ตอนที่ 851: การต่อสู้กับไป่เจี้ยน
ไป่เจี้ยนไม่ต้องการที่จะพูดคุยกับเจี้ยนเฉินอีกต่อไป เขาเหวี่ยงหมัดเหมือนสายลมไปที่เจี้ยนเฉินซึ่งแหวกผ่านอากาศด้วยเสียงบาดหู พลังขับเคลื่อนที่รุนแรงดูเหมือนจะทำให้มิติที่มันผ่านไปถูกบีบอัด
เจี้ยนเฉินเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับไป่เจี้ยนอยู่แล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับการจู่โจมอย่างกะทันหันของไป่เจี้ยน เขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนกเลย เขาสงบสติและใจเย็น แววตาของเขาเย็นชา เขาไม่มีความตั้งใจที่จะหลบและเติมเต็มทุกส่วนของร่างกายของเขาไปด้วยพลังบรรพกาล เขาผลักดันร่างบรรพกาลขั้นที่ 2 ของเขาไปจนถึงขีดสุด เขาวางแผนที่จะใช้หมัดของไป่เจี้ยนในการวัดความแข็งแกร่งของพลังบรรพกาลของเขา
ปัง !
เสียงดังอื้ออึง หมัดที่เหมือนเหล็กกล้าของไป่เจี้ยนกระแทกเข้าไปที่หน้าอกของเจี้ยนเฉินอย่างไม่ปราณี แรงที่ทรงพลังทำให้เกิดคลื่นที่มองเห็นได้กระจายออกมา
ร่างของเจี้ยนเฉินสั่นอย่างรุนแรง เขาเสียการทรงตัวและลอยกระเด็นถอยไปหลายร้อยเมตรจากพลังของหมัด อย่างไรก็ตาม ท่าทีของเจี้ยนเฉินยังคงเหมือนเดิม เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บเลย
ไป่เจี้ยนก็ถูกกระแทกกระเด้นออกไปร้อยเมตรจากแรงสะท้อนเช่นกัน เมื่อหมัดของเขาโดนร่างของเจี้ยนเฉิน เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาต่อยเข้ากับแผ่นเหล็กกล้าที่แข็งแกร่งมากจนทำให้แขนของเขายังชา
“เป็นร่างที่ทรงพลังอะไรเช่นนี้” ไป่เจี้ยนตกตะลึงในใจและเขาก็มองไปที่เจี้ยนเฉิน เขาไม่เห็นแม้แต่การผงะจากเจี้ยนเฉินและเขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย ไป่เจี้ยนประหลาดใจและใบหน้าของเขาก็แสดงความประหลาดใจออกมา
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ? เขาใช้ร่างกายเพื่อต้านทานการโจมตีของข้าและเขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย ! แม้แต่ร่างที่ทรงพลังของสัตว์อสูรโบราณยังทำแบบนี้ไม่ได้เลย เขาทำมันได้อย่างไรกัน ? ” ไป่เจี้ยนเริ่มเครียดและไม่ดูถูกเจี้ยนเฉินอีกต่อไป
หลายร้อยเมตรถัดไป เจี้ยนเฉินสบตากับไป่เจี้ยนในขณะที่เขาลอยอยู่เหนือทะเล เขาถูไปที่หน้าอกของเขาที่เริ่มเจ็บเล็กน้อยจากการโจมตีและเขาก็ถาม “เจ้าอยู่ในชั้นสวรรค์ใด ? ” แม้ว่าพลังแห่งการมีอยู่ที่ทรงพลังของเจี้ยนเฉินจะสามารถจับได้ถึงความแข็งแกร่งของไป่เจี้ยน แต่เขาก็ไม่สามารถรู้แน่ชัดได้ถึงระดับการฝึกฝนที่แน่นอนของเขา
