บทที่ 150 หยงเยี่ยหลิวกวง (3)
แค่เปลี่ยนชื่อของเจ้า
นั่นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่หยงเยี่ยหลิวกวงต้องการ
เค่อเหลยซีต๋าตะลึง “เปลี่ยนชื่อหรือ ชื่อใครกัน ?”
“มือแห่งโชคชะตา และชื่อของท่านเอง” หยงเยี่ยหลิวกวงตอบ “ท่านจะเรียกตัวเองว่าอะไรก็ได้ แต่จากวันนี้ไปท่านจะใช้ชื่อเค่อเหลยซีต๋าไม่ได้อีกต่อไป เช่นเดียวกันกับมือแห่งโชคชะตา”
เค่อเหลยซีต๋าตะลึงอีกครั้ง เผ่าปักษาก็เริ่มแสดงปฏิกิริยากับสิ่งที่กำลังเกิดชึ้นอยู่เช่นกัน
หยงเยี่ยหลิวกวงกำลังมอบโอกาสที่สองในการมีชีวิตให้กับเค่อเหลยซีต๋าและมือแห่งโชคชะตา
แต่ถึงอย่างนั้นการเปลี่ยนแปลงที่ดูเหมือนจะเกิดขึ้นเพียงแค่ผิวเผินนั้นสำคัญยิ่งนัก
หากเจ้าหน้าที่ของอาณาจักรพบว่ามือแห่งโชคชะตาได้รับสถานะที่ถูกต้องตามกฎหมาย นั่นจะต้องส่งผลต่อขวัญกำลังของพวกเขาไม่น้อยเลย
การเปลี่ยนแปลงภายนอกเช่นนี้จะต้องทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้อย่างง่ายดายมากขึ้นสำหรับเจ้าหน้าที่
ตราบใดที่ไม่มีใครแพร่ข่าวนี้ออกไป ก็ไม่มีใครรู้แน่ว่าอำนาจใหม่นี้เคยเป็นมือแห่งโชคชะตามาก่อน
เช่นเดียวกันกับเค่อเหลยซีต๋า
ตัวตนของเขาเด่นชัดเกินไป การเปลี่ยนชื่อและเปลี่ยนตัวตนของเค่อเหลยซีต๋าจะเป็นประโยชน์กับทุกคน
นี่เป็นคำขอที่มากเกินไปอย่างนั้นหรือ ?
ไม่เลย….
เค่อเหลยซีต๋าเปลี่ยนตัวตนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะถูกจับตัว การไม่ได้ใช้ชื่อเค่อเหลยซีต๋าไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขาเลย
ทว่า… เขาไม่เต็มใจนักที่จะเปลี่ยนชื่อของมือแห่งโชคชะตา
“มือแห่งโชคชะตาเป็นชื่อที่ถูกส่งต่อกันมาโดยผู้ก่อตั้งของเรา ชื่อนี้เป็นความหวังของสมาชิกหลายชีวิต…” เขากล่าว
หยงเยี่ยหลิวกวงกล่าวตอบ “มือแห่งโชคชะตาน่ะไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้วละ”
เค่อเหลยซีต๋าปวดใจเหลือเกิน
ถูกต้อง… ไม่มีมือแห่งโชคชะตาอยู่ในโลกนี้อีกต่อไป
ต่อให้มันต้องถูกสร้างขึ้นมาใหม่ เขาก็จะต้องสร้างตั้งแต่รากฐานของมันเลยทีเดียว การเปลี่ยนชื่อนี้แตกต่างอะไรไปจากโอกาสในการสร้างองค์กรขึ้นมาใหม่ตรงไหนกัน
ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่การจะบอกว่าชื่อนั้นไร้ซึ่งความหมายใด ๆ ก็ไม่ถูกต้องอยู่ดี
ตราบใดที่กองกำลังยังมีชื่อเดิมอยู่ มันก็ยังถูกเติมเต็มด้วยทหารกล้าผู้แข็งแกร่งได้อีกครั้ง ต่อให้ทหารเหล่านั้นต้องตายก็ตาม
ทำไมน่ะหรือ…. ? นั่นก็เพราะชื่อของกองทัพเป็นจิตวิญญาณของกองทัพ หากจิตวิญญาณของมันยังคงอยู่ นั่นแปลว่ากองทัพนั้นก็จะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ได้เสมอ
มือแห่งโชคชะตาเป็นตัวแทนแห่งความหวังและความฝันของชาวอาร์คาน่าจำนวนนับไม่ถ้วนในดินแดนเผ่าปักษา รวมถึงเป็นสัญลักษณ์ของการรวมพลัง หากไม่มีชื่อนี้ นั่นแปลว่าพวกเขาไม่มีกระดูกสันหลังอยู่อีกต่อไป
ด้วยเหตุนี้ การเปลี่ยนชื่อองค์กรจึงไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ
แต่ก็อย่างที่หยงเยี่ยหลิวกวงได้กล่าวไว้… ไม่มีมือแห่งโชคชะตาในโลกใบนี้อีกแล้ว
มันถูกทำลายจนสิ้นซากไปแล้ว !
