บทที่ 2913 หมั้นจริงหรือเท็จ
เมิ่งอู๋หยามีความรู้สึกอยากจะตบหน้าสักฉาดเพื่อพิสูจน์ว่าฝันร้ายอยู่
กู้ซีจิ่วเผยตัวอย่างโดดเด่นเช่นนี้ ข่าวเท็จที่ว่าตี้ฝูอีปองร้ายเทพผู้สร้างโลกย่อมแตกพ่ายไปเป็นธรรมดา
แน่นอน ข้อหาลอบสังหารจอมมารของเธอก็ยิ่งไม่มีผลแล้ว
หลังจากกู้ซีจิ่วเผยร่างจริงออกมา แถมยังเป็นพยานในเรื่องนี้ด้วย น้ำเสียงเธอสงบราบเรียบ ทว่าถ้อยคำที่กล่าวออกมากลับไม่ต่างไปจากเสียงอสุนิบาตสายหนึ่งเลย “สังข์กักเสียงนั้นเป็นของเปิ่นจุน ตอนที่พวกเจ้าหารือเรื่องก่อกบฏอยู่ที่นั่น เปิ่นจุนก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ดังนั้นเนื้อหาภายในสังข์กักเสียงนี้เป็นความจริงทั้งหมด”
ทุกคนเงียบงัน
ไม่มีใครสงสัยในคำพูดของเทพผู้สร้างโลกเลย เห็นทีว่าการสวรรคตของจอมมารจะเกี่ยวข้องกับผู้สำเร็จราชการจริงๆ
สีหน้าของผู้สำเร็จราชการเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวซีด แววตาของเขาลุกโชนขึ้นมาพลันตัดสินใจ ใช้กลยุทธ์สู้อย่างจนตรอก “เสี่ยวหวางเคยได้ยินมาว่าเทพผู้สร้างโลกไม่ข้องเกี่ยวเรื่องการเมือง ครั้งนี้เป็นอันใดไปเล่า? หรือว่าเป็นเพราะมีสัมพันธ์กับตี้ฝูอี จึงเริ่มวางแผนทุกอย่างให้เขาแล้วหรือ?”
ลูกน้องของเขาก็รีบเอ่ยว่า “ใช่แล้ว เดิมทีเทพผู้สร้างโลกเชื่อมโยงหกภพ ตอนนี้กลับมีสัญญาหมั้นหมายกับตี้ฝูอี ยากจะรับประกันได้ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจธุระของเขา กระทำการเพื่อเขา เช่นนี้ไม่ยุติธรรมเลย!”
“ใช่ๆ คาดไม่ถึงเลยว่าพอเทพผู้สร้างโลกตกสู่ห้วงรักแล้วจะไร้ขีดจำกัดได้ง่ายดายยิ่ง ไม่รู้ว่าจะกระทำเรื่องอันใดออกมาบ้าง!”
ถึงอย่างไรคนที่อยู่ฝ่ายของผู้สำเร็จราชการก็จับจุดที่ได้เปรียบไว้แล้ว ย่อมไม่ยินดีจะยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนี้ เรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว ยอมรับความพ่ายแพ้ก็คือต้องตาย!
ดังนั้นต่อให้พวกเขาทราบว่าเทพผู้สร้างโลกไร้ความผิด ยามนี้ก็ทำได้เพียงเอ่ยป้ายสีโจมตี ยัดเยียดข้อหาใหญ่ให้กู้ซีจิ่วไปก่อน!
ผู้สำเร็จราชการลงมือแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุด จึงโบกมือสั่งการ “จับตัวพวกเขาทั้งหมดซะ!”
