ตอนที่ 852: ทักษะการต่อสู้ระดับเซียน

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 852: ทักษะการต่อสู้ระดับเซียน

เมื่อเห็นไป่เจี้ยนบินไปทางเกาะสามเซียน เจี้ยนเฉินก็เริ่มที่จะตระหนก เขาตะโกนออกมา “ไป่เจี้ยน ถ้าเจ้าไปยุ่งกับการตัดผ่านระดับของท่านปู่ของข้า ข้า เจี้ยนเฉิน สาบานว่าข้าจะไล่ตามเอาชีวิตเจ้าไปจนสุดขอบโลก”

อย่างไรก็ตาม จิตใจของไป่เจี้ยนเต็มไปด้วยเรื่องของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ทำไมเขาจะต้องมาสนใจกับคำขู่ของเจี้ยนเฉินด้วย ? เขามุ่งหน้าต่อไปอย่างไม่ลดความเร็ว เขายิ่งเพิ่มความเร็วขึ้นไปกว่าเดิมอีก

ติ้ง !

ในตอนนี้ เสียงที่อ่อนโยนจากพิณได้ดังออกมาจากมิติและส่งคลื่นเสียงที่มองเห็นไปที่ไป่เจี้ยนด้วยความเร็วแสง

“หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ เจ้ากล้าที่จะโจมตีข้าอย่างนั้นหรือ ? ” ไป่เจี้ยนโกรธมากยิ่งขึ้นไปอีก เขาคำรามออกมาในขณะที่เขาถ่ายพลังเซียนลงไปที่อาวุธเซียน จากนั้นเขาก็เหวี่ยงมันไปที่คลื่นเสียง

เกิดเสียงดังอื้ออึง คลื่นพลังที่รุนแรงกระแทกให้ไป่เจี้ยนกระเด็นออกไปไกล ครั้งนี้เขากระเด็นไปเกือบ 10 กิโลเมตรก่อนที่จะหยุด

“หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ข้าไม่คิดเลยว่าความแข็งแกร่งของเจ้าจะยอดเยี่ยมขนาดนี้ ทำไมเจ้าถึงได้หยุดข้าไว้ ? ทำไม ? ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้ ? ทำไมเขาถึงเข้าไปในเกาะได้แต่ข้าไม่ ? บอกข้ามาว่าทำไม ! ” ไป่เจี้ยนคำรามออกมาเสียงดัง ความอิจฉาของเขาเพิ่มมากขึ้นจนถึงขั้นที่เขาเกือบจะคลั่ง ในใจของไป่เจี้ยน เขาได้จินตนาการเอาไว้แล้วว่าหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์นั้นคือคู่ของเขา แม้ว่านางจะไม่เคยแสดงท่าทีให้เห็นตามนั้นเลย เขาก็ยังเชื่อว่ามันแค่ต้องใช้เวลาเท่านั้นก่อนที่พวกเขาจะกลายเป็นคู่กัน ขอบคุณการตามตื้อที่มากมายและการหนุนหลังจากพ่อของเขา

แต่ในตอนนี้ หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ทำแบบนี้กับชายที่ไม่รู้จักต่อหน้าเขา ไป่เจี้ยนยากที่จะยอมรับได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่สุดยอดมากขนาดนี้ คนผู้นี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย ทั้งในด้านความแข็งแกร่งและรูปร่างหน้าตา ยิ่งไปกว่านั้น หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เหมือนจะปฏิบัติกับคนผู้นี้อย่างสนิทสนม ความคิดอื่น ๆ ผุดขึ้นมาในหัวของไป่เจี้ยนอย่างช่วยไม่ได้

“ไป่เจี้ยน เจ้าและข้าคือคนแปลกหน้าต่อกันและกัน ทำไมข้าต้องอธิบายอะไรมากมายกับเจ้าด้วย ? ในฐานะที่เป็นเจ้าของเกาะ ข้ามีสิทธิ์ที่จะห้ามไม่ให้คนเข้ามา ไปซะ แล้วอย่ากลับมาอีก” เสียงเย็นชาของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ระเบิดออกมาในท้องฟ้า มันเต็มไปด้วยความไม่ปราณีและไม่แสดงอารมณ์ใดใด

