ความตั้งใจแรกของหลิงตู้ฉิงคือการจับเป็นกู่ตงฉิงเพื่อเค้นความลับเกี่ยวกับตำหนักดับเซียน แต่แล้วในทันทีที่เขาจับกู่ตงฉิงได้สถานการณ์ทุกอย่างกลับแย่ลงไปอีก เนื่องจากหยูปิงอาศัยจังหวะที่เขาเผลอลอบจับตัวครอบครัวของเขาไว้เป็นตัวประกัน
อันที่จริงหยูปิงไม่ควรที่จะเข้าถึงตัวหลิงเทียนหยุนและจ้าวเหมิงลู่ได้สำเร็จแบบนี้เลย เพราะที่ข้างกายของทั้งสองคนนั้นมีหยูคงหมิง ซึ่งมีระดับการบ่มเพาะอยู่ในขอบเขตราชันขั้นกลางคอยปกป้องอยู่ตลอดเวลา
ต้องรู้ว่าหยูคงหมิงนั้นไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญปกติทั่วไป เขาคือผู้ที่หลิงตู้ฉิงล้างสมองให้กลายเป็นทาสรับใช้ที่ซื่อสัตย์แบบไม่มีข้อแม้ ดังนั้นต่อให้การต่อสู้ของหลิงตู้ฉิงจะดุเดือดสักไหน สายตาของหยูคงหมิงจะไม่มีวันละไปจากครอบครัวของหลิงตู้ฉิงอย่างแน่นอน ซึ่งเขาจะต้องไม่มีวันพลาดท่าให้กับหยูปิงที่มีระดับการเพาะแค่ขอบเขตราชันขั้นต้นแบบนี้
ทางด้านของมู่หลงหยานและเย่ชางคงก็ตกอยู่ในความตกตะลึงเช่นกัน พวกเขาไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าหยูปิงจะกล้าใช้จังหวะที่พวกเขาเผลอจับครอบครัวของหลิงตู้ฉิงไว้เป็นตัวประกันเพื่อต่อรอง
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เมื่อคิดวิเคราะห์ถึงภาพรวมสถานการณ์ทั้งหมดเขาก็เริ่มเข้าใจว่าอันที่จริงแล้วมันน่าจะตัวตนปริศนาอีกคนหนึ่งที่พยายามเล่นงานเขาอยู่ในที่ลับโดยการตรึงร่างของหยูคงหมิงเอาไว้ไม่ให้ขัดขวางการกระทำของหยูปิง
เมื่อคิดได้เช่นนี้และเทียบกับความปลอดภัยของครอบครัวเขา ความลับของตำหนักดับเซียนนั้นถือว่าไร้ค่า หลิงตู้ฉิงจึงตัดสินใจสังหารกู่ตงฉิงในทันที และปักง้าวเทวะพินาศจำลองลงที่พื้นพร้อมกับตะโกนว่า “ในนามของข้า ข้าขอสั่งให้ความตายที่เกิดในที่แห่งนี้กลายเป็นโมฆะ!”
เมื่อพูดจบ พลังงานอันแปลกประหลาดที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนก็พวยพุ่งออกมาจากง้าวเทวะพินาศจำลองอย่างมหาศาลจนปกคลุมไปทั่วทั้งสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์
แต่ด้วยการใช้พลังอำนาจที่มากมายขนาดนี้ หลิงตู้ฉิงเองก็สูญเสียระดับการบ่มเพาะของเขาเช่นกัน จากในตอนแรกที่ระดับการบ่มเพาะของเขาอยู่ในขอบเขตนภาระดับ 7 ตอนนี้มันลดลงมาเหลือระดับ 1 ในทันที
เมื่อพลังของง้าวเทวะพินาศจำลองแผ่ปกคลุมจนทั่วสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์แล้ว หลิงตู้ฉิงก็ใช้วิชาพเนจรไร้จำกัดพุ่งเข้าไปหาหยูปิงในชั่วพริบตา และใช้ง้าวเทวะพินาศจำลองเสียบท้องของหยูปิงจนทะลุ และยกร่างของหยูปิงขึ้นไปห้อยต่องแต่งอยู่บนอากาศ
ก่อนหน้านี้ที่หลิงตู้ฉิงคร่ากุมตัวกู่ตงฉิงได้ หยูปิงก็ได้รับคำสั่งลับให้จับตัวจ้าวเหมิงลู่ และหลิงเทียนหยุนเอาเป็นตัวประกัน เพื่อขู่หลิงตู้ฉิงให้ปล่อยกู่ตงฉิงในทันที
หยูปิงรีบทำตามคำสั่งโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เพราะเขาเองก็รู้ว่ากู่ตงฉิงนั้นรู้ความลับต่าง ๆ อยู่บ้าง ซึ่งมันไม่ควรจะถูกเปิดเผยในเวลานี้
แต่ต่อมาเมื่อครอบครัวของหลิงตู้ฉิงอยู่ในเงื้อมมือเขาเรียบร้อยแล้ว หยูปิงก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าหลิงตู้ฉิงจะสังหารกู่ตงฉิงในทันที ซึ่งอันที่จริงมันก็เป็นเรื่องที่ดีเพราะคนตายนั้นแน่นอนว่าไม่สามารถพูดอะไรได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม วินาทีถัดมาขนแขนของหยูปิงก็ชูชันขึ้นจากกลิ่นอายแห่งการฆ่าฟันของหลิงตู้ฉิงที่ส่งมาถึงเขา ซึ่งมันทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าเขากำลังมีปัญหาใหญ่ ดังนั้นเขาจึงจับหัวจ้าวเหมิงลู่และหลิงเทียนหยุนแน่นขึ้นอีก และเตรียมตัวที่จะหนีไปในทันที
