ผู้จัดการผลักประตูเปิดเข้ามาพร้อมแหวนมิติระดับสูงในมือและภายในนั้นบรรจุเหล็กนิลหมื่นปีจำนวนสองพันก้อนที่ฉินอวี้โม่ต้องการ
“จอมยุทธ์อวี้โม่ นี่คือเหล็กนิลหมื่นปีที่ท่านต้องการ นอกจากนี้ก็ยังมีมูลค่าส่วนเกินจากสิ่งของเหล่านั้น ไม่ทราบว่าท่านต้องการแลกมันเป็นแก่นหินวิญญาณหรือไม่ขอรับ ?”
ฉินอวี้โม่หยิบอุปกรณ์อาวุธและสิ่งของต่าง ๆ ออกมาจากคฤหาสน์เฟิงหัวเป็นจำนวนมาก ผู้จัดการจึงไปพบผู้อาวุโสหลายคนของโรงประมูลเพื่อประเมินราคาด้วยกัน นอกเหนือจากส่วนที่แลกเป็นเหล็กนิลหมื่นปีจำนวนสองพันก้อนแล้ว ส่วนที่เหลือก็มากพอจะแลกเป็นแก่นหินวิญญาณได้เกือบหนึ่งล้านชิ้น
อย่างไรก็ตาม แทนที่จะถือวิสาสะตัดสินใจเอง เขาก็เลือกที่จะกลับมาถามความต้องการของฉินอวี้โม่ก่อน
“แลกเปลี่ยนได้เลย ถึงอย่างไรของพวกนั้นก็ไม่มีประโยชน์สำหรับข้า ข้าคงต้องมีแก่นหินวิญญาณติดตัวไว้บ้าง”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะอย่างไม่ลังเล นอกเหนือจากนาง ศิษย์ตระกูลฉื่อที่เดินทางมาที่นี่ก็ควรมีแก่นหินวิญญาณติดตัวไว้สำหรับกรณีฉุกเฉินเช่นกัน
“ไม่ต้องทำให้ยุ่งยากหรอก เพียงแลกแก่นหินวิญญาณเหล่านั้นและใส่ไว้ในป้ายจ้าวสมุทรของนางได้เลย”
หลานเผิงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม นอกเหนือจากการที่เป็นตัวแทนบ่งบอกถึงการเป็นแขกผู้ทรงเกียรติจากตระกูลหลาน ป้ายจ้าวสมุทรก็ยังมีประโยชน์ใช้งานอื่นอีก หากมีป้ายแผ่นนี้ ฉินอวี้โม่สามารถไปที่ศูนย์การค้าใดก็ได้ในดินแดนนี้ ตราบใดที่แสดงป้ายจ้าวสมุทรต่อผู้จัดการของสถานที่เหล่านั้น พวกเขาก็สามารถหักแก่นหินวิญญาณจากป้ายจ้าวสมุทรได้โดยตรงซึ่งเป็นสิ่งที่สะดวกอย่างมาก
“ป้ายจ้าวสมุทร…?”
