ตงหลิงหวงไม่ได้สนใจฮั่วอวี้เจียวในทันที ทว่านางเก็บไว้ในใจ
อย่างไรก็ตาม แม้นางไม่ได้พูดอันใด แต่ท่าทางเย็นชาจนน่ากลัวยิ่งทวีความเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ
เพียงพอให้คนสกุลฮั่วทั้งสามคนหวาดกลัว!
กว่าฮั่วจีจะสงบอารมณ์ให้คงที่ได้นั้นไม่ง่าย ตอนนี้กลับปรากฏพลังมหาศาลอีกครั้ง
ไม่ต้องพูดถึงว่าตงหลิงหวงจะเอาชนะหลู่หยางอ๋องได้หรือไม่ ด้วยวรยุทธ์ของตงหลิงหวงในตอนนี้ ต่อให้นางต้องการฆ่าพวกเขาทั้งสามคน ก็ไม่ใช่เรื่องยากเช่นกัน
ลูกทรพีของเขาคนนี้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริงๆ
ฮั่วจีหันกลับมาตบใบหน้าของฮั่วอวี้เจียวอย่างแรงอีกครั้ง
“นางโง่ เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่เจ้าควรพูดหรือ? ”
ฮั่วอวี้เจียวถูกตบติดกันสามฝ่ามือ ตอนนี้แก้มทั้งสองของนางบวมเหมือนปากหมู น่าอับอายยิ่งนัก
“ท่านพ่อ ท่านตบข้าอีกแล้ว? ลูกทำอันใดผิด ท่านพ่อตบลูกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ท่านยังเป็นบิดาของลูกอยู่หรือไม่? ”
ฮั่วจีอยากให้ตนเองไม่เคยมีบุตรสาวที่โง่เขลาเช่นนี้มาก่อน
“เจ้า… ”
ฮั่วจีต้องการทุบตีอีกครั้ง ทว่าตงหลิงหวงกลับพูดขัดขวางด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายเล็กน้อย “พอได้แล้วฮั่วจี อย่าแสดงละครต่อหน้าข้า สิ่งที่บุตรสาวของเจ้าพูดมาคือความลังเลภายในใจของเจ้ามิใช่หรือ นอกจากนี้ สิ่งที่คุณหนูใหญ่ฮั่วสงสัยก็ไม่ผิด… ”
ฮั่วจีถูกตงหลิงหวงอ่านความคิดออกจึงก้มหน้าด้วยความละอายใจเล็กน้อย
ตงหลิงหวงจ้องไปที่ใบหน้าของฮั่วอวี้เจียวด้วยท่าทางเมินเฉย
“กองทัพของหลู่หยางอ๋องได้ยึดครองแคว้นตงเฉินกว่าครึ่ง ทว่าก็เป็นเพียงครึ่งเดียว ยังมีอีกกว่าครึ่งที่อยู่ในมือของข้า เขายังทำอันใดไม่ได้ นอกจากนั้น… เมืองหลวงอยู่ภายใต้อำนาจของเขาอย่างแน่นหนา แต่ข้ายังแอบเข้ามาปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าพวกเจ้าสามพ่อลูกสกุลฮั่วได้ไม่ใช่หรือ? เพราะฉะนั้น บางเรื่องที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น อย่าเพิ่งด่วนสรุปไปก่อน
เดิมที แคว้นตงเฉินเป็นของสกุลตงหลิงข้า และจะเป็นเพียงสกุลตงหลิงของข้าเท่านั้น”
ตงหลิงหวงอธิบายคำพูดเหล่านี้ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เห็นได้ชัดว่าดวงตาของนางสงบนิ่งไม่หวั่นไหว ทว่ากลับมีพลังและแรงกดดันที่อธิบายไม่ได้ ทำให้รู้สึกไร้หนทางต่อต้านและไม่สามารถเพิกเฉย คำพูดนี้ทำให้สามพ่อลูกสกุลฮั่วไร้หนทางปฏิเสธ
ฮั่วจียังคงลังเล ใบหน้าของฮั่วอวี้เจียวราวกับภาพสีน้ำมันที่ไร้สี นางนิ่งเงียบไม่พูดอันใด
ฮั่วซืออวี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงหยิ่งทะนงเล็กน้อย “ไม่ทราบว่ารัชทายาทต้องการให้พวกเราทำเรื่องใด? ”
