บทที่ 2935 เพิกถอนสัมพันธ์อาจารย์ศิษย์
ในเรือไม่ได้มีแค่ตี้ฝูอีคนเดียว แต่มีคนอยู่ถึงเจ็ดคนเต็มๆ
และหกเจ็ดคนนี้กู้ซีจิ่วล้วนรู้จักทั้งสิ้น เป็นผู้นำจากหกภพภูมิ ยามนี้ต่างมาชุมนุมอยู่บนเรือลำนี้หมดแล้ว
ดวงตาเจ็ดคู่มองมาที่เธอ ดวงตาฉายแววตกใจและประหลาดใจกันทุกคน
ตอนนี้กู้ซีจิ่วอยู่ในรูปโฉมของชาวบ้านธรรมดา แต่วิชาเคลื่อนย้ายที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้ของเธอนอกจากเทพผู้สร้างโลกแล้วก็ไม่มีผู้ใดอีก
ดังนั้นผู้นำของหกภพภูมิจึงทึ่มทื่อยิ่งนักไปครู่หนึ่ง ทั้งหมดลุกขึ้นมา ค้อมกายทำความเคารพเธอพร้อมกัน “พระองค์เจ้า!”
ตี้ฝูอีก็ลุกขึ้นมาแล้ว ทำความเคารพเธอแบบครึ่งขั้น “ไม่ทราบว่าพระองค์เจ้าจะมาเยือน จึงไม่ได้เตรียมการต้อนรับ ขออภัยด้วย”
วาจาเกรงอกเกรงใจประโยคนี้ขีดเส้นแบ่งให้สองฝ่ายห่างเหินกัน ทำให้กู้ซีจิ่วกล่าวถ้อยคำท่อนหลังอันคึกคักไม่ออกแล้ว
เธอให้ทุกคนลุกขึ้นมาก่อน ยิ้มแวบหนึ่ง “หนนี้ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้ายิ่ง” แล้วชะงักไปแวบหนึ่ง “มิสู้มาร่วมดื่มด้วยกันสักหน?”
ถือเสียว่าให้พวกเขาได้เลี้ยงอำลาเธอก็แล้วกัน
ตี้ฝูอีขมวดคิ้วนิดๆ แต่ยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยนแวบหนึ่ง “พระองค์เจ้าเชื้อเชิญ ถือเป็นวาสนาของพวกเราแล้ว แต่วันนี้ยังมีธุระสำคัญอยู่จริงๆ เอาไว้วันหน้าพวกเราค่อยเชิญพระองค์เจ้ามาพบกันอีกหน”
เมื่อตี้ฝูอีปฏิเสธแล้ว คนที่เหลือย่อมปฏิเสธด้วย แน่นอนว่ายังคงปฏิเสธอย่างแนบเนียนยิ่ง อีกทั้งพากันให้สัญญาว่าจะหาวันดีสักวัน เชื้อเชิญเธอมาอีครั้ง บางคนก็จริงจังยิ่ง แม้แต่วันที่จะจัดงานเลี้ยงก็กำหนดเอาไว้ดีแล้ว
กู้ซีจิ่วยิ้มแวบหนึ่ง ไม่กล่าวอะไร หมุนกายเคลื่อนย้ายจากไป
พรุ่งนี้ก็ส่วนพรุ่งนี้ ถึงอย่างไรก็มีพรุ่งนี้อยู่มากมายเหลือเกิน วันพรุ่งนี้ของคนอื่นมีอยู่นับไม่ถ้วน แต่วันพรุ่งนี้ของเธอเหลืออยู่ไม่กี่วันแล้ว
ทุกคนพากันส่ายหน้า หลายปีมานี้เทพผู้สร้างโลกรักสงบยิ่งนัก แทบไม่ค่อยสนใจจัดการเรื่องราวแล้ว ทุกคนมีเพียงความเคารพนับถือให้นางเท่านั้น มิได้เกรงกลัวนางเลย
ไม่เหมือนตี้ฝูอี นั่นคือความเคารพเลื่อมใสและยำเกรงอย่างแท้จริง อยากเชื่อฟังคำสั่งชี้แนะจากเขาอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้
หลังจากกู้ซีจิ่วไปแล้ว ทุกคนก็นึกถึงวิวาห์ล่มครั้งนั้นขึ้นมา เมื่อมองจากท่าทีที่ตี้ฝูอีที่มีต่อพระองค์เจ้าแล้ว ดูเหมือนราชครูผู้นี้จะปล่อยมือจากพระองค์เจ้าแล้วจริงๆ ถึงทำตัวเย็นชาได้
ก็ถูกแล้ว ด้วยฝีมือและฐานะของตี้ฝูอี วันหน้าต้องการสตรีเช่นใดก็หาได้ทั้งนั้นมิใช่หรือ? ไยจะต้องแต่งออกให้แก่ผู้ที่มีฐานะสูงส่งถึงเพียงนี้ด้วยเล่า?
ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นเทพ แต่หากฝ่ายชายต้องแต่งเข้าบ้าน ก็มักจะเป็นการลดทอนศักดิ์ศรีลง
ทุกคนเริ่มพูดคุยหัวข้อที่ถูกกู้ซีจิ่วโผล่มาขัดจังหวะเมื่อครู่นี้ต่อแล้ว ยิ่งพูดคุยก็ยิ่งร้อนแรง
จากนั้นก็มีคนพบว่าตี้ฝูอีไม่ได้พูดอะไรมาพักหนึ่งแล้ว หมุนถ้วยน้ำชาในมือ น้ำชาในถ้วยเย็นลงแล้ว เขาก็ไม่ได้ดื่มเข้าไปเลยสักอึก
“ราชครูตี้ ท่านราชครูตี้ ความเห็นของท่านคืออย่างไร?”
บางคนจึงเอ่ยถามความเห็นของเขาเสียเลย
ตี้ฝูอีวางถ้วยชาในมือลง “ความเห็นอันใดของข้า?”
ทุกคนพูดไม่ออกแล้ว…
ดูเหมือนราชครูตี้จะใจลอยไปเสียแล้ว
ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงเล่าหัวข้อสนทนาเมื่อครู่นี้ออกมาอย่างคร่าวๆ อีกครั้ง จากนั้นก็ขอให้เขาตัดสินใจ
ตี้ฝูอีคล้ายจะตัดสินใจอะไรได้แล้ว “รอสักครู่”
จากนั้นลุกขึ้นเดินออกไป เรียกข้ารับใช้ที่อยู่ใกล้ๆ มาคนหนึ่ง สั่งการเขาสองสามประโยค เมื่อเห็นว่าข้ารับใช้คนนั้นรับคำสั่งจากไปแล้ว เขาถึงได้กลับเข้าไปที่ห้องโดยสาร หารือกับทุกคนต่อ
เพียงแต่คล้ายว่าเขาจะยังคงใจลอยอยู่บ้าง จนกระทั่งผ่านไปสักพักข้ารับใช้คนนั้นกลับมา ได้ใช้ข้อความลับรายงานเรื่องราวบางอย่างต่อเขา “เรียนท่านราชครู ข้าน้อยไปสืบมาชัดจนแล้ว พระองค์เจ้าออกจากยมโลกไปแล้วขอรับ ไปยังแดนมนุษย์ ไปกินข้าวที่เหลาสุราหมู่บ้านคงคาสวรรค์แล้วขอรับ”
ตี้ฝูอีถอนหายใจน้อยๆ ด้วยความโล่งอก โบกมือให้เขาออกไป
กู้ซีจิ่วชอบกินอาหารสองสามชนิดของเหลาสุราหมูบ้านคงคาสวรรค์ เขาทราบดี
อยู่ในขั้นตัดธัญญะแล้วชัดๆ แต่ยังคงชื่นชอบของกินสารพัดอย่าง
————————————————————————————-
บทที่ 2936 เพิกถอนสัมพันธ์อาจารย์ศิษย์ 2
อยู่ในขั้นตัดธัญญะแล้วชัดๆ แต่ยังคงชื่นชอบของกินสารพัดอย่าง ดูเหมือนว่าความตะกละของนางจะเป็นเช่นเดียวกับความไร้หัวใจของนาง กี่สิบปีก็ยังเป็นเช่นเดิม ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
….