เค่อเหลยซีต๋าต้องการจะสร้างมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แม้ว่าการเปลี่ยนชื่ออาจทำให้ชาวอาร์คาน่าบางคนที่โชคดีพอที่จะรอดชีวิตในความยากลำบากได้ นั่นก็จะทำให้พวกเขาได้พบกับโอกาสอีกมากมายทีเดียว
หัวใจขององทัพนั้นมีอาจถูกสร้างขึ้นมาใหม่ได้เช่นกัน
คำขอของเค่อเหลยซีต๋าต่อหยงเยี่ยหลิวกวงไม่ต่างไปจากการตบหน้าเผ่าปักษา ดังนั้นคำขอของหยงเยี่ยหลิวกวงจึงไม่เรียกว่าเป็นคำขอที่มากไปเลย
อันที่จริงแล้วเค่อเหลยซีต๋าเองก็คิดที่จะต่อรองกับหยงเยี่ยหลิวกวงไว้อยู่แล้ว แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าคำขอจากฝ่ายตรงข้ามจะมีราคาที่ถูกถึงเพียง
อย่างไรก็ตาม ราคาที่ว่าก็ถือว่าสำคัญต่อประโยชน์อาณาจักรแห่งหมู่เมฆ
ดังนั้นเค่อเหลยซีต๋าจึงทำได้เพียงแค่ยอมรับคำขอนั้น “ไม่มีปัญหา ท่านต้องการให้มีกฎแบบไหนล่ะ ?”
“ท่านจะไม่สามารถทรยศเผ่าปักษาได้ ข้าคงไม่ขอมากไปใช่ไหม” หยงเยี่ยหลิวกวงถามกลับไป
“อืม…” เป็นคำขอที่สมเหตุสมผลอีกแล้ว
มือแห่งโชคชะตาเป็นองค์กรก่อการร้าย และตอนนี้หยงเยี่ยหลิวกวงก็ต้องการที่จะไม่ให้พวกเขาทรยศชาวปักษา นั่นเป็นสิ่งที่ขัดกับหลักการขององค์กรอย่างเห็นได้ชัด ชาวอาร์คาน่าที่ยังหลงเหลืออยู่ต้องการที่จะฟื้นฟูอาณาจักรอาร์คาน่ากลับมาสู่ความเจริญรุ่งเรืองอย่างที่เคยเป็นอีกครั้ง แล้วพวกเขาจะไม่ก่อกบฏขึ้นได้อย่างไร ?
