บทที่ 2933 ไม่ผิดนัด 5
กู้ซีจิ่วลูบไข่ในมือ เอ่ยขอบคุณเสียงเบา “เช่นนั้นก็ขอบคุณมาก”
เสียงคำรามด้วยความไม่พอใจของมังกรประทีปแว่วมาจากจุดที่ไกลยิ่ง พร้อมๆ กับเสียงคำรามนี้ ท้องฟ้าก็ค่อยๆ สว่างขึ้นมาอีกครั้ง
ในที่สุดทั้งสองคนก็มองเห็นกันและกันแล้ว ตี้ฝูอีกวาดตามองรอบข้างแวบหนึ่ง ชัดเจนยิ่ง เขาคุ้นเคยกับที่นี่มาก ดังนั้นจึงแยกแยะทิศทางได้รวดเร็วยิ่ง ไม่มองกู้ซีจิ่วอีกเลย หันหลังจากไปเสีย
อาภรณ์ม่วงพราวระยับเคลื่อนผ่านบนยอดหญ้าดุจระลอกวารี กู้ซีจิ่วโอบอุ้มไข่ใบนั้นมองตามเขา เห็นเงาร่างของเขาค่อยๆ เลือนหายไปที่เส้นขอบฟ้า
เธอมองไข่ที่อยู่ในมือ ถอนหายใจแผ่วๆ คราหนึ่ง
เธอพยากรณ์ดวงดาวแล้ว กำหนดสิ้นอายุขัยของเธอเหลืออยู่เดือนเดียวจริงๆ ดังนั้นอย่าว่าแต่ไข่มังกรประทีปหนึ่งใบ ต่อให้เธอกินไข่ชนิดนี้เข้าไปเป็นร้อยๆ ใบก็ไม่อาจบำรุงในเรื่องนี้ได้
ในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นไข่ใบนี้….
“อาจารย์!” ฟั่นเชียนซื่อเหินเข้ามาจากที่ไกลๆ ทันทีที่มองเห็นไข่ใบใหญ่ในมือของเธอ ก็ทึ่มทื่อไปแวบหนึ่ง “น...นี่คือ?”
“ไข่มังกรประทีป” กู้ซีจิ่วยัดไข่ใบนี้ใส่มือฟั่นเชียนซื่อ “ให้เวลาเจ้าสองเดือนในการฟักมันออกมา ถ้าฟักออกมาไม่ได้เจ้าก็ไม่ต้องมาหาข้าแล้ว!”
ฟั่นเชียนซื่อชะงักไปแวบหนึ่ง “อาจารย์ ศิษย์ไม่รู้วิธีฟักมัน…”
ตำราเล่มหนึ่งกระแทกเข้าที่อกของฟั่นเชียนซื่อ “ในนี้มีคำอธิบายที่อาจารย์เขียนไว้อย่างละเอียดแล้ว”
ฟั่นเชียนซื่อทำได้เพียงตอบรับแล้ว “…ขอรับ!”
….
ในเมื่อสองศิษย์อาจารย์ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ย่อมไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีก กลับออกมาตามเส้นทางเดิมทันที
ฟั่นเชียนซื่อรู้สึกว่าไข่ใบนี้ได้มาง่ายดายเกินไป จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “อาจารย์ขอรับ ศิษย์เคยได้ยินว่ามังกรประทีปชังชังผู้ที่มาขโมยไข่ของมันเป็นที่สุด หากพบเข้าจะไล่ตามราวีอย่างไม่ตายไม่เลิกรา เช่นนั้นหนนี้อาจารย์ไปเอาไข่ใบนี้มา ทำไมไม่เห็นมังกรประทีปไล่ตามมาเลยล่ะขอรับ?”
