ตอนที่ 775 บุรุษผู้เป็นใบ้

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ภายในห้องพิเศษชั้นบน ฉื่อไท่หลางมีท่าทีตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาและคนอื่น ๆ ได้เข้าร่วมงานประมูลและยังเป็นถึงงานประมูลครั้งยิ่งใหญ่เช่นนี้

แม้ฉื่อไท่หลางจะเป็นถึงนายน้อยของตระกูลฉื่อซึ่งกล่าวได้ว่ามีพื้นเพตระกูลที่ดีพอสมควร เขาก็ไม่เคยมาเยือนเมืองใหญ่เช่นเมืองเทียนหยวนมาก่อน นับประสาอะไรกับการได้นั่งอยู่ในห้องพิเศษของงานประมูลเช่นนี้

“หากไม่ได้มาที่นี่ด้วยตัวเอง ข้าก็คงไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วตัวเองเป็นเพียงกบในกะลาเท่านั้น”

ผู้ที่อยู่ภายในห้องนี้สามารถมองเห็นบรรยากาศข้างล่างเป็นมุมกว้างได้อย่างชัดเจน หลายคนกำลังเดินเข้ามาจากข้างนอกและแน่นอนว่ามีจำนวนไม่น้อยเลยที่ดูล้ำลึกยากเกินหยั่งถึง

คนเหล่านั้นล้วนนั่งลงภายในห้องโถง พวกเขาบางคนไม่เปิดเผยหน้าตาให้เห็นด้วยซ้ำและสวมเสื้อคลุมสีดำซึ่งดูลึกลับอย่างยิ่ง

“บรรดาผู้คนที่นั่งอยู่ชั้นบนน่าจะมาจากตระกูลใหญ่ ๆ ของเมืองเทียนหยวน”

จางเหิงเองก็ตื่นเต้นมากเช่นกันทว่าภายนอกเขาดูสงบนิ่งมากกว่าฉื่อไท่หลาง เขาพยายามแผ่พลังวิญญาณออกไปสำรวจห้องพิเศษรอบ ๆ แต่แล้วก็ต้องพบว่าพลังของตนไม่สามารถเข้าใกล้ห้องเหล่านั้นได้เลย

ภายในห้องแยกเหล่านั้นคงจะเป็นตัวแทนจากตระกูลใหญ่แต่ละตระกูลของเมืองเทียนหยวน และผู้ที่เข้าร่วมงานประมูลใหญ่เช่นนี้คงหนีไม่พ้นบุคคลสำคัญระดับสูงของตระกูลหรืออาจเป็นถึงผู้นำของตระกูลที่มาด้วยตัวเอง

เมื่อฉินอวี้โม่สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณจากหลายทิศทางที่กำลังแผ่เข้ามา นางก็โบกมือออกไปก่อนที่ข่ายอาคมมายาจะก่อตัวขึ้นและปกคลุมทั้งห้องพิเศษของนางเพื่อขวางกั้นพลังวิญญาณเหล่านั้นที่กำลังสำรวจเข้ามา

แม้พลังของนางจะยังเทียบกับคนเหล่านี้ไม่ได้ ทว่าการขัดขวางพลังวิญญาณของพวกเขามิให้แผ่เข้ามาข้างในก็มิใช่ปัญหาแม้แต่น้อย

“ท่านจอมยุทธ์อวี้โม่ขอรับ นี่คือรายการสิ่งของในงานประมูลครานี้ เชิญท่านอ่านรายละเอียดได้เลยขอรับ”

เด็กรับใช้คนที่ต้อนรับฉินอวี้โม่ครั้งก่อนเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางนอบน้อม ในมือของเขาถือถ้วยน้ำชาและของทานเล่น รวมถึงแผ่นพับสีทองฉบับหนึ่ง

ฉินอวี้โม่ก็พยักศีรษะขอบคุณเด็กหนุ่มและรับแผ่นพับดังกล่าวอย่างรวดเร็ว

เมื่อเด็กหนุ่มกลับออกไป ฉื่อไท่หลางและคนอื่น ๆ ก็เข้ามาล้อมรอบและมองดูแผ่นพับดังกล่าวอย่างสงสัยใคร่รู้

ฉินอวี้โม่ไม่รอช้าและเปิดแผ่นพับออกมาเพื่อเผยเนื้อหาที่อยู่ภายในนั้นออกมาทันที

ในฐานะที่เป็นโรงประมูลของศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในดินแดน เป็นธรรมดาที่โรงประมูลของศูนย์การค้าจ้าวสมุทรจะมีคุณสมบัติที่เหนือชั้นกว่าสถานที่อื่น ๆ ในทุกด้าน

