ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด ตอนที่ 51 หนี

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

บรรดาจักรพรรดิเหล่านี้มีการข่าวที่ฉับไวเป็นอย่างยิ่ง ถึงขนาดที่ได้รับข่าวสารอย่างต่อเนื่อง จนมีผู้ที่เอ่ยปากจะมาช่วยเหลือตงป๋อเสวี่ยอิงกันเป็นจำนวนมาก

 

ล้อเล่นแล้ว

 

ได้ยินว่า ‘หยาดน้ำพันเนตร’ พวกเขาส่วนใหญ่ก็อิจฉาตาร้อนแล้ว

 

พูดถึงพลังยุทธ์ พวกเขาหนึ่งต่อหนึ่ง ถึงแม้ว่าจักรพรรดิเป่ยเหอจะแข็งแกร่งกว่านี้อีกสักเล็กน้อย แต่ก็ยังคงเป็นระดับขั้นเดียวกันอยู่! เพียงแต่ว่าใต้บังคับบัญชาของจักรพรรดิเป่ยเหอมีสามสิบหกแม่ทัพเทพอยู่ ดังนั้นจึงมีอิทธิพลแกร่งกล้าเป็นที่สุด แต่เพียงแค่จ้าวหิมะเหินปรากฏตัวก็เกรงว่าสามสิบหกแม่ทัพเทพคงจะพากันหนีเตลิดเปิดเปิงกันไปหมดแล้ว ใครจะไม่รู้จักรักตัวกลัวตายพาตัวเองมาห้ำหั่นกันเล่า! สำหรับจักรพรรดิเป่ยเหอน่ะหรือ มีจ้าวหิมะเหินบุกเข้าไปด้วย พวกเขาคนไหนๆ ต่างก็สามารถเหยียบย่ำจักรพรรดิเป่ยเหอกันได้ทั้งสิ้น!

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบประหลาดใจ ข่าวนี้ก็ช่างฉับไวเสียเหลือเกิน เป็นยอดเคารพซื่อฝาแห่งเผ่ามรณะทมิฬที่เผยแพร่ออกไปหรือไร

 

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร

 

เขาก็ไม่สามารถทนต่อการกระทำอันเลวร้ายนี้ได้!

 

“เอาล่ะ พี่วายุทิพย์ จักรพรรดิซ่วนถู พี่ตงเจี่ยน รบกวนพวกท่านทั้งสามด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่งสารให้กับจักรพรรดิสามท่าน วันเวลาก่อนหน้านี้เขาก็ตอบรับคำเชิญไปเข้าร่วมงานเลี้ยงของจักรพรรดิจำนวนมากพอสมควร ในบรรดาคนเหล่านั้นก็มีความสัมพันธ์กับพวกวายุทิพย์สามคนนี้ดีที่สุด ดังนั้นจึงได้เชิญสามท่านนี้ให้มาทำการเคลื่อนไหวด้วยกัน

 

ผู้ที่เอ่ยปากว่าจะช่วยมีอยู่ถึงห้าท่าน!

 

ดูจากจุดนี้ก็รู้แล้วว่าความสัมพันธ์ของจักรพรรดิเป่ยเหอกับบรรดาจักรพรรดิคนอื่นๆ ช่างย่ำแย่จริงๆ

 

ช่วยไม่ได้

 

เขาทำอะไรโดยไม่คำนึงถึงวิธีการ เพื่อให้ได้มาซึ่งดินแดนที่จักรพรรดิเฉินเป็นผู้บัญชาการแต่เดิมผืนนั้นก็วางแผนเดิมพัน จนในท้ายที่สุดก็ได้ดินแดนผืนนั้นมาครอบครองจริงๆ กับจักรพรรดิที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของ ‘ยอดเคารพเฮ่ากู่’ เช่นเดียวกัน จักรพรรดิเป่ยเหอก็เป็นเช่นนี้! กับจักรพรรดิใต้บังคับบัญชาของ ‘ยอดเคารพนภาอสนี’ ยอดเคารพชนพื้นเมืองดั้งเดิมอีกท่าน จักรพรรดิเป่ยเหอก็มิได้ไว้ไมตรีเช่นเดียวกัน

