ตอนที่ 764 ข้าไม่มีเงิน

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ศูนย์การค้าของเมืองเทียนหยวนตั้งอยู่บนถนนเส้นที่มั่งคั่งที่สุดในเมือง ที่นี่มีร้านค้ามากมายและมีสินค้าทุกรูปแบบวางขายอยู่ส่งผลให้มันเป็นย่านที่มีผู้คนสัญจรไปมาไม่หยุดหย่อน

นอกเหนือจากโรงประมูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเทียนหยวน ศูนย์การค้าแห่งนี้ยังมีร้านขายอาวุธทั่วไป ร้านขายเครื่องประดับ ร้านอาหาร ร้านขายผ้า ร้านขายโอสถ ร้านขนมและร้านอื่น ๆ อีกมากมาย

ยิ่งไปกว่านั้น ในทั้งสองฝั่งข้างทางก็ยังเต็มไปด้วยร้านค้าแผงลอยเล็ก ๆ ที่ขายสินค้าทุกประเภท เรียกได้ว่าศูนย์การค้าแห่งนี้มีแทบทุกอย่างให้เลือกซื้อ

เนื่องจากการคัดเลือกศิษย์ของเมืองเทียนหยวนใกล้เข้ามาเต็มที มันจึงส่งผลให้ช่วงนี้มีผู้คนพลุกพล่านอยู่ในเมืองเทียนหยวนมากกว่าปกติ ถนนทุกสายเต็มไปด้วยผู้คนสัญจรไปมาและพวกเขาต่างก็เดินท่องไปรอบเมืองซึ่งก่อให้เกิดบรรยากาศที่มีชีวิตชีวายิ่งนัก

ฉินอวี้โม่ก็แฝงตัวปะปนอยู่ในฝูงชนได้อย่างไม่สะดุดตาผู้ใด

ในตอนนี้นางปลอมตัวเป็นบุรุษหนุ่มวัยรุ่นหล่อเหลาที่มีผิวสีเข้มและดูมีอายุประมาณสิบห้าถึงสิบหกปี

หลังจากเดินท่องมาตามเส้นทาง นางก็มาหยุดลงตรงหน้าศูนย์การค้าขนาดใหญ่ของเมืองเทียนหยวน

เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง นางก็มองเห็นป้ายสลักอักษรหกพยางค์ระบุว่า ‘ศูนย์การค้าจ้าวสมุทร’ อย่างชัดเจน ราวกับว่าใครบางคนสลักมันด้วยพลังมายาที่ทรงพลังและทุกลายเส้นยังคงอัดแน่นไปด้วยพลังเหล่านั้น

ศูนย์การค้าจ้าวสมุทร—ศูนย์การค้าอันดับหนึ่งของดินแดนมหาเทพมีเครือข่ายสาขาตั้งอยู่ทั่วทั้งดินแดน กล่าวกันว่าตราบใดที่มีเงินมากพอก็ไม่มีสิ่งใดที่ศูนย์การค้าจ้าวสมุทรจะจัดหามาไม่ได้

ในฐานะศูนย์การค้าอันดับหนึ่งของดินแดน แน่นอนว่าศูนย์การค้าจ้าวสมุทรเป็นขุมกำลังที่ทรงอิทธิพลอย่างมาก นับประสาอะไรกับสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองเทียนหยวน แม้แต่ขุมกำลังทรงพลังอย่างสามสำนักและเก้านิกายก็จะยังต้องหวั่นใจในอิทธิพลของศูนย์การค้าจ้าวสมุทร

ทันทีที่มาถึงห้องโถงกว้าง เด็กรับใช้สวมเครื่องแบบคนหนึ่งก็ออกมาต้อนรับฉินอวี้โม่

“นายท่านอยากจะซื้อของหรือแลกเปลี่ยนสิ่งของหรือขอรับ ?”

