ตอนที่ 551 ความงามอันตรึงตราตรึงใจ

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

หากฉวยโอกาสนี้ จัดการทำเรื่องพรรค์นั้นกับเขาคงจะดีไม่น้อย 

 

 

เพียงแค่ไม่กี่วินาที เสื้อผ้าของเขาก็ถูกนางปลดจนหลวมคล้อย 

 

 

ท่านเจ้าสำนักขมวดคิ้วมุ่น ใบหน้าที่งดงามอย่างร้ายกาจ ยามนี้เย็นชาจนเป็นน้ำแข็งที่กระเทาะไม่เข้าไปแล้ว 

 

 

มือของเขาคว้ามือเล็กๆที่อยู่ไม่สุขของนางเอาไว้ในทันที แค่ออกแรงเบาๆก็ลากนางลงไปบนฟูกได้แล้ว 

 

 

ดวงตาหงส์คู่นั้นจ้องมองดูนาง ริมฝีปากเหมือนจะระเหยไอเย็นๆออกมา “ เจ้าชอบถอดเสื้อผ้าผู้อื่นมากนักหรือ?” 

 

 

ตู๋กูซิงหลันคลี่ยิ้มหวาน โดยไม่ยอมตอบคำถาม นางหลุบขนตายาวๆลงไป หันเหสายตาไปทางอื่น “เจ้าอย่าได้มองข้าเช่นนั้นสิ มันทำให้ผู้อื่นรู้สึกละอายใจ ไม่สนุกเลยนะ” 

 

 

ไอเย็นในร่างของท่านเจ้าสำนักมิได้ลดลงแม้แต่น้อย เขาปัดมือของนางออกไป “เวลาที่เจ้าถอดเสื้อผ้าของผู้อื่น ยังรู้สึกสนุกสนานด้วย?” 

 

 

“นั่นไม่เหมือนกัน มันคนละเรื่องกัน” 

 

 

เสื้อผ้าของเขาถูกนางคลายจนหลวมโพรก จากลำคอพอมองลงไปก็เห็นทรวงอกแข็งๆที่ได้รูปของเขา ลายเส้นแต่ละเส้นล้วนเด่นชัด  

 

 

พอมองต่ำลงไปอีก ก็เหลือบเห็นเอวสอบผอมเพรียวได้รางๆ 

 

 

จุ๊ จุ๊ จุ๊ …..ขนาดอยู่ในท่านั่ง ก็ยังไม่มีเนื้อส่วนเกินแม้แต่น้อย 

 

 

รูปร่างที่ดีเช่นนี้ เหมือนกับฟีโรโมนที่เดินได้แท้ๆ แค่เห็นก็ต้องสูดน้ำลาย ทำเอาคนอดคิดไปไกลไม่ได้ 

 

 

“ยังจะมองไปที่ไหนอีก?” พอสังเกตเห็นแววตาของนาง ท่านเจ้าสำนักก็ยิ่งอารมณ์เสีย 

 

 

เขายื่นมือออกไป จับคางของนางเอาไว้ ประสานสายตากับนาง 

 

 

ปลายนิ้วที่เย็นประดุจหยก ส่งผ่านความเย็นแทรกซึมเข้าไปในกระดูกของนาง 

 

 

“ข้าบอกตั้งแต่แรกแล้ว ว่าเจ้าจำคนผิดแล้ว เอาแต่คิดจะถอดเสื้อผ้าของข้า คิดจะหาอะไรมายืนยัน?” 