 

วิธีการของคนผู้นี้โหดเหี้ยมเกินไป

 

เพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัติ ตอนแรกตงป๋อเสวี่ยอิงก็ให้โลกแสงดาวกับโลกอื่นๆ จำนวนนับไม่ถ้วนหลีกเลี่ยงสงคราม จึงได้รับปากช่วยเหลือเขาในเรื่องนี้ บวกกับจักรพรรดิเป่ยเหอในตอนนั้นก็ยังรู้จักวางตัว รักษามารยาทต่างๆ นานา เพียงแต่ยามที่แปรพักตร์ก็เหี้ยมโหดไร้น้ำใจ

 

……

 

ที่กลางเวหาของหุบเขาเขี้ยวหัก

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงในรูปลักษณ์หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาว หญิงสาวงามล้ำเลิศในอาภรณ์สีม่วงท่านหนึ่ง จักรพรรดิวายุทิพย์ผู้มีเส้นผมแผ่สยายมาถึงกลางเอว มือกุมดาบเล่มหนึ่ง และชายวัยกลางคนผู้เย็นชาคนหนึ่ง พวกเขาสี่คนรวมตัวกันอยู่กลางอากาศ

 

“น้องหิมะเหิน เชื่อมั่นในตัวเป่ยเหอผู้นั้นมากเกินไปแล้วจริงๆ” จักรพรรดิวายุทิพย์พูด “จนประสบเคราะห์ร้ายนี้เข้าเสียแล้ว”

 

“อย่าพูดเรื่องพวกนี้อีกเลย น้องหิมะเหิน เรื่องที่เป่ยเหอลงมือกับเจ้านี้เพิ่งจะเกิดขึ้นหมาดๆ เลยใช่หรือไม่” ‘จักรพรรดิซ่วนถู’ หญิงสาวงามล้ำเลิศในอาภรณ์สีม่วงพูด

 

“ใช่แล้ว เพิ่งผ่านไปเมื่อครู่นี้เอง ข้ายังแปลกใจอยู่ว่าการข่าวของทุกท่านช่างฉับไวยิ่งนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด

 

“ยอดเคารพซื่อฝาเป็นผู้ปล่อยข่าวออกมาน่ะ” ‘จักรพรรดิตงเจี่ยน’ ชายวัยกลางคนผู้เย็นชาที่อยู่ข้างๆ พูด “หยาดน้ำพันเนตรนี้อยู่บนเกาะลอยคว้างของเขา ในท้ายที่สุดยอดเคารพซื่อฝาก็ยังไม่ได้ไปครอง แล้วเขาจะปล่อยให้เป่ยเหอเป็นสุขได้อย่างไรกันเล่า เป่ยเหอทำอะไรก็ไม่สนใจวิธีการ ก็ควรจะให้บทเรียนกับเขาสักหน่อย เรื่องนี้ยังไม่สายเกินไป พวกเราก็ไปที่โลกเป่ยเหอกันเดี๋ยวนี้เลย”

 

“ดี ไปกันเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า

 

พรึ่บ

 

พวกเขาทั้งสี่คนเปิดห้วงอากาศออกแล้วทำการส่งถ่ายทลายโลกาไปถึงภายในโลกเป่ยเหอในทันที

 

“ครืน…”

 

ที่ท้องฟ้าเบื้องบนของวังเทพเป่ยเหอ พวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งสี่คนปรากฏตัวขึ้นแล้วมองลงมายังหมู่อาคารวังที่ทอดตัวยาวต่อเนื่องกัน

 

“ใครน่ะ!”