กู้ซีจิ่วท่องอยู่ในแดนมนุษย์อีกหนึ่งวัน ของอร่อย ของไม่อร่อย อาหารประหลาดที่ยังไม่เคยลิ้มลอง…เธอลองลิ้มชิมดูไปอย่างละรอบแล้ว
กินจนท้องกลมป่อง เธอจุกเสียดอยู่บ้าง จึงเดินย่อยอาหารบนท้องถนน
แดนมนุษย์ก็รุ่งเรืองเฟื่องฟูยิ่งนักเช่นกัน บนท้องถนนคึกคักยิ่ง ฝูงชนหลั่งไหลปานระลอกคลื่น เต็มไปด้วยผู้ที่มาท่องเที่ยว
ดวงโคมที่ห้อยอยู่สองฟากถนนแกว่งไกวอยู่ในสายลม สามารถประชันกับจันทร์เพ็ญบนนภาได้เลย
กู้ซีจิ่งมองเห็นคู่รักเหล่านั้นที่เดินผ่านตัวไปเป็นครั้งคราว ถึงนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันขึ้นสิบห้าค่ำ เทศกาลไหว้พระจันทร์
คนอื่นล้วนมากันเป็นคู่ ในหมู่คู่รักหนุ่มสาวเหล่านั้นฝ่ายชายมักจะโอ๋เอาใจสตรีข้างกายยิ่งนัก พูดคุยยิ้มหัว ซื้อของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้สารพัดอย่าง…
“พี่ฮวน ข้าอยากได้หุ่นน้ำตาลปั้นอันนั้น” สตรีนางหนึ่งที่แต่งกายซอมซ่อยิ่งนักเอ่ยขึ้น
บุรุษที่อยู่ข้างกายนางสวมเสื้อผ้าที่ดูซอมซ่อไม่ต่างกัน เขาชะงักไปเล็กน้อย ทว่ายังคงตอบรับ “ได้!”
พลางกัดฟันหยิบเงินสามอีแปะออกมาซื้อหุ่นน้ำตาลปั้นตัวนั้นให้นาง
สตรีนางนั้นกลอกตาแวบหนึ่ง หยิบหุ่นน้ำตาลปั้นอีกตัวมาจากแผง “เอ้า ท่านก็เอาด้วยอันหนึ่งสิ”
เห็นได้ชัดว่าชายคนนั้นหักใจไม่ลง “ข้า…ข้าไม่กิน ข้าไม่ชอบของหวานๆ”
“หุ่นน้ำตาลปั้นสองตัวนี้เป็นคู่กัน พวกเราต้องกินกันคนละตัววันหน้าถึงจะรักกันหวานชื่น กินเถอะ กินเถอะนะ” สตรีนางนั้นตื้อ
สุดท้ายชายคนนั้นก็ขัดนางไม่ได้ กัดฟันซื้อมาอีกตัว จากนั้นทั้งสองจากไปพร้อมกับกินไปด้วย
“พี่ฮวน หวานไหม?”
“หวาน!”
“วันหน้าพวกเราล้วนจะรักกันหวานชื่น”
“อื้ม!”
ทั้งสองจูงมือกันจากไปแล้ว
“แม่นาง เอาด้วยสักตัวไหม?” คำถามจากช่างเป่าหุ่นน้ำตาลคนนั้นดึงสติของกู้ซีจิ่วให้กลับมา เธอถึงได้พบว่าตัวเองยืนอยู่หน้าแผงของผู้อื่นมาหนึ่งก้านธูปเต็มแล้ว
เธอมองหุ่นน้ำตาลปั้นยี่สิบสามสิบตัวบนแผงที่อยู่ในอิริยาบถแตกต่างกันไป พลันโบกมือน้อยๆ “เอา! แม่นางอย่างข้าเหมาหมดเลย!”
