บทที่ 2945 เทวาดับสูญ 5
มีละอองแสงค่อยๆ ผุดซึมออกมาจากรอบกายนาง ผสานเข้ากับแสงรุ้งที่อยู่รอบข้าง กลิ่นอายเทวาทะลักทะลายท่วมท้น โหมกระหน่ำอยู่ในนภาดาราผืนนี้
ดวงดาวรอบข้างสว่างไสวขึ้นเรื่อยๆ ส่วนกลิ่นอายของนางก็อ่อนจางลงเรื่อยๆ…
ตี้ฝูอีเสมือนจมลงสู่ธารน้ำแข็งในทันใด
เขาโผทะยานเข้าไป พกพาความบ้าคลั่งไม่สนใจไยดีสิ่งใดแล้วเอาไว้ แต่ยังไปไม่ถึงยอดตำหนักหลังนั้นก็ถูกพลังลึกลับสายหนึ่งดีดสะท้อนกลับมา
อย่าว่าแต่เขาจะเข้าไปปลุกนางเลย ต่อให้คิดจะเข้าใกล้นางในรัศมีสิบจั้งก็เป็นไปไม่ได้แล้ว
มือไม้เขาสั่นเทาทดลองจรดร่ายอาคมหลายแขนงต่อเนื่องกัน ล้วนไม่เป็นผลเลย ค่ายอาคมรอบกายนางมีคุณสมบัติต่อต้านขัดขวางที่แกร่งกล้ายิ่ง แม้กระทั่งค่ายอาคมนั้นเขาก็ไม่อาจเข้าใกล้ได้เลย ส่วนกลิ่นอายของนางที่อยู่ภายในค่ายอาคมก็อ่อนแรงลงเรื่อยๆ แทบจับสัมผัสไม่ได้แล้ว ต่อให้อยู่ไกลกันถึงเพียงนี้ เขาก็สามารถมองเห็นใบหน้าที่ซีดเผือดปานกระดาษของนางได้ ริมฝีปากที่แดงเรื่อเสมอมาไร้สีเลือดแล้ว แพขนตายาวมีน้ำแข็งเกาะตัวอยู่ชั้นหนึ่ง
หัวใจพลันตระหนกขึ้นมา ความหวาดกลัวว่าจะต้องสูญเสียนางไปท่วมท้นเอ่อนอง
“อาจิ่ว อย่าทำเรื่องโง่ๆ นะ! เจ้าออกมาหาข้าสิ!”
เขายืนอยู่นอกค่ายกลดารา สำแดงเวทวิชาทั้งหมดในชีวิตออกมาหมายจะทำลายเขตแดนนี้ให้แตกร้าว
“เจ้ารีบออกมาเถอะ เห็นไหมว่าข้าเอาอะไรมาให้เจ้า? สุราเหมยเขียวที่เจ้าชอบที่สุดไง…”
น้ำเสียงเขาหลงทำนองไปหมดแล้ว ราวกับทนรับความเจ็บปวดขมขื่นมหาศาลไม่ไหวแหบพร่าไปแล้ว “นี่เป็นสุราดีที่สุดที่ข้ากลั่นได้เลยนะ…เจ้ายังไม่ได้ลิ้มรสเลย เจ้าออกมาเถอะ เจ้าออกมาได้ไหม ข้าเอาสุราหลายไหนี้มาให้เจ้าไง ข้าจะดื่มเป็นเพื่อนเจ้า อยากดื่มเท่าไหร่ก็ดื่มได้เท่านั้น อยากจะดื่มนานแค่ไหนก็ดื่มได้นานแค่นั้น…”
เมื่อก่อนตอนที่นางอยู่กับเขา เคยบอกกับเขาอย่างภาคภูมิทระนงว่า นางมีสัมผัสที่เฉียบไวต่อสุรา ไม่ว่าจะเป็นตรอกที่ลึกสักเพียงใดก็ขัดขวางการเสาะหาสุราชั้นเลิศของนางไม่ได้ ขอเพียงมีสุราชั้นเลิศอยู่ในรัศมีหลายลี้ นางก็สามารถหาพบได้โดยอาศัยการรับกลิ่น!
