เล่มที่ 29 เล่มที่ 29 ตอนที่ 846 ร่วมมือจัดการซูจิ่นซี

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ตงหลิงหวงหรี่ตาลงอย่างเคร่งขรึม แม้จะยังไม่ทำอันใด ทว่าฮั่วจีพ่อลูกกลับสัมผัสได้ถึงไอสังหารจากนาง

นางต้องการสังหารฮั่วอวี้เจียวจริง ๆ

ฮั่วจีกลอกตาไปมา เขาก้าวไปข้างหน้าและตบหน้าฮั่วอวี้เจียวอย่างแรง

“สารเลว ลูกไม่รักดี พ่อกำลังหารือกับองค์รัชทายาท เจ้าแอบฟังได้หรือ? ”

ฝ่ามือนั้นตบลงไปอย่างแรง ดวงตาของฮั่วอวี้เจียวพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ นางจับแก้มที่บวมแดงและมองฮั่วจีอย่างไม่เชื่อสายตา

“ท่านพ่อ ท่านตบหน้าข้าอีกแล้วหรือ? เหตุใดจึงตบหน้าข้าตลอด? เหตุใด? ทำไมท่านไม่ฟังข้าพูดก่อน? เมื่อก่อนท่านพ่อไม่เคยเป็นเช่นนี้”

มีพ่อคนใดไม่รักลูกของตนเองบ้าง? มีพ่อคนใดที่ต้องการลงมือกับบุตรสาวทุกครั้ง?

ทว่า เขาโกรธ!

โกรธตนเองที่มีลูกสาวโง่เง่าเช่นนี้

อย่างไรก็ตาม ต่อให้โง่เง่า นางก็เป็นบุตรที่ตนให้กำเนิดมาเอง!

หากเขาไม่ลงมือและรอให้รัชทายาทเป็นผู้ลงมือ บุตรสาวของเขาคงต้องตายเป็นแน่

ดังนั้นไม่ว่าจะเจ็บปวดเพียงใด ฮั่วจีจำต้องอดกลั้นเอาไว้

“ยังไม่รีบไสหัวไปอีก! ” ฮั่วจีตะคอกด้วยความโกรธเคือง

อย่างไรก็ตาม ฮั่วอวี้เจียวคงไม่เข้าใจถึงเจตนาดีของฮั่วจี บิดาของตนกระมัง? นางคิดเพียงว่าบิดาของตนใจร้าย และไม่มีบุตรสาวผู้นี้อยู่ในหัวใจแม้แต่น้อย

ในเมื่อท่านพ่อไม่รักบุตรสาวของตนแล้ว เช่นนั้นเรื่องของนาง นางต้องต่อสู้จัดการด้วยตนเอง

เมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ แววตาของฮั่วอวี้เจียวค่อยๆ มั่นคงมากขึ้น นางเงยหน้ามองตงหลิงหวง

“รัชทายาท เมื่อครู่พระองค์หารือกับท่านพ่อและพี่ชายของหม่อมฉัน หม่อมฉันได้ยินทั้งหมด พระองค์ไม่กลัวหรือว่าหลังจากที่หม่อมฉันจากไป หม่อมฉันจะนำเรื่องทั้งหมดไปทูลแด่หลู่หยางอ๋อง? ”

ครั้งนี้อย่าว่าแต่ฮั่วจี แม้แต่ฮั่วซืออวี่ก็ไม่สามารถทนฟังได้ เขาอดรู้สึกอยากเย็บปากน้องสาวตนเองไม่ได้

ทว่ามันสายไปแล้ว

แววตาของตงหลิงหวงเปล่งประกายเย็นชา นางโน้มตัวลงไปบีบคางของฮั่วอวี้เจียว

ฮั่วอวี้เจียวคิดจะหลบหลีก ทว่านางเป็นสตรีไร้วรยุทธ์ จะเทียบกับตงหลิงหวงที่เกิดในกองทัพได้อย่างไร ตงหลิงหวงบีบคางของนางอย่างแรง จนนางไม่สามารถต่อต้านได้

อย่างไรก็ตาม ตงหลิงหวงไม่ได้พูดสิ่งใด นางทำเพียงมองใบหน้าของฮั่วอวี้เจียวอย่างลึกซึ้ง

ฮั่วอวี้เจียวไม่สามารถดิ้นร้นให้หลุดพ้น ในที่สุด นางก็เห็นแววตาที่เย็นชาจนน่าตกใจบนใบหน้าของตงหลิงหวง ใบหน้าของนางเริ่มเปลี่ยนเป็นขาวซีด

ฮั่วอวี้เจียวพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เจ้า… เจ้าต้องการทำสิ่งใด”