ทหารเหล่านั้นที่ภักดีที่ต่อผู้สำเร็จราชการย่อมพุ่งออกไปเลย ส่วนทหารคนอื่นที่ภักดีต่อภพมารเท่านั้นกลับเจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีชั่วขณะ
ลงมือต่อเทพผู้สร้างโลกนั่นคือโทษตายสถานเดียว จะถูกอีกห้าภพภูมิไล่ล่าสังหาร เรื่องราวใหญ่โต คนเหล่านี้ย่อมไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมือ
“พวกเจ้าคิดจะก่อกบฏหรือ?” น้ำเสียงกระจ่างสายหนึ่งพลันแว่วขึ้นไม่ไกล “แม้แต่เทพผู้สร้างโลกก็ยังกล้าล่วงเกิน! เมิ่งเหลียนเฉิง ในฐานะเป็นผู้สำเร็จราชการ ทว่าไม่คิดจะรับใช้จอมมาร กลับมีใจทะเยอะทะยาน ลอบปลิดชีพเขา นี่คือโทษทัณฑ์มหันต์ฐานก่อกบฏ พวกเจ้าไม่ทราบความในก็แล้วไปเถิด ตอนนี้ความจริงประจักษ์แล้ว คิดจะขายชีวิตให้เขาอยู่อีกหรือ?”
เสียงของคนผู้นี้ดังยิ่ง ได้ยินกันทั่ว สายตานับไม่ถ้วนมองไปทางเขา คนผู้นี้ก็คือพระอนุชาอินจิ่วซือ
วาจานี้ของเขาได้ผลยิ่งนัก ทหารเหล่านั้นที่เดิมทีละล้าละลังตัดสินใจไม่ได้ สบตากันแวบหนึ่ง จากนั้นก็ไม่พูดพร่ำอันใดพากันถอยหลังไปเลย
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทหารที่ปิดล้อมพวกตี้ฝูอีอยู่จึงลดลงไปเกือบจะครึ่งหนึ่งเลย
ดวงตาของผู้สำเร็จราชการลุกโหมดุจเพลิง จ้องอินจิ่วซือเขม็ง มองเห็นดวงหน้าหล่อเหลาของเขาเคร่งตึงอยากที่พบเห็นได้ยากนัก ไม่เหมือนคุณชายเสเพลที่ยิ้มตีหน้าทะเล้นอีกต่อไป ซ้ำยังมีรัศมีท่วงท่าของผู้เป็นราชันอยู่ด้วย…
ที่ด้านหลังอินจิ่วซือ ยังมีขุนนางใหญ่ในราชสำนักอีกว่าสิบคนยืนอยู่ด้วย มีทั้งบุ๋นและบู๊
สีหน้าของผู้สำเร็จราชการแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว เขาก็เป็นคนที่เฉลียวฉลาดอย่างยิ่งเช่นกัน ในที่สุดก็เดาออกมาแล้วว่า อินจิ่วซือสิถึงจะเป็นคนที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง เป็นผู้ที่ตี้ฝูอีต้องการผลักดันให้ขึ้นครองบัลลังก์
ขุนนางใหญ่ในราชสำนักเหล่านั้นบางคนก็เป็นพวกที่เดิมทีก็ไม่ค่อยไว้วางใจเขาอยู่แล้ว คนพวกนี้ล้วนไม่น่ากังวลเลย แต่ผู้ที่ทำให้สีหน้าของผู้สำเร็จราชการแปรเปลี่ยนไปอย่างแท้จริงคือขุนพลคนหนึ่งในกลุ่มนั้น
คนผู้นี้ควบคุมกองทหารม้าส่วนใหญ่ของภพมาร ตำแหน่งเทียบเท่ากับจอมพล ผู้สำเร็จราชการเห็นเขาเป็นคนสนิทมาโดยตลอด เรื่องราวชั่วช้ามากมายที่ได้กระทำล้วนไม่เคยปกปิดเขา…
กลับคาดไม่ถึงเลยว่าคนผู้นี้จะเป็นไส้ศึกที่อินจิ่วซือส่งมาอยู่ข้างกายเขา!