กู้ซีจิ่วดีดนิ้วคราหนึ่ง ขวดโอสถใบหนึ่งพุ่งออกมา ในขวดมีกลิ่นหอมอันน่าประหลาดโชยปะทะจมูก
ฟั่นเชียนซื่อมองอยู่พักหนึ่งก็ยังไม่เข้าใจว่านี่คือส่งใด
ครั้งนี้กู้ซีจิ่วอธิบายให้อย่างที่พบเห็นได้ยากนัก “นี่คือน้ำหอมเลือนเร้น ถ้าฉีดใส่มังกรประทีปแล้ว มังกรประทีปจะไม่ได้กลิ่นอายของเจ้าอีกต่อไป พวกมันจึงไม่อาจไล่ตามได้”
ความขวัญหนีดีฝ่อที่เธอกับตี้ฝูอีถูกมังกรประทีปไล่ล่าในครานั้น สลักลึกอยู่ในความทรงจำ ดังนั้นหลังจากเธอกลับไปแล้วก็เริ่มคิดค้นวิธีสลัดมังกรประทีปให้หลุด ค้นคว้าออกมาเป็นสิ่งนี้ ครั้งนี้ได้ใช้งานพอดี
ฟั่นเชียนซื่อใจเต้น คิดจะเก็บขวดโอสถเอากลับไปศึกษาด้วยตัวเอง
คาดไม่ถึงว่ากู้ซีจิ่วจะตวัดแขนเสื้อคราหนึ่ง ม้วนขวดโอสถนั้นกลับไป เอ่ยเสียงเรียบว่า “หากไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย ในไม่ช้าเจ้าก็จะได้ครอบครองมังกรประทีปตัวหนึ่งแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งนี้อีก”
ฟั่นเชียนซื่อเงียบงัน เขายังนึกอยู่ว่าวันหน้าจะมาอีก ไม่แน่ว่าอาจจะได้ไข่อีกสักใบกลับไป ฟักออกมาเป็นมังกรคู่หนึ่ง…
กู้ซีจิ่วปรายตามองเขาแวบหนึ่ง เสียงเยียบเย็นขึ้น “อย่าได้คิดเหลวไหล! มังกรประทีปหายาก ซ้ำยังเป็นสัตว์เทวะ เจ้ามีตัวเดียวก็เพียงพอแล้ว เกิดเป็นคนอย่าได้ละโมบจนเกินไป!”
ในที่สุดฟั่นเชียนซื่อก็ล้มเลิกความคิดนี้แล้ว ก้มหน้ารับคำสั่งสอน
….
เมื่อฟั่นเชียนซื่อกลับถึงหุบเขาเสียงสวรรค์ก็ประกาศปิดด่านเลย เข้าไปขลุกตัวอยู่ในห้องทดลอง ศึกษาหาทางฟักมังกรประทีป
กู้ซีจิ่วคำนวณแล้ว เขาจะไม่ออกมาเป็นเวลาสองเดือน
และในยามที่เขาออกมาอีกครั้ง เธอก็จะดับขันธ์ไปจากโลกใบนี้แล้ว ส่วนเขาที่มีมังกรประทีปแล้วก็สามารถเข้าสู่แดนต้องห้ามสำหรับทวยเทพได้แล้ว ที่นั่นเขาจะได้ตื่นรู้ และจะได้พบมรดกตกทอดบางส่วนที่เธอหลงเหลือไว้ให้เขา
กู้ซีจิ่วยุ่งง่วนอยู่อีกกว่าสิบวัน ในที่สุดก็ปฏิบัติภารกิจที่สมควรกระทำให้สำเร็จก่อนกำหนดได้
คำนวณเวลาดูแล้ว เธอยังเหลือเวลาอีกสิบสองวัน เธอใคร่ครวญดูเล็กน้อย ตัดสินใจจะมอบช่วงเวลาสิบสองวันอันแสนสั้นนี้ให้ตัวเอง กระทำเรื่องที่ต้องการจริงๆ ถือเป็นการให้รางวัลตัวเองด้วย
————————————————————————————-
บทที่ 2934 ไม่ผิดนัด 6