แต่น่าเสียดายที่ทุกอย่างมันสายเกินไป
ง้าวเทวะพินาศจำลองของหลิงตู้ฉิงเสียบเข้ามาที่หน้าท้องของเขาเรียบร้อยแล้ว
ด้วยความเจ็บปวดอันแสนสาหัส หยูปิงยิ่งเพิ่มแรงบีบมือของเขามากยิ่งขึ้นจนดวงตาของจ้าวเหมิงลู่และหลิงเทียนหยุนแทบจะถลนออกมาจากเบ้า
“ปล่อยข้าไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นข้าจะฆ่าคนของเจ้า!” หยูปิงตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าดุดัน
หลิงตู้ฉิงยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า “ข้าจำได้ว่าวิชาตัวเบาที่เจ้าใช้เมื่อครู่มันคือวิชามายาล่องลอยของตำหนักดับเซียน ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นเครื่องยืนยันเป็นอย่างดีว่าเจ้าคือคนของตำหนักดับเซียนด้วยอีกคน!”
“และเจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงฆ่ากู่ตงฉิงโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย? มันเป็นเพราะว่าข้าเจอเจ้ายังไงล่ะ! ไม่ว่าจะยังไงตัวตนที่มีตำแหน่งเป็นแค่ ‘ผู้เก็บเกี่ยววิญญาณ’ ก็คงไม่รู้ความลับอะไรมากมายเท่ากับเจ้าที่คงจะเป็น ‘ผู้พิพากษา’ แน่นอนจริงไหม?”…
หยูปิงตะคอกกลับด้วยสีหน้าเย็นชา “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดเรื่องบ้าอะไรอยู่ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ไม่งั้นข้าจะฆ่าคนของเจ้าซะ!”
หยูหงเว่ยพูดเสริมขึ้นเช่นกัน “หลิงตู้ฉิง เจ้าจงปล่อยหยูปิงเดี๋ยวนี้ เขาไม่ใช่คนของตำหนักดับเซียนแน่นอน!”
“หมิงยู่!” หลิงตู้ฉิงตะโกนขึ้นให้หมิงยู่หลอมรวมร่างเข้ากับเขา จากนั้นเขาจ้องไปที่หยูหงเว่ย และถัดมาก็มองไปที่หยูปิง และพูดว่า “ข้าแนะนำว่าเจ้าควรปล่อยครอบครัวของข้าซะ และยอมร่วมมือบอกความลับของตำหนักดับเซียนให้กับข้ามาซะดี ๆ แล้วข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างไม่ทรมาน แถมยังจะอนุญาตให้เจ้าสามารถไปเกิดใหม่ได้อีกต่างหาก”
ถึงแม้ว่าตอนนี้หลิงตู้ฉิงจะกางเขตแดนประกาศิตของเขาเอาไว้แล้ว ซึ่งแน่นอนว่าหยูปิงจะไม่สามารถฆ่าครอบครัวของเขาได้แน่นอน แต่สิ่งที่เขาไม่อยากให้เกิดก็คือ เขาไม่อยากให้หยูปิงทำให้คนในครอบครัวของเขาต้องรู้สึกเจ็บปวด
หยูปิงหัวเราะอย่างชั่วร้ายและพูดว่า “ไม่ต้องมาเสียเวลาโน้มน้าวข้า ปล่อยข้าไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นข้าจะลากคนของเจ้าให้ตายไปพร้อมกับข้า!”
หลิงตู้ฉิงพ่นลมออกจมูกด้วยความหงุดหงิด “ในเมื่อข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เห็นค่า ดังนั้นข้าขอสาบานว่าข้าจะทำให้เจ้าได้เผชิญกับความทรมานแบบเหนือจินตนาการก่อนที่เจ้าจะสูญสลายหายไปโดยไม่มีโอกาสกลับไปเกิดใหม่ได้อีกครั้ง!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงสะบัดง้าวเทวะพินาศจำลองทำลายร่างกายของหยูปิงจนแหลกเหลว
ในเวลาเดียวกันกับที่ร่างกายแหลกเหลว หยูปิงก็ใช้เจตจำนงของเขาบดขยี้หัวของจ้าวเหมิงลู่และหลิงเทียนหยุนจนแหลกละเอียดให้ตกตายไปตามกัน
ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นตอนนี้เขาจะต้องไปกลัวอะไรอีก?