ใช่จริงๆ ขุนพลผู้นี้ก้าวออกมา เอ่ยเสียงขรึม
————————————————————————————-
บทที่ 2914 หมั้นจริงหรือเท็จ 2
ใช่จริงๆ ขุนพลผู้นี้ก้าวออกมา เอ่ยเสียงขรึม “เมิ่งเหลียนเฉิง ท่านจอมมารถูกเจ้าส่งคนไปลอบปลงพระชนม์จริงๆ ขุนพลอย่างข้ามีหลักฐานในด้านนี้อยู่!”
ผู้สำเร็จราชการพูดไม่ออกแล้ว…
ในมือของขุนพลผู้นี้กุมหลักฐานเอาไว้ไม่น้อยเลยจริงๆ บัดนี้ได้นำออกมาทีละอย่างๆ
มีทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุ ถึงขั้นที่มีองครักษ์ส่วนพระองค์ที่ถูกซื้อตัวคนนั้นด้วย ให้เขาเป็นพยานป้ายสีกู้ซีจิ่ว...
แถมยังมีหลักฐานการทุจริตที่เมิ่งเหลียนเฉิงเอาเปรียบทำร้ายปวงประชาของภพมารในหลายปีมานี้ด้วย
ทุกครั้งที่เขานำออกมาอย่างหนึ่ง ปวงชนก็จะโห่ร้องคราหนึ่ง หลังจากนำหลักฐานทั้งหมดออกมาแล้ว ก็ไม่มีใครสงสัยในข้อเท็จจริงของเรื่องนี้แล้ว เหล่าราษฎรต่างขุ่นเคืองคับแค้น ตะโกนโห่ร้องมาจากวงนอก เรียกร้องให้จัดการผู้กระทำผิด
ส่วนทหารเหล่านั้นที่เดิมทีติดตามอยู่ข้างกายของผู้สำเร็จราชการ ยามนี้ยิ่งเอาใจออกห่างแล้ว นอกจากไม่กี่พันคนนั้นที่จงรักภักดีอย่างยิ่งแล้ว คนอื่นล้วนพากันถอยออกไปอยู่อีกฝั่ง
เรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้ ฝ่ายของผู้สำเร็จราชการเห็นได้ชัดว่าสิ้นท่าแล้ว
อินจิ่วซือมีบุคลิกของผู้เป็นราชันยิ่งนัก เขามองไม่กี่พันคนนั้น เอ่ยเรียบๆ “ผู้สำเร็จราชการก่อกรรมทำชั่วมากมาย ยังไม่แน่ว่าพวกเจ้าจะทราบกระจ่างทั้งหมด อีกทั้งพวกเจ้าก็มีฐานะเป็นแม่ทัพของภพมาร การเชื่อฟังคำสั่งก็เป็นหน้าที่ของพวกเจ้าเช่นกัน เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ นับแต่นี้ไป นอกจากตัวการชั่วร้ายไม่กี่คนนั้นแล้ว หากว่าพวกเจ้าต้องการละทิ้งความชั่วมุ่งสู่แสงสว่าง เราก็ยินดีต้อนรับ สามารถปล่อยผ่านเรื่องในอดีตได้!”
เขาสั่งให้คนยกเอกสารตะกร้าหนึ่งออกมา กล่าวต่อว่า “เอกสารเหล่านี้คือหลักฐานเอาโทษพวกเจ้าที่เราส่งคนไปตรวจสอบมา เรายังไม่ได้อ่าน แต่จะเผาทำลายพวกมันเสีย คลายความวิตกต่ออนาคตของพวกเจ้า! ขอเพียงวันหน้าพวกเจ้าสามารถเกื้อหนุนขับเคลื่อนภพมารของพวกเราให้ก้าวหน้าต่อไปได้ จงรักภักดีต่อแว่นแคว้น เราล้วนจะให้รางวัลอย่างงาม!”
