บทที่ 1767 ผมจะงดงามเหมือนดอกไม้ต่อไป
กงซวี่พุ่งเข้าไปหาทันที “เจ้าโง่! ฉันจะบอกนายให้! นายรู้ไหมว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้น นายต้องไม่เชื่อแน่! วันนั้นพี่เยี่ยแผ่รัศมีดวงอาทิตย์ดวงจันทร์ เท้าเหยียบเมฆวิเศษสายรุ้ง มาช่วยฉันออกไปจากกองทัพใหญ่ของศัตรู!”
ลั่วเฉินมองกงซวี่ที่ฮึกเหิมไม่หยุดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “หุบปาก นายพูดแปดร้อยรอบแล้ว”
จมูกกงซวี่ใกล้จะชี้ขึ้นฟ้าแล้ว “หึๆ อิจฉา! ฉันเห็นนะว่านายอิจฉา!”
ลั่วเฉินมีสีหน้าเย็นชา ไม่เอ่ยวาจา
ตอนนี้เอง เจียงเยียนหรานผลักประตูเดินเข้ามา
กงซวี่ทิ้งลั่วเฉิน บินเข้าไปหาเจียงเยียนหรานประหนึ่งผีเสื้อตอมดอกไม้ทันที “เยียนหรานๆๆ! ฉันจะบอกเธอใหห้ ตอนนั้นบรรยากาศพร้อมปะทุทุกเมื่อ เข็มขัดหนังของคุณชายอีกศูนย์จุดศูนย์หนึ่งวินาทีก็เกือบจะถูกคนชั่วกลุ่มนั้นปลดลงมาแล้ว นึกว่าจะช้าแต่ผ่านไปเร็วมาก พี่เยี่ยฉันแผ่รัศมีดวงอาทิตย์ดวงจันทร์ เท้าเหยียบเมฆวิเศษ…”
เจียงเยียนหรานยกมือขอร้องอย่างปวดหัวสุดแสน “พอแล้วๆ นายปล่อยฉันไปเถอะ! ฉันรู้แล้วว่าพี่เยี่ยนายหล่อเหลารักนายมากขนาดไหน!”
หลายวันนี้กงซวี่เจอใครก็จะเล่าว่าตอนนั้นเยี่ยหวันหวั่น ‘เป็นวีรบุรุษช่วยเหลือคนงาม’ ยังไง ไม่มีคนโชคดีหนีรอดไปได้
ตั้งแต่หานเซี่ยนอวี่ไปจนถึงลั่วเฉิน จากเจียงเยียนหรานไปจนถึงเฟ่ยหยาง แล้วก็ยังมีฉิงจือและตงไจ๋ พวกเขาถูกรบกวนจนแทบอยากจะเย็บปากเขาอยู่แล้ว
บนโต๊ะยาว เฟ่ยหยางที่นั่งจัดการเอกสารอยู่ตรงนั้นกลับมีสีหน้าสงสัยอยู่บ้าง เขาเอ่ยปากงึมงำ “ความจริง…ครั้งนี้เยี่ยไป๋ถึงกับทำเอิกเกริกแบบนี้ ทำฉันคาดไม่ถึงอยู่หน่อยจริงๆ นี่เหมือน…ไม่ใช่สไตล์การกระทำของเธอ…”
หาลูกสมุนสองคนไปใช้กำลังปะทะกำลังกับคนของเหยาเจียเหวิน ถึงแม้สามารถระบายความโกรธได้ชั่วคราว แต่เกรงว่า…จะสร้างปัญหาไม่จบสิ้นนี่สิ…”
หานเซี่ยนอวี่ได้ยินดังนั้นดวงตาก็วาบประกายแสงเล็กน้อย
แม้แต่เฟ่ยหยางก็ดูออก เขาย่อมไม่มีทางไม่สังเกตเห็น
เรื่องนั้นของกงซวี่ ไม่เหมือนวิธีจัดการของกงซวี่จริงๆ
กงซวี่เอ่ยอย่างไม่นำพา “สองคนนั้นที่กลับมากับพี่เยี่ยโคตรเก่งกาจเลย เป็นยอดฝีมือศิลปะการต่อสู้! ผมเคยเห็นแค่ในหนังเท่านั้นเอง! ใช้หนึ่งสู้สิบของแท้!”
เฟ่ยหยางถอนหายใจเอ่ย “ต่อให้เยี่ยไป๋พาผู้ช่วยกลับมา แต่ฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่โจรเล็กๆ ธรรมดา แต่เป็นสมาคมหงซิ่งนะ! เหยาเจียเหวินโดนยั่วโมโหหนักขนาดนั้นจะต้องไม่ปล่อยเรื่องราวไปเฉยๆ แน่ เกรงว่าตอนนี้สมาคมหงซิ่งคงรู้เรื่องนี้แล้ว…”
กงซวี่ได้ยินดังนั้นก็เอ่ยด้วยสีหน้ามั่นใจ “ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ ผมรู้สึกแค่ว่าขอแค่มีพี่เยี่ยอยู่ก็จะไม่มีทางเกิดอะไรขึ้น! พี่เยี่ยผมไม่ใช่คนประเภทหุนหัน ในเมื่อพี่เยี่ยกล้าทำแบบนี้ก็รับรองว่าต้องเตรียมพร้อมไว้แล้ว! พวกพี่อย่าห่วงไม่เข้าเรื่องเลย!”