เด็กหนุ่มกล่าววาจาด้วยท่าทางสุภาพและไม่แสดงท่าทีดูหมิ่นเพียงเพราะฉินอวี้โม่เป็นบุรุษหนุ่มที่อ่อนเยาว์และดูธรรมดาอย่างมาก

“ข้าเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรกและอยากจะทราบข้อมูลก่อน”

เวลานี้มีคนอยู่ในบริเวณนี้เพียงไม่มากโดยบางส่วนกำลังสอบถามข้อมูล บ้างก็อ่านรายการสิ่งของของศูนย์การค้าและส่วนที่เหลือกำลังทำการแลกเปลี่ยนซื้อขายอยู่ที่โต๊ะยาว

ฉินอวี้โม่แผ่พลังวิญญาณออกไปสำรวจโดยรอบครู่หนึ่งและสัมผัสได้ว่ามีจอมยุทธ์ผู้แกร่งกล้าอยู่ในศูนย์การค้าจ้าวสมุทรนี้เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ก็ยังมีจอมยุทธ์อีกสองคนที่นางไม่กล้าสำรวจเข้าไป คาดว่าพวกเขาน่าจะเป็นผู้พิทักษ์ของศูนย์การค้าจ้าวสมุทรแห่งนี้

“เชิญนายท่านนั่งก่อนเถอะขอรับ”

เด็กรับใช้ผายมือเชิญฉินอวี้โม่นั่งลงบนเก้าอี้ว่างในห้องโถงก่อนหยิบรายการสิ่งของออกมาจากแหวนมิติและยื่นให้กับนาง

“นี่คือรายการสินค้าที่ศูนย์การค้าของเรามีในปัจจุบันขอรับ เชิญนายท่านเลือกดูได้เลยและระหว่างนี้ข้าจะไปชงชามาให้ขอรับ หากมีสิ่งใดที่ท่านไม่เข้าใจหรือสงสัยก็ถามข้าได้เลย”

หลังจากกล่าวจบ เด็กหนุ่มก็แยกตัวออกไปก่อน

ฉินอวี้โม่เปิดรายการสิ่งของที่ได้รับและไล่อ่านข้อมูลสินค้าอย่างคร่าว ๆ

ต้องกล่าวเลยว่าดินแดนมหาเทพและดินแดนเทพมายาที่นางจากมาอยู่คนละระดับกันอย่างแท้จริง ของทุกอย่างในรายการเพียงหน้าเดียวนี้ล้วนเป็นของหายากอย่างมากในดินแดนเทพมายา

ไม่ว่าจะเป็นเหล็กนิลหมื่นปี โอสถเก้าขั้น อาวุธระดับสูงหรืออสูรมายาระดับเซียน หากนำพวกมันไปไว้ในดินแดนระดับต่ำ มันก็มากพอที่จะช่วยให้ขุมกำลังใด ๆ ปกครองพื้นที่ส่วนหนึ่งของดินแดนได้

หลังจากไล่อ่านรายการสินค้าอย่างละเอียดอีกครั้ง นางก็พบหลายสิ่งที่ต้องการ

ระดับของคฤหาสน์เฟิงหัวในปัจจุบันนี้ตามพลังของนางไม่ทันและจำต้องมีการพัฒนาให้ดีขึ้นซึ่งการหาวัตถุดิบที่จำเป็นก็มิใช่เรื่องง่ายเลย

ไม่ว่าจะเป็นเหล็กนิลหมื่นปี แก่นมายาและแกนชีวิตของอสูรมายาระดับนภาเซียนขั้นสูงสุด แก่นวิญญาณเพชรที่แข็งกล้าและทนต่อดินน้ำลมไฟ ผลึกเพลิงที่ได้มาจากภูเขาไฟร้อนระอุและไข่มุกเลี่ยงวารีจากใต้ท้องทะเลลึก

