บทที่ 2915 หมั้นจริงหรือเท็จ 3
เขาดูเหมือนสุขุมยิ่งนัก ถึงขั้นที่มุมปากยังแต้มยิ้มอยู่ด้วย ทว่าแววตากลับแฝงความหวาดหวั่นที่ไม่อาจซ่อนเร้นเอาไว้ได้สายหนึ่ง ความหวาดหวั่นกริ่งเกรงว่าเรื่องราวจะเป็นความจริง! ดังนั้นเขาถึงได้พยายามโต้แย้งอย่างสุดกำลัง
ถึงอย่างไรกู้ซีจิ่วก็เลี้ยงดูเขามาเนิ่นนาน ยังคงเข้าใจความคิดจิตใจของเขาดียิ่ง มองเห็นความเว้าวอนและเปราะบางที่อยู่ลึกลงไปในดวงตา…
เธอผละสายตาไปทันที ขยับเข้าใกล้ตี้ฝูอีนิดๆ จงใจไม่มองสีหน้าของลูกศิษย์ เอ่ยเสียงเรียบ “เปิ่นจุนเป็นเทพผู้สร้างโลก แต่ก็มิได้มีกฎระบุไว้ว่าเทพผู้สร้างโลกไม่อาจวิวาห์ได้ เปิ่นจุนกับราชครูตี้คิดเห็นสอดคล้อง จิตใจตรงกัน มีเขาอยู่ข้างกายเปิ่นจุน ก็เบาแรงในการดูแลจัดการหกภพภูมิของเปิ่นจุนได้ครึ่งหนึ่ง วันที่สิบห้าเดือนหกตามปฏิทินหกภพเป็นวันดี ข้ากับเขาจะเข้าพิธีวิวาห์กันในวันนั้นที่หุบเขาเสียงสวรรค์ เมื่อถึงเวลาจะเชิญทุกท่านมาร่วมงานด้วย ส่วนธุระจัดการทั้งหมด ขอยกให้ฟั่นเชียนซื่อศิษย์คนโตของเปิ่นจุนรับหน้าที่จัดการ เชียนซื่อ เรื่องนี้อาจารย์ขอมอบให้เจ้าแล้ว จงจัดการให้ถูกต้องเหมาะสม”
ฟั่นเชียนซื่อประหนึ่งถูกฟ้าผ่า ในสมองเกิดเสียงดังตูม เงยหน้ามองนาง “อาจารย์?!”
ดวงตาคู่นั้นคุโชนดุจมีเพลิงสุม ทว่ากู้ซีจิ่วกลับเหลือบมองเขาเพียงแวบเดียว เอ่ยว่า “เชียนซื่อ อาจารย์รู้ว่าเจ้ามีความสามารถในด้านนี้ เอาล่ะ เรื่องนี้ก็เอาตามนี้แล้วกัน เปิ่นจุนยังมีธุระต่อ อยู่ต่อไม่ได้แล้ว”
พลันหมุนกายเคลื่อนย้ายจากไป หายลับไปในชั่วพริบตา
ฟั่นเชียนซื่อตะลึงงัน!
ตี้ฝูอีเงียบงัน…
ฝูงชนทึ่มทื่อยิ่งนักอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพากันเอ่ยยินดีกับตี้ฝูอี
ถึงอย่างไรทุกคนก็ประจักษ์แจ้งในความสามารถของตี้ฝูอีกันดี ในหกภพภูมิเขาพิชิตไปได้สามภพแล้ว ชื่อเสียงบารมีก็ยิ่งเป็นที่เลื่องลือ
ซ้ำเทพผู้สร้างโลกยังแต่งให้แก่เขาอีก นั่นเป็นกำลังเสริมขั้นเทพขนาดแท้เลย ถ้าเขาพิชิตอีกสามภพที่เหลือได้ก็จะยิ่งเป็นที่ยอมรับนับถือ ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากแล้ว
กล่าวอีกอย่างก็คือ เจ้าแห่งหกภพภูมิมิมีทางเป็นผู้ใดไปได้นอกจากเขา
คนที่ใกล้ชิดกับเขาก็รู้สึกยินดีกับเขา ต่อให้เป็นเหล่าปวงชนก็ยังยิ้มแย้มอย่างเบิกบาน
เมื่อเขาได้เป็นเจ้าแห่งหกภพภูมิแล้ว เช่นนั้นในวันหน้าหกภพภูมิย่อมมีสงครามแก่งแย่งน้อยลงไปมาก บางทีใต้หล้าอันสงบสุขไร้ซึ่งสงครามที่เหล่าปวงชนรอคอยกันมาแสนนานอาจจะกลายเป็นความจริงในไม่ช้านี้แล้วก็ได้
วันนี้เป็นวันที่สองเดือนหกแล้ว เหลืออีกสิบสามวันจะถึงวันวิวาห์แล้ว รวดเร็วยิ่งนัก!