ท่าทางเวลานี้ของกงซวี่ก็คือสาวน้อยมีรักที่เทิดทูนบูชาและเชื่อใจแฟนหนุ่มสุดหัวใจโดยสมบูรณ์
พูดจบก็กอดถุงมันฝรั่งทอดแล้วนอนลงบนโซฟาอย่างไร้กังวล เรียกได้ว่าสบายใจพอสมควร…
หานเซี่ยนอวี่ ลั่วเฉินแล้วก็เจียงเยียนหรานทั้งสามคนสบตากัน สีหน้าเปี่ยมความจนใจ
แต่เดิมเพราะบริษัทเกิดเรื่องติดต่อกัน กงซวี่เลยเปลี่ยนไป เป็นผู้หญิงขึ้นไม่น้อย ตอนนี้พอเยี่ยไป๋กลับมา กงซวี่ก็ปล่อยตัวปล่อยใจอีกแล้ว
พูดแล้วกงซวี่ก็ยังมั่นใจในตัวเองมาก เคี้ยวมันฝรั่งทอดกรอบกรุบกรับไปด้วย เอ่ยพูดไปด้วยว่า “พี่เยี่ยผมกลับมาแล้ว ยังต้องให้ผมกังวลอะไรเล่า! ผมรับผิดชอบหน้าตางามเหมือนดอกไม้ต่อก็พอแล้ว”
หานเซี่ยนอวี่พูดไม่ออก
ลั่วเฉินก็พูดไม่ออก
เจียงเยียนหรานหมดคำพูด
เฟ่ยหยางก็หมดคำพูด
เวลานี้ประตูห้องพักพลันถูกคนใช้แรงเปิดออกดัง ‘ปัง’ ผู้หญิงที่ลักษณะเหมือนผู้ช่วยคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ผู้หญิงคนนั้นกวาดมองทุกคนในห้องอย่างหยิ่งยโส จากนั้นสายตาก็ตกลงบนตัวของหานเซี่ยนอวี่ “ยังคุยอะไรอยู่ที่นี่อีก! ว่างขนาดนี้! ไม่ต้องทำมาหากินแล้วเหรอ จะเริ่มถ่ายรายการอยู่แล้ว! หรือว่าต้องให้เส้าเหิงของฉันรอนายหา”
———————————————————————-
บทที่ 1768 เป็นนักร้องข้างถนนเหรอ
คำพูดพิสดารพันลึกนี้ของผู้ช่วยหญิงคนนั้นจุดประทัดได้แล้ว
กงซวี่โยนมันฝรั่งทอดกรอบก่อนดีดตัวลุกขึ้น “เชี่ย! เธอแม่งพูดกับใครอยู่หา! หมาแมวที่ไหนก็กล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับฉันเหรอ! อยากตายรึไง!”
ช่วงเวลานี้ทุกคนอยู่อย่างเจียมตัวมาก แม้แต่กงซวี่ก็สำรวมนิสัยลงไม่น้อย
ผู้ช่วยหญิงคนนั้นยังคิดว่าครั้งนี้ก็เหมือนแต่ก่อน นึกไม่ถึงว่ากงซวี่จะพลันระเบิดขึ้นมา จึงตกใจสะดุ้งหดตัวไปข้างหลังโดยสัญชาตญาณ
แต่ไม่นานเธอก็ยืดตัวตรง มองคนพวกนี้อย่างดูถูก เอ่ยปากด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งว่า “ฉันไม่ใช่ใครที่ไหนจริงๆ นายแค่ต้องรู้ว่าเส้าเหิงบ้านพวกเราไม่ใช่คนที่นายจะล่วงเกินได้ก็พอแล้ว!”
