เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่หนักแน่นและจริงจังขนาดนี้ของภรรยาตนเอง เย่ชางคงก็รู้แล้วว่ามู่หลงหยานจะต้องมั่นใจเป็นอย่างมากแน่นอนว่าเรื่องทุกอย่างหลิงตู้ฉิงจะต้องสะสางปัญหาได้
ดังนั้นเมื่อเย่ชางคงตัดสินใจได้ เขาจึงพูดกับหยูหงเว่ยว่า “พี่หยู ท่านอย่าเพิ่งเบี่ยงประเด็นไปที่ลูกเขยของข้า ในฐานะที่ท่านเป็นผู้อาวุโสคุมกฎของสำนักและไอ้เจ้ากู่ตงฉิง ผู้นี้ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ตระกูลของท่านเชิญมา ดังนั้นอันดับแรกท่านควรจะให้คำอธิบายกับทุกคนให้ชัดเจนว่า จู่ ๆ เขาดันกลายเป็นคนของตำหนักดับเซียนได้ยังไง ส่วนเรื่องปล่อยตัวของกู่ตงฉิงไปนั้นไม่ว่าจะยังไงข้าก็คงทำแบบนั้นไม่ได้ ข้าไม่สนว่ากู่ตงฉิงผู้นี้มันจะเป็นใครมาจากที่ไหน ในเมื่อมันกล้าที่จะเข้ามากระทำเรื่องอุกอาจภายในสำนักของข้า ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้มันลอยนวลไปง่าย ๆ ได้แน่นอน!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยูหงเว่ยแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วนอยู่สักพัก จากนั้นเขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนลงว่า “เอ่อ…ท่านเจ้าสำนัก ท่านเองก็น่ารู้จักข้าดีว่าข้าไม่มีวันที่จะไปมีความเกี่ยวข้องกับตำหนักดับเซียนแน่นอน ท่านน่าจะรู้ว่าท่านลุงของข้าคนหนึ่งก็ตายลงด้วยน้ำมือของพวกตำหนักดับเซียนด้วยซ้ำ แต่วันนี้ที่ข้าคิดว่าพวกเราควรปล่อยกู่ตงฉิงไปก็เพราะข้าคำนึงถึงความปลอดภัยของคนสำนักเราเป็นหลักก็เท่านั้นเอง”
เมื่อหยูหงเว่ยพูดจบ นอกจากคนของตระกูลเย่ บรรดาผู้คนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์หลายคนก็เริ่มส่งเสียงสนับสนุนความคิดของหยูหงเว่ย เนื่องจากพวกเขาใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขมาเป็นเวลานานจนทำให้ความคิดของพวกเขาเปลี่ยนไปกลายเป็นรักตัวกลัวตาย ดังนั้นมันจึงไม่มีใครอยากจะเสี่ยงชีวิตกับการตกเป็นเป้าหมายของตำหนักดับเซียนในอนาคต
“ข้ารู้สึกว่าที่ผู้อาวุโสหยูพูดมานั้นมีเหตุผลทั้งหมด ถึงแม้ว่ากู่ตงฉิงจะสังหารคนในสำนักของเราก็จริง แต่เขาเป้าหมายของเขานั้นคือหลิงตู้ฉิง ซึ่งเขาเองก็ไม่ใช่ศิษย์สำนักของเราสักหน่อย ดังนั้นทำไมพวกเราทั้งสำนักจะต้องเอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของพวกเราด้วยแบบนี้กัน?” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันผู้หนึ่งพูดขึ้น
เย่ชางคงมองไปที่หลิงตู้ฉิง และถามว่า “แล้วเจ้าล่ะจะเอายังไงต่อ?”
