ตอนที่ 850 การกลับไปที่เกาะสามเซียน
ระหว่างทาง เจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ฆ่าซากศพเซียนผู้คุมกฎไปหลายสิบคนก่อนสุดท้ายจะออกจากหลุม
ขณะยืนอยู่ขอบของหลุมดารา เจี้ยนเฉินจ้องมองลงไปในหลุมอย่างเคร่งขรึม เขาได้ผ่อนคลายลงเล็กน้อยและกล่าวว่า “โชคดีนักที่พวกศพมีชีวิตเหล่านี้ไม่สามารถไล่ตามทัน ไม่งั้นพวกเราคงต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุนเท่านั้น ดูท่าซากศพที่ด้านล่างของหลุมดาราจะไม่สามารถออกมาได้นะ ? “
เจี้ยนเฉินครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะส่ายหัวเบา ๆ เขาไม่คิดหาคำตอบเหล่านี้อีกต่อไป แทนที่ด้วยมองไปรอบ ๆ แต่เขาก็ยังไม่พบรุยจินหรือเฮยยู่
“ข้าสงสัยว่าผู้อาวุโสรุยจินและเฮยยู่เป็นอย่างไรบ้างตอนนี้ ข้าหวังว่าจะหาพวกเขาพบ” เจี้ยนเฉินพึมพำ เขายังกังวลอยู่เล็กน้อยกับพวกอาวุโสทั้งสอง ไม่ว่าอย่างไรก็ตามพวกเขาเคยช่วยเหลือเขาก่อนหน้า โดยเฉพาะผู้อาวุโสรุยจิน หากไม่มีความช่วยเหลือของพวกเขา บางทีเจี้ยนเฉินคงจะไม่สามารถได้รับหญ้าน้ำลายมังกรที่ล้ำค่าจำนวนมาก
เจี้ยนเฉินยืนอยู่กับที่ด้วยความลังเลเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หันหน้าไปทางหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์และกล่าวว่า “หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ เราได้บรรลุวัตถุประสงค์ของเราสำหรับการมามหาสมุทรดวงดาวแล้ว ถึงเวลาที่เราจะกลับกันแล้วล่ะ”
ในตอนนี้ หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ได้สงบใจลงอย่างสมบูรณ์แล้ว นางไม่ได้ติดใจเรื่องการกระทำชั่วช้าของเจี้ยนเฉินอีก ทว่าเขารู้สึกว่านางกลายเป็นเย็นชายิ่งกว่าเก่า
เมื่อตอนแรกที่เขามอบหญ้าน้ำลายมังกรให้นาง เขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ค่อนข้างมีความประทับใจที่ดีให้กับเขามากทีเดียว แต่ตอนนี้ ความประทับใจนั่นได้หายจากไปโดยสมบูรณ์แล้ว เจี้ยนเฉินทำได้เพียงคร่ำครวญภายในใจเท่านั้น
พิณปีศาจร่ำไห้ปรากฏในมือของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์อีกครั้งอย่างเงียบ ๆ ราวกับว่านางจะรู้สึกอึดอัดใจเต็มไปหมด ถ้านางไม่ถือมัน นางลูบสายพิณเบา ๆ ด้วยนิ้วอันงดงามของมือขวาของนาง และหันหลังให้เจี้ยนเฉิน แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า “จำไว้ซะ ลืมเรื่องนั้นไปให้หมดเสีย อย่ากล่าวถึงมันอีกในอนาคต ไม่งั้นข้าจะไม่ให้จากไปง่าย ๆ แน่” เมื่อพูดจบ หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ไม่รอกับคำตอบใด ๆ เท้าของนางย่างออกจากพื้นดินและนางก็บินไปทางรอบนอกของมหาสมุทรดวงดาวที่ระดับความสูงไม่มาก
เจี้ยนเฉินลอบถอนหายใจ จากนั้นรอยยิ้มแบบฝืน ๆ ปรากฏบนใบหน้าของเขา ภาพความทรงจำนั่นสลักไว้ในใจของเขาแล้ว เขาควรจะลืมมันได้อย่างไร ?
