บทที่ 2911 ปองร้ายเทพผู้สร้างโลก 3
เจ้ารู้ดีว่าเปิ่นหวางไม่มีทางยอมให้เจ้าควบคุม จึงจงใจวางแผนการใหญ่เช่นนี้ไว้ คิดจะล่อให้เปิ่นหวางมาติดกับ เปิ่นหวางจงรักภักดีต่อท่านจอมมารเสมอมา ท่านจอมมารก็ไว้วางใจในตัวเปิ่นหวางมาโดยตลอด แต่เจ้าจงใจยุแยงให้เขาแตกคอกับเปิ่นหวาง เปิ่นหวางค่อนข้างขุ่นเคืองเขาอยู่เล็กน้อยจริงๆ วาจาที่กล่าวไปด้วยความขุ่นเคืองชั่วขณะก็มีบ้าง ไม่ได้มาจากใจจริง กลับถูกเจ้าที่ไม่รู้ว่าใช้วิธีการใดถึงได้จับจุดนี้มาได้ ผู้ใดจะทราบได้ว่านี่มิใช่กลยุทธ์ปิดฟ้าข้ามทะเลของเจ้า? ไม่แน่ว่าผู้ที่ลอบปลงพระชนม์ท่านจอมมารก็อาจจะเป็นเจ้าด้วย ทว่าเจตนาปรักปรำใส่ร้ายเปิ่นหวาง คิดจะกำจัดเปิ่นหว่างไปให้พ้นทาง จากนั้นเจ้าก็จะหนุนให้หน่อเนื้อของท่านจอมมารขึ้นครองราชย์ ปล่อยให้เจ้าควบคุมบงการ“
กู้ซีจิ่วกอดอกไว้ รู้สึกว่าความสามารถในการให้เหตุผลของผู้สำเร็จราชการคนนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าถูกต้องไปกว่าครึ่ง
เริ่มแรกตี้ฝูอีวางแผนเอาไว้เช่นนี้จริงๆ เพียงแต่เขายังไม่ทันได้ลงมือ ตัวผู้สำเร็จราชการเองก็ข่มโทสะเอาไว้ไม่อยู่แล้ว ส่งคนไปลอบสังหารจอมมาร
ผู้สำเร็จราชการเป็นยอดคนโดยแท้ และมิใช่คนไร้สมองเลย คาดว่ายามนี้คงจะรู้แจ้งแล้ว
ต้องกล่าวเลยว่า วาจานี้ของผู้สำเร็จราชการยังคงปลุกปั่นใจคนได้ยิ่งนัก ในใจของขุนนางและราษฎรบางส่วนคิดเล็กคิดน้อยอยู่ในใจแล้ว ผู้คนที่จงรักภักดีต่อผู้สำเร็จราชการแทนก็โวยวายไปต่างๆ นาๆ พากันกล่าวว่าตี้ฝูอีจิตคิดแอบแฝง…
ประกอบกับในกลุ่มราษฎรก็มีคนของผู้สำเร็จราชการอยู่มากมายเช่นกัน พวกเขาก็พากันเข้าข้างผู้สำเร็จราชการ พูดจาที่แฝงเจตนาปลุกปั่นผู้คนไปสารพัดอยู่ตรงนั้น มีกระแสตำหนิติเตียนอย่างหนักหนาอยู่ชั่วขณะ สถานการณ์ไม่เอื้อประโยชน์ให้แก่ตี้ฝูอีเลย
และขณะที่ตำหนิวิจารณ์กันอยู่ ผู้สำเร็จราชการก็ส่งสัญญาณมืออย่างหนึ่ง นี่คือสัญญาณลับ ทหารนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากจุดลับตา เข้าโอบล้อมพวกตี้ฝูอีเอาไว้เป็นชั้นๆ
ชัดดาบออกจากฝัก น้าวสายธนู คมศาสตราวุธนับไม่ถ้วนส่องประกายเยียบเย็น