เธอรักการดื่มกิน เธอต้องการจะทำตัวเป็นนักชิม ได้ลิ้มชิมอาหารเลิศรสที่เคยกินอีกครั้ง ชีวิตนี้ก็ไม่นับว่าสูญเปล่าแล้ว
เธอเริ่มออกท่องไปตามหกภพภูมิลิ้มชิมอาหารเลิศรส
ท่องจากภพหนึ่งไปยังอีกภพหนึ่ง ทุกวันล้วนกินอาหารครบสามมื้อ ฝีเท้าเธอว่องไว มื้อเช้าอาจจะกินที่ร้านอาหารในภพปีศาจ มื้อเย็นก็กินอยู่ที่เหลาสุราของภพเซียนแล้ว
แน่นอน เนื่องจากร้านรวงเหลาสุราเหล่านี้ที่เธอไปอยู่บ่อยครั้งเป็นแหล่งกระจายข่าวซุบซิบนินทา ดังนั้นจึงได้ฟังข่าวซุบซิบมาบ้างเช่นกัน
ข่าวที่ได้ยินมากที่สุดก็คือข่าวของตี้ฝูอีที่ชื่อเสียงของเขากรียงไกรไปทั่วหกภพภูมิ ในหมู่ชนถึงขั้นที่มีการเล่าขานตำนานวีรกรรมของเขาแล้ว เมื่อนักเล่านิทานเกริ่นบทนำขึ้นมา ผู้ฟังด้านหลังก็หลั่งไหลมาดั่งเมฆาแล้ว เมื่อไปถึงจุดที่เข้มข้น นักเล่านิทานจะเล่าจนน้ำลายฟุ้งกระเด็นเป็นฝอย ฮึกเหิมเร่าร้อน ผู้ฟังที่อยู่ด้านล่างก็เลือดลมพลุ่งพล่านขึ้นมา ร้องตะโกนว่าดี
ตอนที่กู้ซีจิ่วกินข้าวอยู่ในยมโลก ได้พบนักเล่าคนหนึ่งกำลังเล่าเรื่องอยู่ในร้านอาหาร เรื่องที่เล่าเป็นเรื่องตอนที่ตี้ฝูอีพิชิตภพมาร ถึงแม้ในบรรดานั้นจะเป็นเรื่องเสริมแต่งเกินจริงไปเสียมาก แต่กู้ซีจิ่วก็ยังคงรับฟังอย่างได้อรรถรส เพียงมองเป็นนิทานเรื่องหนึ่งเสีย
ต่อให้เป็นเรื่องราวที่ฮึกเหิมเลือดพล่านสักแค่ไหนก็มักจะสอดแทรกเรื่องรักใคร่แยกทางของวีรบุรุษกับโฉมงามไว้บ้าง เช่นนี้ถึงจะดึงดูดผู้ฟังให้ดื่มด่ำไปกับการฟังได้
ด้วยเหตุนี้เรื่องบุญคุณความแค้นระหว่างเทพผู้สร้างโลกกับราชครูตี้จึงถูกเสริมเอาไว้ในเรื่องด้วย กู้ซีจิ่วมีวาสนาได้รับฟังชื่อเสียงของตนอยู่หลายครั้งทีเดียว
ตามเนื้อเรื่องที่นักเล่านิทานกล่าว เธอที่เป็นเทพผู้สร้างโลกมีสายตาเฉียบแหลมในการมองวีรบุรุษ มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าในอนาคตราชครูตี้จะได้เป็นเจ้าแห่งหกภพภูมิ ดังนั้นจึงจำแลงกายสารพัดทุ่มเทกายใจคอยช่วยเหลืออยู่ข้างกายตี้ฝูอี ระหว่างที่คอยช่วยเหลือส่งเสริม เธอได้หลงรักเขา จนใจที่สวรรค์ลิขิตชีวิตคน เทพผู้สร้างโลกกับเจ้าแห่งหกภพภูมิไม่อาจครองรักได้ ประกอบกับศิษย์ของเทพผู้สร้างโลกจงใจขัดขวาง ทั้งสองจึงเลิกรากันก่อนเข้าพิธีเพียงหนึ่งเค่อ ราชครูตี้ตัดสินใจสะบั้นสายใยรัก อุทิศตนเพื่อสร้างความผาสุกให้แก่ปวงชนของหกภพภูมิ
เทพผู้สร้างโลกก็หลบหนีจากไปอย่างหม่นหมอง ยุติความรัก ทุ่มเทจิตใจสั่งสอนศิษย์ให้เป็นยอดคน…