เคลื่อนกายเล็กน้อย เจี้ยนเฉินใช้ทักษะมายาพริบตาไล่ตามหลังของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์อย่างติด ๆ ตอนนี้เขาได้พบหญ้าน้ำลายมังกรแล้ว เขาจำเป็นต้องกลับไปที่มหาสมุทรดวงดาวเพื่อช่วยเจียงหยาง ซู หยุนคง
ทั้งสองออกจากมหาสมุทรดวงดาว ตอนนี้ความแข็งแกร่งของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล หมอกบังตารอบ ๆ มหาสมุทรไม่อาจคุกคามพวกเขาได้อีกต่อไป พวกเขาสามารถเคลื่อนผ่านมันโดยไร้ซึ่งอุปสรรคใด ๆ
ทันทีที่โผล่ออกจากหมอก หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์จู่ ๆ กลายเป็นภาพพร่ามัว บินออกไปในระยะไกลโดยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ นางหายไปในชั่วพริบตาและทิ้งเจี้ยนเฉินผู้ซึ่งลอยเคว้งอยู่นอกหมอกไว้ด้านหลัง
เมื่อมองไปตามทิศทางที่นางจากไป เจี้ยนเฉินส่ายหัวอย่างหมดหนทาง เขารู้ว่าเรื่องนี้ส่งผลต่อหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์อย่างมาก เขาหลอมรวมกับมิติโดยรอบและใช้พลังมิติรีบออกไป
เจี้ยนเฉินบินตรงกลับไปยังเกาะสามเซียน ตามเส้นทางในความทรงจำเขา
สองเงาร่างบินอยู่แต่ไกล ๆ พวกนางทั้งสองเป็นศิษย์ของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ เสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเย่
“ท่านเจี้ยนเฉิน ในที่สุดท่านก็กลับมา ผ่านไป 4 ปีแล้วตั้งแต่ท่านเดินทางจากไปพร้อมนายหญิง มันทำให้เราเงียบเหงามาก บางเวลาก็กังวลว่านายหญิงจะเผชิญพบกับจุดจบที่ไม่ดีหรือไม่” เสี่ยวเหยียนพูดจากแต่ไกล ๆ น้ำเสียงนางเห็นได้ชัดว่าแค่พูดอย่างสนุกสนาน
“ใช่แล้ว ท่านเจี้ยนเฉิน ท่านพบอันตรายอะไรหรือไม่ระหว่างเดินทางไปมหาสมุทรดวงดาว ? ทำไมนายหญิงถึงทำตัวแปลก ๆ ยามนายหญิงกลับมา ราวกับว่านายหญิงเป็นคนอื่นไปเสียอย่างนั้น ? ” เสี่ยวเย่ถามออกมา ใบหน้านางเต็มไปด้วยความกังวลและความเป็นห่วง
“นายหญิงทำตัวแปลก ๆ อย่างไร ?” เจี้ยนเฉินถามออกมาอย่างอยากรู้
“ทันทีที่ท่านนางกลับมา นางเอาแต่เก็บตัวอยู่ในภูเขาอย่างสันโดษ นางไม่สนใจเราเลยและไม่กล่าวตอบไม่ว่าจะเรื่องใด ๆ ที่เราถาม ท่านเจี้ยนเฉิน ท่านต้องบอกข้าอย่างซื่อตรงน่ะ ว่าในปีนั้นท่านไปทำอะไรกับนายหญิงกันแน่ แค่สักนิดก็ยังดี เกิดอะไรขึ้นกับนาง ? ” ใบหน้าของเสี่ยวเหยียนเต็มไปด้วยความรู้สึกกังวล ยามที่ใกล้จบคำพูดนาง จู่ ๆ นางก็กลายเป็นเคร่งขรึมและใช้สายตาไปยังเจี้ยนเฉินอย่างข่มขู่
เจีนเฉินหัวเราะออกมาว่า”การเดินทางครั้งนี้ นายหญิงได้รับสิ่งต่าง ๆ มากมาย ความแข็งแกร่งนางเพิ่มพูนขึ้นมหาศาลทีเดียว นางจำเป็นต้องฝึกฝนเพื่อทำความแข็งแกร่งให้มั่นคงด้วยการกักตัวฝึกฝนเมื่อนางกลับมายังไงล่ะ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล และอย่ารบกวนนายหญิง”