ตงหลิงหวงหรี่ดวงตาทั้งคู่ลงอีกครั้ง น้ำเสียงของนางฟังดูเหมือนเสียงปีศาจ “เชื่อหรือไม่ เพียงแค่ข้าออกแรงอีกเล็กน้อย ก็สามารถทำให้ศีรษะของเจ้าแหลกละเอียดได้ เช่นนั้น เจ้าจะไปบอกความลับแก่หลู่หยางอ๋องได้อย่างไร? ”

ฮั่วอวี้เจียวตกใจจนไม่กล้าขยับตัว ใบหน้าซีดขาวไร้สีเลือด และน้ำตาคลอเบ้า

ฮั่วซืออวี่และฮั่วจีพลันรู้สึกร้อนใจ

พวกเขารีบเข้าไปร้องขอชีวิตแทนฮั่วอวี้เจียว “รัชทายาท โปรดไว้ชีวิตด้วยพ่ะย่ะค่ะ! ”

แม้แต่ฮั่วจีก็ยังคุกเข่าให้ตงหลิงหวง

“รัชทายาท ตาแก่คนนี้ นอกจากมีซืออวี่เป็นทายาทเพียงผู้เดียวแล้ว ก็มีเพียงบุตรสาวอวี้เจียวผู้นี้ รัชทายาทโปรดเห็นแก่ความจงรักภักดีของกระหม่อมที่มีต่อพระองค์ โปรดยกโทษให้ลูกโง่คนนี้ด้วยเถิด! ต่อให้กระหม่อมต้องเป็นทาสรับใช้ กระหม่อมต้องตอบแทนพระคุณของพระองค์ในครั้งนี้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

หากไม่ใช่เพราะต้องใช้งานสกุลฮั่ว ตงหลิงหวงคงจัดการฮั่วอวี้เจียวไปแล้ว

“ไสหัวไป! ”

ตงหลิงหวงเหวี่ยงฮั่วอวี้เจียวออกไปอย่างดุดัน จนฮั่วอวี้เจียวกระแทกพื้นอย่างแรง หลังจากนั้นไม่นาน ฮั่วอวี้เจียวจึงพยายามลุกขึ้นด้วยความยากลำบาก ทั้งฮั่วจีและฮั่วซืออวี่ไม่กล้าเข้าไปช่วยประคอง

นางยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย และมองตงหลิงหวงอย่างไม่คิดชีวิต “รัชทายาทตงเฉิน เหตุใดท่านไม่สังหารข้าไปเสีย! ”

ต้องบอกว่าฮั่วอวี้เจียวเป็นตัวหายนะจริงๆ ฮั่วจีและฮั่วซืออวี่พยายามอย่างหนักเพื่อช่วยให้นางรอดพ้นจากเงื้อมมือของตงหลิงหวง แต่ไม่คิดว่านางจะบุ่มบ่ามเยี่ยงนี้ คิดรนหาที่ตายอีกครั้ง

ฮั่วจีกำลังโกรธอย่างมาก สีหน้าของเขาถมึงทึง เขาอยากเข้าไปตบหน้าฮั่วอวี้เจียวให้หมดสติไปเสีย

“เจ้า… เจ้าพูดอันใด เจ้า… เจ้าต้องการให้พ่อโกรธจนตายหรืออย่างไร… ”

เมื่อเห็นว่าฮั่วจีโกรธมากจนแทบจะขาดใจอยู่แล้ว ฮั่วซืออวี่จึงรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อประคองร่างของบิดา และพยายามปลอบฮั่วจี “ท่านพ่อโปรดระงับความโกรธ ระงับความโกรธเสีย อวี้เจียวโง่เขลาไม่รู้ความชั่วขณะ ท่านพ่อต้องรักษาร่างกายของตนเอง”

“โง่เขลาไม่รู้ความหรือ? อายุเท่าใดแล้ว ยังโง่งมงายไม่รู้ความอยู่อีกหรือ? นางต้องการทำลายสกุลฮั่วของพวกเราให้ถึงตาย และต้องการทำลายชีวิตพวกเราทุกคน ข้า… เหตุใดข้า ฮั่วจีจึงให้กำเนิดบุตรสาวที่เป็นตัวซวยเช่นนี้? ”

ฮั่วอวี้เจียวยกยิ้มมุมปากอวดดี และค่อยๆ หันไปมองฮั่วจี “ท่านพ่อ หากข้าเป็นตัวซวย แล้วท่านพ่อเล่า ท่านเป็นอันใด? ”

“เจ้า… เจ้า… ”

สีหน้าฮั่วจียิ่งถมึงทึงมากขึ้นเรื่อยๆ จนแทบหายใจไม่ออก

“พอได้แล้ว! ”