ตอนนี้ไหสุราแทบจะถูกเขาทุบแตกไปครึ่งหนึ่งแล้ว กลิ่นหอมฟุ้งตลบอบอวล หากว่าเป็นยามปกตินางคงโผเข้ามาแย่งไปด้วยความเสียดายแล้ว แถมจะร้องด่าเขาอย่างดุเดือดสักประโยคด้วย
แต่ตอนนี้ นางยังคงนั่งอยู่บนแท่นบงกช ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ พลังเทพรอบกายแพร่กระจายออกมา
รอบข้างเริ่มเหน็บหนาวขึ้นเรื่อยๆ นางกลับคล้ายว่าไม่รู้สึกรู้สาอันใดเลย นั่งอยู่ตรงนั้น ไม่หือไม่อือ ดุจรูปสลักชิ้นหนึ่ง
นางขี้หนาวเป็นที่สุดชัดๆ หนาวแค่นิดหน่อยก็ทำให้นางทนไม่ไหวต้องดูดซับหาความอบอุ่นแล้ว ต่อมาเขาจึงใช้เป็นข้ออ้างในการโอบกอดนางเข้าสู่อ้อมแขนอย่างชอบธรรมได้
แต่ยามนี้ นางอยู่ในเขตแดน เต็มไปด้วยความหนาวเย็น อยู่ห่างออกไปถึงเพียงนั้น ห่างไกลจนทำให้เขาไม่อาจสัมผัสได้แม้แต่ปลายนิ้วของนาง
เขายืนอยู่นอกค่ายกลดารา ใช้เวทวิชานับไม่ถ้วนโจมตีเขตแดน ทว่าถูกดีดสะท้อนกลับมาทั้งหมด ร่างของนางที่อยู่ในเขตแดนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นโปร่งแสงทีละน้อย ความเร็วนั้นรวดเร็วยิ่ง เพียงพริบตาเดียว ทั้งร่างนางก็อยู่ในสภาพโปร่งใสแล้ว แสงรุ้งรอบข้างเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ ส่องสะท้อนร่างนางจนให้ความรู้สึกเหมือนไม่มีอยู่จริง เปราะบางราวกับจะแตกกระจายลงได้ทุกเมื่อ…
ชีวิตของนางกำลังมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว…
ตี้ฝูอีที่ตระถึงจุดนี้ดีหวาดหวั่นจนแทบหายใจไม่ออกแล้ว สมองขาวโพลนไปหมด เขาพยายามทำลายเขตแดนอย่างสุดชีวิต ทว่าไม่เป็นผลเลยสักนิด
“อาจิ่ว! อาจิ่ว...เจ้าให้ข้าเข้าไปเถอะนะ! เจ้าให้ข้าเข้าไปเถอะ…”
นางไม่ได้ยิน นางไม่ได้ยินแล้ว! นางไม่ได้ยินเขาแล้ว! เขาตะโกนเรียกนางดังมากขนาดนี้ ก่อความเคลื่อนไหวใหญ่โตถึงเพียงนี้ นางล้วนไม่ตอบสนองต่อเขาเลยสักนิด แม้แต่แพขนตาก็ไม่สั่นไหวเลยด้วยซ้ำ
หลังจากสัมผัสทั้งห้าเสื่อมสูญไป ก็จะเป็นการมอดมลายอย่างแท้จริง ฟื้นคืนมาไม่ได้อีก! เขาไม่มีทางได้พบนางอีกแล้ว!