 

“ใครกันที่กล้าบุกเข้ามายังวังเป่ยเหอของข้า”

 

กล้าส่งถ่ายทลายโลกาบุกตรงเข้ามายังอาคารของวังเทพเป่ยเหอ นี่ก็เท่ากับตบหน้าจักรพรรดิเป่ยเหอเลยทีเดียว! ทันใดนั้นเงาร่างสายแล้วสายเล่าภายในวังก็พุ่งขึ้นมาจากฟากฟ้า จำนวนมากต่างก็เดือดดาล พวกเขาก็คือผู้ใต้บังคับบัญชาของจักรพรรดิเป่ยเหอ ตอนนี้จักรพรรดิเป่ยเหอมีไมตรีอันดีต่อ ‘จ้าวหิมะเหิน’ ใครกันที่บังอาจถึงเพียงนี้ กล้าบุกสังหารเข้ามาถึงที่นี่

 

เมื่อเงยหน้าขึ้นไป แม่ทัพเทพจำนวนหนึ่งที่นำมาและเหล่ายามรักษาการณ์คนอื่นๆ ต่างก็งงงันกันอยู่บ้าง

 

สี่ท่านที่อยู่กลางอากาศ คนหนึ่งก็คือ ‘จ้าวหิมะเหิน’ ส่วนคนอื่นๆ อีกสามคนต่างก็เป็นจักรพรรดิกันทั้งสิ้น!

 

“เป็นอย่างไรบ้าง” จักรพรรดิซ่วนถูเอ่ยถาม

 

“หาไม่พบ หาตัวเขาทั่วทั้งโลกเป่ยเหอก็หาไม่พบเลย เขาคงจะยังมิได้กลับมา” จักรพรรดิวายุทิพย์พูด

 

“ไม่พบเลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ส่ายศีรษะเช่นกัน ถึงแม้ว่าเขตพลังของเขาจะไม่สามารถปกคลุมทั่วทั้งโลกเป่ยเหอได้ แต่ก็สามารถครอบคลุมได้เป็นส่วนใหญ่ ก็หาร่องรอยของจักรพรรดิเป่ยเหอไม่พบเช่นเดียวกัน

 

จักรพรรดิตงเจี่ยนมองลงไปยังเบื้องล่างแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็นว่า “เป่ยเหอขอให้จ้าวหิมะเหินช่วยเหลือแต่กลับแปรพักตร์ผลาญสังหารร่างแยกของจ้าวหิมะเหินเพียงเพื่อจะช่วงชิงสิ่งล้ำค่า! ตอนนี้เขาไม่กล้าแม้แต่จะกลับมายังโลกเป่ยเหอ พวกเจ้ายังจะช่วยชีวิตเขาอีกหรือ ช่างน่าขันเสียจริง!” พูดแล้วจักรพรรดิตงเจี่ยนก็โบกมือคราหนึ่งในทันใด พลั่ก…

 

รอยแยกสีดำสนิทฉีกแยกลงไปยังเบื้องล่าง ทั่วทั้งวังเป่ยเหอถูกฉีกทึ้งจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันใด

 

บรรดาแม่ทัพเทพและบรรดายามรักษาการณ์เหล่านี้ต่างก็พากันตื่นตระหนกตกใจ

 

จักรพรรดิสามท่านร่วมมือกันก็แล้วไปเถิด ยังมี ‘จ้าวหิมะเหิน’ ร่วมมือสังหารด้วย พวกเขาแม่ทัพเทพก็ถูกกวาดล้างและสังหารหมู่อย่างสมบูรณ์แบบ

 

“ไป”

 

พวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งสี่คนเคลื่อนที่ในพริบตาจากไปในทันที

 

และวังเป่ยเหอในตอนนี้ก็แหลกสลายย่อยยับ บรรดาแม่ทัพเทพแต่ละคนที่เหลืออยู่ต่างก็มองหน้ากันไปมา

 

“ถามพี่ใหญ่ประจัญทมิฬดูสิ”

 

“ถามแม่ทัพเทพโครงกระดูกสิ”

 

บรรดาแม่ทัพเทพเหล่านี้ไถ่ถามกันไปเป็นทอดๆ แม่ทัพเทพสิบคนเช่นแม่ทัพเทพประจัญทมิฬก็ติดตามจักรพรรดิเป่ยเหอไปยัง ‘เกาะซื่อฝา’ ด้วยกัน

 

ไม่นานนัก…

 

“ไปเถิด ไปกันเถิด อย่าได้สนใจโลกเป่ยเหอเลย”

 

“จักรพรรดิเขาแปรพักตร์อย่างไร้น้ำใจ สังหารร่างแยกของจ้าวหิมะเหินแล้วช่วงชิงหยาดน้ำพันเนตรไป! ตอนนี้บรรดาจักรพรรดิคนอื่นๆ ต่างก็ต้องการกันอย่างอิจฉาตาร้อน เกรงว่าแม้แต่ยอดเคารพก็ยังอยากจะได้มาครอง จ้าวหิมะเหินย่อมไม่มีทางยอมปล่อยไปแน่นอน!”