ผู้จัดการชะงักไปทันที เขาไม่คิดเลยว่าหลานเผิงจะตัดสินใจมอบของสำคัญอย่างป้ายจ้าวสมุทรให้กับฉินอวี้โม่
ในฐานะผู้จัดการของศูนย์การค้าจ้าวสมุทร แน่นอนว่าเขาทราบความหมายและความสำคัญของป้ายจ้าวสมุทรเป็นอย่างดี แม้สีหน้าของเขาจะไม่แสดงความรู้สึกใดมากนัก ทว่าภายในใจกลับเต็มไปด้วยความเคารพที่มีต่อฉินอวี้โม่มากขึ้นเรื่อย ๆ
“ขอรับ นายน้อย”
หลังจากพยักศีรษะรับคำ เขาก็หันหลังกลับและออกไปอีกครั้ง
ป้ายจ้าวสมุทรมีเพียงห้าแผ่นเท่านั้น แต่ละแผ่นมีหมายเลขประจำตัวของมันเองและผู้จัดการของศูนย์การค้าจ้าวสมุทรทุกคนทราบเรื่องนี้ดี เพราะเหตุนั้น การเพิ่มหรือลดจำนวนของแก่นหินวิญญาณในป้ายจ้าวสมุทรโดยที่ไม่ต้องนำมันมาจากฉินอวี้โม่จึงทำได้สะดวกยิ่งนัก
ฉินอวี้โม่ก็เก็บแหวนมิติที่ได้รับไว้ในคฤหาสน์เฟิงหัวอย่างรวดเร็ว
“นายหญิง ด้วยเหล็กนิลหมื่นปีจำนวนสองพันก้อนนี้ มันสามารถพัฒนาให้คฤหาสน์เฟิงหัวแข็งแกร่งมากขึ้นเล็กน้อย”
ซิวตรวจสอบภายในแหวนมิติและยืนยันว่าเหล็กนิลหมื่นปีทั้งสองพันก้อนถูกวางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
การเพิ่มระดับของคฤหาสน์เฟิงหัวแตกต่างจากสิ่งอื่น ๆ พอสมควร แม้จำเป็นต้องใช้ส่วนประกอบถึงสี่ชนิดเพื่อเพิ่มระดับของมันให้ได้อย่างสมบูรณ์ ทว่าตราบใดที่มีหนึ่งในสี่ชนิดนั้นก็สามารถทำการพัฒนามันให้แข็งแกร่งขึ้นได้ส่วนหนึ่งเช่นกัน
“สหายหลานเผิง นอกจากเหล็กนิลหมื่นปี ข้ายังมีบางอย่างที่ต้องการอีก แต่ก็ไม่ทราบว่าศูนย์การค้าจ้าวสมุทรของท่านจะมีหรือไม่”
ผลึกเพลิง ไข่มุกเลี่ยงวารีและแก่นวิญญาณเพชรพันปีล้วนเป็นของหายากในดินแดนนี้ ด้วยความสามารถของนาง ฉินอวี้โม่คงต้องใช้เวลานานในการรวบรวมจนครบถ้วนได้ เมื่อการคัดเลือกครานี้เสร็จสิ้นตามผลที่คาดหวัง นางก็ต้องเข้าร่วมกับหนึ่งในสามสำนึกและเก้านิกายเพื่อฝึกวิชาต่อไป หากคฤหาสน์เฟิงหัวได้รับการพัฒนาปรับปรุงจนสมบูรณ์ นางก็จะมีไพ่ตายสำคัญเพิ่มมากขึ้นเมื่อเผชิญหน้ากับนิกายหมื่นบุปผา
“สิ่งใดหรือ ? ท่านว่ามาได้เลย”
หลานเผิงเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม เขาทราบดีว่าฉินอวี้โม่วางแผนที่จะหลอมบางสิ่งบางอย่าง ทว่าเขาก็ไม่คิดถามให้มากความ
“ผลึกเพลิงสองร้อยก้อน ไข่มุกเลี่ยงวารีสองเม็ด และแก่นวิญญาณเพชรพันปียี่สิบก้อน”
ฉินอวี้โม่ครุ่นคิดครู่หนึ่งและเรียกร้องสิ่งของที่นางต้องการในจำนวนที่เพิ่มมากขึ้น สำหรับการพัฒนาระดับของคฤหาสน์เฟิงหัวนี้ นางไม่อาจรับประกันว่ามันจะสำเร็จเต็มร้อย เพราะฉะนั้นการเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้าจึงเป็นสิ่งที่ดี
“โอ้ การที่เรียกร้องของเหล่านี้ถือว่าท่านใจกล้าไม่เบาจริง ๆ ของพวกนี้ล้วนเป็นของหายากทั้งสิ้น”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลานเผิงชะงักไปทันที ไม่ว่าจะเป็นผลึกเพลิง ไข่มุกเลี่ยงวารีหรือแก่นวิญญาณเพชรล้วนเป็นสิ่งที่หายากไม่ต่างกัน เมื่อใดที่มันปรากฏออกมา เกรงว่าจะต้องดึงดูดความสนใจของคนไม่น้อยอย่างแน่นอน
“ช่วยไม่ได้ ข้าต้องการของพวกนี้เพื่อใช้พัฒนาระดับของคฤหาสน์เฟิงหัวของข้า”
ฉินอวี้โม่กางมืออย่างจนปัญญา คฤหาสน์เฟิงหัวของนางมีศักยภาพที่น่าสะพรึงกลัวเกินไปและนางก็ไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่ามันจะทรงพลังมากเพียงใดหลังจากพัฒนาไปได้อย่างสมบูรณ์
“คฤหาสน์เฟิงหัว…หมายถึงมิติที่สองอย่างนั้นรึ ?”