แต่ในอีกแง่หนึ่ง การโน้มน้าวให้เผ่าปักษาสนับสนุนองค์กรที่อาจหักหลังพวกเขาในท้ายที่สุดนั้นคงเป็นไปไม่ได้
แม้ว่าหยงเยี่ยหลิวกวงจะยอมรับข้อตกลงในวันนี้ หลังจากนี้ก็จะต้องมีใครบางคนมาเปลี่ยนมันอีกอยู่ดี
เค่อเหลยซีต๋าเองก็รู้ถึงความจริงข้อนี้ดี แต่เขาก็รู้ว่าการยอมรับกับเงื่อนไขนี้จะทำให้ธรรมชาติพื้นฐานขององค์กรต้องเปลี่ยนไป
การเปลี่ยนชื่อของเขานั้นไม่ต่างไปจากการเปลี่ยนชื่อเรียกขานของกองทัพ นั่นทำให้เขาจำเป็นต้องสร้างหัวใจของกองทัพขึ้นมาใหม่อีกด้วย
แต่ความต้องการนี้ของฝ่ายตรงข้ามก็เป็นการเปลี่ยนคุณสมบัติพื้นฐานของหัวใจของกองทัพอยู่แล้ว
หยงเยี่ยหลิวกวงก็ตอบโต้การรุกคืบเข้ามาของเค่อเหลยซีต๋าได้เป็นอย่างดี เจ้าต้องการที่จะถูกชำระหรือ… ได้อยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ชำระตัวเองให้ถ้วนทั่วมากกว่านี้เสียหน่อย ตัวเจ้าเองจะเปื้อนโคลนและมาอ้างว่าสะอาดแล้วไม่ได้หรอก
หากเจ้าคิดจะสละเรือและกลับไปยังฝั่ง เจ้าก็ต้องแสดงการกระทำที่แท้จริงออกมาด้วย
หากเค่อเหลยซีต๋าเห็นด้วย เรื่องนี้ก็จะจบลงได้โดยที่ไม่ต้องวุ่นวายมากนัก
นี่ไม่ใช่การคืนชีพให้กับมือแห่งโชคชะตา แต่เป็นการสร้างองค์กรที่จะทำหน้าที่ในการสนับสนุนอาณาจักร ที่จะไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับมือแห่งโชคชะตาอีกแล้ว
ต่อให้ความจริงของสถานการณ์นี้ถูกเปิดเผยออกมา ก็จะสามารถอธิบายได้ทันทีว่าการที่หยงเยี่ยหลิวกวงกับโยวเมิ่งหัวเหลียนเหมี่ยนถูกบังคับให้ยอมจำนนต่อเค่อเหลยซีต๋านั้นก็เพราะการคุกคามของเทพอสูร และไหวพริบและความกล้าหาญของพวกเขาก็ทำให้เค่อเหลยซีต๋าพบทางสว่างและมาร่วมมือกับพวกเขาในการต่อสู้กับเทพอสูร
บันทึกประวัติศาสตร์ไม่มีพื้นที่ให้กับเรื่องการไกล่เกลี่ยแบบนี้ และพวกมันก็ดันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยมากเสียด้วย
หลายคนไม่รู้เลยว่าบางครั้งการเปลี่ยนชื่อของคนคนหนึ่งนั้นจะเป็นการเปลี่ยนทิศทางของชีวิตพวกเขาไปด้วย
ชื่อเหล่านั้นปรากฏขึ้นง่าย ๆ อย่างนั้นในบันทึกต่าง ๆ แต่มันกลับมีผลกระทบมากมายเกิดขึ้นตามมาเสียอย่างนั้น
หากองค์กรหนึ่งให้การสนับสนุนแก่อาณาจักรของพวกเขาและแสดงความภักดีด้วยวิธีการต่าง ๆ ก่อนที่จู่ ๆ จะเปลี่ยนใจและกบฏต่ออาณาจักรนั้น แล้วจะมีสักกี่คนกันที่ยินดีจะปฏิญาณความภักดีให้กับองค์กรแบบนั้น จะมีสักกี่คนกันที่จะเชื่อมั่นในองค์กรนั้นได้ และองค์กรนั้นจะมีอิทธิพลได้มากเพียงใดกัน ?
หากเค่อเหลยซีต๋าต้องการที่จะสร้างองค์กรขึ้นมาใหม่ นั่นก็คือข้อเท็จจริงที่เขาจะต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนทีเดียว
หากคิดจะสละเรือและกลับไปยังฝั่ง ก็ต้องแสดงการกระทำที่แท้จริงออกมาด้วย
เขาจะสร้างกำไรได้อย่างไรหากเขาไม่ได้ลงทุนอะไรไปเลยตั้งแต่แรก ?
หยงเยี่ยหลิวกวงไม่ได้ถูกเค่อเหลยซีต๋าบังคับแต่อย่างใด เขาตั้งใจเอาตัวเองไปเป็นพันธมิตรกับมือแห่งโชคชะตา และไม่เพียงเท่านั้น แต่มือแห่งโชคชะตาก็ต้องก้าวเข้ามาอยู่ดีหากพวกปักษาประสบปัญหาเข้า
ศัตรูผู้แสนขมขื่นทั้งสองฝ่ายได้บรรลุถึงข้อตกลงร่วมกันภายใต้เงื่อนไขที่หยงเยี่ยหลิวกวงตั้งไว้
แม้แต่เค่อเหลยซีต๋าก็ยังต้องผงะ
แน่นอนว่าเขาไม่มีทางดึงดันที่จะทรยศเผ่าปักษาในระหว่างที่ยังต้องพึ่งพาการปกป้องจากพวกเขา
ความตั้งใจเดิมของเขาก็คือสร้างความสัมพันธ์ให้เป็นไปอย่างความสัมพันธ์ระหว่างเผ่าคนเถื่อนกับประตูฟื้นความเยาว์ และตอนนี้โอกาสก็มาถึงแล้ว แต่ทำไมมันถึงได้รู้สึกน่ากระอักกระอ่วนใจเช่นนี้นะ ?
