บทที่ 2939 เพิกถอนสัมพันธ์อาจารย์ศิษย์ 5
นางยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสงบ เมื่อเทียบกับเขาที่อยู่ในสภาพจนตรอกเสื้อผ้าขาดวิ่นแล้ว อาภรณ์บนร่างนางยังคงสมบูรณ์ไม่บุบสลาย ถึงขั้นที่แม้แต่เส้นผมก็ไม่ยุ่งเหยิงสักเท่าไหร่เลย
“ท่านไม่เป็นไรกระมัง?” ตี้ฝูอีก้าวเข้าไป
กู้ซีจิ่วส่ายหน้านิดๆ โบกมือให้เขา “ไม่เป็นไร เจ้าไปเถอะ”
น้ำเสียงของนางค่อนข้างเบาหวิวอยู่บ้าง แต่ลมหายใจยังค่อนข้างมั่นคงอยู่ ถึงขั้นที่มั่นคงกว่าเขาด้วย เพียงแต่สีหน้าดูซีดเซียวกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย แต่ก็ใช่จะไร้สีเลือดไปเสียหมด
ตี้ฝูอีเม้มปากนิดๆ พลันก้าวเข้าไปอีก จับข้อมือนางไว้ “ให้ข้าตรวจชีพจรของท่าน…”
กล่าวยังไม่ทันจบ มือเขาก็โดนนางสะบัดออกอย่างรุนแรง ไม่ได้ควบคุมแรงให้ดี สะบัดจนตี้ฝูอีกระเด็นออกไปไกลสามจั้ง!
โชคดีที่ต่อให้ตี้ฝูอีได้รับบาดเจ็บความสามารถในการป้องกันตัวเองก็ยังมีอยู่ เขาพลิกตัวกลางอากาศ ร่อนลงบนพื้นอีกครั้ง เขาเงยหน้ามองนาง ทว่ามองเห็นสายตาเยียบเย็นของนางมองเข้ามา นั่นคือการทอดมองของผู้เป็นเทพ แฝงอำนาจกดดันอันไร้ลักษณ์ไว้ ทำให้หัวใจของตี้ฝูอีดุจมีวารีเยือกแข็งสาดเข้าใส่ นางเอ่ยสั้นๆ เพียงประโยคเดียว “เจ้ากับข้าไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีกต่อไปแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องมาหาข้าอีก…”
พอกล่าวประโยคนี้จบ นางก็หายลับไปเลย
เห็นได้ชัดยิ่ง นางเคลื่อนย้ายไปแล้ว
ตี้ฝูอียืนอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง หลับตาลงเล็กน้อย จู่ๆ ความหวาดหวั่นในหัวใจก็ล้นทะลักขึ้นมาเป็นพักๆ อย่างไม่มีสาเหตุ ทำการวิเคราะห์อย่างใจเย็น ตอนนี้พลังยุทธ์ของนางอย่างน้อยๆ ก็เป็นซ่างเสินขั้นสอง สีหน้าไม่นับว่าเลวร้ายจนเกินไป สามารถใช้วิชาเคลื่อนย้ายได้…เทียบกับสภาพตอนนางไปแดนน้ำแข็งครั้งก่อนแล้วดีกว่ามากนัก ดังนั้น สรุปได้ว่านางไม่เป็นไรจริงๆ เพียงแต่พลังยุทธ์ถดถอยลงบ้างก็เท่านั้น ไปฟื้นฟูที่แดนน้ำแข็งไม่กี่วันก็กลับคืนมาแล้ว
เขาทราบว่าการที่ตนบีบคั้นเช่นนี้ค่อนข้างผิดต่อนาง แต่เขาไม่อยากเป็นศิษย์ของนางจริงๆ ไม่คิดจะเป็นฟั่นเชียนซื่อคนที่สอง…
เขามองข้อมือที่เปลือยเปล่าของตน ไม่เข้าใจเลยว่าแค่เพิกถอนสัมพันธ์อาจารย์ศิษย์ เหตุใดกำไลถึงแตกสลายไปเล่า?
ไม่เป็นไรหรอก! วาสนาของเขากับนางมิได้ขึ้นอยู่กับกำไลคู่หนึ่ง! เขามีแผนการของเขาแล้ว อีกไม่กี่วันเขาจะหิ้วสุราไปหานาง
เขารู้ว่านางชอบสุราลูกเหมยเขียว จึงลงมือบ่มด้วยตัวเองหลายไห เลิศรสอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นางชิมแล้วต้องชอบแน่
จอมตะกละน้อยเห็นแก่สุราอย่างนาง จะต้องค่อยๆ ยกโทษให้เขาแน่…
ต่อให้ไม่ยอมยกโทษให้ชั่วขณะก็ไม่สำคัญ เขากับนางล้วนมีสังขารอมตะ เขามีเวลาพอจะตามง้อนาง นางชอบกิน เขาก็จะพานางไปกินของอร่อยทั่วหกภพภูมิ เขายังรู้จักอาหารจานพิเศษของหลายร้านที่นางยังไม่เคยได้ลิ้มลองด้วย…
ดวงตะวันของทะเลทรายเจิดจ้ายิ่ง ตี้ฝูอีอยู่ที่นี่ครู่เดียวก็เหงื่อออกทั่วหน้าผากแล้ว เขาจับสัมผัสร่างกายดูเล็กน้อย เลือดลมสะดวกราบรื่น ไม่มีการติดขัดเลยสักนิด จริงๆ เพียงแต่พลังยุทธ์ถดถอยลงไปบ้างก็เท่านั้น และเรื่องนี้ก็เล็กน้อยจนแทบไม่นับว่าเป็นอย่างไรเลย
เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนทัณฑ์อัสนีนี้ก็แค่ทำให้ผู้คนได้รับบทลงโทษมากขึ้นอีกหน่อยในช่วงเวลานั้น ทว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงกลับไม่หนักหนาเลย!