….
ตี้เฮ่าเฝ้ามองทุกอย่างนี้ ได้แต่ไว้อาลัยให้ฟั่นเชียนซื่ออยู่ในใจอย่างเงียบเชียบ!
จู่ๆ ก็รู้สึกว่าอันที่จริงฟั่นเชียนซื่อก็น่าสงสารยิ่งนัก…
อย่างไรก็ตาม รักของเขาเป็นรักข้างเดียว ท่านแม่ของเขาไม่มีความรู้สึกต่อฟั่นเชียนซื่อเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งหมดเป็นเพียงความรู้สึกอันบริสุทธิ์ระหว่างศิษย์อาจารย์ ถ้าต้องการยุติความรักของฟั่นเชียนซื่อ ท่านแม่ของเขาก็จำเป็นต้องใช้วิธีการอันโหดร้าย ถึงจะยับยั้งความคิดของฟั่นเชียนซื่ออย่างสิ้นเชิงได้ ทำให้เขากลับมาอยู่ในทางที่ถูกที่ควร ทุ่มเทสมาธิฝึกฝนเท่านั้น
ในรักสามเส้าเรื่องนี้ ฟั่นเชียนซื่อเป็นคนที่น่าสงสารยิ่ง แต่ตี้ฝูอีผู้เป็นบิดาของเขาเล่า? เกรงว่าในใจเขาก็คงจะขมขื่นเช่นกัน…
ตี้เฮ่ามองตี้ฝูอีที่อยู่ในฉากภาพ รอบข้างมีเสียงยินดีโหมซัดปานระลอกคลื่น ทว่าเขากลับหลุบตาลงนิดๆ ใบหน้าหล่อเหลาราบเรียบ มองอันใดไม่ออกเลย
….
ณ หอสุราแห่งหนึ่ง
ตี้ฝูอีเดินขึ้นบันไดไป ผลักประตูห้องรับรองส่วนตัวห้องหนึ่ง มองเห็นกู้ซีจิ่วกำลังนั่งดื่มสุราอยู่ตรงนั้น
เมื่อเห็นเขามาแล้ว เธอก็โบกมือให้ “นั่งสิ”
ตี้ฝูอีนั่งลงตรงข้ามนาง มองนางอย่างยิ้มมิเชิงยิ้ม “ในที่สุดก็ยอมพบข้าแล้วหรือ? ไม่หลบข้าแล้วหรือไง?” เขาตามหานางอยู่ถึงสิบวันเต็ม จนกระทั่งวันนี้เขาถึงได้รับกระแสเสียงจากนาง ให้เขามาพบกันที่นี่
กู้ซีจิ่วยกมือรินสุราให้เขา “เจ้าคิดมากไปแล้ว เปิ่นจุนไม่ได้หลบเจ้า เปิ่นจุนมีงานยุ่ง ไม่ว่างมาพบเจ้า หลายวันมานี้เจ้าจัดเตรียมงานวิวาห์ได้ไม่เลวเลย ข้าได้ยินจากเชียนเหยียนแล้ว กิจธุระทุกอย่างในหุบเขาเสียงสวรรค์ล้วนเป็นเจ้าส่งคนไปจัดการ ยิ่งใหญ่อลังการนัก วันนี้เปิ่นจุนไปเดินดูในหุบเขามารอบหนึ่ง เจ้าช่างใส่ใจจริงๆ เปิ่นจุนชมชอบนัก
————————————————————————————-
บทที่ 2916 หมั้นจริงหรือเท็จ 4
ศิษย์คนนั้นของข้าไม่ได้เรื่องเลย เดิมทีเปิ่นจุนยกเรื่องนี้ให้เขาจัดการ คาดไม่ถึงว่าทุกวันเขาจะเอาแต่ดื่มเหล้าเมามาย ปลุกอย่างไรก็ไม่ตื่น…”
วาจานี้เอ่ยอย่างสุภาพ แต่ก็แฝงความห่างเหินเอาไว้รางๆ
ตี้ฝูอีมิได้ดื่มสุราของนาง เพียงโคลงจอกสุราในมือ “ไม่ทราบว่าพระองค์เจ้าติดภารกิจใดเล่า? แม้แต่เรื่องวิวาห์ของตนก็คร้านจะไต่ถามเชียวหรือ?”