ตงหลิงหวงแสดงท่าทางว่าหมดความอดทนอย่างเห็นได้ชัด

นางมาที่นี่ในคืนนี้ ไม่ได้มาเพื่อดูพ่อลูกแสดงละคร

“ฮั่วจี เจ้าก็น้อยๆ ลงหน่อย! ทำท่าทางอวดดีเช่นนี้ให้ผู้ใด? ความอดทนของข้ายังมีพอสมควร ตอนนี้ข้าจะไว้ชีวิตอันต่ำต้อยของฮั่วอวี้เจียวสักครั้ง หากรัชทายาทอย่างข้าจะสังหารนาง ยังมีโอกาสอีกมาก”

สีหน้าของฮั่วจีดีขึ้นเล็กน้อย

ทว่าสีหน้าตงหลิงหวงกลับไม่สู้ดีนัก นางมีท่าทีเย็นชาราวกับใบมีด ก่อนจะหันไปทางฮั่วอวี้เจียวที่ยังมีท่าทางไม่รู้ความและไม่ยอมแพ้ “ดูเหมือนคุณหนูใหญ่ฮั่วยังมีบางอย่างจะพูดกับข้า”

ฮั่วอวี้เจียวยังคงวางท่าทางหยิ่งยโสราวกับนกยูง และมองหน้าตงหลิงหวง “ดูท่าคืนนี้ รัชทายาทตงเฉินคงเห็นแก่หน้าบิดาของหม่อมฉัน จึงไว้ชีวิตหม่อมฉันชั่วคราวกระมัง

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แสดงว่าฮั่วอวี้เจียวยังมีโอกาสเจรจาข้อตกลงกับรัชทายาทตงเฉินใช่หรือไม่? ”

ทันทีที่พูดจบ ฮั่วอวี้เจียวไม่รอให้ตงหลิงหวงเอ่ยปากพูด นางกล่าวต่อไปว่า “รัชทายาทตงเฉิน หากไม่ต้องการให้หม่อมฉันแพร่งพรายคำพูดในคืนนี้ก็ย่อมได้ ทว่า… หม่อมฉันต้องการให้พระองค์ตอบตกลงกับหม่อมฉันก่อน รอให้ท่านพ่อและพี่ชายช่วยพระองค์ทวงคืนแผ่นดินแคว้นตงเฉินได้แล้ว พระองค์ต้องช่วยหม่อมฉันสังหารซูจิ่นซี นางแพศยานั่น! ”

“โอ้? ”

ตงหลิงหวงเลิกคิ้วด้วยท่าทางสนใจอย่างมาก

ฮั่วอวี้เจียวกัดฟันกรอด พลางขมวดคิ้วอย่างขุ่นเคืองเมื่อนึกถึงซูจิ่นซี

“ซูจิ่นซี นางแพศยาผู้นั้น แม้ชาตินี้ข้า ฮั่วอวี้เจียวจะกลายเป็นผีก็ไม่มีวันปล่อยนางไป หากไม่ใช่เพราะหญิงแพศยาผู้นั้น หม่อมฉันคงได้อภิเษกกับโยวอ๋อง และอยู่เคียงข้างโยวอ๋องไปนานแล้ว

หากไม่ใช่เพราะนางใช้วิธีการที่น่าอัปยศและไร้ยางอายเพื่อทำลายรูปโฉมของหม่อมฉัน และใช้เวทมนตร์เสน่ห์ยาแฝดยั่วยวนทำให้โยวอ๋องหลงใหล ผู้ที่ยืนเคียงข้างและต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่เพื่อยึดครองแผ่นดินกับโยวอ๋อง ต้องเป็นหม่อมฉัน! ”

ยิ่งฮั่วอวี้เจียวพูด อารมณ์ขุ่นเคืองของนางยิ่งพลุ่งพล่าน นางโกรธแค้นจนแทบจะถลกหนังหน้าซูจิ่นซี

ตงหลิงหวงรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นที่สดใหม่ยิ่งนัก จึงไม่ได้ขัดจังหวะฮั่วอวี้เจียว

ผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อฮั่วอวี้เจียวเห็นว่าตงหลิงหวงไม่ได้พูดสิ่งใด นางจึงเอ่ยถามแกมบังคับว่า “รัชทายาทตงเฉิน ตอนนี้พระองค์และสกุลฮั่วของหม่อมฉันมีศัตรูคนเดียวกัน เหมือนตั๊กแตนที่ผูกติดอยู่กับเชือกพวงเดียวกัน

ซูจิ่นซี นางแพศยาผู้นั้นคือศัตรูตัวฉกาจของพวกเรา พระองค์เพียงผู้เดียวไม่อาจทำอันใดนางได้ ทว่าหากพระองค์ร่วมมือกับสกุลฮั่วของหม่อมฉัน ยังทำอันใดนางไม่ได้อีกหรือ?

พระองค์ต้องให้คำตอบ! พระองค์จะตกลงหรือไม่? “