หลานเผิงมีความรู้กว้างขวางและแน่นอนว่าเขาคาดเดาความหมายของฉินอวี้โม่ได้ทันทีจากคำพูดที่นางใช้กล่าวถึงคฤหาสน์เฟิงหัว
มิติที่สองเป็นสิ่งที่หายากอย่างที่สุดแม้ในดินแดนมหาเทพที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แม้แต่ผู้นำของตระกูลทรงพลังอย่างตระกูลหลานก็ไม่มีสิ่งของเช่นนั้นอยู่
ในดินแดนมหาเทพนี้ก็มีช่างหลอมเพียงคนเดียวเท่านั้นที่หลอมมิติที่สองขึ้นมาได้สำเร็จ ทว่ามันก็เป็นเพียงพื้นที่มิติธรรมดา ๆ ที่ไม่มีคุณสมบัติที่น่าอัศจรรย์เท่าใดนัก
ทว่าฉินอวี้โม่ผู้นี้กลับมีมิติที่สองซึ่งถือว่าเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่เย้ยฟ้าท้าดิน ฝีมือในการหลอมของนางทรงพลังถึงระดับใดกันแน่ ?
“เพลิงผลึกหาได้ไม่ยากนัก ข้าจะส่งคนไปดูที่ศูนย์การค้าจ้าวสมุทรทุกแห่ง มันน่าจะมีอยู่ในคลังสินค้าบ้าง สำหรับแก่นวิญญาณเพชร โรงประมูลจ้าวสมุทรทั้งหมดรวมกันก็น่าจะมีไม่ถึงห้าก้อน ข้าจะส่งคนไปรวบรวมมา ทว่าการรวบรวมให้ครบยี่สิบก้อนนั้นไม่ง่ายเลยและอาจถึงขั้นเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ สำหรับไข่มุกเลี่ยงวารี…เกรงว่าสิ่งนี้คงจะอยู่เหนือกว่าความสามารถของข้า”
หลานเผิงไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนคำนวณจากคลังสินค้าทั้งหมดของศูนย์การค้าจ้าวสมุทรและให้จำนวนอย่างคร่าว ๆ
แม้ผลึกเพลิงและแก่นวิญญาณเพชรจะถือเป็นสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยาก ทว่าก็ไม่ยากจนเกินไป ด้วยอิทธิพลของศูนย์การค้าจ้าวสมุทร พวกเขาน่าจะรวบรวมมันได้อย่างไม่มีปัญหา ทว่าไข่มุกเลี่ยงวารีเป็นสิ่งที่เกินกว่าอำนาจของพวกเขาจริง ๆ
ไข่มุกเลี่ยงวารีเรียกได้ว่าเป็นวัตถุวิเศษแห่งฟ้าดินและอาจปรากฏให้เห็นได้เพียงครั้งเดียวในรอบพันปี ยิ่งไปกว่านั้น ทุกจุดที่ไข่มุกเลี่ยงวารีเคยปรากฏล้วนเป็นมหาสมุทรที่ลึกที่สุดและไม่มีสัญญาณชีพของสิ่งมีชีวิตใด มีเพียงผู้ที่มีโอกาสอันยิ่งใหญ่เท่านั้นที่จะได้มันมาครอบครอง
ทว่าฉินอวี้โม่ผู้นี้กลับต้องการไข่มุกเลี่ยงวารีถึงสองเม็ด แม้ศูนย์การค้าจ้าวสมุทรจะมีพลังอำนาจและมีอิทธิพลที่แผ่ขยายออกไปอย่างกว้างขวาง พวกเขาก็อาจจะไม่มีหนทางตามหามันได้
