บทที่ 1177 เปิดสิบตะวัน หัตถ์เทพปีศาจ

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1177 เปิดสิบตะวัน หัตถ์เทพปีศาจ

รูปปั้นสีฟ้าอมเขียวปรากฏในมือจาโหลหลัว

ทำให้เกิดคลื่นในหัวใจของมู่เฉิน สายตาเขาจ้องเขม็งไปที่รูปปั้นนั่น

“ฮ่าๆ…อยากรู้เหรอ?” เมื่อเห็นมู่เฉินตกตะลึง จาโหลหลัวก็หัวเราะด้วยความเยาะเย้ยในใจ

คิ้วมู่เฉินขมวดเข้าหากันแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ทว่าจาโหลหลัวไม่ได้ใส่ใจกับท่าทางนั่น เขาโยนรูปปั้นในมือเล่นพูดว่า “นี่เป็นวัตถุที่ข้าได้รับจากท่านประมุข ว่ากันว่าครั้งหนึ่งมีศิษย์มากพรสวรรค์เคยฝึกฝนร่างเทพสุริยะ ทว่าสุดท้ายก็ล้มเหลว ร่างเทพสุริยะของเขาก็กลายเป็นสิ่งนี้”

“วัตถุนี้อาจไม่มีประโยชน์สำหรับผู้อื่น แต่ไม่ใช่สำหรับคนที่ฝึกฝนร่างเทพสุริยะ นี่เป็นวัตถุสมบูรณ์แบบที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างเทพสุริยะได้ชั่วคราวหากดูดซับเข้าไป”

ใบหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย ที่แท้จาโหลหลัวตั้งใจจะดูดซับสิ่งนี้

“ขอโทษที แต่ครั้งนี้ดูเหมือนข้าจะเป็นคนที่หัวเราะคนสุดท้าย” จาโหลหลัวยิ้มบางให้มู่เฉิน โดยไม่ลังเลก็โยนรูปปั้นออกไป มันถูกกลืนกินโดยร่างเทพสุริยะสีดำมะเมื่อมของเขา

ตู้ม! ตู้ม!

เมื่อรูปปั้นหินสีฟ้าอมเขียวเข้าไปในปากใหญ่ ร่างเทพสุริยะสีดำก็เริ่มสั่นไหวแล้วขยายขนาดอย่างเห็นได้ชัด ในช่วงเวลาไม่กี่อึดใจก็ขยายเป็นหลายเท่าพร้อมกับความผันผวนที่น่ากลัวปะทุออกมา

ฮึ่ม ฮึ่ม

คลื่นกระแทกน่าสะพรึงของพลังงานหลิงแผ่กระจายไปทุกทิศทาง ยับยั้งแสงสีทองจากร่างเทพสุริยะของมู่เฉิน สามในสี่ของภูมิภาคนี้ปกคลุมไปด้วยแสงสีดำ

ใบหน้าของมู่เฉินก็เคร่งเครียดลงอย่างมากในเวลานี้

“ทักษะเทห์สวรรค์ หลุมปีศาจ!”

จาโหลหลัวหัวเราะร่วน จากนั้นก็คำรามดวงอาทิตย์สีดำเก้าดวงลุกโชนก่อตัวเป็นหลุมดำ ราวกับต้องกลืนกินทุกสรรพสิ่ง

เวลานี้ทักษะเทห์สวรรค์เปิดเก้าตะวันของจาโหลหลัวไปไกลเกินกว่าวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นเล็กธรรมดาแล้ว!

เผชิญหน้ากับกระบวนท่านี้ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มยังถูกกลืนกิน กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนก็ไม่กล้าที่จะดูถูก

“มู่เฉินตายซะ! ให้ร่างเทพสุริยะของแกกลายเป็นหินรองเท้าข้าซะ!”

จาโหลหลัวหัวเราะสาแก่ใจไม่หยุด มาถึงจุดนี้เขาอยู่ห่างจากชัยชนะก้าวเดียวเท่านั้น

จาโหลหลัวมองไปที่มู่เฉินเนื่องจากอยากเห็นสีหน้าสะพรึงกลัวที่ฉายออกมา แต่ที่ทำให้เอาอึ้งไปคือมู่เฉินที่ตกตะลึงในตอนแรกได้สงบลงแล้ว

“ถึงตอนนี้แล้วแกยังแกล้งไม่กลัวอีกเรอะ! เรียกร้องหาความตายจริงๆ!” สายตาของจาโหลหลัวมืดครึ้มขณะเค้นเสียงขึ้นจมูก

เผชิญหน้ากับการเสียดสีมู่เฉินก็ไม่ใส่ใจ เขาสูดหายใจเข้าลึกก่อนมองไปที่หลุมดำด้วยประกายประหลาดใจในแววตา

“ไม่คิดว่าแกจะสามารถเร้าพลังคลื่นเก้าตะวันมาถึงระดับนี้”

จาโหลหลัวเย้ยเสียง “นี่คือพลังขีดสูงสุดของร่างเทพสุริยะแล้ว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่ามีเพียงข้าเท่านั้นที่มีคุณสมบัติที่จะพัฒนาไปสู่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์!”