 

 

เดิมทีเสียงของเขาก็ทุ้มต่ำอยู่แล้ว ยามนี้ยิ่งทุ้มลงไปอีก แม้แต่แววตาของดวงตาหงส์คู่นั้นก็ปรากฏไอเย็นยะเยือกสายหนึ่งขึ้นมา 

 

 

ตู๋กูซิงหลันถูกเขามองจนหัวใจตุ้มๆต่อมๆ 

 

 

มีอยู่ชั่วแวบหนึ่ง นางเหมือนได้เห็นว่าในแววตาของของเขามีนัยตาของ….จีเฉวียนอยู่ 

 

 

จีเฉวียน ฮ่องเต้สุนัขที่เคยทำให้นางคิดจะก่อกบฏผู้นั้น 

 

 

คนผู้นี้ช่างแปลกประหลาดนัก…..ด้านหนึ่งเขาขุ่นเคืองจนเหมือนมีไอสังหารออกมา อีกด้านหนึ่งกลับกวนอารมณ์นางไม่หยุด 

 

 

ตู๋กูซิงหลันสูดลมหายใจเข้าไปจนลึกอีกครั้งหนึ่ง ใบหน้ายังคงรักษารอยยิ้มเอาไว้ ปลายนิ้วของนางก็ขยับอย่างอยู่ไม่สุก 

 

 

ไม่รอให้นางทันได้ทำอะไรอีก ก็ได้ยินเสียงดัง ‘แควก’ ครั้งหนึ่ง ทันใดนั้น ภายใต้แสงเทียนอบอุ่น เบื้องหน้าของนางก็คือสีขาวนวลดุจเนื้อหยก 

 

 

นางตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ไม่ทันได้มีปฏิกริยาใดๆ ก็ถูกท่านเจ้าสำนักคว้าข้อมมือเอาไว้ ดึงไปด้านหน้า 

 

 

หน้าผากของนางพุ่งชนเข้ากับทรวงออกของเขาอย่างเต็มที่ 

 

 

‘ตึง’ เสียงดัง ชัดเลยว่าคนผู้นี้ ก็เหมือนกับจีเฉวียน ร่างหล่อขึ้นจากก้อนหินกระมั้ง หากว่าออกแรงพุ่งเข้าไปมากกว่านี้สักหน่อย ศีรษะของนางคงต้องแตกแล้ว 

 

 

ใบหน้าอุ่นร้อนแนบลงไปบนทรวงอกที่เรียบเย็นประดุจแผ่นหยกของเขา ความรู้สึกที่ไม่เคยได้รับมาก่อนทำให้เขาต้องขมวดคิ้วน้อยๆ 

 

 

แต่ว่าความรู้สึกแปลกๆนั้นก็ถูกเขาสยบเอาไว้อย่างรวดเร็ว 

 

 

เขายื่นนิ้วชี้ออกมา จิ้มลงไปบนหน้าผากของนางผลักให้ออกไปจากแผ่นอกของเขา 

 

 

ใต้แสงเทียนอบอุ่น และความเงียบงัน เขาเปลือยร่างท่อนบนออกจนหมด ไม่เหลือสิ่งใดปกปิดไว้ทั้งสิ้น  

 

 

เรือนร่างที่มีแต่กล้ามเนื้อ ลายเส้นที่เด่นชัดไปทุกสัดส่วน บุรุษผู้นี้เดิมทีก็หล่อเหล่าจนจะระเบิดอยู่แล้ว พอถอดเสื้อผ้าออกก็ยิ่ง….. 

 

 

ยามนี้ เขาคลายข้อมือของตู๋กูซิงหลันแล้ว สองแขนกางออกจนสุด เผยทุกสิ่งตรงหน้านางอย่างไม่มีปิดบัง  

 

 

“จะดูอะไร ก็ดูเสียให้ละเอียด” 

 

 

เสื้อผ้าท่อนบนถูกเขาถอดทิ้งไปด้วยตนเอง ชายเสื้อที่ขาดวิ่นระลงไปกองอยู่ที่รอบเอว 

 

 

เขานั่งอยู่ตรงหน้านาง 

 

 

ตู๋กูซิงหลันตะลึงไปครึ่งค่อนวัน สายตาค่อยเคลื่อนไล่เรียงจากใบหน้าของเขาลงไปที่ขอบเอว 

 

 

ใบหน้านั้นยังคงเย่อหยิ่งเย็นชาอย่างที่สุด  

 

 

แต่ว่าเรือนร่างนี้….กลับดูเปล่งประกายอย่างรุนแรง…. 