แผ่นพับฉบับนี้ไม่เพียงแต่ระบุหมวดหมู่และรายการสิ่งของประมูลเท่านั้น ทว่ายังระบุคำบรรยายอย่างละเอียดอีกด้วย ตราบใดที่จดจ่อและอ่านรายละเอียดของรายการต่าง ๆ ก็จะทราบมูลค่าของสิ่งประมูลนั้นได้และเลือกชิ้นที่สนใจได้ตามต้องการ

ครานี้โรงประมูลมีสินค้าออกประมูลรวมทั้งหมดสามสิบรายการซึ่งประกอบไปด้วยแร่ โอสถ คัมภีร์ทักษะการต่อสู้และคัมภีร์บ่มเพาะพลัง อุปกรณ์พลังวิญญาณ อสูรมายาและสิ่งที่ลึกลับอีกมากมายหลายรายการ

แม้ของประมูลส่วนใหญ่จะเป็นสมบัติหายาก พวกมันก็มิใช่สิ่งที่แปลกหรือโดดเด่นแต่อย่างใดและฉินอวี้โม่ก็ไม่สนใจสิ่งเหล่านั้นแม้แต่น้อย ทว่าฉื่อไท่หลางและคนอื่น ๆ ต่างก็ตื่นเต้นกับพวกมันอย่างชัดเจน

ไม่ว่าจะเป็นสมบัติระดับสูงอย่างโอสถรวมจิตที่สามารถพัฒนาความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ได้อย่างมหาศาลหรือทักษะยุทธ์ที่ทรงพลังและเหนือธรรมชาติ ทุกอย่างล้วนน่าสนใจและทำให้คนจากอำเภอเล็ก ๆ เหล่านี้ตื่นตาได้ไม่ยาก

ของประมูลมากกว่าสิบรายการแรกล้วนเป็นของที่ฉินอวี้โม่ไม่สนใจเลยสักนิด ทว่าเมื่อไล่ไปถึงของประมูลชิ้นที่สิบเก้า นางก็เริ่มเกิดความสนใจขึ้นมาเล็กน้อย

‘หญ้าลืมทุกข์’ คือพฤกษาวิญญาณที่เติบโตในทะเลไร้ทุกข์ หลังจากที่กินมันเข้าไป คนผู้นั้นจะสามารถลืมความทรงจำในอดีตที่ผ่านได้ซึ่งแม้แต่บุคคลที่สำคัญที่สุดในชีวิตก็จะถูกลืมเลือนไปได้เช่นกัน หากมีความทุกข์หรือความกังวลที่มากเกินไป พฤกษาวิญญาณชนิดนี้ก็มากพอที่จะทำให้คนผู้นั้นได้โอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง

ฉินอวี้โม่เคยเห็นมันในตำรามาก่อนทว่าไม่เคยเชื่อในสรรพคุณของหญ้าลืมทุกข์นี้ บางสิ่งบางอย่างก็ฝังรากลึกอยู่ในหัวใจเกินไปและไม่อาจถูกลบเลือนไปได้เพียงเพราะปัจจัยภายนอก เพราะเหตุนั้นนางจึงสงสัยเกี่ยวกับสรรพคุณของมันพอสมควร

“ลูกพี่อวี้โม่ มันมีของวิเศษเช่นนั้นอยู่จริง ๆ หรือ ?”

ฉื่อไท่หลางอ่านคุณสมบัติของหญ้าลืมทุกข์และรู้สึกสนใจเกี่ยวกับมันอย่างมาก หากหญ้าลืมทุกข์มีฤทธิ์ที่น่าทึ่งเช่นนั้นจริง ผู้คนในโลกนี้ก็คงไม่มีความทุกข์หรือความกังวลใจอีก ไม่ว่าผู้ใดมีปัญหากวนใจ หญ้าลืมทุกข์เพียงสิ่งเดียวก็จะช่วยแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้และช่วยให้ปล่อยวางความทุกข์ทั้งหมดไป

“มันมีอยู่จริง แต่มันคงจะไม่วิเศษวิโสจนถึงขั้นนั้น”

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะโดยที่ไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด หญ้าลืมทุกข์คือสิ่งที่มีตัวตนอยู่จริง เพียงแต่ฉินอวี้โม่เชื่อว่ามันคงไม่วิเศษอย่างที่คาดไว้

“ของวิเศษเช่นนี้จะต้องมีราคาสูงมาก เราคงไม่มีปัญญาจ่ายหรอก”

จางเหิงกล่าวพร้อมรอยยิ้มก่อนกล่าวต่อ “อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ต้องการหญ้าลืมทุกข์นี่คงจะเป็นผู้ที่หมดอาลัยตายอยากและไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว เพราะสุดท้ายแล้วความทรงจำในชีวิตของพวกเขาก็ไม่มีสิ่งใดที่ควรค่าให้นึกถึง ต่อให้ใช้หญ้าลืมทุกข์นี้แล้ว ชีวิตของพวกเขาจะมีความหมายอะไรกัน ?”