มุมปากของผู้สำเร็จราชการหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มยะเยือก เขาพายอดฝีมือทั้งหมดมาด้วย ถ้ายอดฝีมือลงมือพร้อมกัน อย่าว่าแต่พวกตี้ฝูอีมีกันกว่าสิบคนเลย ต่อให้มากันทั้งภพเซียนก็ถล่มให้ราบได้
เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้เขาคิดจะจัดการตี้ฝูอีให้ตายอยู่ที่นี่ เอ่ยอย่างเยียบเย็นว่า “ตี้ฝูอี เจ้าใฝ่สูงทะเยอะทะยาน หมายมาดจะเข้าบงการหกภพภูมิ คิดจะเข้าแทนที่ตำแหน่งของเทพผู้สร้างโลกใช่หรือไม่? เท่าที่เปิ่นหวางทราบมา ช่วงนี้เทพผู้สร้างโลกหายตัวไปไม่ทราบเบาะแส ถูกเจ้าปองร้ายไปแล้วกระมัง?!” เขามองไปที่ฟั่นเชียนซื่อ “คุณชายเชียนซื่อ เปิ่นหวางได้ยินว่าช่วงนี้ท่านเสะหาเบาะแสของผู้เป็นอาจารย์อยู่ตลอด ทว่าจนใจที่หาไม่พบ ใช่หรือไม่?”
ฟั่นเชียนซื่อหลุบตาลงนิดๆ “อาจารย์หายตัวไปกว่าสองเดือนแล้ว เชียนซื่อร้อนใจดั่งไฟผลาญจริงๆ…”
อูเชียนเหยียนมองกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะกระตุกแขนเสื้อของฟั่นเชียนซื่อคราหนึ่ง สื่อว่าท่านอาจารย์ก็ยืนอยู่ตรงนั้นไง…
ฟั่นเชียนซื่อพลันเปลี่ยนลักษณะการพูด “เพียงแต่ท่านอาจารย์ของข้าพลังยุทธ์เลิศล้ำ มิใช่คนที่ใดจะสามารถทำร้ายได้ เป็นผู้อาวุโสชมชอบกระทำการลึกลับซับซ้อนเสมอมา ที่นางหายตัวไปอาจจะมีแผนการอื่นใดอยู่ก็เป็นได้ เอาเถิด ตามความเห็นของข้า เรื่องนี้ให้ยุติลงตรงนี้เสีย ทุกคนกลับไปก่อน ต่างคนต่างไปสะสางให้เรียบร้อย ความจริงจะต้องปรากฏขึ้นในสักวันหนึ่ง ไม่ต้องเร่งร้อนเอายามนี้ดอก”
เขาเพิ่งจะได้รู้ว่าสตรีที่เรียกกันว่าอาจิ่วก็คืออาจารย์ของเขา ภายในใจสำนึกเสียใจจนแทบจะกระอักเลือดแล้ว
มาถึงยามนี้แล้วเขาก็ไม่คิดจะเปิดโปงฐานะของอาจารย์อีก มิเช่นนั้นเรื่องที่เทพผู้สร้างโลกคือคู่หมายของตี้ฝูอีจะกลายเป็นความจริงขึ้นมา!
ในใจของเมิ่งอู๋หยาก็คาดเดาฐานะของกู้ซีจิ่วได้รางๆ แล้ว เขาก็ไม่คิดจะเปิดโปงนางในเวลานี้เช่นกัน มิเช่นนั้นสถานการณ์จะไม่เป็นผลดีต่อฝั่งของบิดาเขา! ดังนั้นเขาจึงร่วมเออออไปกับฟั่นเชียนซื่อ กล่อมให้บิดาเขาเก็บกองกำลังไปเสีย
จนปัญญาที่ผู้สำเร็จราชการไม่ทราบความนัย เขายังคงมีโทสะสุมอยู่เต็มท้อง!