“เอาล่ะ เท่านั้นก็เพียงพอ หากไม่รบกวนเกินไป ข้าหวังว่าท่านจะรวบรวมผลึกเพลิงและแก่นวิญญาณเพชรให้ข้าก่อนถึงการคัดเลือกรอบสุดท้ายได้ ส่วนต้องใช้เงินมากแค่ไหนนั้น ท่านก็บอกได้เลย”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะตอบรับ ดูเหมือนว่านางจะต้องหาทางตามหาไข่มุกเลี่ยงวารีด้วยตัวเอง
“เงินทองมิใช่เรื่องใหญ่หรอก ช่างหลอมที่หาตัวจับได้ยากอย่างท่าน ต่อให้ข้าจะมอบให้ท่านฟรี ๆ ก็มิใช่ปัญหา”
หลานเผิงโบกมือเบา ๆ เพื่อยืนยันวาจาของตน ตระกูลหลานของพวกเขาไม่ขาดแคลนเงินทองแม้แต่น้อย
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็ติดค้างท่านครั้งหนึ่ง หากตระกูลหลานต้องการสิ่งใดในอนาคต ข้าจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน”
มูลค่าของผลึกเพลิงและแก่นวิญญาณเพชรพันปีเป็นสิ่งที่เหนือจินตนาการอย่างแน่นอนและยากที่จะประเมินราคาที่แท้จริงของมันได้ ในเมื่อหลานเผิงให้ความสำคัญกับนางมากถึงเพียงนี้ ฉินอวี้โม่ก็ยินดีตอบแทนความช่วยเหลือครานี้ด้วยความเต็มใจ การที่ช่างหลอมที่เก่งกาจมากพรสวรรค์อย่างนางเป็นหนี้บุญคุณตระกูลหลาน พวกเขาจะไม่เสียผลประโยชน์อย่างแน่นอน
“ข้าเชื่อว่าหากบิดาของข้าทราบถึงเรื่องนี้ เขาจะต้องประหลาดใจมากเป็นแน่”
การที่ช่างหลอมฝีมือชั้นยอดอย่างนางเป็นหนี้บุญคุณตระกูลหลานและลั่นวาจาว่าจะตอบแทนพวกเขานั้น มันจะเป็นเรื่องดีต่อตระกูลหลานอย่างแน่นอน
ในเวลานี้ ฉินอวี้โม่ก็พอจะทราบถึงตัวตนของหลานเผิงแล้ว การที่ผู้จัดการเรียกเขาว่า ‘นายน้อย’ และเขามอบป้ายจ้าวสมุทรให้กับนางได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ บิดาที่เขาหมายถึงก็จะต้องเป็นผู้นำตระกูลหลานอย่างแน่นอน หากไตร่ตรองดูแล้ว เขาจะต้องเป็นนายน้อยของตระกูลหลานและเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลคนต่อไปอย่างแน่นอน
ทั้งสองสนทนาพาทีกันอย่างออกรสอีกพักใหญ่ หลานเผิงชื่นชมฉินอวี้โม่อย่างมากและนางก็รู้สึกถูกชะตากับนายน้อยตระกูลหลานผู้ที่มีนิสัยเป็นมิตรเช่นกัน