“คนแปลกหน้า ! คนแปลกหน้า ! เจ้าพูดว่าคนแปลกหน้า ! หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ที่ของข้าในใจของเจ้าเป็นได้แค่นั้นใช่หรือไม่ ได้ เมื่อเจ้าไม่ปรารถนาข้า ข้าจะไปหาพ่อของข้า ข้าจะไปให้พ่อของข้ามาสู่ขอเจ้า ! ” ไป่เจี้ยนหอบหายใจอย่างแรงและกำลังจะจากไป

“เฮ้อ”

เสียงถอนหายใจที่นุ่มนวลของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ดังขึ้นมากลางอากาศ หลังจากนั้นร่างสีม่วงก็ปรากฎขึ้นมาบนเกาะ แค่ก้าวเดียว ร่างนั้นก็เดินทางมากว่าสิบกิโลเมตรและมาปรากฏอยู่ข้างหน้าไป่เจี้ยน

“ไป่เจี้ยน เจ้าควรล้มเลิกความคิดนั้นซะ แม้ว่าเจ้าจะให้พ่อของเจ้ามา มันก็เปล่าประโยชน์” หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์พูดอย่างเฉยเมย นางมีผ้าคลุมหน้าอยู่และยืนอยู่ห่างออกไปร้อยเมตรกลางอากาศพร้อมกับมีพิณปีศาจร่ำไห้อยู่ในมือของนาง

“หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ในที่สุดเจ้าก็ออกมา” ความยินดีปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของไป่เจี้ยน เขามองไปที่นางอย่างหลงใหล หลังจากนั้นท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขาจ้องไปที่นางอย่างเหลือเชื่อ เขาพูดด้วยเสียงสั่นเทา “หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ จะ จะ จะ เจ้า เจ้าเสียพรหมจรรย์ไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้ ! “

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์หดหู่ใจ นางมองไปที่เจี้ยนเฉินที่อยู่ใกล้ ๆ และตาของนางก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างทุกข์ยาก หลังจากนั้น นางก็หันหลังและบินกลับไปที่เกาะ มีแต่เสียงด้วยอารมณ์สงบเสงี่ยมปรากฎขึ้นในหัวของไป่เจี้ยน

“ไป่เจี้ยน เจ้าน่าจะไปซะ อย่ามารบกวนข้าอีก”

“”

ไป่เจี้ยนยืนอึ้งอยู่ เขาเสียสติ เขาไม่สามารถยอมรับมันได้และไม่ยอมรับผลลัพธ์แบบนี้

“ไม่ ! “

นานสักพัก ไป่เจี้ยนก็คำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ก่อนหน้าที่เขายังดูเหมือนชายวัยกลางคน เขาตกหลุมรักหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ตั้งแต่แรกพบ หลังจากนั้นเขาก็ใช้ทักษะลับในการเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาของเขา เพื่อใช้ในการจีบหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ แม้ว่าเขาจะล้มเหลวมาหลายครั้งในปีเหล่านี้ เขาก็ไม่เคยยอมแพ้ เขาเชื่อว่าตราบใดที่เขาพยายาม เขาจะประสบสำเร็จเข้าสักวัน

ในตอนนี้ ความหวังและความฝันของเขาได้แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เทพธิดาในสายตาของเขา หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ไม่บริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว เขาพบว่ามันยากที่จะยอมรับได้และมันทำให้ใจของเขาแตกสลาย

ดวงตาของไป่เจี้ยนแดงก่ำ จิตสังหารรุนแรงเปล่งออกมาจากร่างของเขาและเขาจ้องไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความเกลียดชังและไม่พอใจ เขาขบฟันตัวเอง “เจ้านั้นเอง เจ้านั้นเอง มันต้องเป็นเจ้าแน่ ! คนผู้นั้นต้องเป็นเจ้า ! ข้า ไป่เจี้ยน จะจัดการเจ้าซะ ! ” ไป่เจี้ยนพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่งและโจมตีอย่างป่าเถื่อน