หลังจากฟั่นเชียนซื่อมาถึงภพมาร เขาก็ได้ลอบติดต่อกับเขาแล้ว ฟั่นเชียนซื่อพูดจาเป็นนัยๆ ว่าถือข้างฝั่งตน และเคยพูดว่าจะหนุนให้เขาได้ครองแผ่นดินภพมาร ช่วยเขาต่อกรกับตี้ฝูอี
————————————————————————————-
บทที่ 2912 ปองร้ายเทพผู้สร้างโลก 4
กลับคาดไม่ถึงว่าในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้ฟั่นเชียนซื่อจะมาประนีประนอมเสียได้ ที่น่าโมโหไปกว่านั้นคือ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขาก็เห็นพ้องด้วย
เขากล่าวด้วยความโกรธ “เรื่องราวเกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของเทพผู้สร้างโลก ไหนเลยจะจบกันตรงนี้ได้?! วันนี้จะต้องจับกุมตัวตี้ฝูอี!”
“ใช่ ใช่แล้ว! เขาต้องปองร้ายเทพผู้สร้างโลกแน่ๆ เทพผู้สร้างโลกเปี่ยมเมตตาอย่างยิ่ง มีความรักให้แก่ปวงชนในหกภพอย่างลึกล้ำ พวกเราจะต้องล้างแค้นให้พระองค์!”
ผู้คนมากมายเริ่มคล้อยตามแล้ว
ผู้สำเร็จราชการภาคภูมิอยู่ในใจ เขาก็เกรงว่ายิ่งนานจะยิ่งยืดเยื้อ สถานการณ์ตรงหน้าก็ก่อไปพอสมควรแล้ว เขาพลันโบกมือ นี่คือสัญญาณให้ลงมือ
อาวุธล้ำค่านับไม่ถ้วนกลายเป็นลำแสงล่องลอย พุ่งเข้าใส่พวกตี้ฝูอี...
ทหารเหล่านี้ล้วนอยู่ในขั้นมารปฐพี (เทียบได้กับซ่างเซียนของดินแดนเบื้องบน) แถมกระบวนท่าที่ใช้ก็เป็นท่าไม้ตาย ย่อมดุดันร้อนแรงอย่างยิ่ง เปี่ยมด้วยไอพิฆาต!
เห็นได้ชัดว่ามิได้คิดจะจับเป็น แต่ต้องการจะโจมตีให้ดวงวิญญาณของเขาแตกสลายไป!
ผู้สำเร็จราชการคิดว่าพวกตี้ฝูอีไม่น่าจะต้านทานได้ เขายืนอยู่ตรงนั้น มุมปากหยักยิ้มเยาะหยันภาคภูมิ
คนที่ขวางข้าจะต้องตาย!
รอยยิ้มตรงมุมปากของเขายังไม่ทันได้แผ่ขยายออกอย่างเต็มที่
เกิดเสียง ‘ฟุ่บ!’ ดังขึ้น กำบังสีรุ้งสายหนึ่งปรากฏขึ้นในอากาศ ปกป้องพวกตี้ฝูอีเอาไว้ทั้งหมด สกัดขวางศาสตราวุธเหล่านั้นที่พุ่งทะยานเข้ามาปานดาวหางเอาไว้ ดีดสะท้อนกลับไป
เกิดเสียงดึงฉึกๆ ขึ้นไม่ขาดหู หลังจากอาวุธเหล่านั้นปะทะเข้ากับกำบังสีรุ้งแล้ว ก็ผุกร่อนเป็นเศษธุลี พากันกระจายหายไป
ผู้สำเร็จราชการแทนหน้าเปลี่ยนสีแล้ว ถอยหลังไปตามสัญชาตญาณ
ในภพมารยังคงมีคนที่เคยพบเห็นโลกมาบ้างอยู่ ร้องอุทานขึ้นมา “เขตแดนเทวา! เทพผู้สร้างโลก! เขตแดนของเทพผู้สร้างโลก!”
“เทพผู้สร้างโลก! สวรรค์ นางคือเทพผู้สร้างโลก!”