กู้ซีจิ่วนิ่งไปแวบหนึ่ง สิบวันมานี้เธอยุ่งมากจริงๆ ยุ่งอยู่ในพื้นที่พิเศษสำหรับจัดวางหินผลึกเหล่านั้นให้เป็นผังดารา สิ้นเปลืองทั้งเวลาและเรี่ยวแรง ปิดด่านอยู่สิบวัน วันนี้ถึงได้จัดวางไปพอสมควรแล้ว
ก็เลยออกมา จากนั้นก็ได้เห็นการประดับประดาภายในหุบเขาเสียงสวรรค์ที่แทบจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างใหญ่หลวง ที่ใหญ่หน่อยก็คือโถงพิธี ที่เล็กหน่อยก็คือกระดาษมงคล ข้าวของทุกอย่างล้วนวิจิตรบรรจงยิ่ง ทำให้กู้ซีจิ่วเห็นแล้วตระการตาไปหมด
เธอหลงนึกว่าในที่สุดศิษย์ของตนก็คิดตกแล้ว ในใจปรีดานัก
กลับคาดไม่ถึงเลยว่าจะได้รับรู้จากคำบอกเล่าของอูเชียนเหยียนว่า หลายวันมานี้ฟั่นเชียนซื่อไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลย ทุกวันเอาแต่ดื่มเหล้าเมามาย บางครั้งก็ออกไปข้างนอกไม่กลับมาเลยสองสามวัน บางครั้งก็หลับใหลไปวันสองวัน…
ตอนที่กู้ซีจิ่วออกมาฟั่นเชียนซื่อก็ออกไปดื่มสุราด้านนอกอีกแล้ว เธอจึงไม่ได้พบเขาเลย
ส่วนการตกแต่งภายในหุบเขาเสียงสวรรค์ก็เป็นฝีมือของตี้ฝูอีทั้งสิ้น…
กู้ซีจิ่วใคร่ครวญดูเล็กน้อย รู้สึกว่าควรจะไปพบเขาสักครั้งเพื่อเอ่ยขอบคุณเสียบ้าง ด้วยเหตุนี้จึงใช้ยันต์ถ่ายทอดเสียงติดต่อหาตี้ฝูอี...
ด้วยเหตุนี้จึงปรากฏฉากนี้ขึ้น
ยามนี้พอได้ยินตี้ฝูอีถามไถ่ด้วยน้ำเสียงติเตียนอยู่บ้าง เธอก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่นั้นใสกระจ่างแต่ก็ไร้อารมณ์ด้วย “ฝูอี เปิ่นจุนมีธุระส่วนตัวบางอย่างต้องจัดการ นี่คงไม่จำเป็นต้องรายงานเจ้ากระมัง?”