“ไป่เจี้ยน มันยังยากที่จะทำให้ข้าบาดเจ็บด้วยกำลังของเจ้า ข้าจะดูซิว่าเจ้าจะจัดการข้ายังไง” เจี้ยนเฉินพูดในขณะที่เขารับการโจมตีจากไป่เจี้ยน น้ำเสียงของเขานั้นเย็นชามาก

“ข้าอยากให้เจ้าตายไปซะ ! ” ไป่เจี้ยนเหมือนกับราชสีห์ที่บ้าคลั่งในตอนนี้ เขาคำรามและถอยกลับไปเพื่อที่จะพุ่งเข้ามาโดยใช้ทักษะการต่อสู้ระดับเซียนอีกครั้ง

“ถ้างั้น แสดงให้ข้าเห็นถึงทักษะการต่อสู้ระดับเซียนในตำนานออกมา ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้ใช้มัน” เจี้ยนเฉินพูดอย่างเย็นชา

เสียงที่เยือกเย็นแต่คุ้นเคยปรากฏขึ้นในหัวของเจี้ยนเฉิน “พลังของทักษะการต่อสู้ระดับเซียนไม่ใช่อะไรที่เจ้าจะจินตนาการถึงได้ ด้วยความแข็งแกร่งของไป่เจี้ยนที่เป็นถึงเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 7 ทักษะการต่อสู้ระดับเซียนของเขาสามารถทำให้เซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 1 หรือ 2 ได้รับบาดเจ็บได้ มันเพียงพอที่จะฆ่าพวกเขาได้”

“อะไรนะ ! ? ทักษะการต่อสู้ระดับเซียนทรงพลังขนาดนั้นเลยหรือ ? ” หลังจากที่เจี้ยนเฉินได้ยินเช่นนั้น เขาก็ตกใจ พลังของทักษะการต่อสู้ระดับเซียนนั้นเป็นอะไรที่เหนือกว่าที่เขาเคยประสบมา

โดยไม่ลังเล เจี้ยนเฉินพุ่งเข้าไปที่ไป่เจี้ยนในระหว่างที่เขาสะสมพลังเพื่อใช้ทักษะการต่อสู้ระดับเซียน เจี้ยนเฉินตะโกนออกมา “ไป่เจี้ยน เจ้ารู้จักทักษะการต่อสู้ระดับเซียนแล้วยังไง ? ข้าจะดูซิว่าเจ้าจะยังสามารถร่ายมันอยู่ได้หรือเปล่า ! “

เมื่อรู้เกี่ยวกับพลังของทักษะการต่อสู้ เจี้ยนเฉินก็ล้มเลิกความคิดที่จะดูพลังของมัน ไม่ว่าขาจะมีความมั่นใจขนาดไหนก็ตาม เขาไม่ต้องการที่จะรับมือกับทักษะการต่อสู้ที่สามารถฆ่าได้แม้กระทั่งเซียนราชาอย่างง่ายดาย นี่เป็นเพราะเขารู้ดีว่า แม้ว่าเขาจะไม่ตายจากการรับมือกับมัน แต่เขาก็คงจะได้รับบาดเจ็บหนักเป็นแน่ในตอนท้าย ซึ่งมันไม่คุ้มเลยแม้แต่น้อย

เจี้ยนเฉินมาถึงตรงหน้าไป่เจี้ยน เขาไม่ให้เวลาในการที่จะให้ไป่เจี้ยนสะสมพลังในการใช้ทักษะไปมากกว่านี้ เขาเหวี่ยงหมัดเพื่อโจมตีไปที่หน้าอกของไป่เจี้ยนด้วยความเร็วแสง

พรวด ! ไป่เจี้ยนกระอักเลือดออกมาและลอยกระเด็นไปทันที การสะสมพลังเพื่อให้ทักษะการต่อสู้ของเขาถูกขัดจังหวะ