“เป็นเช่นนั้นจริงหรือ ? ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมแน่นอน ความแข็งแกร่งนายหญิงกำลังจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในตอนนี้”
ทั้งสองสาวจู่ ๆ ก็กลายเป็นตื่นเต้นพร้อมกับพูดคุยเรื่องต่าง ๆ กับเจี้ยนเฉินไม่หยุด
“ใช่แล้ว ท่านเจี้ยนเฉิน ท่านพบหญ้าน้ำลายมังกรแสนปีหรือไม่ ? ” เสี่ยวเยี่ยถามขึ้นต่อ
“โชคดี ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ข้าจึงได้รับหญ้าน้ำลายมังกร ในตอนนี้เราคงสามารถทำให้ท่านบรรพชนทะลวงผ่านเป็นเซียนผู้คุมกฏได้สำเร็จ”เจี้ยนเฉินกล่าว
“ช่างยอดเยี่ยมไปเลย ผู้ที่น่าสงสารนั่นในที่สุดคงสามารถบรรลุเซียนผู้คุมกฎได้เสียที ตราบที่เขาทะลวงผ่านอย่างสำเร็จ ความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานเขาคงจะลดน้อยลงมาก” เสี่ยวเหยียนกล่าว นางรู้สึกมีความสุขมาก
“ใช่ เพราะตราประทับที่อยู่ในจิตใจเขาตั้งแต่หลายปีก่อน จึงทำให้เขาเจ็บปวดทุกข์ทรมานมากมาตลอด ต่อให้เราไม่ได้คอยเฝ้าดู เขาในตอนนี้คงไม่เป็นไรแล้ว ในที่สุดเขาก็สามารถอยู่เป็นอิสระเสียที เอาล่ะ เราอย่าพูดให้มากความ ท่านเจี้ยนเฉิน ท่านน่าจะรีบนำหญ้าน้ำลายมังกรให้เขากินน่ะและปลดปล่อยเขาให้หลุดพ้นจากความเจ็บปวดทุกข์ทรมานให้เร็วขึ้นสักนิดหน่อย” เสี่ยวเย่รู้มีความสุขมากด้วยเหมือนกัน รอยยิ้มของนางค่อนข้างจริงใจ
ถึงแม้เสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเย่จะเป็นเซียนผู้คุมกฎ พวกนางมักจะอาศัยอยู่อย่างปรองดองบนเกาะสามเซียนเสมอ ไม่ค่อยนักที่พวกนางจะเดินทางออกจากเกาะ ซึ่งทำให้ความอ่อนโยนและความเมตตาเล็ก ๆ ยังคงมีอยู่ในจิตใจพวกนาง พวกนางไม่เคยทำตัวเลวร้ายโดยการโต้เถียงและหลอกหลวงอย่างเช่นผู้คนบนทวีปเทียนหยวน
เสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเย่ไปกับเขา พวกเขามาถึงถ้ำที่เจียงหยาง ซู หยุนคงอยู่ พวกเขาพบว่าเจียงหยาง ซู หยุนคงกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงหิน
เสี่ยวเย่กล่าวว่า เพื่อลดความเจ็บปวด เราใช้เพลงจากพิณเพื่อทำให้เขานอนหลับ ท่านเจี้ยนเฉินโปรดรอสักนิด จากนั้นนางก็หันไปหาเสี่ยวเหยียน ศิษย์น้องรีบทำให้เขาตื่นขึ้นมา เล่นเพลงทำนองปลอบโยน-วิญญาณ
เจ้าค่ะ ศิษย์พี่ เสี่ยวเย่ทรุดกายลงนั่งขัดสมาธิทันที นางค่อย ๆ ดีดสายพิณของนางด้วยมือที่สง่างามและเล่นเพลงเบา ๆ
นิ้วมือของเสี่ยวเย่สัมผัสกับสายพิณด้วยวิธีที่ไม่เหมือนใครเพื่อปลุกเจียงหยาง ซู หยุนคงจากการนอนหลับ
เจียงหยาง ซู หยุนคงค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียงหิน เขากล่าวด้วยน้ำเสียงโบราณ ๆ ว่า เห้อ ข้านอนหลับครั้งนี้นานแค่ไหน ?