 

“จักรพรรดิมีหยาดน้ำพันเนตรแล้วจะแยแสพวกเราอีกเสียที่ไหนกัน พวกเราก็กลับไปยังโลกของแต่ละคนกันเสียเถิด พวกเราอย่าได้ไปข้องเกี่ยวกับการต่อสู้ของบรรดาจักรพรรดิอีกเลย”

 

“มีจ้าวหิมะเหินอยู่ พวกเราระดับแม่ทัพเทพก็อย่าได้ไปข้องเกี่ยวเลย ถ้าหากถึงแก่ชีวิต จะมานึกเสียใจภายหลังก็สายเกินไปแล้ว”

 

แม่ทัพเทพสิบคนนั้นโต้ตอบกัน

 

นี่ทำให้บรรดาแม่ทัพเทพจำนวนหนึ่งภายในวังเป่ยเหออันพังพินาศย่อยยับปากอ้าตาค้างอยู่บ้าง ‘จักรพรรดิเป่ยเหอ’ หัวหน้าของพวกเขาได้ครอบครองผลประโยชน์มหาศาลแล้วตนก็ไปเสพสุขเพียงคนเดียว ไม่สนใจพวกเขาอีกต่อไปแล้ว

 

“ไปกันเถิด พวกเราจะยังอยู่ที่นี่ไปทำไมกันอีกเล่า”

 

“ไปๆๆ”

 

บรรดาแม่ทัพเทพคนแล้วคนเล่าจากไป รวมถึงบรรดายามรักษาการณ์ที่อ่อนแอเหล่านั้นแต่ละคนต่างก็กลับไปยังบ้านเกิดของตนแล้ว

 

******

 

พวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งสี่คนหาตัวจักรพรรดิเป่ยเหอภายในหุบเขาเขี้ยวหักอย่างบ้าคลั่ง แต่น่าเสียดายที่หาไม่พบ ตอนนี้จักรพรรดิเป่ยเหอผู้นี้ก็มิได้โง่เขลา ก็ย่อมไม่มีทางปรากฏตัวอยู่แล้ว

 

“หืม”

 

กลางห้วงอากาศแห่งหนึ่ง พวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งสี่คนอยู่กันที่นี่ จักรพรรดิตงเจี่ยนขมวดคิ้วมุ่นพลางเอ่ยปากพูดว่า “ข้าได้ข่าวมาว่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่ยอดเคารพเฮ่ากู่จัดเอาไว้รักษาการณ์ที่ด้านนอกทางเดินเขี้ยวอสรพิษพบว่าก่อนหน้านี้ไม่นานจักรพรรดิเป่ยเหอก็ได้เข้าไปยังทางเดินเขี้ยวอสรพิษแล้ว!”

 

ทางเดินเขี้ยวอสรพิษนั้นเป็นสถานที่ต้องห้ามในตำนาน

 

มีเพียงยอดเคารพห้าท่านเท่านั้นที่มีสิทธิ์จัดผู้ใต้บังคับบัญชาไปรักษาการณ์บริเวณรอบๆ ส่วนจักรพรรดิคนอื่นๆ นั้นต่อให้จัดผู้ใต้บังคับบัญชาไปก็จะถูกสังหารในทันที

 

“ก่อนหน้านี้ไม่นานหรือ” จักรพรรดิซ่วนถูขมวดคิ้วพูด “หากพูดเช่นนี้ก็แปลว่าพอเขาได้รับหยาดน้ำพันเนตรไปแล้วก็คงจะตรงไปที่ทางเดินเขี้ยวอสรพิษในทันที ไม่เนิ่นช้าเลยไม่แต่วินาทีเดียวอย่างนั้นหรือ”