พลันดีดนิ้ว เอกสารเหล่านั้นเริ่มมีเพลิงไหม้ลุกโหมขึ้นมาแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ คนเหล่านั้นที่เดิมทีจงรักภักดีต่อผู้สำเร็จราชการ ซ้ำยังไม่ได้ทำเรื่องชั่วช้าสักเท่าใดก็หวั่นไหวแล้ว โห่ร้องยินดีเสียงกึกก้อง พากันวิ่งไปร่วมขบวนทัพด้านหลังอินจิ่วซือ…
ผ่านไปครู่หนึ่ง ข้างกายผู้สำเร็จราชการก็เหลือคนผู้เพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงแล้ว
ไม่กี่สิบคนนี้ล้วนเป็นคนสนิทของผู้สำเร็จราชการ มือเปื้อนเลือดเข้มข้น ไม่อาจหันหลังกลับได้แล้ว ทำได้เพียงสู้ตายเป็นครั้งสุดท้าย
แต่การสู้ตายของพวกเขาย่อมไม่อาจพลิกชะตา ก่อระลอกคลื่นอันใดขึ้นมาได้
ในท้ายที่สุดแล้ว ผู้สำเร็จราชการรวมถึงไม่กี่สิบคนนั้นก็ถูกประหารในที่เกิดเหตุเลย แม้แต่ท่านหญิงน้อยก็ถูกทหารที่โกรธเคืองขุ่นแค้นสังหารไปด้วย
มีเพียงเมิ่งอู๋หยาที่ฉวยโอกาสชุลมุนวุ่นวายกระโจนลงสู่แม่น้ำธารทมิฬ หายลับไปทันที ส่วนอินจิ่วซือก็ขึ้นเป็นจอมมารองค์ต่อไปอย่างชอบธรรมตามเหตุผล
ส่วนปวงประชาก็สัมผัสถึงความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของอินจิ่วซือได้จากการกระทำเหล่านี้ของเขา ย่อมให้การสนับสนุนเขาแล้ว
แน่นอน การต่อสู้ในราชสำนักสลับซับซ้อน ถ้าเขาต้องการจะครองแผ่นดินให้มั่นคงก็ยังคงต้องอุตสาหะพากเพียรอย่างยิ่ง และจะไม่พูดถึงอีกต่อไป
เรื่องราวทั้งหมดส่วนใหญ่ล้วนคลี่คลายแล้ว แต่ทุกคนยังคงสนใจใคร่รู้ในเรื่องหนึ่งอยู่ ขุนนางใหญ่บางคนอดใจไม่อยู่เอ่ยถามปัญหาที่อยู่ในใจของทุกคนออกมา “พระองค์เจ้า พระองค์หมั้นหมายกับท่านราชครูตี้จริงๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
กู้ซีจิ่วชะงักไปแวบหนึ่ง เธอยังไม่ทันได้พุูด ฟั่นเชียนซื่อก็เอ่ยด้วยเสียงอันกึกก้องแล้ว “โง่งม! ท่านอาจารย์ของข้าเป็นถึงเทพผู้สร้างโลก ฐานะสูงส่งระดับไหนแล้ว? ไหนเลยจะหมั้นหมายกับผู้อื่นส่งเดชได้? นางทำเช่นนี้ก็เพียงเพื่อตรวจสอบเรื่องการกบฏของเมิ่งเหลียนเฉิง ปลอมแปลงตัวตนสวมบทชั่วคราวเท่านั้น ไม่มีทางเป็นเรื่องจริง”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน เธอสวมบทบาทชั่วคราวจริงๆ เพียงแต่มิใช่เพื่อแผ่นดินภพมาร แต่เพื่อทำลายความคิดของฟั่นเชียนซื่อเสีย
ยามที่ฟั่นเชียนซื่อเอ่ยประโยคนี้ออกมา ได้มองกู้ซีจิ่วอยู่ตลอด
เขาดูเหมือนสุขุมยิ่งนัก ถึงขั้นที่มุมปากยังแต้มยิ้มอยู่ด้วย ทว่าแววตากลับแฝงความหวาดหวั่นที่ไม่อาจซ่อนเร้นเอาไว้ได้สายหนึ่ง