“ชั้นสวรรค์ที่ 7 ข้าสงสัยเหลือเกินว่าเจ้าใช้วิธีไหนในการฝึกถึงทำให้เจ้ามีร่างกายที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ? บางทีเจ้าอาจจะมีสมบัติป้องกันตัวหรือเปล่า ? ” ไป่เจี้ยนถามเสียงทุ้ม จากพลังแห่งการมีอยู่ของเจี้ยนเฉิน เขาสามารถบอกได้เลยเพียงแค่มองปราดเดียวว่าคนผู้นี้คือมนุษย์และไม่ใช่สัตว์อสูร เขาไม่อยากเชื่อว่ามนุษย์จะมีร่างกายที่แข็งแกร่งดังเช่นสัตว์อสูรโบราณได้
“ชั้นสวรรค์ที่ 7 มากขนาดนั้นเลยหรือ ? ” เจี้ยนเฉินหัวเราะคิกคักกับตัวเอง เขาพอใจกับการป้องกันของขั้นที่ 2 มาก มันสามารถที่จะรับการโจมตีจากเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 7 ได้และไม่ได้รับรอยขีดข่วนแม้แต่น้อยเลย แม้ว่ามันจะเป็นเพียงการโจมตีธรรมดา แต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะบอกได้ว่าร่างบรรพกาลนั้นทรงพลังและน่ากลัวเพียงใด
จากที่เจี้ยนเฉินพูดมา เกียรติของไป่เจี้ยนดูเหมือนจะถูกหยาม เขาโกรธจัดและคำรามออกมา “ความแข็งแกร่งของร่างกายเจ้ามันไม่ได้มีความหมายอะไรถ้าพลังของเจ้าไม่แข็งแกร่ง เมื่อเจ้ากล้าที่จะพูดจายโสเช่นนี้ ข้าจะให้เจ้าได้เห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของข้า”
คลื่นพลังเริ่มที่จะพุ่งพล่านออกมาจากไป่เจี้ยน มันรวมตัวกันเป็นดาบที่มีแสงสีฟ้าความกว้างเท่าฝ่ามือ เขาได้สร้างอาวุธเซียนขึ้นมา หลังจากนั้นไม่นาน ไป่เจี้ยนก็เคลื่อนไหว เขาพุ่งเข้าไปที่เจี้ยนเฉินดุจสายฟ้าและแทงดาบในมือของเขาไปที่เจี้ยนเฉินด้วยคลื่นพลัง ที่ใดก็ตามที่ดาบผ่านไป มิติก็ถูกตัดและเกิดเป็นรอยแยกสีดำสนิทออกมา
ในครั้งนี้ ไป่เจี้ยนใช้กำลังทั้งหมดที่มี เขาไม่ได้ออมแรงเลยแม้แต่น้อย
ท่าทางของเจี้ยนเฉินเคร่งเครียด สายพลังบรรพกาลได้เริ่มที่จะไหลออกมาจากพลังบรรพกาลของเขาและรวมกันที่หมัดขวาของเขา เขาเหวี่ยงหมัดไปที่ดาบของไป่เจี้ยนเพื่อที่จะใช้ร่างของเขาในการปัดเป่าการโจมตีจากเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 7
“เจ้ากล้าที่จะใช้หมัดของเจ้าปะทะกับอาวุธเซียนของข้างั้นหรือ ? ช่างโอหังนัก” ไป่เจี้ยนเหยียดออกมา เขารู้ว่าร่างกายของเจี้ยนเฉินนั้นทรงพลังมาก แต่เขาไม่เชื่อว่าเจี้ยนเฉินจะสามารถป้องกันการโจมตีจากอาวุธเซียนได้เพียงแค่ใช้ร่างกายของเขาเท่านั้น นั้นเพราะว่าหมัดที่เขาต่อยไปก่อนหน้านี้เป็นเพียงการทดสอบเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาใช้กำลังเต็มที่ พลังที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอะไรที่เหนือกว่าหมัดก่อนหน้านี้อย่างมาก
ปัง !