 

 

เจ้าตัวร้ายผู้นี้ ดูเผินๆเหมือนจะเคร่งขรึมจริงจังอยู่ตลอด แต่วิธีจัดการปัญหาของเขากลับอุกอาจบ้าบิ่นอย่างยิ่ง 

 

 

“ให้ข้าดูจริงๆ?” 

 

 

ตู๋กูซิงหลันไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง ว่าตามจริงแล้ว นางยังไม่เขาใจอุปนิสัยของเขาอย่างชัดเจนสักเท่าไหร่ ยิ่งไม่รู้ว่าเขาทำเช่นนี้เพื่ออะไร 

 

 

หรือจะเป็นเพราะว่าตอนที่ได้พบกับเขา นางเคยคิดจะปลอกเปลือกลอกเขาออกมาต่อหน้าสายตาของผู้คนทั้งหลาย 

 

 

เขาไม่ได้เหลือบแลนางสักนิด เพียงเอ่ยว่า “ถ้าไม่ดู งั้นข้าจะสวมเสื้อผ้าแล้ว” 

 

 

“ดู ดู ดู เรือนร่างที่งดงามล้ำเลิศเช่นนี้หากไม่ดู มิถือว่าเสียเปล่าหรอกหรือ?” 

 

 

มุมปากของตู๋กูซิงหลันผุดรอยยิ้มได้กำไรขึ้นมา นางเขยิบร่างเข้าไปใกล้ๆอีกนิด 

 

 

จุดอื่นล้วนไม่ต้องดูแล้ว ดูแค่จุดที่สำคัญที่สุดก็เป็นพอ 

 

 

บั้นเอว เป็นจุดที่ค่อนข้างมิดชิดพอสมควร 

 

 

ผู้คนในโลกใบนี้สวมใส่เสื้อผ้าที่ทั้งมิดชิดและสุภาพเรียบร้อย เกรงว่านอกจากเวลาอาบน้ำแล้ว คงไม่มีทางจะได้เห็นที่ตรงนั้นได้ง่ายๆอย่างแน่นอน ดังนั้นเมื่อครู่ตู๋กูซิงหลันถึงได้สรรหาวิธีต่างๆมาถอดเสื้อผ้าของเขา 

 

 

ตอนนี้ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายถอดออกด้วยตนเอง นางย่อมไม่เกรงใจอีกต่อไป 

 

 

เป็นเอวสอบที่ไม่มีเนื้อส่วนเกินแม้แต่น้อย เมื่ออยู่ใกล้จนถึงขนาดนี้ นางย่อมสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าบนเอวของเขามีแต่กล้ามเนื้อ 

 

 

กล้ามเนื้อที่ไม่ได้ใหญ่จนเกินไปเช่นนี้ ช่างงดงาม ตรึงตราตรึงใจอย่างยิ่ง 

 

 

ตู๋กูซิงหลันมิได้เอาแต่ชื่นชม นางอาศัยแสงเทียนที่ส่องสว่างมองเข้าไป 

 

 

ผิวพรรณของเขาเสมือนเนื้อหยก ไม่มีแม้แต่รูขุมขนใดๆให้เห็น 

 

 

ตรงบั้นเอวนั้น นอกจากลายเส้นของกล้ามเนื้อที่งดงามแล้ว ….. 