แม้เป็นครั้งแรกที่ได้พบกัน ทั้งสองก็พูดคุยกันจนถูกคอเสมือนสหายที่สนิทกัน
เมื่อเวลาล่วงเลยมาจนท้องฟ้ามืดลง ฉินอวี้โม่ก็ลุกขึ้นและขอตัวกลับไป
“แม่นางอวี้โม่ หากท่านต้องการความช่วยเหลือเรื่องตระกูลเฝิง ท่านก็บอกข้าได้ตามตรง”
หลานเผิงอดกล่าวออกไปไม่ได้ แม้ตอนนี้เขาพอจะรู้จักตัวตนของฉินอวี้โม่และทราบว่าด้วยความสามารถของนาง นางคงจะรับมือกับตระกูลเฝิงได้อย่างไม่มีปัญหา ทว่าเขาก็แอบกังวลอยู่เล็กน้อย
“เข้าใจแล้ว”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะตอบรับ ทว่าตระกูลเฝิงมิได้อยู่ในสายตาของนางเลยสักนิด
“จริงสิ อีกห้าวันข้างหน้า ศูนย์การค้าจ้าวสมุทรของเราจะจัดงานประมูลครั้งใหญ่ขึ้นและจะมีสมบัติล้ำค่ามากมายที่ถูกนำออกมาประมูล หากไม่ขัดข้อง ข้าขอเชิญท่านมาร่วมงานด้วยล่ะ”
เมื่อนึกถึงงานประมูลครั้งใหญ่ที่ศูนย์การค้าจ้าวสมุทรจัดเตรียมมานาน หลานเผิงก็กล่าวเชิญชวนพร้อมรอยยิ้มกว้าง
ในความจริง จุดประสงค์ที่ตัวเขาเดินทางมาที่เมืองเทียนหยวนแห่งนี้ก็เพื่องานประมูลดังกล่าว
เมื่อไม่นานมานี้ ศูนย์การค้าจ้าวสมุทรสาขาเมืองเทียนหยวนได้รับสมบัติล้ำค่ามาเป็นจำนวนมาก พวกเขาจึงถือโอกาสในช่วงเวลาของการคัดเลือกของเมืองเทียนหยวนครานี้เพื่อจัดงานประมูลที่ใหญ่โตขึ้นและผลักดันให้ราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้น
“เข้าใจแล้ว ถ้าเช่นนั้นข้าจะชวนคนตระกูลฉื่อไปร่วมสนุกด้วย”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะตอบตกลงอย่างไม่ลังเล ในอีกห้าวันข้างหน้า คาดว่าตัวตนของพวกนางคงจะถูกเปิดเผยแล้ว อีกอย่างคนตระกูลฉื่อก็ใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตอยู่ในอำเภอซ่างหยวนและนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขามาเยือนเมืองใหญ่เช่นนี้ พวกเขาก็น่าจะดีใจเช่นกันที่ได้เข้าร่วมงานประมูลของศูนย์การค้าจ้าวสมุทรในครานี้
“เยี่ยมไปเลย ข้าจะรอพบท่าน !”
หลานเผิงยิ้มร่าก่อนส่งฉินอวี้โม่ออกจากศูนย์การค้าด้วยตัวเอง
“นายน้อย เหตุใดท่านจึงมอบป้ายจ้าวสมุทรให้กับจอมยุทธ์หน้าใหม่ที่เพิ่งมีชื่อเสียงขึ้นมาหรือขอรับ ?”