“ข้าจะฆ่าเจ้าแน่ ! ” ไป่เจี้ยนดื้อรั้นมาก เขาตั้งใจแน่นอนที่จะฆ่าเจี้ยนเฉิน เขาทนอาการบาดเจ็บและถอยไปตั้งหลักหลายกิโลเมตรในพริบตาและร่ายทักษะการต่อสู้ระดับเซียนอีกครั้ง มันเร็วกว่าครั้งที่แล้วมาก ทันใดนั้นเอง สายลมกระโชกก็ปรากฏขึ้นมาและเมฆเริ่มก็ปั่นป่วนรอบ ๆ เมฆดำที่กระพริบไปด้วยสายฟ้าเป็นครั้งคราวก็ได้ลอยอยู่เหนือเขา น้ำทะเลใต้เขาไหลย้อนกลับและน้ำสีฟ้าก็พุ่งขึ้นมาบรรจบกับท้องฟ้าและพื้นดินระหว่างพวกเขาทั้งสอง

เจี้ยนเฉินเคร่งเครียด เขาเอากระบี่สังหารมังกรออกมาจากแหวนมิติและแทงออกไป 3 ครั้ง ปราณกระบี่ที่ทรงพลังถูกยิงออกมา 3 ครั้งและตัดผ่านน้ำทะเลด้วยกลิ่นอายแห่งการทำลายล้างในขณะที่มันพุ่งเข้าไปที่ไป่เจี้ยน

ไป่เจี้ยนกำลังอยู่ในระหว่างการสะสมพลังสำหรับทักษะการต่อสู้ระดับเซียนของเขา เขาไม่สามารถที่จะเบนความสนใจและป้องการการโจมตีจากปราณกระบี่ทั้งสามได้ เขาทำได้แค่หลบ เขาหลบปราณกระบี่ทั้งสองได้ ในขณะที่ปราณกระบี่สุดท้ายได้ทะลุผ่านหน้าอกและทำลายหัวใจของเขาไป

ไป่เจี้ยนครางออกมา อาวุธเซียนของเขาถูกยกขึ้นมาในมือขวาของเขาในขณะที่เขาขบฟันและอดทนไว้ เขาถึงขั้นสุดท้ายแล้ว เขาแค่ต้องทนอยู่ตรงนี้นานอีกหน่อยและทักษะการต่อสู้ระดับเซียนก็จะถูกร่ายอย่างสมบูรณ์

ท้องฟ้ามืดมัวจากการที่ทักษะการต่อสู้ถูกสะสมพลังแม้ว่ามันจะเป็นวันที่สดใสในวันนี้ เมฆมืดมัวปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าในขณะที่เกิดฟ้าร้องและฟ้าผ่าอื้ออึงไปทั่ว สายลมรุนแรงเกิดขึ้นรอบ ๆ ในขณะที่น้ำทะเลปั่นป่วนอย่างรุนแรง แรงกดดันที่ยิ่งใหญ่และไม่มีสิ้นสุดเปล่งออกมาเหมือนสัตว์อสูรบรรพกาลกำลังตื่นขึ้นมาจากการงีบหลับ

“ข้าต้องขัดขวางไม่ให้เขาร่ายทักษะการต่อสู้ให้เร็วที่สุด” ดวงตาของเจี้ยนเฉินเย็นชา เขาพุ่งไปที่ไป่เจี้ยน ผ่าลมแรงไปด้วยกระบี่ที่อยู่ในมือของเขา

บึ้ม !

ทันใดนั้นเอง สายฟ้าที่รุนแรงก็ฟาดลงมาจากท้องฟ้าโดยไม่มีสัญญาณเตือน มันโจมตีไปที่เจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินสั่นอย่างรุนแรง ผิวของเขาไหม้เป็นสีดำ กระแสไฟฟ้ามหาศาลได้ผ่านไปทั่วร่างของเขาและทำให้เขาชาไปหมด เขาสูญเสียการควบคุมร่างกายไป

“บ้าเอ้ย ยุ่งแล้วซิคราวนี้” เจี้ยนเฉินสบถในใจ ร่างของเขาแข็งทื่อและขยับไม่ได้แม้แต่น้อย เขาไม่มีแม้แต่พลังที่จะอยู่กลางอากาศและตกลงจากท้องฟ้าไปสู่ทะเลที่ไร้ขอบเขตด้านล่าง

สองวินาทีต่อมา เจียนเฉยก็หายจากอาการชาหลังจากที่ตกลงไปในน้ำทะเล เขาพุ่งออกมาจากน้ำเหมือนลูกปืนใหญ่ไปที่ไป่เจี้ยน

ไป่เจี้ยนถึงขั้นสุดท้ายของการสะสมพลังสำหรับทักษะการต่อสู้ระดับเซียนแล้วในตอนนี้ มือทั้งสองข้างของเขาทำเป็นรูปผนึกและเขาก็คำรามออกมา “ทักษะการต่อสู้ระดับเซียน การทำลายล้างสูงสุด…”

ติ้ง !