พลังยุทธ์ของเขาด้อยกว่านางมากนัก ยังรับทัณฑ์อัสนีได้อย่างปลอดโปร่งแบบนี้ เช่นนั้นนางก็ยังไม่มีทางเป็นอะไรไป…
การวิเคราะห์สรุปผลได้ตามนี้ และการวิเคราะห์ของเขาก็แม่นยำจนน่ากลัวมาโดยตลอด ไม่เคยผิดพลาดเลย แต่เขาก็ยังกระวนกระวายใจอย่างน่าประหลาด ราวกับว่ามีสิ่งสำคัญอันใดในชีวิตกำลังค่อยๆ ห่างหายจากไป…
เดิมทียังมีธุระอื่นรอคอยให้เขาไปจัดการอยู่ แถมยังเป็นธุระเร่งด่วนด้วย
แต่ตอนนั้นเขาไม่มีกะจิตกะใจเลย!
จู่ๆ เขาก็อยากพบนางยิ่งนัก…
แม้ว่าจะเป็นการมองอยู่ไกลๆ สักแวบ ขอเพียงได้เห็นว่านางปลอดภัยก็พอ
แต่นางเคลื่อนย้ายจากไปแล้ว เขาไม่อาจตามสืบรอยไปหาได้
เขานิ่งไปแวบหนึ่ง กระโจนขึ้นเหินเมฆาเสียเลย ฝืนควบคุมสติวนหาภายในรัศมีร้อยลี้รอบแล้วรอบเล่า
————————————————————————————-
บทที่ 2940 เพิกถอนสัมพันธ์อาจารย์ศิษย์ 6
ทะเลทรายเงียบสงัด เนินเขาไร้สุ้มเสียง ในรัศมีร้อยลี้ไม่มีเงาร่างของนางอยู่เลย
ชัดเจนยิ่ง นางไปจากที่นี่แล้วจริงๆ
นางไปไหนกันนะ?
….
ตี้ฝูอีมาเยือนหุบเขาเสียงสวรรค์ที่ไม่ได้ย่างเท้าเข้ามากว่าสองปีแล้ว เหล่าข้ารับใช้ของหุบเขาเสียงสวรรค์จัดการเรื่องราวไปตามหน้าที่ กำลังยุ่งง่วนกันอย่างมีขั้นมีตอนอยู่ เมื่อเห็นเขามาก็ค่อนข้างแปลกใจ “ท่านราชครู มาที่นี่ด้วยเหตุใดหรือขอรับ?”
ตี้ฝูอีถามเข้าประเด็นเลย “พระองค์เจ้าของพวกเจ้ากลับมาหรือยัง?”
ข้ารับใช้คนนั้นส่ายหน้า “ยังขอรับ พระองค์เจ้าของพวกเราออกไปยี่สิบวันแล้ว ยังไม่เคยกลับมาเลย”
ไม่ได้กลับมา…
เขาสูดหายใจนิดๆ ยื่นยันต์ถ่ายทอดเสียงแผ่นหนึ่งให้ข้ารับใช้คนนั้น “หากพระองค์เจ้าของบ้านเจ้ากลับมา เจ้าจงรีบแจ้งว่าเป็นผู้ทรงสิทธิ์เช่นข้า ข้ามีธุระสำคัญจะปรึกษานางไม่อาจล่าช้าได้แม้สักชั่วครู่”
ถึงแม้ข้ารับใช้คนนั้นจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่เร่งด่วนอะไรขึ้น แต่พระองค์เจ้าให้ความสำคัญต่อราชครูตี้ผู้นี้เสมอมา ไม่เคยปล่อยให้ผู้ใดว่ากล่าวเขาเลยสักครึ่งประโยค ดังนั้นเขาจึงให้ความเคารพตี้ฝูอียิ่งนักเช่นกัน ตกปากรับคำทันที
ตี้ฝูอีถึงได้หันหลังจากไป
เดิมทีเขาคิดจะไปดูที่แดนน้ำแข็ง แต่คิดๆ ดูแล้ว พลันหักเลี้ยวอีกครั้ง มุ่งไปที่จวนร้างหลังนั้นของตน
เขาฝังสุราเลิศรสชั้นดีเอาไว้ที่นั่นหลายไห
เมื่อขุดสุราออกมา ก็จ่อจมูกดมกลิ่นสุราที่แผ่ออกมาจางๆ หอมหวนยิ่ง! รสชาติยิ่งดีกว่าตอนที่เพิ่งฝังเสียอีก!