หมัดของเจี้ยนเฉินกระทบเข้ากับอาวุธเซียนของไป่เจี้ยนเข้าอย่างจัง เสียงระเบิดดัง คลื่นพลังพุ่งออกมา ทำให้มิติรอบ ๆ บิดเบี้ยวและสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง เกิดคลื่นสูงร้อยเมตรบนมหาสมุทรด้านล่างของพวกเขา
อาวุธเซียนของไป่เจี้ยนทะลุเข้าไปในร่างบรรพกาลของเจี้ยนเฉิน ปลายดาบแหลมได้แทงทะลุเข้าไปในเนื้อของเขาแต่มันเข้าไปได้เพียงนิ้วเดียวเท่านั้นก่อนที่จะหยุดและเข้าไปต่อไม่ได้อีก
เลือดสด ๆ ไหลออกมาจากหมัดของเจี้ยนเฉิน เลือดไหลลงไปที่มหาสมุทรด้านล่างและย้อมมหาสมุทรสีฟ้าให้กลายเป็นสีแดง มันกินพื้นที่รัศมี 5 กิโลเมตรและทำให้น้ำทะเลเต็มไปด้วยพลังที่บริสุทธิ์และทรงพลัง
แม้ว่าเขาจะทำให้เจี้ยนเฉินได้รับบาดเจ็บ แต่ไป่เจี้ยนก็ไม่ได้รู้สึกดีใจเลย เขาจ้องไปที่เจี้ยนเฉินด้วยตาที่เบิกโตราวกับไข่ห่าน ในขณะที่ในใจของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง “มันเป็นไม่ได้ยังไงกัน ? การโจมตีเต็มกำลังด้วยอาวุธเซียนของข้าแค่ทำให้เขาเป็นแผลลึกถึงชั้นหนังเท่านั้น เขามีร่างกายแบบไหนกัน ? มันแข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อ”
ในขณะที่ไป่เจี้ยนกำลังอึ้งอยู่ เจี้ยนเฉินก็ดึงหมัดของเขากลับออกมาและไม่สนใจเลือดที่อยู่บนมือ เขาเหวี่ยงหมัดไปที่ไป่เจี้ยนทำให้เกิดเสียงหวีดของลม
ท่าทางของไป่เจี้ยนเปลี่ยนไปเล็กน้อยและเขาพยายามที่จะป้องกันหมัดด้วยอาวุธเซียนที่เขาถือในแนวขนานทันที เมื่อหมัดของเจี้ยนเฉินกระทบเข้ากับดาบ พลังบรรพกาลก็แสดงผลออกมาอย่างสมบูรณ์ หมัดได้กระแทกไป่เจี้ยนให้กระเด็นถอยไปและเขาตั้งหลักได้หลังจากลอยกระเด็นไปไกลสิบกว่ากิโลเมตร เขาหน้าซีดเล็กน้อย ในขณะที่มือขวาของเขาที่ถืออาวุธเซียนอยู่นั้นสั่นอย่างต่อเนื่อง
เจี้ยนเฉินไม่ได้ตามไป แล้วดึงหมัดกลับมาช้า ๆ บาดแผลที่หมัดของเขากำลังรักษาตัวเองด้วยความเร็วที่ตาเห็นได้ แม้แต่เลือดที่ไหลออกไปยังกลับเข้ามาในร่างกายของเขาตรงที่ที่เขาได้รับบาดเจ็บ
ในไม่กี่วินาที อาการบาดเจ็บก็หายเป็นปลิดทิ้ง มันไม่ทิ้งไว้แม้แต่แผลเป็นหรือร่องรอย ถ้าดูที่หมัดของเขาในตอนนี้ มันยังยากที่จะจินตนาการว่าเขาเคยได้รับบาดเจ็บตรงนี้มาก่อน
“เจ้ากรุณารอที่นี่ซักสองสามวัน เจ้ายังไม่สามารถเข้าไปที่เก่าได้ในตอนนี้” เจี้ยนเฉินพูดอย่างนิ่ง ๆ ในขณะที่เขามองไปที่ไป่เจี้ยน
ไป่เจี้ยนจ้องอย่างชั่วร้ายไปที่เจี้ยนเฉินและเขาคำราม “เจ้านั้นทรงพลังจริง ๆ เจ้ามีร่างที่แข็งแกร่ง มันยากมากที่ข้าจะทำให้เจ้าได้รับบาดเจ็บ แต่ถ้าเจ้าต้องการจะหยุดไม่ให้ข้าเข้าไปที่เกาะ มันคงเป็นไปไม่ได้ ข้าเพิ่งจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเมืองทหารรับจ้างมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ หลังจากที่ข้าทำความเข้าใจในการฝึกฝนมา ข้าได้เข้าใจถึงพื้นฐานของทักษะการต่อสู้ระดับเซียนมา เมื่อเจ้าต้องการที่จะหยุดข้า ข้าจะแสดงให้เจ้าดูว่าทักษะการต่อสู้นี้ทรงพลังเพียงใด”