แต่แล้วในเวลาถัดมาเพียงชั่วอึดใจเดียว ความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อร่างของทั้ง 3 คนที่แหลกเละไปแล้วจู่ ๆ ก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจนกลับมาเป็นดังเดิมราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะหลิงตู้ฉิงได้สั่งให้ความตายที่เกิดขึ้นที่นี่เป็นโมฆะทั้งหมด!
หรือจะให้พูดอีกอย่างก็คือ ตราบใดที่อยู่ในเขตแดนประกาศิตของเขา หากเขาไม่ยอมให้ใครตายคนผู้นั้นก็จะไม่มีทางตายได้เลย
“ตู้ฉิง…” มู่หลงหยานกำลังจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อปลอบใจ แต่ชั่วอึดใจถัดมานางกลับเห็นภาพที่คน 3 คนฟื้นขึ้นมาจากความตาย นางก็อดไม่ได้ที่จะเอามือปิดปากเพราะอาการตกตะลึง
ภาพที่นางเห็นมันเหนือจินตนาการมากเกินไปจนนางไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปอีกดี
ทางด้านของบรรดาผู้คนอื่น ๆ ที่เห็นภาพนี้พวกเขาต่างก็ตกอยู่ในอาการตกตะลึงเช่นกัน
ทักษะเช่นนี้มันทั้งพิสดารและน่ากลัวเกินไปเกินกว่าที่พวกเขาจะเข้าใจได้…
“สามีนี่ข้าตายไปแล้วงั้นเหรอ?” จ้าวเหมิงลู่ลุกขึ้นมายืนข้างหลิงตู้ฉิงด้วยอาการงุนงง
หลิงเทียนหยุนก็รู้สึกสับสนเช่นกัน เมื่อครู่เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเขาถูกบีบหัวจนน่าจะตายไปแล้วแท้ ๆ แต่ทำไมตอนนี้เขาถึงกลับยังมีชีวิตอยู่แถมไม่มีบาดแผลอะไรเลย?
“เจ้าไม่ได้ตาย!” หลิงตู้ฉิงยิ้มปลอบพวกเขา จากนั้นเขาใช้ง้าวเทวะพินาศจำลองเสียบร่างของหยูปิงเอาไว้อีกรอบ และจากนั้นเขาก็ผลักจ้าวเหมิงลู่และหลิงเทียนหยุนไปหา มู่หลงหยาน และพูดว่า “จงปกป้องครอบครัวของข้าให้ดี จงใช้พลังทั้งหมดที่เจ้ามีโคจรลงไปในไม้บรรทัดหยกดำของเจ้า และสร้างค่ายกลดาราสวรรค์ปกป้องคนของข้าเอาไว้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มู่หลงหยานก็เริ่มเอะใจได้แล้วว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่น่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากล ดังนั้นนางจึงรีบสร้างค่ายกลดาราสวรรค์ตามที่หลิงตู้ฉิงสั่งในทันทีเพื่อปกป้องทั้งคนของหลิงตู้ฉิงและคนของนางไปพร้อม ๆ กัน
เมื่อเห็นว่าครอบครัวของเขาไม่เป็นอะไรแล้ว หลิงตู้ฉิงก็หันมาสนใจกับหยูปิงต่ออีกรอบ เขาฟาดร่างของหยูปิงที่ติดอยู่ตรงปลายง้าวอัดลงไปที่พื้นจนร่างกายแหลกเละ จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็คืนชีพให้กับหยูปิงอีกครั้ง
หลิงตู้ฉิงฆ่าหยูปิงสลับกับคืนชีพไปเรื่อย ๆ กว่าสิบรอบ จากนั้นเขาพูดกับหยูปิงว่า “ตอนนี้เจ้าอาจจะยังคงดื้อด้านไม่ยอมพูด แต่ข้าอยากจะรู้เหมือนกันว่าหลังจากที่ข้าฆ่าเจ้าอีกสักพันรอบเจ้าจะยังปากแข็งได้แบบนี้เหมือนเดิมอีกรึเปล่า อ๋อแล้วเจ้ามั่นใจได้เลยว่าแต่ละรอบที่เจ้าตายลง ความเจ็บปวดที่เจ้าได้รับมันจะไม่มีวันที่เจ้าจะชาชินกับมันได้แน่นอน อันนี้ข้าสัญญา”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ฆ่าหยูปิงต่อไปอีกเรื่อย ๆ
เสียงร้องโหยหวนอันเจ็บปวดของหยูปิงนั้นดังลั่นไปทั่วสำนักจนไม่ว่าใครถ้าได้ยินก็ต้องรู้สึกเวทนา
ท้ายที่สุดคนที่ทนไม่ไหวคนแรกก็ตะโกนขึ้น
“พอได้แล้ว! ปล่อยคนของข้าเดี๋ยวนี้ไม่งั้นข้าจะลงมือ!” หยูหงเว่ยตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าเดือดดาล