“ใช่ ไม่มีทางที่หญ้าลืมทุกข์จะทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนเกิดใหม่ได้”

ฉินอวี้โม่เห็นด้วยกับวาจาของจางเหิง หากใครสักคนลืมเลือนความทรงจำทั้งหมดไปและไม่มีสิ่งใดที่ต้องกังวล ชีวิตของพวกเขาก็คงจะไร้ความหมายอย่างสิ้นเชิง

หลังจากหมดความสนใจในหญ้าลืมทุกข์ดังกล่าว พวกนางก็เปิดอ่านรายการต่อไป

รายการที่ยี่สิบคืออสูรมายาระดับราชาเซียนที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าซิวเสียอีก อย่างไรก็ตาม พรสวรรค์และสายเลือดของมันด้อยกว่าซิวมากนัก ศักยภาพในการเติบโตก็ยิ่งเทียบไม่ติดฝุ่น แม้มันสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับจอมยุทธ์ราชาเซียนได้มาก มันก็มีผลกับฉินอวี้โม่เพียงน้อยนิดเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม แววตาของฉื่อไท่หลางและคนอื่น ๆ ก็เป็นประกายอย่างชัดเจนก่อนถอนหายใจยาว หากพวกข้าได้มีอสูรพันธสัญญาที่ทรงพลังเช่นนี้ มันก็คงจะดีไม่น้อย…

ฉินอวี้โม่ไม่กล่าวสิ่งใดทว่าแอบตั้งมั่นอยู่ภายในใจของตนเอง หากมีโอกาสที่เหมาะสมในอนาคต นางจะต้องช่วยคนเหล่านี้สยบอสูรมายาไว้เป็นของตัวเอง

เมื่ออ่านไล่ไปถึงรายการต่อไป รายการสิ่งที่ปรากฏล้วนอยู่ในระดับสูงมากขึ้นและเป็นของที่หายากมากขึ้นเรื่อย ๆ หนึ่งในนั้นคือโอสถเก้าชีวาซึ่งกล่าวว่าสามารถช่วยชีวิตผู้ใช้มันในช่วงเวลาวิกฤตได้ เพียงแต่ไม่ทราบว่าคุณสมบัติดังกล่าวเป็นจริงหรือไม่

เมื่ออ่านรายการต่อไปจนกระทั่งถึงรายการที่ยี่สิบแปด ฉินอวี้โม่ก็พบอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับตน

คำบรรยายของมันไม่ลงรายละเอียดชัดเจนเช่นเดียวกับรายการอื่น ๆ ก่อนหน้านี้โดยมีข้อความระบุไว้เพียงไม่มากเท่านั้นและชื่อของ ‘บุรุษใบ้’ ก็ทำให้ฉินอวี้โม่ประหลาดใจอย่างยิ่ง

ในเมื่อเป็นหนึ่งในรายการประมูลเช่นนี้ บุรุษผู้นี้ก็จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน และการระบุว่า ‘บุรุษใบ้’ ทำให้รู้สึกได้ว่ารายการประมูลนี้แปลกประหลาดและแตกต่างไปจากรายการอื่น ๆ การระบุเพียงสั้น ๆ เช่นนี้ทำให้คาดเดาได้ว่าแม้แต่โรงประมูลเองก็ไม่สามารถตามหาต้นกำเนิดของเขาได้ด้วยซ้ำ

ฉื่อไท่หลางและคนอื่น ๆ ไม่สนใจเกี่ยวกับบุรุษใบ้นี้ พวกเขาจึงไม่เอ่ยถามสิ่งใดเพิ่มเติม ในขณะเดียวกัน ฉินอวี้โม่ก็จดจำมันไว้และหมายจะถามหลานเผิงหลังจากนี้เพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติม

ถึงอย่างไรแล้วของประมูลรายการหลัง ๆ ล้วนหมายถึงของที่มีมูลค่าสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ การถูกจัดอยู่ในอันดับที่สามนับจากหลังสุดเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าจะต้องมีบางอย่างที่พิเศษเกี่ยวกับบุรุษใบ้ผู้นี้อย่างแน่นอน

เมื่อไล่ไปถึงรายการที่ยี่สิบเก้า จู่ ๆ แสงสีทองเจิดจ้าก็สว่างวาบขึ้นมาซึ่งเจิดจ้าจนฉินอวี้โม่ต้องหรี่ตาเล็กน้อย เมื่อแสงดังกล่าวดับลง สายตาของฉินอวี้โม่ก็บรรจบลงที่จุดหนึ่งของแผ่นพับและตัวอักษรขนาดใหญ่ไม่กี่ตัวปรากฏตรงหน้า

“โอกาสที่ยิ่งใหญ่ ? มันหมายความว่าอะไรกัน ?”

ฉื่อไท่หลางอ่านข้อความตรงหน้าและเอ่ยถามด้วยความฉงนสงสัย

ในรายการที่ยี่สิบเก้าระบุเพียงข้อความห้าพยางค์นี้เท่านั้นและไม่มีรายละเอียดอื่นใดเพิ่มเติม หากมองอย่างผิวเผิน มันหมายความว่ารายการที่ยี่สิบเก้าของการประมูลครานี้คือโอกาสที่ยิ่งใหญ่ ทว่าแม้แต่โรงประมูลเองก็อาจไม่ทราบด้วยซ้ำว่ามันคือโอกาสประเภทใด

“โอกาสที่ยิ่งใหญ่…แสงสีทองเมื่อครู่ทำให้ข้ารู้สึกถึงแรงกดดันที่รุนแรง มันคงจะไม่ธรรมดาอย่างที่คิดแน่”

จางเหิงกล่าวด้วยอารมณ์ที่ล้นหลาม แสงสีทองอร่ามที่ส่องสว่างเมื่อครู่ไม่เพียงแต่เจิดจ้าเท่านั้นทว่ามันยังเปี่ยมด้วยไปพลังมหาศาลที่ทำให้ส่วนลึกของจิตวิญญาณเขาสั่นไหว หากมิใช่เพราะมันเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ เกรงว่าเขาคงทรุดลงไปคุกเข่าบนพื้นแล้ว

“เป็นจริงอย่างที่ว่า มันต้องไม่ธรรมดาแน่ ไม่แปลกใจเลยที่การประมูลครานี้จะดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มากมาย เกรงว่าเพียงแค่โอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้ก็คงมีคนคิดแย่งชิงกันมากแล้ว”

แม้รายละเอียดเกี่ยวกับมันยังคงคลุมเครือ ทว่าของประมูลรายการที่ยี่สิบเก้านั้นต้องกระตุ้นให้ใครหลายคนแข่งขันแย่งชิงมันอย่างแน่นอน ถึงอย่างไรก็มีจอมยุทธ์จำนวนไม่น้อยที่มีพลังติดอยู่ในสภาวะคอขวดและไม่สามารถพัฒนาต่อไปได้ หากได้โอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้ไปครอบครอง พวกเขาก็อาจจะทะลวงพลังได้สำเร็จและก้าวเข้าไปสู่ระดับต่อไป

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือผู้นำของสี่ตระกูลใหญ่ เกรงว่าพวกเขาอาจจะมาที่นี่เพียงเพื่อโอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้

“ลูกพี่อวี้โม่ ท่านอยากจะประมูล ‘โอกาสที่ยิ่งใหญ่’ นี้รึไม่ ?”

เมื่อเห็นท่าทางของฉินอวี้โม่ ฉื่อไท่หลางก็สงสัยใคร่รู้และอดเอ่ยถามไม่ได้ เขาตั้งใจไว้แล้วว่าหากฉินอวี้โม่ต้องการมัน ต่อให้ต้องใช้ความมั่งคั่งทั้งหมดของตระกูลฉื่อ เขาก็จะช่วยนางครอบครองมันมาให้จงได้

“ในเมื่อมันเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ เกรงว่าคงใช้แก่นหินวิญญาณเพื่อประมูลมันไม่ได้ เรารอจนถึงตอนนั้นก่อนเถอะ หากมีโอกาสที่เหมาะสม เราก็ลองประมูลมันดูได้”