ในบรรดารายการของเหล่านี้ เหล็กนิลหมื่นปี แก่นมายาและแกนชีวิตของอสูรมายาระดับนภาเซียนขั้นสูงสุดพบได้ง่ายที่สุด ฉินอวี้โม่ก็พบสิ่งของเหล่านี้ได้จากหน้าแรกของรายการ ผลึกเพลิงเองก็ตามหาได้ไม่ยากนัก มันมักจะก่อตัวขึ้นมาภายในภูเขาไฟที่ร้อนระอุ นางเพียงต้องสืบหาข้อมูลและเดินทางไปที่นั่นด้วยตัวเอง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตามหาได้ยากที่สุดท่ามกลางรายการเหล่านี้คือแก่นวิญญาณเพชรและไข่มุกเลี่ยงวารี

แก่นวิญญาณเพชรคือกลุ่มเพชรที่คงอยู่มานานนับพันปีและยากที่จะถือกำเนิดขึ้นได้ ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่กลุ่มเพชรทุกกลุ่มที่จะมีแก่นวิญญาณเพชรถือกำเนิดขึ้นมา ฉินอวี้โม่ตรวจสอบข้อมูลมาแล้วก่อนหน้านี้และทราบว่าท่ามกลางกลุ่มเพชรสิบกลุ่มนั้นอย่างมากก็จะมีแก่นวิญญาณเพชรเพียงหนึ่งชิ้นเท่านั้น

กลุ่มเพชรที่มีอายุยาวนานนับพันปีก็ถือว่าเป็นของหายากมากอยู่แล้ว แน่นอนว่าระดับความหายากของแก่นวิญญาณเพชรก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดฝัน

สำหรับไข่มุกเลี่ยงวารีจากท้องทะเลลึกนั้น พวกมันก็หายากอย่างยิ่งเช่นกัน

ไข่มุกเลี่ยงวารีเป็นสมบัติฟ้าดินที่ล้ำค่า กล่าวกันว่าหากผู้ใดพกมันติดตัวนั้น น้ำทะเลจะแหวกหนีโดยอัตโนมัติ สายฝนจะไม่ร่วงหล่นกระทบร่างและไม่มีทางที่คนผู้นั้นจะจมน้ำอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมีไข่มุกเลี่ยงวารีนี้ ต่อให้ดื่มสุรานับพันแก้วก็จะไม่เมามายและพิษที่เป็นของเหลวทั้งหมดก็จะไม่มีผลใด ๆ เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ไข่มุกเลี่ยงวารีนั้นก็เป็นสิ่งที่พบได้ยากอย่างที่สุด มันมักจะปรากฏอยู่ในท้องทะเลลึกที่ไร้ที่สิ้นสุดและส่วนใหญ่ล้วนเป็นทะเลแห่งความตายที่ไม่มีทางย้อนกลับมาได้ คราสุดท้ายที่มันปรากฏขึ้นมาก็ผ่านมานานกว่าพันปีแล้ว

ในดินแดนนี้ก็มีผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนที่ต้องการออกตามหาสมบัติฟ้าดินล้ำค่าอย่างไข่มุกเลี่ยงวารี ทว่ายังไม่เคยมีผู้ใดทำได้สำเร็จ

ในขณะที่นางกำลังคิดไตร่ตรองอยู่ เด็กหนุ่มรับใช้คนเดิมก็เดินกลับมาพร้อมน้ำชาหอมกรุ่น

“เป็นอย่างไรบ้างขอรับ ไม่ทราบว่านายท่านพบสิ่งที่ต้องการหรือไม่ ?”

เขายื่นถ้วยน้ำชาให้กับฉินอวี้โม่พร้อมรอยยิ้มอย่างนอบน้อม

“เหล็กนิลหมื่นปีนี่ไม่เลวเลย ไม่ทราบว่าที่ศูนย์การค้ามีอยู่กี่ก้อนรึ ?”

ฉินอวี้โม่ถือถ้วยน้ำชาในมือและพยักศีรษะขอบคุณก่อนเอ่ยถาม

“นายท่านต้องการมากแค่ไหนรึขอรับ ?”