เมื่อเผชิญกับการทัดทานจากผู้คนมากมายขนาดนี้ เย่ชางคงเองก็รู้สึกจนปัญญาเหมือนกัน แต่เมื่อเขาเห็นว่าภรรยาของเขาย้ำนักย้ำหนาว่าเขาต้องสนับสนุนหลิงตู้ฉิงเพียงเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงส่งลูกต่อให้หลิงตู้ฉิงเป็นคนพูดออกมาต่อหน้าทุกคนเลยว่าเขาจะเอายังไงต่อไปกันแน่
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงก็จ้องเขม็งไปที่กู่ตงฉิงอย่างไม่วางตา พลางฟังคำพูดของบรรดาผู้คนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย
สิ่งหนึ่งที่เขาแน่ใจคือ ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ไม่มีวันปล่อยให้กู่ตงฉิงหลุดมือไปแน่นอน
แต่เมื่อเขาเห็นว่ามีคนจำนวนมากต่อต้านการตัดสินใจของเย่ชางคงแบบนี้ หลิงตู้ฉิงเองก็รู้สึกเหนื่อยใจเหมือนกัน
หากสถานการณ์มันยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป ตำแหน่งเจ้าสำนักของเย่ชางคงคงได้หลุดลอยไปเป็นของคนอื่นอย่างแน่นอน ซึ่งมันจะเป็นปัญหาเป็นอย่างมากในอนาคตหากเขาจะเรียกใช้สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ให้ทำงานให้ และมันก็คงจะเป็นเรื่องที่น่ากระอักกระอ่วนเป็นอย่างมากเมื่อถึงเวลาที่เขาต้องเผชิญกับคำถามของเย่ชิงเฉิงว่า ทำไมพ่อของนางถึงได้โดนปลดจากการเป็นเจ้าสำนัก
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลิงตู้ฉิงก็พูดกับกู่ตงฉิงว่า “รับการโจมตีของข้าให้ได้ 1 กระบวนท่า หากเจ้ารอดข้าจะปล่อยเจ้าไป”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของหลิงตู้ฉิง บรรดาผู้คนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ต่างก็พากันโล่งใจ
ในสายตาของพวกเขาการที่หลิงตู้ฉิงยื่นข้อเสนอไปแบบนี้มันก็เหมือนการประนีประนอมไม่ให้ทุกฝ่ายเสียหน้า
ไม่ว่าจะยังไงทุกคนก็ไม่เชื่อว่า หลิงตู้ฉิงที่มีระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตนภาจะสามารถฆ่าผู้เชี่ยวชาญระดับนภาครามได้ใน 1 กระบวนท่าแน่นอน
ในทางกลับกัน มู่หลงหยานกลับหัวเราะเยาะเย้ยอยู่ในใจ ในมือของหลิงตู้ฉิงตอนนี้มีกิ่งไม้ที่ได้มาจากต้นเทวะศาสตราที่สามารถสยบอสูรขอบเขตมหาจักรพรรดิได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญระดับนภาครามเช่นกู่ตงฉิงจะรอดตายไปได้ยังไง?
ทางด้านของกู่ตงฉิง เมื่อได้ยินข้อเสนอนี้เขาก็รีบพูดขึ้นทันที “ให้นังผู้หญิงนั่นออกจากร่างของเจ้าก่อน ไม่อย่างนั้นข้าจะถือว่าเจ้าไม่ซื่อสัตย์ต่อคำพูดของเจ้า!”
ในตอนนี้ทุกคนต่างรู้ดีว่าหมิงยู่ได้เข้าไปอยู่ในร่างของหลิงตู้ฉิงเรียบร้อยแล้ว และนางก็สามารถเกื้อหนุนระดับการบ่มเพาะของหลิงตู้ฉิงให้กลายเป็นระดับนภาครามได้ และเมื่อบวกกับความสามารถของหลิงตู้ฉิงที่สุดแสนจะพิสดาร ต่อให้เป็นคนที่โง่ที่สุดก็เดาได้ว่ากู่ตงฉิงคงจะไม่สามารถรับมือได้กับการโจมตีของหลิงตู้ฉิงที่อยู่ในระดับนภาครามได้อย่างแน่นอน
หลิงตู้ฉิงหัวเราะขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา และพูดกับหมิงยู่ว่า “หมิงยู่ เจ้าออกมาจากร่างของข้าก่อน!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็เรียกง้าวเทวะพินาศจำลองออกมาจากร่าง
ในเมื่อเขาไม่สามารถใช้พลังของหมิงยู่ได้ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องใช้ง้าวเทวะพินาศจำลองในการชดเชยความแข็งแกร่งของเขาที่มันต่างกันหลายระดับกับกู่ตงฉิง
ทางด้านของผู้คนทั้งหลายก็มองไปที่ง้าวเทวะพินาศจำลองด้วยสายตาแปลกประหลาด เนื่องจากพวกเขาไม่เห็นว่าง้าวที่หลิงตู้ฉิงถือจะมีกลิ่นอายหรือพลังอะไรแผ่ออกมาเลยแม้แต่น้อย
ในสายตาของพวกเขา ง้าวเทวะพินาศจำลองนั้นไม่ต่างอะไรกับง้าวเหล็กธรรมดาอันหนึ่ง
แต่ทางด้านของกู่ตงฉิงกลับหรี่ตามองไปที่ง้าวเทวะพินาศจำลองด้วยท่าทีระแวดระวัง เนื่องจากเขายังคงจำได้ถึงกระบี่ที่ลั่วหยุนเคยใช้ในการทำลายเศษเสี้ยวจิตสำนึกของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิของสันเขาทรราชที่ด้านหน้าทางเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ซึ่งมันก็ไม่มีกลิ่นอายหรือพลังใด ๆ แผ่ออกมาแบบนี้เหมือนกัน
ตอนนี้เขาได้แต่สงสัยว่าง้าวของหลิงตู้ฉิงมันจะเป็นแบบกระบี่เล่มนั้นรึเปล่า?