นางไม่อาจต้านทานความเย้ายวนของสุราชั้นเลิศนี้ได้
ถ้านางไม่ได้กลับไปที่หุบเขาเสียงสวรรค์ เช่นนั้นก็ต้องไปที่แดนน้ำแข็งแน่นอน
เขายังคงรู้จักนางดี ทราบว่าทุกครั้งที่นางบาดเจ็บล้วนจะไปพักฟื้นในสถานที่สองแห่งนี้ ไม่ที่ใดก็ที่หนึ่ง
เกล็ดหิมะบนแดนน้ำแข็งยังหนาแน่น ปลิวว่อนเริงรำอยู่ในอากาศ
ตี้ฝูอีตรงไปที่กระท่อมน้ำแข็งหลังนั้น…
กระท่อมน้ำแข็งยังคงตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น เครื่องเรือนภายในยังคงเดิมไม่ลดน้อยลง เพียงแต่กู้ซีจิ่วไม่ได้อยู่ด้านใน
เขาผิดหวัง แต่ยังคงวนสำรวจภายในกระท่อมรอบหนึ่ง
ดูจากร่องรอยแล้ว กว่าสองปีมานี้นางเคยมาที่นี่อยู่สามครั้ง และทุกครั้งล้วนรั้งอยู่นานครึ่งเดือน
ครั้งนี้กลับไม่ได้มา อยู่ระหว่างเดินทางรึ? หรือว่าการบาดเจ็บของนางไม่จำเป็นต้องพักฟื้นในสถานที่สองแห่งนี้?
ในมุมหนึ่งของกระท่อมน้ำแข็งเขาพบกระดาษสองแผ่นที่ถูกขยำเป็นก้อน จึงคลี่ออกอ่านดู อักษรบนกระดาษค่อนข้างยุ่งเหยิงวุ่นวาย แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นลายมือของนาง
นี่คล้ายว่าเป็นการคัดอักษรเล่นในยามที่นางเบื่อ บนกระดาษเขียนถ้อยคำสองสามประโยคที่ไม่ค่อยสัมพันธ์กันเอาไว้
หากว่าเขารอข้าต่ออีกครึ่งชั่วยามก็ดีสิ…
สุดท้ายก็มีบุพเพแต่ไร้วาสนา…
ในใจค่อนข้างอึดอัดอยู่บ้าง เจ็บปวดเล็กน้อย…
เขาไม่ได้มาที่นี่เลย สองปีกว่าแล้ว เขาก็ไม่เคยมาเลยสักครั้ง เห็นทีว่าจะไม่มาแล้ว
ถึงแม้ทักษะงานครัวของเขาจะไม่เท่าไหร่ แต่บ่มสุราได้ดีจริงๆ ไม่รู้จะได้ดื่มสุรากับเขาอีกสักครั้งในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ไหม…
….
ตี้ฝูอีถือกระดาษแผ่นนั้นไว้ ถือจนปลายนิ้วขาวซีดแล้ว
ถึงแม้ไม่กี่ประโยคนี้จะไม่สัมพันธ์กันและไม่มีการเอ่ยนาม แต่เขาก็รู้ดีว่า ‘เขา’ บนกระดาษแผ่นนี้คือตัวเขาตี้ฝูอี!
ดูเหมือนว่านางจะมิได้ไร้ความรู้สึกต่อเขาไปเสียทั้งหมด…
สองปีมานี้นางมาที่นี่อยู่หลายครั้ง คงอยากจะ ‘บังเอิญ’ พบเขา
อย่างไรก็ตาม ‘รอต่ออีกครึ่งชั่วยามก็ดีสิ’ นี้ หมายความว่าอย่างไร?
เขาคลี่กระดาษอีกแผ่นออก หลังจากได้เห็นอักษรด้านบนชัดเจนแล้ว เขาก็หน้าเปลี่ยนสีเลย! เท้าอ่อนยวบ แทบจะยืนไม่อยู่แล้ว
บนกระดาษก็มีอักษรไม่กี่แถวที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายอยู่เช่นกัน
…เหลือเวลาไม่มากแล้ว
…เหลืออีกครึ่งเดือน…
….ข้าจะทำเรื่องที่ตนปรารถนาจะทำที่สุดในยามที่ยังมีชีวิตอยู่อย่างแท้จริง จะไม่สนใจไอ้เด็กนิสัยเสียอย่างฟั่นเชียนซื่อแล้ว! จะกินอาหารเลิศรสทั่วหกภพภูมิ จะไม่ทิ้งห่วงอาลัยไว้ให้ตัวเอง!
…ยังอยากดื่มสุราที่เขากลั่นด้วย ไม่มีหวังแล้วจริงๆ
…อันที่จริง ข้ากลัวนิดหน่อย…
มือตี้ฝูอีสั่นสะท้านแล้ว!
ดูจากหมึกบนกระดาษ อักษรบนกระดาษแผ่นนี้เขียนขึ้นเมื่อครึ่งเดือนก่อน…
————————————————————————————-