โยวเมิ่งหัวเหลียนเหมี่ยนเห็นถึงความลำบากของเค่อเหลยซีต๋าก็หัวเราะด้วยเสียงแผ่วเบาพร้อมกับใช้มือป้องปาก “ฝ่าบาทฉลาดเหลือเกินจริง ๆ”
สายตาของนางเต็มไปด้วยความชื่นชม
หยงเยี่ยหลิวกวงกระแอมไอเล็กน้อย โยวเมิ่งหัวเหลียนเหมี่ยนรู้ทันทีว่าตัวเองกำลังทำผิด นางจึงปิดปากเงียบ
หลังจากครุ่นคิดสักพัก เค่อเหลยซีต๋าก็รู้ตัวว่าไม่สามารถต่อรองได้อีกแล้ว เขาถอนใจและกล่าวขึ้นในที่สุด “ความหลักแหลมของฝ่าบาทช่างน่าเกรงขามนัก ข้าเองหวังว่าถึงโอกาสที่จะได้สร้างองค์กรขึ้นมาใหม่ แต่บัดนี้ท่านได้ขอความช่วยเหลือจากข้าโดยแลกกับการอภัยโทษ แต่ก็ให้มันเป็นไปตามนั้นเถิด อย่างน้อยที่สุด ข้าก็ยังมีโอกาสได้เข้าทัพแล้ว”
หยงเยี่ยหลิวกวงไม่เสียเวลากล่าวอะไรอีกต่อไป เขายื่นมือออกไปและกล่าวขึ้น “ส่งมันมาให้ข้าสิ”
เค่อเหลยซีต๋าหยิบบางอย่างออกมาโดยไม่ลังเลก่อนจะโยนมันให้กับหยงเยี่ยหลิวกวง
มันคือสูตรยาถอนพิษที่ไม่สมบูรณ์นั่นเอง
เป็นไปไม่ได้เลยที่ทูตคนใดจะสามารถมอบสิ่งของมีค่าให้กับคนอื่นเพียงเพราะคำพูด นอกจากนั้น การที่ทั้งสองเป็นบุคคลสำคัญในทวีปต้นกำเนิด ก็ยังส่งผลกระทบต่อทุกการกระทำของพวกเขาด้วย หยงเยี่ยหลิวกวงไม่มีทางที่จะกลับคำสัญญาที่ได้กล่าวไว้ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้แน่ และเค่อเหลยซีต๋าเองก็เชื่อใจอีกฝ่ายโดยไม่มีข้อสงสัยเลย
หยงเยี่ยหลิวกวงส่งสูตรให้กับลูกสมุนคนหนึ่งของเขา “เอาไปปรุงเดี๋ยวนี้เลย”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็เข้าใจทันทีว่าหยงเยี่ยหลิวกวงกำลังคิดอย่างไรกับเรื่องเทพอสูร
สู้ไงเล่า !