เจี้ยนเฉินได้เดินขึ้นไปและหยิบหญ้าน้ำลายมังกรออกจากแหวนมิติของเขา ท่านปู่ ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ข้าได้รับหญ้าน้ำลายมังกรที่มีอายุเกินกว่าแสนปีมาแล้ว
เจียงหยาง ซู หยุนคงเห็นหญ้ายาวครึ่งเมตรอยู่ในมือของเจี้ยนเฉิน ทันทีที่เห็น เขาก็รู้สึกตื่นเต้นและมือที่ยืดออกมารับหญ้าน้ำลายมังกรนั้นสั่น เขาพึมพำอย่างตื่นเต้น หญ้าน้ำลายมังกร หญ้าน้ำลายมังกร ! นี่เป็นหญ้าน้ำลายมังกร ! ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าตราประทับในจิตใจข้าจะถึงเวลาที่สามารถหยุดยั้งได้แล้ว ! ในที่สุดข้าก็มีโอกาสที่จะได้เป็นเซียนผู้คุมกฏ
เจียงหยาง ซู หยุนคงรับหญ้าน้ำมังกรไว้ในมือ พน้อมกับดวงตาที่วาววับพลางกล่าวว่า หลานชาย ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จในการได้รับหญ้าน้ำลายมังกรจากมหาสมุทรดวงดาว มันจำเป็นต้องเสี่ยงอันตรายมาก
เจี้ยนเฉินยิ้ม ท่านปู่ ข้าไม่ได้กลับมาอย่างปลอดภัยหรอกหรือ ? ตอนนี้อย่าพูดถึงเรื่องนี้อยู่เลย เร็วเข้าเถิด ใช้หญ้าน้ำลายมังกรเพื่อยับยั้งตราประทับในจิตใจของท่านและบรรลุเซียนผู้คุมกฏเถิด ท่านปู่จะได้รับชีวิตที่ยืนยาวอีกหลายพันปี ข้าจะหาวิธีเพื่อถอนตราประทับออกจากจิตใจท่านในอนาคตเอง
เจี้ยนเฉินและเจียงหยาง ซู หยุนคง คุยกันตามประสาปู่หลานอยู่นานก่อนที่เขาจะออกจากถ้ำ เพื่อรอคอย เจียงหยาง ซู หยุนคงบรรลุเป็นเซียนผู้คุมกฏ ในขณะเดียวกันเสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเย่ยังคงอยู่ภายในถ้ำเพื่อเล่นเพลงทำนองสร้างความปลอดโปร่งเพื่อเป็นโอกาสช่วยให้ เจียงหยาง ซู หยุนคงประสบความสำเร็จ
นอกถ้ำ เจี้ยนเฉินนั่งอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ เขาสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวภายในถ้ำด้วยความเคร่งเครียด เขาไม่สามารถช่วยอะไรเพื่อท่านปู่ของเขาได้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือการภาวนาอย่างเงียบ ๆ และปกป้องสถานที่แห่งนี้ไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้คนสร้างความวุ่นวาย
ในขณะนี้ดวงตาของเจี้ยนเฉินก็หดแคบลง เขาจู่ ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปที่ไกล ๆ มีเงาร่างบินมาด้วยความเร็วสูงเป้าหมายของมันคือเกาะสามเซียน
เซียนผู้คุมกฎ ! เจี้ยนเฉินกลายเป็นเคร่งขรึมอย่างมากและคิดว่า ท่านปู่อยู่ในขั้นตอนสำคัญ เสี่ยวเย่และเสี่ยวเหยียนก็ต้องเล่นเพลงเพื่อทำให้จิตใจปลอดโปร่งจึงไม่สามารถออกไปไหนได้เวลานี้ นี่ไม่ใช่เวลาที่ควรจะเกิดความวุ่นวายใด ๆ เจี้ยนเฉินหายตัวไปในพริบตา โผล่ขึ้นอีกทีหลายพันเมตร ฝีเท้าเขาไม่หยุดนิ่ง ก้าวไปทางกลางอากาศและเดินทางไปยังเงาร่างที่บินมา