ช่างเป่าน้ำตาลตกตะลึง!
ผ่านไปครู่หนึ่ง ช่างเป่าน้ำตาลก็กระวีกระวาดเก็บแผงแล้วไปรวมตัวพร้อมหน้ากับลูกเมียอย่างมีความสุข
กู้ซีจิ่วถือหุ่นน้ำตาลปั้นกองหนึ่งเดินเตร่ไปตามท้องถนน ไม่รู้ว่าควรเลือกกินตัวไหนก่อนชั่วขณะ
ต่อมาเธอได้เลือกตัวที่ดูเข้าตาที่สุดมาหนึ่งตัว กัดเข้าไปคำหนึ่ง
สำหรับคนที่คุ้นชินกับการกินอาหารเลิศรสอย่างเธอแล้ว หุ่นน้ำตาลปั้นนี้ไม่อร่อยเลยจริงๆ เมื่อเธอเคี้ยวอยู่ในปากไม่น่าเชื่อว่าจะรู้สึกขมเฝื่อนอยู่บ้าง
เห็นทีว่าเหตุผลที่คู่รักหนุ่มสาวคู่นั้นรู้สึกว่าหวานคงจะเป็นเพราะความหวานชื่นในหัวใจ…
“ท่านน้า ท่านขายหุ่นน้ำตาลปั้นหรือเปล่า?” มีคนกระตุกแขนเสื้อเธอจากด้านล่าง
เธอก้มหน้าลง มองเห็นหัวผักกาดน้อยเจ็ดแปดคน กำลังมองหุ่นน้ำตาลปั้นในมือเธอตาแป๋ว
เหล่าหัวผักกาดน้อยมีทั้งชายและหญิง ใบหน้าเปี่ยมด้วยความสดใสของวัยเยาว์
กู้ซีจิ่วแบ่งหุ่นน้ำตาลปั้นในมือทั้งหมดให้พวกเด็กๆ ไป “ให้พวกเจ้าแล้วกัน!”
พวกเด็กๆ โห่ร้องยินดีแล้วรับเอาไป กินกันอย่างอดรนทนไม่ไหว
“หวานไหม?” เธอถาม
“หวาน!”
“หวาน! อร่อยจัง!”
“หวานเหลือเกิน! ขอบคุณท่านน้า…”
พวกเด็กๆ กินหุ่นน้ำตาลปั้นหมดภายในสองสามคำ จากนั้นก็ไปหาเรื่องน่าสนุกอย่างอื่นแล้ว วิ่งจากไปอย่างมีความสุข เสียงหัวเราะอันสดใสแว่วลอยตามลมออกไปไกล
มุมปากของกู้ซีจิ่วหยักขึ้นมานิดๆ
มีคนกินแล้วหวานก็ดีแล้ว
บางที คนที่กินแล้วรู้สึกขมอาจจะมีแค่เธอคนเดียวกระมัง?
เห็นอยู่ชัดๆ ว่ากินจนจุกมากแล้ว ทว่าเธอยังคงรู้สึกว่าส่วนหนึ่งในหัวใจยังคงว่างเปล่าอยู่บ้าง เธอไหลไปตามคลื่นมนุษย์ เสียงหัวเราะพูดคุยดังอยู่รอบข้าง ทว่าเธอกลับรู้สึกเดียวดายอย่างที่ยากจะบรรยาย
ยามที่ชีวิตเริ่มต้นนับถอยหลังขึ้นมาอย่างแท้จริง จู่ๆ เธอพลันรู้สึกว่าตนก็ค่อนข้างหวาดกลัวอยู่บ้างเช่นกัน…
————————————————————————————-