ทันทีที่เจี้ยนเฉินได้ยินคำว่า ‘ทักษะการต่อสู้ระดับเซียน’ เจี้ยนเฉินก็เคร่งเครียด ถ้ามันถูกใช้โดยความแข็งแกร่งของไป่เจี้ยนที่เป็นถึงเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 7 มันคงจะมีพลังพอที่จะทำลายบริเวณรอบ ๆ ได้แน่แน่ เขาไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถป้องกันมันได้สำเร็จหรือเปล่า ในอีกมุมหนึ่งนั้น แม้ว่าทักษะการต่อสู้ระดับเซียนจะเป็นทักษะการต่อสู้ที่ทรงพลังที่สุดบนทวีป แต่เจี้ยนเฉินก็กระตือรือร้นที่จะเห็นพลังของมันอย่างมาก เจี้ยนเฉินทั้งรู้สึกกลัวและตั้งหน้าตั้งตารอที่จะเห็นทักษะการต่อสู้ระดับเซียนของไป่เจี้ยน
กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ถูกเปล่งออกมาจากไป่เจี้ยน มันครอบคลุมไปทั่วด้วยความยิ่งใหญ่ของมัน ทำให้ลมและเมฆบนท้องฟ้าแปรเปลี่ยน เกิดเสียงฟ้าร้องขึ้นจาง ๆ ไป่เจี้ยนอยู่ในขั้นตอนการสะสมพลังเพื่อใช้ทักษะการต่อสู้
“ไป่เจี้ยน ! “
ในตอนนี้ เสียงได้ดังสะท้อนออกมารอบ ๆ มันเต็มไปด้วยเสน่ห์อย่างหาที่สุดไม่ได้ เหมือนว่ามันจะสามารถล่อลวงวิญญาณออกจากผู้คนได้
เสียงที่ดังขึ้นมากะทันหันทำให้ไป่เจี้ยนยิ้ม เขามองไปที่เกาะสามเซียนที่อยู่ห่างออกไป 10 กิโลเมตรและตะโกนออกมา “หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ เจ้าสบายดีหรือไม่ ? ข้า ไป่เจี้ยน มาเยี่ยมเจ้า” ในเวลาเดียวกันนั้น ไป่เจี้ยนก็หยุดร่ายทักษะการต่อสู้ระดับเซียน
“ไป่เจี้ยน หยุดเถอะ ! ” เสียงของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ระเบิดออกมา ไม่มีใครบอกได้ว่าเสียงนั้นมาจากไหน
ไป่เจี้ยนมองไปรอบรอบด้วยความสงสัย เขาประหลาดใจและพูดออกมา “หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ข้าไม่ได้พบเจ้ามาหลายปีและความแข็งแกร่งของเจ้าก็เพิ่มขึ้นอีก ข้าไม่รู้สึกถึงตัวตนของเจ้าเลยแม้แต่น้อยในตอนนี้ โอ้ จริงสิ หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ คนผู้นี้เป็นใครกัน ? ทำไมเขาห้ามไม่ให้ข้าเข้าไปในเกาะ ? มีอะไรเกิดขึ้นกับเกาะอย่างนั้นหรือ ? “
หลังจากที่เงียบไปสักพัก เสียงของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ก็ระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง “ไป่เจี้ยน ออกไปซะ เกาะสามเซียนไม่ต้อนรับเจ้า”
หลังจากที่ได้ยิน ไป่เจี้ยนก็ตื่นตระหนก เขาพูด “หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ข้าเดินทางมาหลายพันกิโลเมตร มาที่เกาะสามเซียนเพื่อที่จะพบเจ้า เจ้ากำลังจะปฏิเสธข้าซึ่งมาถึงที่นี่แล้วอย่างนั้นหรือ ? ” หลังจากนั้นไม่นาน ไป่เจี้ยนก็คิดถึงเรื่องเจี้ยนเฉิน เขาชี้ไปที่เจี้ยนเฉินทันทีและพูดอย่างโกรธเกรี้ยว “หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ บอกข้ามาว่าเขาเป็นใครกันแน่ ทำไมเขาถึงเข้าไปในเกาะได้แต่ข้าไม่ ? ข้าไม่ดีเหมือนเขาสำหรับเจ้างั้นหรือ ? “