 

“ถึงแม้ว่าจะไม่ชอบหน้าเป่ยเหอผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง แต่เป่ยเหอนี่ช่างมีลูกไม้แพรวพราวโดยแท้ ทั้งยังตัดสินใจเด็ดขาดอีกด้วย” จักรพรรดิวายุทิพย์พยักหน้า “เขาคงจะไปจากเกาะซื่อฝาแล้วปล่อยตัวแม่ทัพเทพใต้บังคับบัญชาสิบคนแล้วตรงไปยังทางเดินเขี้ยวอสรพิษ!”

 

“ไปดูกันหน่อยดีกว่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอื้อนเอ่ย

 

“ไป ไปดูที่ทางเดินเขี้ยวอสรพิษกัน” จักรพรรดิซ่วนถูพยักหน้า

 

พรึ่บๆๆๆ…

 

พวกเขาสี่คนเคลื่อนที่ผ่านอากาศออกเดินทางไปในทันที หากผู้แกร่งกล้าธรรมดาสามัญอาจหาญเข้าไปก็ต้องถูกสังหารในทันที แต่ ‘ระดับจักรพรรดิ’ ก็ไม่เหมือนกันเสียแล้ว ยอดเคารพจะสังหารก็ยังยากลำบากอย่างยิ่ง ก็ย่อมไม่มีใครขัดขวางบรรดาจักรพรรดิมิให้ไปสังเกตการณ์ทางเดินเขี้ยวอสรพิษด้วยตนเองอยู่แล้ว

 

“พรึ่บ”

 

เคลื่อนที่ผ่านอากาศ

 

รอจนภาพเหตุการณ์ตรงหน้ากระจ่างชัด ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มองเห็นหัวอสรพิษขนาดมหึมาสูงตระหง่านหาใดเปรียบที่อยู่ไกลออกไป หัวอสรพิษนี้คล้ายกับสลักเสลาขึ้นมาจากก้อนหิน มหึมาหาใดเปรียบ มีขนาดใหญ่กว่าเกาะลอยคว้างเกาะใดๆ มากมายเหลือเกิน

 

หัวอสรพิษอ้าปากอันกระหายเลือดเผยคมเขี้ยวออกมา ภายในปากลึกล้ำยากหยั่งคะเน ปากอสรพิษที่อ้าออกมานี้เกิดเป็นกระแสน้ำวนมืดมิดอันน่าหวาดหวั่นดูดกลืนบริเวณรอบๆ อย่างบ้าคลั่ง กระแสน้ำวนมืดมิดแผ่ปกคลุมอาณาเขตที่ตงป๋อเสวี่ยอิงคะเนด้วยสายตาว่ามีขนาดใหญ่พอๆกันกับ ‘รัฐเมฆทักษิณา’ เลยทีเดียว! กระแสน้ำวนมืดมิดอันน่าหวาดหวั่นนี้ก่อให้เกิดเป็นทางเดินเส้นหนึ่งตรงเข้าไปในส่วนลึกของปากของหัวอสรพิษ ลึกเข้าไปด้านใน

 

ทางเดินกระแสน้ำวนมืดมิดสายนี้ก็คือ ‘ทางเดินเขี้ยวอสรพิษ’ นั่นเอง

 

ว่ากันว่าเข้าไปข้างในแล้วก็สามารถมองเห็นเขี้ยวอสรพิษซี่แล้วซี่เล่าตลอดสองข้างทาง!

 

“น่ากลัวยิ่งนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงเพียงแค่มองดูอยู่ห่างๆ ก็รู้สึกได้ถึงพลังฉีกทึ้งทำลายอันน่าหวาดหวั่นเช่นนั้นของกระแสน้ำวนมืดมิดได้แล้ว

 

ในตำนานว่ากันว่าถ้าหากยอดเคารพฝืนบุกเข้าไป ก็ยังต้องถูกกระแสน้ำวนมืดมิดฉีกทึ้งจนแหลกสลายเป็นชิ้นๆ

 

………………………