ความรู้สึกนี้ที่จู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัวสมองตอนนี้ ทำให้เขาแทบคลั่งแล้ว
เขาไม่แยแสอะไรทั้งสิ้นพยายามใช้ทุกวิธีที่รู้เพื่อทำลายเขตแดนนั้น
————————————————————————————-
บทที่ 2946 เทวาดับสูญ 6
เขาไม่แยแสอะไรทั้งสิ้นพยายามใช้ทุกวิธีที่รู้เพื่อทำลายเขตแดนนั้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรวดร้าวและหวาดหวั่น สั่นพร่าจนไม่เป็นจังหวะแล้ว
ขอแค่สามารถทำลายเขตแดนนี้ให้ได้ก็พอแล้ว!
แบบนั้นเขาก็สามารถพุ่งเข้าไปโอบกอดนางไว้ ให้ความอบอุ่นนาง รั้งนางไว้…
นางต้องหนาวมากแน่ๆ ต้องอยากได้อ้อมกอดของเขามากแน่ๆ…
นางบอกว่านางกลัว…
นางต้องอยากให้เขาอยู่ข้างกายนางยิ่งนักแน่นอน…
ในสมองเขาเกิดเสียงดังหึ่งๆ ความหวาดหวั่นอย่างมหันต์ก่อตัวเป็นความหมกมุ่นที่เนืองแน่นอยู่ในทรวงคล้ายว่าพลังบางอย่างที่จำศีลอยู่ภายในร่างมาโดยตลอดค่อยๆ ตื่นขึ้นมาแล้ว
ในสมองเขาพลันมีศาสตร์ทำลายค่ายกลแขนงหนึ่งวาบขึ้นมา แทบไม่เสียเวลาคิดเลย เขาสำแดงออกมาทันที
เขาพลันกัดนิ้วชี้ ผสานหยาดโลหิตที่ผุดออกมา วาดอักขระอาคมที่ซับซ้อนชนิดหนึ่งลงบนฝ่ามือของเขาอย่างรวดเร็ว คำรามคราหนึ่ง ซัดฝ่ามือเข้าใส่เขตแดนอันเหนียวแน่นคงกระพัน เกิดรูเล็กๆ ช่องหนึ่งขึ้นมาจริงๆ!
ถึงแม้รูนั้นจะเล็ก ทว่ามอบความหวังให้ตี้ฝูอีมากมายยิ่ง เขายื่นมือออกไปพยายามฉีกกระชากรูนั้นอย่างสุดชีวิต
ผลคือในรูนั้นคล้ายว่าเต็มไปด้วยฟันเขี้ยวอันแหลมคม ทิ่มแทงลงบนหลังมือฝ่ามือของเขา เจ็บปวดแสบร้อน โลหิตไหลอาบมือ เขาไม่สนใจเลย เปล่งเสียงคำราม พลันออกแรงเต็มที่!
เกิดเสียงดัง ‘ปัง!’ เขตแดนทั้งหมดพังทลายลงแล้ว!
ตี้ฝูอีแทบจะโผบินเข้าไปแล้ว!
และในทันใดนั้นเอง บนแท่นบงกชก็ส่องแสงเจิดจ้า ลำแสงสีรุ้งส่องสะท้อนไปทั่วท้องนภา
ในชั่วพริบตานั้นในที่สุดเขาก็ได้เห็นนางชัดๆ แล้ว ขนงเนตรคงเดิม รูปโฉมแบบเดิม ขนตาแต่ละเส้นโปร่งใส คล้ายหุ่นแก้วผลึกชิ้นหนึ่ง วินาทีต่อมา เกิดเสียง ‘แกรก’ อันเป็นเสียงแตกร้าวดังกังวานขึ้น ร่างกายนางที่โปร่งใสอย่างสมบูรณ์แล้ว ได้กลายเป็นละอองแสง ปลิดปลิวไปในสายธารดารา จากไปไม่หวนคืน
“อาจิ่ว!”