ฮั่วจีต้องการห้ามปราม ทว่าฮั่วอวี้เจียวกลับตะโกนอย่างเดือดดาล “ท่านพี่ ท่านบ้าไปแล้วหรือ? ”
“น้องไม่อยากร่วมมือกับรัชทายาท หรือว่าน้องต้องการอภิเษกกับหลู่หยางอ๋อง? ”
ฮั่วอวี้เจียวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่… ข้าไม่ต้องการอภิเษกกับหลู่หยางอ๋อง ให้ตายก็ไม่ต้องการ! ”
“หากไม่ต้องการก็จงเชื่อฟังและหุบปาก อนาคตสกุลฮั่วของพวกเรา ในวันนี้มีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น ไม่เจ้าอภิเษกกับหลู่หยางอ๋อง ก็พวกเราร่วมมือกับองค์รัชทายาท”
เห็นได้ชัดว่าฮั่วจียังคิดไม่ตก เขาไม่ได้ห้ามและไม่ได้ต่อต้านฮั่วซืออวี่
ฮั่วซืออวี่ชั่งคำพูดและเอ่ยกับบิดา “ท่านพ่อ ลูกเชื่อมั่นในองค์รัชทายาท สิ่งที่องค์รัชทายาทพูดนั้นถูกต้อง สกุลตงหลิงเป็นตระกูลดั้งเดิมของตงเฉิน พวกเขาได้ใจประชาชน มีชัยภูมิที่ดี เพียงวันนี้ขาดโอกาส
หลายวันที่ผ่านมา หลู่หยางอ๋องเป็นอย่างไร ท่านพ่อคงได้เห็นกับตาแล้ว ดูผิวเผินเขาเป็นคนซื่อตรง คำพูดมีคุณธรรม ทว่าจิตใจกลับเต็มไปด้วยตัณหาราคะ คนเช่นนี้จะได้รับการสนับสนุนและได้รับความภักดีจากข้าราชบริพารในราชสำนักได้อย่างไร? ”
ฮั่วซืออวี่พูดถูก ความยุ่งเหยิงและลังเลใจของฮั่วจีราวกับไส้ตะเกียงที่ถูกดึงออกมายาวขึ้น ส่องแสงเพื่อชี้ทางสว่างให้กับเขา
เมื่อเห็นแววตาทอประกายของบิดา ฮั่วซืออวี่ก็แน่ใจว่าบิดาจะเห็นด้วยกับความคิดของตน
เขามองไปทางตงหลิงหวง
ตงหลิงหวงพูดว่า “ตอนนั้นฝ่าบาทจะเสด็จมาโจมตีเมืองด้วยพระองค์เอง ส่วนรายละเอียดยังต้องหารือกันอีกขั้น”
ฮั่วซืออวี่พยักหน้า “องค์รัชทายาท ให้พวกเราร่วมมือกับท่านก็ย่อมได้ ทว่าสกุลฮั่วมีเงื่อนไขเช่นกัน”
“เงื่อนไขอันใด? ”
“รัชทายาทคงจำได้กระมังว่า เมื่อตอนที่สกุลฮั่วของเรามาถึงแคว้นตงเฉิน ฝ่าบาททรงสัญญาอันใดกับสกุลฮั่ว? ”
ไม่รอให้ตงหลิงหวงได้เปิดปาก ฮั่วซืออวี่ก็กล่าวเสริมขึ้นว่า “ฝ่าบาทตรัสว่า ใช้คนอย่าระแวง หากระแวงก็อย่าใช้ และทรงรับปากว่าจะมอบตำแหน่งสำคัญให้สกุลฮั่ว ทว่าเวลาผ่านมากว่าครึ่งปี ช่วงเวลาที่ผ่านมา ฝ่าบาทกระทำอย่างไรกับสกุลฮั่ว คงไม่ต้องให้พวกเราพูด คิดว่าองค์รัชทายาททรงทราบดีแก่พระทัย
สกุลฮั่วไม่ได้ต้องการมากมาย หากไม่… ก็คือไม่ทำ หากทำก็ต้องการทำหน้าที่ให้ถึงที่สุด เพราะบุรุษสกุลฮั่วทั้งหมดล้วนเป็นทหาร… ”
ตงหลิงหวงมองลึกเข้าไปในดวงตาของฮั่วซืออวี่ และกล่าวอย่างแน่วแน่ “ตกลง ข้ารับปากเจ้า ขอเพียงขับไล่หลู่หยางอ๋องได้สำเร็จ หลังเสร็จสิ้นเรื่องนี้ ข้าจะเขียนหนังสือถึงฝ่าบาท ให้สกุลฮั่วของพวกเจ้าดำรงตำแหน่งแม่ทัพ”
ดวงตาของฮั่วจีเปล่งประกาย