เขากล่าวขึ้น “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากจะสู้กับเทพอสูร และข้าก็เข้าใจว่าเจ้ามาจากไหน การต่อสู้น่ะจะต้องมีการสูญเสียของชีวิตอยู่แล้ว แต่การต่อสู้ครั้งนี้เลี่ยงไม่ได้จริง ๆ เทพอสูรเริ่มใกล้เข้ามาแล้วเพราะการกระทำของศัตรู เราเปลี่ยนทิศทางของเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะมีเพียงเมืองล่องนภาเท่านั้นที่จะสามารถทำลายอสูรนั่นได้ หากเราส่งมันไปที่อื่น ก็มีแต่จะทำให้เกิดการนองเลือดมากขึ้นเท่านั้น นอกจากนั้นแล้ว พิษร้ายที่กระจายออกมาจากอสูรนั่นก็ยังหลั่งไหลไปราวกับกระแสน้ำในมหาสมุทร คงใช้เวลาอีกนานนับหลายสิบปีกว่าที่สภาพแวดล้อมจะฟื้นสภาพกลับมาเหมือนเดิมได้ ถ้าเราส่งมันออกไปอีก เราอาจจะต้องเสียพื้นที่อยู่อาศัยไปมากกว่านี้”
และนี่ก็คือสาเหตุที่คางคกพันพิษนั้นน่ากลัวนัก มันสามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในสภาพแวดล้อมของทุก ๆ ที่ที่มันผ่านไปได้นั่นเอง
…โดยทั่วไปแล้ว การทำลายล้างที่เกิดขึ้นจากเทพอสูรนั้นมักสามารถซ่อมแซมกลับมาให้เป็นดังเดิมได้
แต่พิษจากเทพอสูรคางคกนั้นก็ไม่ได้สลายหายไปง่าย ๆ
ไม่ว่ามันจะเคลื่อนกายไปทางใด สภาพในบริเวณนั้นก็จะเสียหายไปอย่างสิ้นเชิง เพราะพิษที่มันปล่อยทิ้งไว้นั้นรุนแรงเหลือเกิน
เป็นธรรมดาที่หยงเยี่ยหลิวกวงจะไม่สามารถเพิกเฉยต่อความรับผิดชอบนี้ได้
“การปล่อยให้มันเที่ยวเดินไปตามใจจนกว่าจะตายนั้นดูจะเป็นการนิ่งเฉยไปหน่อย และนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เราควรทำให้ฐานะบริวารของอาณาจักร อสูรนั่นคงจะสร้างความเสียหายไว้อีกมากก่อนที่มันจะตาย เราจะต้องต่อสู้ และมีเพียงเมืองล่องนภาเท่านั้นที่แข็งแกร่งพอที่จะทำลายอสูรนั่นได้” หยงเยี่ยหลิวกวงกล่าว
เมืองล่องนภาเคยเอาชนะเทพอสูรมาก่อนแล้ว หยงเยี่ยหลิวกวงและคนอื่น ๆ ต่างก็มั่นใจว่าพวกเขามีความสามารถที่จะชนะได้อย่างเคย นอกจากนั้นแล้วพิษของเทพอสูรคางคกก็ยังเป็นภัยโดยแท้ ซึ่งยาถอนพิษของเค่อเหลยซีต๋าก็เป็นสิ่งที่จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการจัดการกับเรื่องนี้ และจะทำให้ชัยชนะของเมืองล่องนภามีความเป้นไปได้มากขึ้นอีกด้วย
หยงเยี่ยหลิวกวงเริ่มวางแผนสำหรับการต่อสู้
“เจ้านิกายโยวเมิ่ง ข้าคงต้องขอให้ท่านเคลื่อนพลแล้วละ” หยงเยี่ยหลิวกวงกล่าว
หยงเยี่ยหลิวกวงนั้นเก่งกาจในด้านยุทธวิธีทางการทูต แต่ในด้านการสร้างขวัญกำลังใจให้กับชาวเมืองและเรื่องการต่อสู้นั้นเป็นหน้าที่ของโยวเมิ่งหัวเหลียนเหมี่ยน
โยวเมิ่งหัวเหลียนเหมี่ยนเผยยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้าตอบรับ
“เทียนเยว่ ติดต่อกับเวยหลาน และชิงกวง บอกสองคนนั้นให้พาหอคอยแห่งความโกลาหลกับเมืองพลังต้นกำเนิดปีศาจมาด้วย”
“อะไรนะ เราจะเคลื่อนวังลอยฟ้าอีกสองแห่งหรือ ?” เมื่อได้ยินดังนั้น เผ่าปักษาเริ่มส่งเสียงคุยกันเซ็งแซ่
หยงเยี่ยหลิวกวงจึงกล่าวขึ้น “เราต้องโจมตีศัตรูอย่างเต็มกำลังโดยอาศัยความได้เปรียบจากความสูง วิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้เราสูญเสียน้อยที่สุด อีกอย่าง… เมืองล่องนภาก็เคลื่อนไปไหนไม่ได้ ดังนั้นหากคางคกนั่นคิดจะหนี วังทั้งสองก็ไล่ตามมันได้ แบบนั้นน่าจะดีกว่าปล่อยให้อสูรนั่นทำลายทุกอย่างไปทั่วด้วยหมอกพิษของมัน”
“ฝ่าบาทช่างชาญฉลาดยิ่ง !”