เจี้ยนเฉินได้ขัดขวางผู้คนไว้ห่างจากเกาะประมาณ 5 กิโลเมตร มันคือชายผิวขาวที่ดูหล่อเหลา ซึ่งดูเหมือนจะอายุประมาณเท่าเขา
เมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของคนผู้นั้นอย่างชัดเจนหัวใจของเจี้ยนเฉินระรัวขึ้น รูปลักษณ์ของชายหนุ่มที่ดูหล่อเหลาผู้นี้คือคนที่พยายามจะเกี้ยวพาหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เมื่อครั้งที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองทหารรับจ้าง องค์ชายไป่เจี้ยน จู่ ๆ ปรากฏขึ้นที่หัวของเขา ชายหนุ่มผู้ที่อยู่ตรงหน้าเจี้ยนเฉินดูท่าจะเป็นเขา
เมื่อถูกปิดกั้นไว้โดยเจี้ยนเฉิน ไป่เจียนตกอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ดีนัก อย่างไรก็ตามเขายังสามารถบอกได้ว่าเจี้ยนเฉินเป็นเซียนผู้คุมกฏ เป็นคนที่มีระดับการบ่มเพาะระดับเดียวกับเขา
เจ้าเป็นใครกัน ? ไป่เจี้ยนจ้องเขม็งที่เจี้ยนเฉินพลางตะโกนออกมา น้ำเสียงเขาดูไม่เป็นมิตรนัก
ข้าเป็นใครไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือเจ้าไม่สามารถเข้าไปในเกาะสามเซียนได้ในตอนนี้ โปรดรออีกสักสองสามวันเถอะ เจี้ยนเฉินป้องมือไปที่ไป่เจี้ยนและพูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
ใบหน้าไป่เจี้ยนมืดครึ้มลง มันกล่าวว่า อวดดีนัก เจ้ากล้าขวางทางข้า องค์ชายไป่เจี้ยนงั้นหรือ ? เจ้าต้องเหนื่อยกับการมีชีวิตแล้วแน่ ๆ ข้าเป็นสหายเก่าของนายหญิงแห่งเกาะนี้ ถ้าข้าอยากจะเข้าเกาะก็ไม่มีใครอย่างเจ้าจะมีสิทธิ์ ออกไปในพ้นทางเดี๋ยวนี้ หรือไม่งั้นจะโทษข้าว่าไม่สุภาพกับเจ้า
ใบหน้าของเจี้ยนเฉินก็มืดครึ้มลงเล็กน้อย เขากล่าวว่าเย็นชาว่า เจ้าไม่สามารถเข้าไปในเกาะได้ในตอนนี้ โปรดรอสักสองสามวัน
ประกายความโกรธจาง ๆ ในแววตาของไป่เจี้ยน เขาเย้ยหยันว่า ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีคนอย่างเจ้าอยู่ที่เกาะสามเซียนด้วย บางทีอาจมีบางอย่างที่เกิดขึ้นบนเกาะนี้ เลยคิดจะขวางทางข้าแบบนี้งั้นสิ ไป่เจี้ยนดูเหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง เขาตัดสินใจไม่พูดคุยกับเจี้ยนเฉินอีกต่อไป พลางเคลื่อนกายผ่านเจี้ยนเฉินและบินไปทางเกาะสามเซียน
เจี้ยนเฉินใช้ทักษะมายาพริบตาและทิ้งภาพพร่ามัวไว้เบื้องหลัง พลางบินไปดักหน้าไป่เจี้ยนด้วยความเร็วสูงสุด เขาปิดทางไป่เจี้ยนอีกครั้งแล้วกล่าวว่า เจ้า โปรดอยู่ที่นี่ !
หลีบไป ! ไป่เจี้ยนตะโกน เขาห่วงว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเกาะสามเซียน จึงไม่อยากจะหยุดเสวนากับเจี้ยนเฉินอีกต่อไป พลางใช้กำปั้นชกใส่เจี้ยนเฉินทันที