ตงหลิงหวงเอ่ย “อย่างไรก็ตาม การสืบทอดตำแหน่งแม่ทัพไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งยังต้องหลั่งเลือดเนื้อจำนวนมาก พวกเจ้าพ่อลูกควรรู้ไว้เช่นกัน”
สมแล้วที่เป็นตงหลิงหวง หากนางไม่พูดประโยคเหล่านี้ ฮั่วซืออวี่อาจไม่เชื่อนาง
“เรื่องนี้พวกเราเข้าใจดี เชื่อว่ารัชทายาทเป็นคนที่เชื่อถือได้”
ตงหลิงหวงพยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้คงไม่ต้องพูดให้มากความ เมื่อถึงเวลา ข้าจะส่งคนมาติดต่อกับพวกเจ้า”
ตงหลิงหวงพูดพลางลุกขึ้นยืนเตรียมจากไป ทว่าเดินไปได้เพียงสองก้าว นางก็นึกอันใดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหันมาพูดกับฮั่วอวี้เจียว “คุณหนูใหญ่ฮั่วเป็นคนฉลาด คนฉลาดควรทำเรื่องที่ฉลาด ข้าคิดว่า… เจ้าคงรู้ว่าข้ากำลังพูดเรื่องอันใด ข้าไว้ใจบิดากับพี่ชายของเจ้า ทว่าไม่ไว้ใจเจ้า ทางที่ดี คุณหนูใหญ่ควรเก็บความคิดที่ไม่ควรมีพวกนั้นไว้ ภาวนาให้เรื่องของข้าไม่มีอันใดผิดพลาด หากระหว่างนั้นมีเรื่องอันใดเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับเจ้า ข้าจะส่งเจ้าลงนรกเป็นคนแรก”
หลังจากพูดจบก็ไม่รอให้ฮั่วอวี้เจียวพูดอันใด ตงหลิงหวงหันหลังกลับและเดินออกจากประตูทันที
น้ำเสียงของนางยังคงราบเรียบ ทว่าบรรยากาศกลับน่ากลัวมากจนฮั่วอวี้เจียวไม่รู้ว่าตนเองฟังจนจบได้อย่างไร นางรู้เพียงว่า ตอนที่ตงหลิงหวงหันกลับไปนั้น วิญญาณทั้งร่างของนางราวกับถูกดึงออกมา นางทรุดลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง
ฮั่วซืออวี่รีบเข้าไปพยุงฮั่วอวี้เจียว
ฮั่วอวี้เจียวคว้าคอเสื้อของฮั่วซืออวี่ไว้แน่น
“ท่านพี่ ท่านได้ยินหรือไม่? นางบอกว่าจะฆ่าข้า นางต้องการฆ่าข้า! ท่านพี่ นางต้องการฆ่าน้องสาวของท่าน คนเช่นนี้ ท่านกับท่านพ่อยังอยากร่วมมือกับนางอีกหรือ? ”
ฮั่วซืออวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้จะอับจนหนทาง ทว่าเขายังพูดปลอบใจว่า “อวี้เจียววางใจ รัชทายาทไม่ฆ่าคนบริสุทธิ์”
ฮั่วอวี้เจียวมองฮั่วซืออวี่อย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ทันใดนั้น เสียงที่แหลมราวกับนกกระเรียนก็ดังขึ้น “ไม่ฆ่าคนบริสุทธิ์หรือ? พี่ชาย ท่านล้อเล่นหรือ? ตงหลิงหวงนางเป็นคนเยี่ยงไร? มือนางเปื้อนเลือดน้อยนักหรือ? ”
ฮั่วซืออวี่พูดไม่ออก เขาปล่อยฮั่วอวี้เจียวโดยไม่พูดอันใด
หลังจากตงหลิงหวงออกมาจากห้องโถงของสกุลฮั่ว เหล่าองครักษ์ในจวนไม่ได้ขัดขวาง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกคนพบเข้า แน่นอนว่านางไม่สามารถออกทางประตูหลักได้เหมือนขามา เมื่อพบสถานที่เปลี่ยว นางจึงเตรียมกระโดดข้ามกำแพง ทันใดนั้น ด้านหลังก็มีเสียงของฮั่วซืออวี่ดังขึ้น
“องค์รัชทายาท? ”
ตงหลิงหวงหันกลับไปมองผู้ที่มา “คุณชายฮั่วเรียกข้า มีเรื่องอันใดหรือ?”