ภายในกำบัง กู้ซีจิ่วที่อยู่ในรูปลักษณ์ธรรมดาสามัญมาโดยตลอดได้เผยตัวจริงออกมาแล้ว รูปโฉมงามหยาดฟ้า กินขาดจากเหล่านางมารทั้งหมด อาภรณ์ตัวหลวมพลิ้วไหว รอบกายคล้ายมีแสงมงคลโอบล้อมอยู่ อำนาจกดดันแห่งเทพแผ่ออกไปรอบด้าน ทำให้ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่แทบจะขาอ่อนแล้ว ยามที่ทอดมองลงมา ราวกับเทพเทวาที่ก้มหน้ามองสรรพสัตว์
ขุนพลระดับสูงบางส่วนของภพมารเคยติดตามจอมมารไปกราบคารวะเทพผู้สร้างโลกมาก่อน เคยมีวาสนาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเธออยู่ไกลๆ เป็นรูปโฉมเช่นนี้แล
ผู้สำเร็จราชการไม่คาดคิดเลยว่าสตรีสามัญที่ติดตามอยู่ข้างกายตี้ฝูอีจะเป็นเทพผู้สร้างโลก งงงันไปชั่วขณะเช่นกัน! สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดอย่างยิ่ง! แม้แต่มือไม้ก็สั่นไปหมดแล้ว
หากว่าเป็นรูปโฉมของเทพผู้สร้างโลก ไม่แน่ว่าอาจจะมีคนจุดประสงค์ไม่บ่งชัดอาจหาญสวมรอยแอบอ้าง สามารถตบตาให้ดูเหมือนตัวจริงได้ ทว่าเขตแดนเทวามีเพียงเทพผู้สร้างโลกองค์นี้เท่านั้นที่สามารถก่อขึ้นได้ตามประสงค์ ผู้อื่นต่อให้มีความสามารถแค่ไหนก็ไม่อาจทำได้ เขตแดนนี้แทบจะเป็นอัตลักษณ์ของนางไปแล้ว และผู้ใดก็ไม่อาจปลอมแปลงแอบอ้างได้
ในภพมารคนที่เคยเห็นเขตแดนเทวาก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ต่อให้ผู้สำเร็จราชการอยากจะปฏิเสธฐานะของนางก็ไม่อาจทำได้แล้ว…
ใช่จริงๆ เมื่อเธอเผยไม้นี้ออกมา ขณะที่ฝูงชนร้องอุทานขึ้นมา ก็ได้พากันคุกเข่าลงไปด้วย
ระยะเวลาเพียงครู่เดียว ก็คุกเข่าลงกันหมดแล้ว
ผู้สำเร็จราชการพลันขาอ่อนยวบ คุกเข่าลงไปเช่นกัน
เมิ่งอู๋หยาผู้นั้นก็หน้าซีดเผือดเช่นกัน และค่อยๆ คุกเข่าลงไปบนพื้น
ที่แท้นางก็เป็นเทพผู้สร้างโลกจริงๆ! มิน่าเล่าจิตมารเหล่านั้นถึงไม่กล้าเข้าใกล้นาง…
ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะลักพาตัวเทพผู้สร้างโลกมาขังไว้ถึงสามวัน ซ้ำยังดูหมิ่นล่วงเกินอย่างเห็นได้ชัดเจนด้วย ทว่ามักจะแสดงท่าทีรักใคร่อย่างลึกล้ำอยู่เสมอเพื่อล่อลวง ในใจยังคงรู้สึกอยุติธรรมที่ตนต้องขายเรือนร่างเพื่อแลกความสำเร็จอยู่เลย ยามนี้เขาไม่รู้สึกว่าอยุติธรรมเลยสักนิดแล้ว! ที่แท้ก็เป็นเขาอาจเอื้อมหมายปองผู้อื่น!
ตอนนั้นนางเห็นเขาเล่นละครไปสารพัด เกรงว่าคงจะเหมือนชมตัวตลกเล่นกายกรรมกระมัง? หรือไม่ก็คงเหมือนชมละครลิง?
————————————————————————————-