 

 

ก็ไม่มีอะไรอื่นอีกทั้งนั้น 

 

 

ผิวพรรณที่ขาวสะอาดเรียบเนียน ดั่งสีหยก 

 

 

ตู๋กูซิงหลันไม่อยากจะเชื่อ นางยกมือขึ้นมา วางมือข้างหนึ่งลงไป 

 

 

ท่านเจ้าสำนักคิดไม่ถึงว่านางจะใช้มือสัมผัส ต้องคำรามออกมาเบาๆครั้งหนึ่ง 

 

 

ฝ่ามือของนางวางอยู่บนบั้นเอวของเขา ความอบอุ่นจากใจกลางฝ่ามือถ่ายทอดสู่บั้นเอว ซึมผ่านผิวหนังลึกเข้าไปถึงกระดูก 

 

 

ความรู้สึกเช่นนี้ช่างทำให้เขา …..ประหลาดใจอย่างยิ่ง 

 

 

แม้ว่าในใจอยากปฏิเสธ แต่ว่าร่างกายกลับชื่นชอบ 

 

 

เขาชอบความรู้สึกอบอุ่นที่ซึมลึกไปจนถึงกระดูกเช่นนี้ ราวกับว่าทุ่งหญ้าที่แห้งผาดได้เจอกับประกายไฟเล็กๆ แม้ว่าอ่อนแรงๆ แต่เพียงพริบตาเดียวก็สามารถทำให้ทุ่งหญ้าติดไฟจนลุกโหมขึ้นมา 

 

 

เขาปิดตาลง ไม่เคลื่อนไหว 

 

 

เพียงแต่กล้ามเนื้อทั่วร่างเกร่งรับขึ้นมา แม้แต่กระดูกสันหลังทั้งหมดก็ยังเหยียดตรงดุจพู่กัน 

 

 

ความสนใจทั้งหมดในสมองของตู๋กูซิงหลันไปรวมกันอยู่ที่แผ่นหลังที่ไม่มีอะไรเลยของเขา จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ 

 

 

สัญลักษณ์ดอกบัวดำลายทองนั่น ทั้งอาจารย์และจีเฉวียนต่างก็มีอยู่ 

 

 

สัญลักษณ์นั่น นางเห็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว 

 

 

รูปลักษณ์อาจเปลี่ยนแปลงไป แต่ว่าสัญลักษณ์นั่นจารึกลงไปในกระดูก ไม่มีทางจางหายไปได้อย่างแน่นอน 

 

 

หัวใจที่เมื่อครู่ยังฟูลอยอยู่ในหมู่เมฆ ตอนนี้กลับตกลงมาในพริบตา แตกกระจายเป็นผุยผงอยู่บนพื้น 

 

 

ไม่ใช่….เขาไม่ใช่พวกเขา 

 

 

เพียงแค่…..เพียงแค่มีบางส่วนคล้ายคลึงมากเท่านั้น 

 

 

พวกเขายังไม่ได้กลับมา ไม่ได้กลับมา….. 

 

 

ปลายนิ้วของนางแทบจะจมเข้าไปในผิวเนื้อของเขา 

 

 

นางตัวสั่นน้อยๆ ราวกับคนที่ได้เห็นความหวังปรากฏอยู่บนท้องฟ้า แต่ว่าความหวังนั้นยังไม่ทันจะได้ปรากฏขึ้นมา ก็แตกกระจายและจางกายไปจนหมดสิ้นในพริบตาเดียว 

 

 

เนิ่นนาน นางถึงได้ดึงมือกลับมา นั่งลงอย่างท้อแท้หมดเรี่ยวอยู่ที่ด้านหลังของเขา 

 

 

แสงระยิบที่สว่างในดวงตาดอกท้อ ยามนี้อับแสงจนทึมทึบไปแล้ว 

 

 

ยามที่ท่านเจ้าสำนักหันหน้ากลับมานั้น ก็ได้เห็นท่าทางที่เหมือนสูญเสียจิตวิญญาณไปแล้วของนางเข้าพอดี 

 

 

นับตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้พบนาง นางก็มักจะยิ้มแย้ม ตื่นเต้น มีชีวิตชีวาอยู่เสมอ 

 

 

แต่ว่าเพียงแค่พริบตาเดียว ทั่วร่างก็เปลี่ยนเป็นเหน็บหนาว และเย็นยะเยือก ทั้งยังรุนแรงกว่าความหนาวเย็นในร่างของเขาเสียอีก 

 

 

…………………………….