เด็กหนุ่มก็ไม่ได้ตอบโดยตรงทว่าเลือกที่จะถามกลับไป

“สองพันก้อน”

ฉินอวี้โม่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง เหล็กนิลหมื่นปีเป็นวัสดุที่ล้ำค่าทีเดียวและมันมีประโยชน์ใช้งานมากมาย นางจึงคิดที่จะซื้อมันในปริมาณมาก

“ท่านจอมยุทธ์น่าจะทราบราคาของเหล็กนิลหมื่นปีอย่างชัดเจนแล้ว สองพันก้อนมิใช่จำนวนที่น้อยเลยขอรับ ข้าจะไปแจ้งท่านผู้อาวุโสและให้ท่านผู้อาวุโสต้อนรับท่านด้วยตัวเองขอรับ”

เด็กหนุ่มไตร่ตรองครู่หนึ่ง เขาทราบดีว่าศูนย์การค้ามีเหล็กนิลหมื่นปีเป็นจำนวนมาก ทว่าการซื้อขายในจำนวนนี้ก็มิใช่มูลค่าที่น้อยเลย ตัวเขาเป็นเพียงเด็กรับใช้ธรรมดา ๆ และไม่สามารถตัดสินใจสิ่งใดเกี่ยวกับเหล็กนิลหมื่นปีจำนวนมากถึงเพียงนั้นได้

“เข้าใจแล้ว”

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะตอบรับและทราบว่าปริมาณความต้องการของตนเองนั้นเกินกว่าที่เด็กรับใช้จะจัดการได้ ยิ่งไปกว่านั้น นางก็ต้องการพบผู้ที่จัดการดูแลศูนย์การค้าแห่งนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถึงอย่างไรเหล็กนิลหมื่นปีจำนวนสองพันก้อนก็ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากและนางไม่มีเงินทองมากมายเช่นนั้น

“เชิญนายท่านตามมาทางนี้ได้เลยขอรับ”

เด็กหนุ่มผายมือชี้ไปทางห้องแยกบนชั้นสองซึ่งเป็นห้องพิเศษที่เตรียมไว้สำหรับแขกอย่างฉินอวี้โม่

ถึงอย่างไรเหล็กนิลหมื่นปีจำนวนสองพันก้อนก็รวมกันเป็นราคาที่สูงมากและมันสามารถทำให้ศูนย์การค้าแห่งนี้มีรายได้มหาศาลในคราวเดียว

เมื่อขึ้นมาถึงชั้นที่สอง ฉินอวี้โม่ก็หยุดตรงหน้าห้องแยกห้องหนึ่งและเข้าไปรอข้างใน เด็กหนุ่มคนเดิมก็นำอาหารว่างและน้ำชามาบริการนางก่อนเดินออกไป

ภายในห้องแยกนี้ดูเรียบง่ายธรรมดาอย่างยิ่งทว่าฉินอวี้โม่สัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังมายาหนาแน่นโดยรอบ ห้องแยกทุกห้องของที่นี่มีอาคมพิเศษเพื่อมิให้แขกต้องกังวลว่าเสียงการสนทนาจะเล็ดลอดออกไปและผู้อื่นมาได้ยินเข้า

หลังจากรอครู่หนึ่ง เสียงฝีเท้าของคนหลายคนก็ดังขึ้นหน้าประตู

จากนั้นประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออกอย่างช้า ๆ

ผู้ที่เดินเข้ามาคือบุรุษหนุ่มที่ดูมีอายุประมาณสิบห้าถึงสิบหกปี ข้างหลังเขาคือบุรุษวัยกลางคนและเด็กรับใช้ที่ออกไปตามพวกเขา