ก่อนที่ไป่เจี้ยนจะพูดจบ เสียงโน้ตที่นุ่มนวลก็ปรากฏขึ้นมาทันที มันเต็มไปด้วยเสน่ห์อย่างหาที่สุดไม่ได้และไป่เจี้ยนก็ได้ยินมันชัดเจน

ตาของไป่เจี้ยนเหม่อลอยทันที หลังจากนั้น เขาก็เหมือนสูญเสียกำลังกายไปและตกลงไปที่ทะเลเหมือนที่เจี้ยนเฉินตกลงไปก่อนหน้านี้

เมื่อขาดไป่เจี้ยนในการร่ายทักษะ ทักษะการต่อสู้ที่กำลังถูกสะสมพลังอยู่ก็เสียแหล่งพลังงานของมันไป มันหมดพลังก่อนที่จะกระจายหายไปอย่างช้า ๆ

เสียงโน้ตของพิณทำให้ไป่เจี้ยนนิ่งไปชั่วคราว มันทำให้เขาหมดสติแต่ก็ไม่ได้เป็นอันตรายกับชีวิตของเขา ไป่เจี้ยนได้สติอย่างรวดเร็วหลังจากที่กระแทกกับพื้นน้ำ เขาพุ่งขึ้นมาทันที เขามองไปที่เกาะสามเซียนอย่างโกรธเกรี้ยวและคำรามออกมาอย่างฉุนเฉียว “หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ เจ้าทำลายสิ่งที่ข้ากำลังจะทำ จะ เจ้ากำลังปกป้องมัน เจ้ากำลังปกป้องมัน ! ข้า พรวด ! ” ในตอนท้าย โทสะของไป่เจี้ยนกลับเพิ่มขึ้น เลือดของเขาไหลขึ้นมาและเขาก็กระอักเลือดออกมาจำนวนมากในอากาศ เขาตัวซีด

“หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ข้าจะกลับมา เจ้าหนู ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นใคร ข้า ไป่เจี้ยน จะกำจัดเจ้า” เขาส่งคำขู่อย่างดุร้ายออกไป ไป่เจี้ยนเคลื่อนที่ออกไปไกลและหายไปในพริบตา ทักษะการต่อสู้ถูกขัดในช่วงสำคัญ ดังนั้นเขาจึงถูกพลังมหาศาลตีกลับ เขาบาดเจ็บอย่างหนักและรวมกับความโกรธและหัวใจของเขาที่ถูกทำลายไป เขาไม่อยู่ในสภาพที่จะต่อสู้ได้และใช้กำลังไปจนหมดแล้ว

เมื่อเห็นร่างของไป่เจี้ยนจากไปไกล เจี้ยนเฉินก็ถอนหายใจยาวออกมา เขารู้สึกหมดหวังอย่างมาก เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะทำให้เซียนผู้คุมกฎที่ยิ่งใหญ่โกรธได้เพราะเรื่องนี้ และเซียนผู้คุมกฎนี้ก็มีคนหนุนหลังที่ดีเยี่ยมอีกด้วย

“ไม่คิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น โชคยังดีที่หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ช่วยข้าเอาไว้ในช่วงเวลาสำคัญ ไม่อย่างนั้น มันคงจะเป็นปัญหามากสำหรับเขาแน่” เจี้ยนเฉินพึมพำเบา ๆ

เมฆสีดำหายไปจากท้องฟ้า และแสงแดดก่อนหน้านี้ก็ได้กลับมา ในตอนนี้เอง เมฆห้าสีจู่ ๆ ก็ปรากฎขึ้นมาและปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้า