“ขีดสูงสุดแล้วเรอะ?”

มู่เฉินพึมพำ จากนั้นรอยยิ้มก็ปราฏบนใบหน้า เขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่จาโหลหลัว “ข้าไม่คิดอย่างนั้น”

สีหน้าของจาโหลหลัวเปลี่ยนไปจากคำพูดของมู่เฉิน ขณะที่กำลังจะโต้ตอบอะไรบางอย่าง ก็ได้ยินเสียงมู่เฉินดังก้อง “กระทั่งยืมพลังจากรูปปั้น เจ้าก็ยังอยู่ในขั้นเปิดเก้าตะวันเท่านั้น”

“แต่ขีดจำกัดของร่างเทพสุริยะอาจไม่ได้อยู่แค่เก้าตะวัน”

จาโหลหลัวยิ้มน่าขนลุก “เปิดเก้าตะวันไม่ใช่ขีดจำกัดเหรอ? เฮ้ ไอ้งี่เง่า มีเก้าเมล็ดในร่างเทพสุริยะ ซึ่งเราสองคนได้จุดชนวนหมดแล้ว แกบอกว่านี่ไม่ใช่ขีดจำกัด หรือแกจะสร้างดวงตะวันดวงที่สิบขึ้นมาได้?”

เมื่อฝึกร่างเทพสุริยะสำเร็จก็จะก่อกำเนิดเมล็ดผลึกมหาตะวันทั้งเก้าซึ่งเป็นทักษะเทห์สวรรค์ แต่ตอนนี้มู่เฉินอ้างว่าเปิดเก้าตะวันไม่ใช่ขีดจำกัด แล้วขีดจำกัดอยู่ที่ไหน?

“เปิดสิบตะวัน”

มู่เฉินมองไปที่จาโหลหลัวด้วยรอยยิ้มประหลาดขณะพูดต่อ “แล้วนั่นไม่ใช่เปิดสิบตะวันเหรอ?”

จาโหลหลัวมองตามสายตามู่เฉิน ทันใดนั้นก็สั่นสะท้านในใจ เพราะมู่เฉินกำลังจ้องมองดวงตะวันพราวแสงที่ด้านหลังศีรษะร่างเทพสุริยะ

ใบหน้าของจาโหลหลัวบิดเบี้ยวไปมา “แกโง่หรือเปล่า? ดวงตะวันนั่นเป็นเพียงรูปลักษณ์ของร่างเทพสุริยะเท่านั้น!”

เขาเคยลองสัมผัสดวงตะวันนั่นแล้ว แต่ก็ไม่มีผลลัพธ์ใดๆ คลื่นหลิงที่ถูกเทลงไปนอกจากทำให้สว่างขึ้นก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

ในมุมมองของจาโหลหลัวนั่นเป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอกของร่างเทพสุริยะเท่านั้น

“งั้นเหรอ?”

มู่เฉินยิ้ม จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก เขานั่งลงบนศีรษะร่างเทพสุริยะ มือทั้งสองข้างวาดตราประทับ

ฮึ่ม

ทันทีที่เขาวาดตราประทับ ดวงตะวันที่อยู่ด้านหลังศีรษะร่างเทพสุริยะก็ส่งเสียงครางกระหึ่ม ลำแสงสีทองจำนวนมากพวยพุ่งออกมายึดครองฟ้าดินที่ถูกย้อมด้วยหลุมดำ นอกจากนี้ไม่ว่าหลุมดำปีศาจจะทรงพลังเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถกลืนกินพลังงานเกลียวสีทองเหล่านั้นได้

ความผันผวนของคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาจากดวงตะวันสีทองดวงนั้น

จาโหลหลัวรู้สึกว่าหนังหัวชาหนึบจากคลื่นพลังนั่นก่อนที่จะอุทานว่า “แกมีคลื่นหลิงน่ากลัวแบบนี้ได้ยังไง?”

มู่เฉินตอบอย่างใจเย็น “พวกเจ้าอยากรู้ไม่ใช่เหรอว่าทำไมการชำระล้างที่สมบูรณ์แบบของข้าถึงดูธรรมดาขนาดนั้น”

จาโหลหลัวตะลึงก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนไปรุนแรง “กะ…แกนำพลังชำระล้างขั้นสมบูรณ์ใส่ไปในดวงตะวันนั่นเรอะ? แกบ้าไปแล้ว!”

“คลื่นหลิงที่จำเป็นในการกระตุ้นดวงตะวันดวงที่สิบไปไกลเกินกว่าจินตนาการของแก” มู่เฉินยิ้มบางจากนั้นก็พูดต่อ “แม้ว่าการชำระล้างขั้นสมบูรณ์จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับข้าได้ แต่ก็ไม่ทำให้ข้าบรรลุระดับตี้จือจุน ในเมื่อเป็นเช่นนั้นทำไมข้าไม่ใช้มันเพื่อเพิ่มพลังและพนันดูว่าการคาดเดาของตัวเองถูกต้องรึเปล่าล่ะ?”