บุรุษหนุ่มมีรูปลักษณ์หล่อเหลาผิวพรรณดีโดยสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงิน ลักษณะท่าทางของเขาก็ดูเหมือนจะเป็นมิตรและสามารถเข้ากับผู้อื่นได้ง่าย

“ท่านจอมยุทธ์คงจะเป็นช่างหลอมที่ทรงพลังมากทีเดียว”

บุรุษหนุ่มมองฉินอวี้โม่ก่อนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

เมื่อเขาคลี่ยิ้ม ลักยิ้มบุ๋มเล็ก ๆ สองข้างแก้มก็ปรากฏขึ้นมาซึ่งเพิ่มความน่ารักและทำให้ผู้คนอดที่จะรู้สึกถูกชะตาไม่ได้

“ข้าเพียงจะหลอมบางอย่างและบังเอิญขาดเหล็กนิลหมื่นปีอยู่พอดี”

ฉินอวี้โม่ไม่ปฏิเสธแต่อย่างใดและตอบกลับไปตามความจริง นางไม่ได้รู้สึกถึงความมุ่งร้ายใด ๆ จากบุรุษหนุ่มตรงหน้านี้

“ข้ามีนามว่าหลานเผิง ข้าควรเรียกท่านจอมยุทธ์ว่าอย่างไรหรือขอรับ ?”

หลานเผิงนั่งลงตรงข้ามฉินอวี้โม่ ในขณะที่บุรุษวัยกลางคนที่มากับเขายืนอยู่ข้างหลังและเด็กรับใช้เดินกลับออกไปคุ้มกันหน้าประตู

“ฉินอวี้โม่”

แม้ชะงักไปเล็กน้อย ฉินอวี้โม่ก็ไม่แสดงสีหน้าที่ผิดปกติออกไป หากจำไม่ผิด ตระกูลที่อยู่เบื้องหลังศูนย์การค้าจ้าวสมุทรแห่งนี้ก็คือตระกูลหลาน หลานเผิงน่าจะเป็นทายาทของตระกูลหลานและน่าจะมีสถานะที่สูงพอสมควร ไม่เช่นนั้นบุรุษวัยกลางคนและเด็กหนุ่มรับใช้คงไม่แสดงท่าทางเคารพต่อเขามากเช่นนี้

“ฉินอวี้โม่รึ…ใช่แม่นางฉินอวี้โม่จากอำเภอซ่างหยวนผู้นั้นหรือไม่ ?”

หลานเผิงตกตะลึงเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่าบุรุษหนุ่มผิวเข้มตรงหน้าจะเป็นฉินอวี้โม่—จอมยุทธ์ผู้มากฝีมือและลึกลับจากอำเภอซ่างหยวน

ตระกูลหลานเป็นถึงเจ้าของศูนย์การค้าที่ทรงพลังที่สุดในดินแดน แน่นอนว่าความสามารถในด้านการสืบข่าวของพวกเขาก็ไม่ด้อยไปกว่าตระกูลอื่น ๆ เลย ตั้งแต่เมื่อสิบวันก่อนชื่อของ ‘ฉินอวี้โม่’ ก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งฐานข้อมูลของตระกูลหลานอย่างรวดเร็ว จอมยุทธ์ยอดฝีมือลึกลับที่ปรากฏตัวในอำเภอซ่างหยวน ผู้ที่สามารถกำจัดคู่ต่อสู้ขอบเขตราชาเซียนครึ่งก้าวได้อย่างง่ายดายในการคัดเลือกและทำให้ตระกูลจูเสียหน้าหลายครั้งหลายครา แน่นอนว่านางดึงดูดความสนใจของตระกูลหลานได้มาก

“ใช่ ข้าเอง”

ฉินอวี้โม่ไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย ข่าวสารข้อมูลของศูนย์การค้าที่ทรงพลังอย่างศูนย์การค้าจ้าวสมุทรย่อมกว้างขวางมากกว่าสมาคมทหารรับจ้าง มิใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะทราบเกี่ยวกับนาง ยิ่งไปกว่านั้น ฉินอวี้โม่ก็ต้องการผูกมิตรกับศูนย์การค้าแห่งนี้ นางจึงไม่คิดปิดบังสถานะของตนเอง

