซิน ทั้งๆ ที่นางไม่ชอบ
แล้วตอนนี้เล่า?
ครอบครัวทั้งหมดของพวกเรามาถึงแคว้นตงเฉิน ทว่าฐานะของตระกูลยังต้องการการเสียสละของบุตรสาวอีก นึกไม่ถึงว่าท่านจะบังคับบุตรสาวให้แต่งงานกับผู้ที่มีอายุมากกว่าบิดาตนเอง แม่ทัพใหญ่ฮั่ว ในอนาคตท่านวางแผนจะไปพบหน้าท่านแม่ พบหน้าท่านปู่ ท่านย่า และบรรพบุรุษที่ตายไปแล้วอย่างไร? ”
กล่าวได้ว่าคำพูดของฮั่วอวี้เจียวนั้นกล้าหาญอย่างมาก หลังจากนางพูดจบ สีหน้าของฮั่วจีก็มืดมน ทันทีที่สิ้นเสียงพูดของนาง ฮั่วจีก็เดินมาเบื้องหน้าและตบหน้านางอย่างแรง
“นางลูกทรพี! ”
ฮั่วอวี้เจียวถูกตบจนกระแทกเข้ากับโต๊ะด้านข้างอย่างแรง ศีรษะมีเลือดไหลออกมา
ฮั่วซืออวี่เข้าไปพยุงฮั่วอวี้เจียว ทว่ากลับถูกฮั่วอวี้เจียวผลักออกอย่างแรง นางเชิดหน้ามองฮั่วจีอย่างดื้อรั้น
“ท่านพ่อโกรธแล้วหรือ? เหตุใดท่านถึงได้โกรธเล่า? เพราะโดนบุตรสาวพูดแทงใจดำใช่หรือไม่? ” นางพูดพลางยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “คราวนี้ ลูกไม่มีวันเชื่อฟังท่าน และไม่มีวันยอมอภิเษกแน่นอน หากท่านพ่อยังยืนกรานบังคับลูก ลูกขอยอมตาย ลูกยอมตายดีกว่าอภิเษกกับหลู่หยางอ๋อง”
“เจ้า… ”
ฮั่วจีโกรธเกรี้ยวอย่างมาก เขากำลังจะฟาดฝ่ามือออกไปอีกครั้ง ทว่าฮั่วซืออวี่เข้ามาห้ามไว้
“ท่านพ่อโปรดระงับโทสะ! ”
ฮั่วอวี้เจียวไม่เพียงไม่หลบ นางยังหลับตาเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า เชิดหน้ารอให้บิดาลงมือ
บุตรสาวเป็นเช่นนี้ จะให้ฮั่วจีผู้เป็นบิดาตัดใจลงมือได้อย่างไร
“หึ! ”
ฮั่วจีสะบัดตัวออกจากฮั่วซืออวี่ เขาไพล่มือไว้ด้านหลังและเดินวนไปมาในห้องโถงอยู่สองครั้ง หลังจากนั้นก็หยุดยืนอยู่เบื้องหน้าฮั่วอวี้เจียว
“อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ความคิดของเจ้า เจ้าต้องการอภิเษกกับเยี่ยโยวเหยาใช่หรือไม่? หึ ไม่ต้องพูดถึงใบหน้าที่เสียโฉมของเจ้า และการที่ครอบครัวของเราต้องตกสู่สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้ตอนนั้นเจ้ายังไม่เสียโฉม สกุลฮั่วของเรายังรุ่งเรืองดุจอาทิตย์กลางท้องฟ้า เยี่ยโยวเหยาก็ไม่มีวันชายตามองเจ้า
เยี่ยโยวเหยาเป็นคนอย่างไร
เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเศษซากจากราชวงศ์ก่อน แฝงตัวอยู่ในแคว้นจงหนิงนานหลายปี และแทบจะหลอกทุกคนได้
เขาคือปีศาจ ปีศาจจำศีลในนรกที่เข้ามาสู่โลกมนุษย์
ชั่วชีวิตนี้ เจ้าอย่าได้คิดหวังเลย! ”
ไม่มีบิดาคนใดพูดกับบุตรสาวของตนเองเช่นนี้ ทุกประโยคของฮั่วจีราวกับมีดที่ปักลงกลางอกของฮั่วอวี้เจียว จนนางแทบหายใจไม่ออก
นางกุมหน้าอกตนเอง น้ำตาไหลพราก
ในทางกลับกัน แม่ทัพใหญ่ฮั่วเปลี่ยนเป้าหมายไปทางฮั่วซืออวี่
“ส่วนเจ้า อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ความคิดของเจ้า! เพราะซูจิ่นซีได้ช่วยชีวิตเจ้า เจ้าจึงซาบซึ้งในพระคุณของนาง สตรีผู้นั้นไม่เคยทำดีแล้วไม่หวังผล ตอนนั้นนางช่วยเหลือเจ้า ย่อมมีแผนบางอย่างเป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้น สตรีของเยี่ยโยวเหยา ต่อให้เป็นอ๋องทั้งหกแคว้นก็ไม่มีผู้ใดกล้าแย่งชิง ทางที่ดี เจ้ากลับไปคิดใหม่เสีย”
สีหน้าของฮั่วซืออวี่เป็นปกติ เขาไม่ได้พูดอันใดแม้แต่ประโยคเดียว หลังจากสกุลฮั่วมาถึงแคว้นตงเฉิน ฮ่องเต้ตงเฉินไม่ได้แต่งตั้งตำแหน่งสำคัญให้เขา อารมณ์ของท่านพ่อจึงฉุนเฉียวมากขึ้นทุกวัน ฮั่วซืออวี่ชินแล้ว
ทว่าฮั่วอวี้เจียวนั้นต่างออกไป
ฮั่วจีไม่พูดถึงซูจิ่นซียังดีเสียกว่า พอเขาเอ่ยถึงซูจิ่นซี ใบหน้าของนางก็เริ่มบูดเบี้ยว การแสดงออกบนใบหน้าสามารถใช้คำว่าหวาดกลัวได้ทีเดียว
นางลูบผิวหนังตนเองด้วยมือที่สั่นเทาเล็กน้อย จนกระทั่งหยุดอยู่บนใบหน้าตนเอง
สายตาราวกับใบมีด
ในจิตใจปรากฏภาพที่ราวกับฉายซ้ำ บาดแผลแห่งความอัปยศทั้งหมดที่ได้รับมาทีละน้อย ตั้งแต่การทุบตีร่างกายตนเองจนทิ้งรอยแผล และรูปโฉมที่ถูกทำลาย
แม้ยาวิเศษจู้เหยียนสามารถฟื้นฟูรูปโฉมของนางได้ ทั้งรูปโฉมองนางในวันนี้ยังงดงามกว่าแต่ก่อนอีกด้วย ทว่าผลข้างเคียงของยาวิเศษจู้เหยียนนั้นรุนแรงมาก
ทุกเดือน นางต้องทานยาหนึ่งเม็ด และต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดจากการเปิดท้องถ่ายเลือดเสียทุกเดือน
ความทุกข์ทรมานเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทนได้ มีเพียงผีเท่านั้นที่รู้ว่าทุกวันนี้นางอดทนมาได้อย่างไร
ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ซูจิ่นซีมอบให้นาง
“ซูจิ่นซี ชีวิตนี้ต่อให้ต้องตาย ข้า ฮั่วอวี้เจียวก็ไม่มีวันปล่อยเจ้าไป! ความบาดหมางระหว่างข้ากับเจ้าล้ำลึกดั่งมหาสมุทร ไม่อาจอยู่ใต้ฟ้าเดียวกันได้!”