ส่วนพวกนายเป็นใคร ก็แค่หมาเร่ร่อนที่ตกยุคไม่ใช่เหรอ จะมาอวดเบ่งอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะเส้าเหิงพวกเราจิตใจงาม เห็นแก่ว่าเป็นบริษัทเดียวกัน นายคิดว่าพวกนายมีคุณสมบัติอะไรมาได้รับเชิญไปงานเลี้ยงวันเกิดของเขา”
เป่ยโต่วกลอกตาไปถึงสวรรค์แล้ว “อยู่บริษัทเดียวกันบ้าบอ! ใครอยู่บริษัทเดียวกับเธอกัน เอาทองโปะหน้าตัวเองให้น้อยหน่อยเถอะ! จูเสินสือไต้ของคุณชายใช่อะไรที่หวงเทียนเอนเตอร์เทนเมนต์ขยะพรรค์นั้นเปรียบเทียบได้รึไง”
เส้าเหิงเป็นศิลปินของหวงเทียนเอนเตอร์เทนเมนต์ เพราะกอดต้นขาของซิงเฉินกรุ๊ปจึงดังแบบก้าวกระโดด
ตอนที่จูเสินสือไต้ถูกซื้อ เยี่ยอีอีรีดเค้นทรัพยากรของจูเสินสือไต้ต่างๆ นานาเพื่อเอาใจเส้าเหิง และยังให้เส้าเหิงเกาะความดังหานเซี่ยนอวี่กับพวกเขา ปั้นเขาจนโด่งดังได้
เหยียบพวกเขาขึ้นตำแหน่งยังมีหน้าหนามาพูดว่าเพราะหวังดีจึงเชิญพวกเขาไปแสดงร้องเพลงวันเกิดในงานเลี้ยงของตัวเอง
พูดถึงเรื่องปากร้าย กงซวี่ยังไม่เคยแพ้มาก่อน
ผู้ช่วยหญิงคนนั้นถูกทำโกรธจนหัวเราะหยันต่อเนื่อง “คุณชายกงกล้าหาญจริงๆ หวงเทียนเอนเตอร์เทนเมนต์นายไม่กลัว งั้นถ้าเป็นซิงเฉินกรุ๊ปล่ะ”
ซิงเฉินกรุ๊ปมีทรัพย์สินภายใต้แบรนด์นับไม่ถ้วน ซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์เป็นแค่หนึ่งในนั้นและคุณตาของเส้าเหิงก็เป็นบอสของสาขาหนึ่งของซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์
มีความสัมพันธ์ระดับนี้อยู่ เส้าเหิงอยู่ในวงการบันเทิงจึงเรียกได้ว่าไร้คนกล้าหาเรื่อง
ยังไงเสียก็ไม่มีใครอยากล่วงเกินซิงเฉินกรุ๊ปสัตว์ประหลาดใหญ่ยักษ์อย่างนี้
ก่อนหน้านี้เส้าเหิงเล่นอยู่ที่ซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์อยู่หลายวันแต่ก็ไม่ดังเท่าไร คิดว่าน่าเบื่อจึงกลับไปเป็นคุณชายบ้านรวยของตัวเองต่อ ต่อมาก็ไม่รู้ว่าเยี่ยอีอีใช้วิธีอะไรถึงพาเส้าเหิงมาเข้าหวงเทียนเอนเตอร์เทนเมนต์ได้
กองกำลังของสมาคมหงซิ่งไหนเลยจะน่ากลัวเท่าซิงเฉินกรุ๊ป เยี่ยอีอีย่อมอยากกอดต้นขาที่หนากว่า
“ซิงเฉิงกรุ๊ปนับเป็น…”
กงซวี่ยังไม่ทันพูดจบ หานเซี่ยนอวี่ก็เดินไปตรงหน้ากงซวี่ ขวางคำพูดถัดไปของเขาไว้และเอ่ยกับผู้ช่วยคนนั้นอย่างสงบนิ่ง “เข้าใจแล้ว พวกเราจะไปตรงเวลา”
“หึ นับว่านายหัวไว! เคลื่อนไหวเร็วๆ หน่อย ถ้าถ่วงเวลาจนทำให้เส้าเหิงโกรธละก็ อย่าโทษว่าฉันไม่เตือนพวกนาย! จริงสิ เส้าเหิงพูดแล้วว่า คนที่อยู่ในลิสต์รายชื่อคืนนี้ห้ามขาดแม้แต่คนเดียว ต้องไปงานครบทุกคน!” ผู้ช่วยพูดจบก็บิดเอวเหยียบส้นสูงก้าวตึกๆๆ ออกไปทันที
“เชี่ย! พี่เซี่ยนอวี่! พี่ตอบรับเธอทำไมเล่า! งานวันเกิดเน่าๆ หนึ่งงาน ถึงกับให้คุณชายถ่อไปร้องเพลงแสดงโชว์เพิ่มความสนุกสนาน คิดว่าคุณชายเป็นนักร้องข้างถนนรึไง ถ้าพี่เยี่ยผมรู้เข้า จะไม่ต้องปวดใจตายแทนผมเหรอ! อยากไปพวกพี่ก็ไป เอาเป็นว่าผมไม่ไป!”
เจียงเยียนหรานมองกงซวี่อย่างลำบากใจ พยายามเอ่ยประโลม “แค่ไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรสักหน่อย อาชีพพวกเราก็มักจะมีงานสังสรรค์แบบนี้บ่อยๆ นะ!”