หลังจากฉินอวี้โม่ออกไป ลุงติง—ผู้จัดการศูนย์การค้าก็เอ่ยถามด้วยความฉงนสงสัย
พรสวรรค์และความสามารถของฉินอวี้โม่ถือว่ายอดเยี่ยมมากและในอนาคตนางจะได้เป็นจอมยุทธ์เลื่องชื่อและทรงอำนาจของดินแดนอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ป้ายจ้าวสมุทรเป็นสิ่งที่สำคัญและมีคุณค่าอย่างยิ่ง แม้แต่ยอดฝีมือของสามสำนักและเก้านิกายก็ยังไม่เคยได้รับมันไป การที่นายน้อยตระกูลหลานมอบให้กับฉินอวี้โม่ทั้งที่เพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าหลานเผิงกระทำลงไปอย่างไม่ยั้งคิด
“ลุงติง อย่าประเมินความสามารถของแม่นางอวี้โม่ต่ำเกินไปเชียวล่ะ พรสวรรค์ของนางแกร่งกล้ากว่าที่ท่านคิดมาก ยิ่งไปกว่านั้น นางก็เป็นช่างหลอมที่มีความแข็งแกร่งในระดับจักรพรรดิเป็นอย่างต่ำซึ่งสามารถหลอมอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมิติที่สองขึ้นมาได้ หากมิใช่เพราะข้ายืนกรานที่จะมอบป้ายจ้าวสมุทรให้กับนาง เกรงว่าแม่นางอวี้โม่ก็คงจะไม่เห็นค่าของมันด้วยซ้ำ”
หลานเผิงยิ้มบาง ๆ ขณะกล่าวอธิบาย หากมิใช่เพราะเขายืนกรานที่จะมอบมันให้ฉินอวี้โม่เพราะต้องการผูกมิตรสร้างไมตรี เกรงว่านางคงไม่ยอมรับป้ายจ้าวสมุทรจากเขาอย่างแน่นอน เมื่อครู่นี้เขาเห็นความลังเลในแววตาของฉินอวี้โม่ได้อย่างชัดเจน ป้ายจ้าวสมุทรที่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับจอมยุทธ์ทั้งดินแดนกลับเป็นเพียงป้ายหยกธรรมดา ๆ ในสายตาของนาง
“นี่…นางหลอมมิติที่สองได้หรือขอรับ ?”
เมื่อครู่ตอนที่ฉินอวี้โม่พูดคุยกับหลานเผิง ผู้จัดการศูนย์การค้าไม่ได้อยู่ในห้องด้วย เมื่อได้ยินว่าจอมยุทธ์ผู้นั้นสามารถหลอมสิ่งที่ทรงพลังอย่างมิติที่สองได้ ลุงติงก็ตกตะลึงอีกครั้ง เขาทราบดีว่ามิติที่สองเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากเพียงใด หากตระกูลหลานของเรามีมิติที่สอง…
ลุงติงไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่ามิติที่สองเป็นสิ่งที่หลอมได้ยากเย็นแค่ไหน
“ลุงติง ส่งคนไปรวบรวมผลึกเพลิงและแก่นวิญญาณเพชร รวมถึงสืบหาเบาะแสเกี่ยวกับไข่มุกเลี่ยงวารีมาด้วยล่ะ จงจำไว้ว่ายิ่งได้มามากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น”
หลานเผิงสั่งการให้ลุงติงเริ่มจัดการทันที ในตอนนี้เหลือเวลาเพียงสองเดือนก่อนถึงการคัดเลือกศิษย์รอบสุดท้าย เขาจะต้องใช้เวลาในช่วงนี้เพื่อรวบรวมและจัดส่งพวกมันไปให้กับฉินอวี้โม่โดยเร็ว
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อพิจารณาจากวาจาท่าทางของฉินอวี้โม่ การคัดเลือกศิษย์ของสามสำนักและเก้านิกายในครานี้ นางคงจะมั่นใจอย่างมากว่าจะผ่านเข้าไปสู่รอบสุดท้ายได้ หลานเผิงเองก็ตั้งตารอดูผลลัพธ์อย่างใจจดใจจ่อเช่นกัน
เวลานี้ ฉินอวี้โม่ก็ออกจากศูนย์การค้าจ้าวสมุทรและกำลังเดินกลับไปยังโรงเตี๊ยมที่พักของตน ทว่าทันทีที่เดินพ้นไปจากถนนเส้นที่คึกคักและเต็มไปด้วยผู้คน นางก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนแอบตามหลังนางมา
จากนั้นนางก็เพียงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนพุ่งออกไปยังทิศทางนอกตัวเมืองอย่างรวดเร็ว