อันที่จริงดวงตะวันที่สิบก็เป็นเพียงการคาดเดาของมู่เฉิน ตอนแรกเขาไม่มั่นใจในเรื่องนี้เช่นกัน แต่ก็ยังคิดทำอยู่ดี

ใบหน้าของจาโหลหลัวบิดเบี้ยว เขานึกไม่ถึงว่ามู่เฉินจะละการชำระล้างขั้นสมบูรณ์ไปสำหรับความไม่แน่นอน

แต่สิ่งที่ทำให้เขาสูญเสียความสงบก็คือความจริงที่มู่เฉินดันประสบความสำเร็จในการพนัน… เจ้านั่นสามารถกระตุ้นดวงตะวันดวงที่สิบได้!

เมื่อมองไปที่ดวงตะวันสีทองขนาดใหญ่ความกลัวก็เริ่มกวนตัวขึ้นในใจของจาโหลหลัว

“อย่าคิดแกล้งทำท่าเขย่าหัวใจข้า ตายซะ!”

ในสุดท้ายจาโหลหลัวก็แผดเสียงคำราม ตอนนี้เขาไม่มีทางถอยอีกแล้ว แม้ว่าจะเป็นเส้นทางมรณะเขาก็ต้องฝ่าไปให้ได้

ตราประทับในมือจาโหลหลัวเปลี่ยนแปลงเร็วรี่ หลุมดำปีศาจบีบกดลงมาหามู่เฉิน

เมื่อมองไปที่หลุมดำปีศาจที่แหวกฉีกมิติ มู่เฉินก็หายใจเข้าลึกใบหน้าดูเคร่งขรึมลงหลายส่วนพลางวาดตราประทับ

ฮึ่ม ฮึ่ม

ดวงตะวันทั้งเก้าดวงเคลื่อนขึ้นมาจากร่างเทพสุริยะแยกออกมาโคจรอยู่รอบๆ

ดวงตะวันดวงใหญ่ที่สุดเป็นจุดศูนย์กลางโดยมีดวงตะวันเก้าดวงหมุนโคจรโดยรอบ

ฮึ่ม ฮึ่ม

จากนั้นแต่ละดวงเริ่มเพิ่มความเร็วก่อนที่จะสัมผัสกับดวงตะวันดวงที่สิบ เกลียวแสงสีทองขนาดใหญ่แผ่ซ่านออกไป

ฟ้าดินถูกย้อมเป็นสีทองอร่าม

ขณะเดียวกันเสียงสะท้อนไม่แยแสของมู่เฉินก็ดังก้อง “ทักษะเทห์สวรรค์ คลื่นสิบตะวัน! เปิดสิบตะวันสิบ!”

“หัตถ์เทพปีศาจ!”

เกลียวแสงสีทองก่อตัวเป็นมือขนาดใหญ่โดยมีดวงตะวันทั้งสิบดวงสลักไว้ช่างดูสมบูรณ์แบบอย่างไม่น่าเชื่อพร้อมกับอำนาจอันเป็นเอกลักษณ์

เมื่อมองจากระยะไกลมือขนาดใหญ่ก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับความกดดันที่อธิบายไม่ได้แผ่ออกมาบดขยี้หลุมดำปีศาจ

ปัง!

หลุมดำปีศาจที่ทำให้มู่เฉินรู้สึกกริ่งเกรงเปราะบางราวกับไข่ในขณะนี้ มันแตกตัวเสี่ยงๆ คลื่นหลิงสีดำก็กวาดหายนะออกไป ทว่าก็ไม่สามารถแม้แต่จะสั่นสะเทือนมือทองคำได้และสลายไปอย่างรวดเร็วภายใต้การกำจัดของเกลียวแสงสีทอง

การปราบปรามทั้งหมดสมบูรณ์แบบ!

อ็อก!

เมื่อหลุมดำปีศาจถูกบดขยี้ จาโหลหลัวก็กระอักเลือดออกจากปากพร้อมกับความหวาดกลัวอัดแน่นในดวงตา เขาไม่อาจจินตนาการได้ว่าการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของตนเองจะพ่ายแพ้อย่างง่ายดายเพียงนี้

หนี!

ใบหน้าของจาโหลหลัวเปลี่ยนเป็นซีดขาว เขารู้ว่าศึกยกนี้แพ้แน่ ถ้าไม่หนีตอนนี้ก็คงตายคาที่

เมื่อความคิดนี้วาบขึ้นในใจจาโหลหลัวก็ถอยหนีไปทันที

แต่ขณะที่กำลังจะหนีท้องฟ้าก็สว่างวาบ เขาเห็นมือขนาดใหญ่ทะลุผ่านมิติกดทับเข้ามาหาตัวเขาเบาๆ