ความคิดไปต่างต่างนานาเกิดขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ในหัวของไป่เจี้ยน ความอิจฉาและความไม่มีเหตุผลผุดขึ้นมาในใจของเขาทันทีที่เขาคิดถึงความเป็นไปได้ที่เจี้ยนเฉินจะใช้เวลาทุกวันบนเกาะอยู่กับหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ เขาจินตนาการถึงความใกล้ชิดและการทำสิ่งต่าง ๆ ที่เขาไม่รับรู้
“หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ บอกข้ามามาว่าคนผู้นี้เป็นใครกันแน่ ? ทำไมข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเขาจากเจ้ามาก่อน ? ทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวที่เกาะสามเซียน และทำไมเขาถึงขัดขวางไม่ให้ข้าเข้าไปที่เกาะ ? ทำไมเจ้าไม่ต้องการที่จะพบข้า ? ” ตาของไป่เจี้ยนแดงก่ำ ในขณะที่เขาพูด เขาก็โกรธและไม่มีเหตุผลขึ้นมาเรื่อย ๆ ในท้ายที่สุด เขาก็ยังเชื่อว่าเขานั้นถูก
“ไป่เจี้ยน เจ้าไม่จำเป็นต้องมายุ่งเรื่องของข้า ตัวตนของเขาจะไปเกี่ยวกับเจ้ายังไงงั้นหรือ ? ” เสียงเย็นชาของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ดังก้องขึ้นมาอีกครั้ง
ไป่เจี้ยนหัวเราะเสียงดังไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “ไม่ใช่เรื่องที่ข้าต้องสนใจอย่างนั้นหรือ ? ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า ? เอาล่ะ เอาล่ะ เอาล่ะ หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ข้าจะไม่ไปเพราะว่าเจ้าต้องการให้ข้าไป ข้าสาบานว่าข้าจะไม่ไปไหนถ้าข้าไม่ได้เข้าไปที่เกาะสามเซียนและพบกับเจ้า”
ใบหน้าของเจี้ยนเฉินมืดมน ถ้าไป่เจี้ยนเข้าไปในเกาะด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียวแบบนี้ เขาต้องทำให้เกิดความวุ่นวายมากแน่ และจะไปรบกวนการตัดผ่านระดับของท่านปู่ของเขา เขายอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นไม่ได้
“ผ่านข้าให้ได้เถอะ ถ้าเจ้าต้องการที่จะเข้าไปที่เกาะ” เจี้ยนเฉินขวางทางไป่เจี้ยนเอาไว้
ไป่เจี้ยนไม่ได้พูดอะไร เขาหลอมรวมเข้ากับมิติรอบ ๆ และใช้พลังมิติและกลายเป็นภาพติดตาที่พุ่งเข้าไปที่เกาะสามเซียนด้วยความเร็วแสง เขาผ่านเจี้ยนเฉินไปทันที
ท่าทางของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาไม่คิดว่าไป่เจี้ยนจะใช้วิธีการแบบนี้เพื่อเข้าไปที่เกาะสามเซียน ความเข้าใจในความลึกลับของธรรมชาติของไป่เจี้ยนนั้นเหนือกว่าของเจี้ยนเฉิน ความเร็วที่ระเบิดออกมาจากพลังมิติของเขานั้นเหนือกว่าความเร็วในการเคลื่อนที่ของเจี้ยนเฉิน ทำให้เจี้ยนเฉินไปขวางเขาไม่ทันเวลา
แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะสำเร็จร่างบรรพกาลขั้นที่ 2 ซึ่งเทียบเท่ากับเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 7 แต่ความเข้าใจในความลึกลับของธรรมชาติของเขานั้นยังอยู่แค่ชั้นสวรรค์ที่ 1 เท่านั้น