หยงเยี่ยหลิวกวงหันไปมองเค่อเหลยซีต๋า
เค่อเหลยซีต๋ากล่าวขึ้นพร้อมกับเผยยิ้มเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นข้าก็คงต้องรับผิดชอบเรื่องชุยอวี่คงเหินตัวปลอมสินะ”
แต่แล้วหยงเยี่ยหลิวกวงกลับส่ายหน้า “ไม่ เจ้าอยู่กับข้าตรงนี้และรอคำสั่งจากข้า”
เค่อเหลยซีต๋าชะงักไป “อะไรนะ ?”
หยงเยี่ยหลิวกวงตอบกลับมาพร้อมกับส่งยิ้มเบาบางให้เขา “อย่าเพิ่งเข้าใจข้าผิดล่ะ ข้าให้เจ้าอยู่ข้างข้าก็เพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาสรู้จักกับเจ้า แน่นอนว่าเจ้าจะต้องเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกด้วย และข้าเองก็อยากจะมีประสบการณ์ในการได้ออกคำสั่งปรมาจารย์อาร์คาน่าในตำนานด้วยตัวเองบ้าง”
ทุกคนต่างหัวเราะเมื่อได้ยินดังนั้น
เค่อเหลยซีต๋าจึงถามกลับไป “แล้วเจ้าตัวปลอมนั่นล่ะ ?”
“อย่าห่วงเรื่องเขาเลย เรื่องนั้นข้ามีแผนแล้วละ” หยงเยี่ยหลิวกวงกล่าว “อีกอย่าง เรายังต้องพิจารณาถึงการลงโทษชุยอวี่คงเหินอีกด้วย”
“ตระกูลชุยอวี่หรือ ? ก็ชุยอวี่คงเหินนั่นเป็นตัวปลอมไม่ใช่หรืออย่างไร ทำไมเราถึงต้องลงโทษตระกุลชุยอวี่ด้วยกัน ?” ทุกคนต่างไม่เข้าใจ
หยงเยี่ยหลิวกวงตอบ “เราก็แค่ตั้งสมมติฐานขึ้นมาเท่านั้นว่าชุยอวี่คงเหินเป็นตัวปลอม เพราะว่าเรายังไม่มีหลักฐานแน่ชัดที่จะพิสูจน์เรื่องนี้ได้ ความเป็นไปได้ที่ชุยอวี่คงเหินจะเป็นเผ่าปักษาจริง ๆ นั้นก็ยังมีอยู่ และต่อให้เขาเป็นตัวปลอม ตระกุลชุยอวี่ก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบในการที่ไม่คอยสังเกตและตรวจกรองการแทรกซึมของสายลับจากฝ่ายศัตรูด้วยอยู่ดี นั่นน่ะบาปมหันต์ทีเดียว”
นี่แทบไม่ต่างอะไรไปจากการให้ชื่อเสียกับแพะรับบาปก่อนจะนำมันไปแขวนคอเลยด้วยซ้ำ
แต่ก็ไม่มีเผ่าปักษาคนใดที่กล้าต่อต้านหยงเยี่ยหลิวกวงในเรื่องนี้
หยงเยี่ยหลิวกวงกล่าวขึ้นต่อไป “ความผิดของตระกุลชุยอวี่น่ะปฏิเสธไม่ได้ การลงโทษเท่านั้นที่จะสามารถระงับความโกรธแค้นของคนของเรา และทำให้พวกเขาทำหน้าที่ต่อไปได้ อีกอย่าง เราเองก็ต้องการทัพสละชีวิตเป็นทัพหน้าที่จะต่อกรกับเทพอสูรด้วย… ดูเหมือนว่าตระกูลชุยอวี่จะต้องรับภาระเรื่องนั้นแล้วละ”
เจตนาที่แท้จริงของหยงเยี่ยหลิวกวงถูกเปิดเผยออกมาในที่สุด
ทหารที่จะถูกส่งไปตายในสงครามนั้นจำเป็นสำหรับทุกการต่อสู้ และไม่มีคนกลุ่มใดอีกแล้วที่จะเหมาะสมกับหน้าที่นี้ไปกว่าตระกูลชุยอวี่ !