นักเล่านิทานคนนี้เล่าอย่างใส่อารมณ์ เมื่อเล่าถึงจุดที่สะเทือนอารมณ์ ยังหลั่งน้ำตาออกมาด้วย ผู้ฟังก็ฟังกันอย่างเคลิบเคลิ้มมัวเมา เมื่อฟังมาจนถึงฉากจบแล้วก็ยังรู้สึกไม่หนำใจเลย
กู้ซีจิ่วดื่มสุราไปพลาง ฟังนักเล่านิทานคนนี้ไปพลาง เสียเวลาอยู่ที่นี่ทั้งบ่ายโดยไม่รู้ตัว
เธอไม่นึกเลยว่าธรรมเนียมนิยมของชาวบ้านจะเปิดเผยถึงเพียงนี้ กล้าพูดคุยบอกเล่าข่าวซุบซิบของเทพผู้สร้างโลกกับเจ้าแห่งหกภพภูมิอย่างโจ่งแจ้งต่อหน้าสาธารณชน
เพียงแต่ เมื่อมองจากมุมนี้แล้ว ยังคงมองเห็นผลสำเร็จของฝ่ายราชการบ้านเมืองได้ชัดเจนยิ่ง อย่างน้อยๆ ก็ทำให้ชาวบ้านกล้าพูดกล้าวิจารณ์แล้ว
อีกอย่างถึงแม้นักเล่านิทานคนนี้จะเล่าออกทะเลไปไกลโพ้น แต่ดีร้ายอย่างไรก็ยังมีเค้าโครงอยู่บ้าง มิใช่การเต้าข่าวเล่าเรื่องอย่างสมบูรณ์
เมื่อกู้ซีจิ่วฟังนิทานเรื่องนี้จบ จู่ๆ ก็นึกอยากดื่มกับตี้ฝูอีสักครั้ง
สุราของเขาพิเศษยิ่งนักเธอตระเวนไปมาทั้งหกภพภูมิแล้วก็ยังไม่เจอสุราชนิดนั้นที่เขาเคยให้เธอดื่มเลย
คำนวณเวลาดูแล้ว ยังเหลือเวลาอีกสองวันกว่าจะถึงวันที่นัดหมาย วันมะรืนเธอก็จะได้พบเขาแล้ว
หรือเธออาจจะขอให้เขาดื่มสุรากับเธอสักยกก่อนแล้วค่อยไปรับทัณฑ์อัสนีดี?
บางครั้งพอพูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาเลยจริงๆ ความคิดของกู้วีจิ่วเพิ่งแล่นมาถึงตรงนี้ ก็ได้ยินเสียงตะโกนด้วยความยินดีแว่วมาจากด้านนอก “ราชรถของราชครูตี้มาแล้ว!”
กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง เธอนั่งอยู่ริมหน้าต่างพอดี พอได้ยินก็มองออกไปด้านนอกทันที มองเห็นนาวาใหญ่ลำหนึ่งแหวกนภามาแต่ไกลจริงๆ…
นาวาที่สามารถเหินบินบนท้องนภา ซ้ำยังมีรูปร่างโดดเด่นเป็นสง่าเช่นนี้มีเพียงลำนี้ของตี้ฝูอีเท่านั้น ไม่มีลำอื่นแล้ว
บนเรือมีแพรโปร่งโบกพลิ้ว ด้านบนมีเงาคนโยกไหวอยู่เลือนราง
ความโดดเด่นอลังการของเขาในครั้งนี้เมื่อเทียบกับที่เธอได้เห็นคราวก่อนแล้ว ดูยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากกว่ากันนัก!
กู้ซีจิ่วหลุบตาลงแวบหนึ่ง เคลื่อนย้ายไปโผล่บนเรือของเขาโดยตรงเสียเลย “ตี้ฝูอี บังเอิญเหลือเกิน พวกเราพบกันอีกแล้ว ไม่รู้ว่าข้าจะขอดื่ม...” วาจาท่อนหลังเธอไม่ได้กล่าวออกมา ก็กลืนกลับลงคอไปเสีย
————————————————————————————-