“ฮ่า ๆ ๆ ตอนนี้เจ้าพวกโง่ของตระกูลเฝิงก็ยังคงดักรออยู่หน้าประตูเมือง พวกเขาคิดไม่ถึงแน่ ๆ ว่าท่านจะเข้ามาในเมืองเทียนหยวนแล้ว”

หลานเผิงอดหัวเราะอย่างสาแก่ใจไม่ได้ ตระกูลหลานทราบความเป็นมาเป็นไปทั้งหมดในเมืองเทียนหยวนและแน่นอนว่าทราบสาเหตุที่ตระกูลเฝิงส่งคนจำนวนมากออกไปเฝ้าหน้าประตูเมืองด้วย ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่าฉินอวี้โม่และคณะคงไม่สามารถผ่านเข้ามาในเมืองได้ง่าย ๆ คิดไม่ถึงเลยว่านางจะเข้ามาแล้ว

“ท่านเข้ามาอย่างไรรึ ?”

บุรุษวัยกลางคนข้างหลังหลานเผิงอดเอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ไม่ได้

ความสามารถของฉินอวี้โม่ยอดเยี่ยมจนทำให้ตระกูลจูและตระกูลเฝิงต้องหวั่นใจ นางสามารถแฝงตัวผ่านเข้ามาในเมืองเทียนหยวนได้โดยที่พวกเขาเหล่านั้นไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

“ง่ายมาก”

ฉินอวี้โม่ยิ้มและเล่าถึงวิธีการเข้ามาในเมืองของพวกตน

“พวกคนโง่ตระกูลเฝิงคงคิดว่าจะมีคนจากตระกูลฉื่อเดินทางมาเป็นจำนวนมาก คงคาดไม่ถึงเลยว่ามีเพียงฉินอวี้โม่และคณะศิษย์อีกหกคนเท่านั้นที่เดินทางมายังเมืองเทียนหยวนเพื่อร่วมการคัดเลือกโดยที่คนอื่น ๆ ยังอยู่ในอำเภอซ่างหยวน”

น้ำเสียงของหลานเผิงแสดงถึงความเหยียดหยามต่อตระกูลเฝิงอย่างไม่ปกปิดและวาจาของเขาบ่งบอกได้ว่าไม่ชอบหน้าคนตระกูลเฝิงแม้แต่น้อย

“เฉลียวฉลาดจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่จะทำให้ตระกูลจูเสียหน้ามากเช่นนั้น !”

บุรุษวัยกลางคนก็ถอนหายใจเบา ๆ และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ชื่นชมต่อฉินอวี้โม่

“เอาล่ะ เรามาคุยเรื่องการซื้อขายกันเถอะ”

หลังจากได้ทราบความเป็นมาพอสมควร หลานเผิงก็เปลี่ยนเรื่อง อันที่จริงเขาสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับรูปลักษณ์ของฉินอวี้โม่ยิ่งนัก กล่าวกันว่ารูปลักษณ์ของนางงดงามยิ่งกว่าสตรีงามอันดับต้น ๆ ของดินแดนเสียอีก อยากรู้นักว่ามันเป็นเรื่องจริงรึไม่ ?

“จอมยุทธ์ฉินอวี้โม่ ท่านน่าจะทราบราคาของเหล็กนิลหมื่นปีจำนวนสองพันก้อนแล้ว ไม่ทราบว่าท่านวางแผนที่จะชำระสินค้าอย่างไรหรือ ?”

บุรุษวัยกลางคนเอ่ยถาม

“ข้าไม่มีเงิน”

ฉินอวี้โม่ก็แบมือออกทั้งสองข้างด้วยท่าทางที่ดูจนปัญญาเล็กน้อย