แต่ถึงแม้ว่ากู่ตงฉิงจะยังคงสงสัย เขาก็ยังคงพูดกับหลิงตู้ฉิงว่า “เข้ามา…”
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบประโยค การต่อสู้ของเขาและหลิงตู้ฉิงก็จบซะก่อนแล้ว
แค่เพียงกู่ตงฉิงอ้าปากพูดเท่านั้น หลิงตู้ฉิงใช้ความเร็วของวิชาพเนจรไร้จำกัดพุ่งเข้าหากู่ตงฉิง จากนั้นเขาใช้ง้าวเทวะพินาศจำลองเสียบไปที่ท้องของกู่ตงฉิง และยกร่างของ กู่ตงฉิงที่ยังไม่ตายและติดคาอยู่ที่ปลายง้าวขึ้นไปบนอากาศ
หากไม่ใช่เพราะหลิงตู้ฉิงยังต้องการสืบเรื่องของตำหนักดับเซียน ป่านนี้กู่ตงฉิงคงจะตายไปแล้วแน่นอน
แต่ทางด้านของผู้คนที่มองอยู่กลับตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
นี่เขาทำได้ยังไงกัน? ทำไมผู้เชี่ยวชาญระดับนภาครามเช่นกู่ตงฉิงถึงไม่สามารถต่อต้านอะไรได้เลยแบบนั้น?
ทางด้านของกู่ตงฉิงเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าการต่อสู้มันจบเร็วขนาดนี้ได้ยังไง? เขาไม่สามารถตอบสนองอะไรได้ทันเลยแม้แต่น้อย
แต่แล้วเมื่อเขาเห็นว่าหลิงตู้ฉิงยังคงไม่ฆ่าเขา เขาก็หัวเราะออกมาด้วยความสะใจ “ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้ากล้าฆ่าข้างั้นเหรอ? ถ้าเจ้าฆ่าข้า ข้ารับประกันว่าจะต้องมีคนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์อีกหลายคนที่ต้องตายตามข้าไปด้วยแน่นอน!”
แต่ก่อนที่หลิงตู้ฉิงจะได้ทันตอบอะไรกลับ หยูปิงก็ตะโกนขึ้นดังลั่น “ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะตัดสินใจแบบไหน แต่ถ้าหากเจ้าไม่ปล่อยกู่ตงฉิงไป ข้าจะฆ่าครอบครัวของเจ้าให้หมด!”
ทุกคนเมื่อได้ยินเช่นนี้ พวกเขาต่างก็รีบหันไปมองที่ต้นเสียงทันทีและสิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือในตอนนี้หยูปิงกำลังจับหัวของจ้าวเหมิงลู่ และหลิงเทียนหยุนเอาไว้พร้อมที่จะขยี้ให้แหลกละเอียดได้ทุกเวลา
หลิงตู้ฉิงเมื่อเห็นเช่นนี้สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเดือดดาลทันที
หลิงตู้ฉิงบิดข้อมือสะบัดง้าวเทวะพินาศจำลอง ส่งผลให้ร่างของกู่ตงฉิงแหลกสลายกลายเป็นฝุ่นผงในชั่วพริบตา และจากนั้นเขาปักง้าวเทวะพินาศจำลองลงไปที่พื้นและตะโกนขึ้นเสียงดังลั่น “ในนามของข้า ข้าขอสั่งให้ความตายที่เกิดในที่แห่งนี้กลายเป็นโมฆะ!”