ฉินอวี้โม่สัมผัสได้ถึงความลึกลับของ ‘โอกาสที่ยิ่งใหญ่’ ได้ในทันที ในเมื่อกล่าวว่าเป็นโอกาสเช่นนี้ มันคงจะไม่ใช้วิธีการประมูลด้วยเงินเหมือนเวลาปกติทั่วไป หากต้องการได้มันมาครอง คนผู้นั้นก็ต้องมีโชคชะตาที่เชื่อมโยงกับมันและยากที่จะคาดเดาว่าผู้ใดจะได้มันไปครอง…

“ดูรายการสุดท้ายกันเถอะ เพียงแค่รายการอันดับที่ยี่สิบเก้าก็ลึกลับเช่นนี้ นึกไม่ออกเลยว่ารายการอันดับสุดท้ายจะเป็นอย่างไร”

จางเหิงกล่าวด้วยน้ำเสียงสงสัยใคร่รู้ ยากจะจะคาดเดาได้ว่าสิ่งใดที่อยู่เหนือกว่าโอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะเบา ๆ ก่อนพลิกเปิดไปยังหน้าสุดท้ายของแผ่นพับ แต่แล้วนางก็ต้องพบว่ามันว่างเปล่า

“ไม่มีบันทึก มันอาจเป็นสิ่งที่ลึกลับยิ่งกว่าโอกาสที่ยิ่งใหญ่จึงไม่มีการระบุข้อมูลลงไป”

หลังจากที่ฉื่อไท่หลางกล่าวข้อสันนิษฐานของตน ทุกคนก็รู้สึกคล้อยตามและเชื่อว่ามันสมเหตุสมผลไม่น้อย

ฉินอวี้โม่ก็เพียงยิ้มบาง ๆ โดยไม่กล่าวสิ่งใด ทว่านางก็รู้สึกว่ารายการสุดท้ายอาจมิใช่สมบัติก็เป็นได้ การที่ไม่มีข้อมูลใดระบุไว้คงเป็นเพราะโรงประมูลไม่ทราบเช่นกันว่าจะบรรยายมันอย่างไร

ยิ่งไปกว่านั้น โอกาสที่ยิ่งใหญ่จะดึงดูดความสนใจของผู้คนอย่างล้นหลามจนราคาประมูลเพิ่มสูงมากแล้ว เพราะฉะนั้นรายการสุดท้ายจึงอาจมิใช่สิ่งที่ล้ำค่าเสมอไป

ในเวลานี้ ภายในห้องโถง เก้าอี้ก็ถูกจับจองเกือบทั้งหมด หลายคนที่สนิทสนมก็จับกลุ่มนั่งอยู่ใกล้กันและเริ่มกระซิบกระซาบ

ฉินอวี้โม่กวาดสายตามองไปรอบ ๆ และพบหน้า ‘คนรู้จัก’ หลายคน พวกเขาคือคนของตระกูลจูจากอำเภอซ่างหยวนนั่นเอง

แม้จูยง จูปี้และจูโหย่วจ้วงจะนั่งอยู่ในมุมหนึ่งที่ไม่โดดเด่น ฉินอวี้โม่ก็มองเห็นพวกเขาได้อย่างชัดเจน

“แม่นางอวี้โม่ ต้องการให้ข้าไล่พวกเขาออกไปหรือไม่ ?”

ขณะที่สายตาของฉินอวี้โม่กำลังจับจ้องไปที่จูโหย่วจ้วง หลานเผิงก็เดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมรอยยิ้มพอดิบพอดี เขาจึงมองตามสายตาของฉินอวี้โม่ไปก่อนที่จะกล่าวขึ้นเบาๆ

ในความเป็นจริงหากต้องการขับไล่คนตระกูลจูทั้งสามออกไป หลานเผิงไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลใด ๆ ด้วยซ้ำ

“ไม่ต้องหรอก ช่วยส่งน้ำชาไปให้พวกเขาแล้วบอกว่ามาจากข้ากับฉื่อไท่หลางก็พอ”

ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากและกล่าวออกไป การขับไล่พวกเขาออกไปง่าย ๆ คงจะไม่สนุกเอาเสียเลย การส่งน้ำชาไปหยามหน้าจะทำให้จูยงอับอายมากยิ่งกว่า

“เข้าใจแล้ว”

หลานเผิงเข้าใจความคิดของฉินอวี้โม่ดีและแอบถอนหายใจเบา ๆ กับความเจ้าเล่ห์ของนาง

“จะว่าไปแล้ว…บุรุษใบ้ในรายการประมูลคืออะไรหรือ ?”

ฉินอวี้โม่นึกถึงสิ่งที่สงสัยมากที่สุดและเอ่ยถามออกไป