เธอคงจะรู้ตัวว่าประโยคนี้ไร้ไมตรีอย่างเห็นได้ชัดเกินไป จึงยกมือนวดหว่างคิ้ว เอ่ยว่า “ฝูอี พวกเราต่างรู้ดี งานวิวาห์นี้เป็นเพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น มิใช่ความจริง ไม่จำเป็นต้องจัดให้หรูหราเกินไปหรอก”
จอกสุราในฝ่ามือของตี้ฝูอีหมุนติ้ว จู่ๆ ก็เอ่ยถามประโยคหนึ่ง “อาจิ่ว ท่านยังโกรธข้าอยู่ใช่ไหม?”
“หือ?” กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วไม่เข้าใจ
ตี้ฝูอีถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง เอ่ยเตือน “เรื่องข้ากับท่านหญิงน้อยที่เนินหินผลึกวันนั้น…”
กู้ซีจิ่วยิ้มแล้ว เอ่ยขัดเขาทันที “เจ้าพูดถึงเรื่องนั้นนี่เอง วางใจเถอะ เปิ่นจุนรู้ว่าเจ้าทำเพื่อได้รับความวางใจจากเมิ่งเหลียนเฉิงบิดาของผู้อื่น จงใจเล่นละครทำดีต่อนางสักหน่อย ให้เขาระแวงเจ้าน้อยลงบ้าง เปิ่นจุนไม่โกรธหรอก”
สีหน้าตี้ฝูอีแปรเปลี่ยนเล็กน้อย เดิมทีคิดจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นถามประโยคหนึ่งว่า “ไม่โกรธสักนิดเลยหรือ?”
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว “แน่นอน เรื่องเช่นนี้เดิมทีเปิ่นจุนก็พบเห็นจนชินตาแล้ว มีอะไรน่าโกรธกัน? วิธีนี้ของเจ้า อินจิ่วซือผู้นั้นก็เคยใช้กับเมิ่งหลิวเซียงมาแล้ว เป็นเพียงการสวมบทบาทชั่วคราวเท่านั้น เปิ่นจุนก็ทราบตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ดังนั้นยามนั้นถึงได้ไม่ไปรบกวนเจ้าไง”
ตี้ฝูอีคล้ายถูกตอกกลับจนทำให้พูดไม่ออกอยู่บ้าง กวาดสายตาผ่านดวงหน้านางแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา “พระองค์เจ้าช่างผ่าเผยใจกว้างโดยแท้! แต่วันนั้นพระองค์เจ้ากล่าวว่าจะถอนหมั้นกับข้าพเจ้าทำไมเล่า?”
“เปิ่นจุนเกรงว่าจะถ่วงรั้งเจ้า ดังนั้น…”
“เช่นนั้นเหตุใดไม่ถอนแล้วเล่า? ไยยังจะแต่งกับข้าพเจ้าตามเดิม?”
คำถามเหล่านี้ของเขาแต่ละข้อยิ่งเฉียบคมขึ้นเรื่อยๆ กู้ซีจิ่วขมวดคิ้วนิดๆ แล้ว ถอนหายใจเบาๆ “นั่นก็เป็นเพราะตอนนั้นฉุกละหุกเร่งด่วน อยู่ต่อหน้าเชียนซื่อข้าไม่อาจปฏิเสธได้…ขออภัย”
แววตาของเธอฉายแววลุแก่โทษแล้ว มองเขาแล้วเอ่ยว่า “เปิ่นจุนรู้ว่าพูดจากลับไปกลับมาเช่นนี้ทำให้เจ้าลำบากยิ่ง เอาเช่นนี้เถอะ หลังผ่านพ้นงานวิวาห์ไปแล้ว ข้าจะหาทางอยู่ให้ห่างกับเจ้าอย่างเงียบเชียบ ไม่ถ่วงรั้งเจ้านานเกินไป หากว่าเจ้ามีนางในดวงใจอื่นใดแล้ว ก็ไปมาหาสู่กันอย่างเงียบๆ ชั่วคราวก่อนแล้วกัน เปิ่นจุนจะทำเป็นหลับตาข้างลืมตาข้าง ไม่ก้าวก่ายเจ้า หลังจากครบสามปีเจ้าก็สามารถแต่งกับผู้อื่นอย่างเป็นทางการได้อีกครั้ง”