ทั่วฟ้าดินล้วนเต็มไปด้วยเสียงคำรามด้วยความสิ้นหวังของตี้ฝูอี สะเทือนให้เมฆาที่ล่องลอยอยู่รอบข้างไหวโอนเอนดุจบ้าคลั่ง
เขาตวัดแขนเสื้อ ไปม้วนเอาละอองแสงทั้งหมด แต่ล้วนไม่เป็นผลเลย…
ไม่ได้!
นางยังไม่ได้ดื่มสุราที่ดีที่สุดที่เขาบ่มเลย…
ยังไม่ได้เห็นเขาสวมชุดเจ้าบ่าวตัวนั้นเลย ยังไม่รู้เลยว่าชุดบ่าวสาวครบชุดนี้เขาจัดเตรียมขึ้นสำหรับงานวิวาห์ที่แท้จริงของพวกเขาโดยเฉพาะ…
ยังไม่รู้เลยว่าฉากระหว่างเขากับท่านหญิงน้อยที่นางได้เห็นบนเนินหินผลึกเป็นเรื่องเท็จ ท่านหญิงน้อยคนนั้นเขาแค่ให้ลูกน้องสวมรอยปลอมแปลงมา…
นางยังไม่รู้เลยว่าในชีวิตนี้เขาปักใจต่อสตรีเพียงนางเดียว นั่นก็คือนาง ไม่เคยมีผู้อื่นเลย
นางยังไม่รู้เลยว่าหลังจากที่เพิกถอนพันธะศิษย์อาจารย์แล้ว เขาวางแผนจะกลับมาไล่ตามนางอีกครั้ง เขาถึงขั้นที่กำหนดแผนการสำหรับการกลับมาไล่ตามเอาไว้แล้วด้วย…
ถึงขั้นที่นางยังคงนึกว่าเขายังเกลียดนางอยู่ ดังนั้นถึงได้ลาจากโลกใบนี้ไปอย่างเดียวดายในสถานที่เปลี่ยวร้างวังเวงเช่นนี้
ถึงแม้นางจะเป็นเทพผู้สร้างโลก แต่ใจกลับมิกล้าแกร่งเลย กลัวหนาว กลัวหิว กลัวตาย นางบอกว่านางกลัว…
เขาต้องการจะอยู่เป็นเพื่อนนาง!
เป็นเขาที่ทำร้ายนาง เขาชดใช้นางด้วยชีวิตก็สมควรแล้ว!
“อาจิ่ว เส้นทางน้ำพุเหลืองเหน็บหนาว ให้ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้าดีไหม?” เสียงเขาแผ่วหวิว ฝ่ามือค่อยๆ ยกขึ้น แสงรุ้งควบรวมกลางฝ่ามือ เขาพริ้มตาลงนิดๆ หมายจะใช้แสงรุ้งแทงเข้าที่หว่างคิ้วตน…
ทันใดนั้นสายลมหอบหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่าพัดมาจากที่ใด พัดจอนผมที่อยู่ข้างหูเขาจนยุ่งเหยิง ในสายลมแฝงกลิ่มหอมอันคุ้นเคยสายหนึ่งไว้รางๆ
เขาลืมตาขึ้นมาทันที คว้าจับสายลมหอบนั้นไว้ตามสัญชาตญาณ
ทันทีที่ปลายนิ้วเขาสัมผัสเข้ากับสายลมนั้น รอบกายเขาสว่างวาบขึ้นมาในทันใด!
ความทรงจำนับไม่ถ้วนพลันซัดถาโถมอยู่ในสมองเขา…
นั่นคือความทรงจำเกี่ยวกับเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์!
สาวน้อยที่มักจะติดตามอยู่ข้างกายตนเสมอ เดิมทีผู้ที่สมควรจะดับขันธ์ไปในครั้งก่อนก็คือนาง เป็นเขาที่ฝืนเปลี่ยนแปลงชะตาสวรรค์ ดับสูญแทนนาง…
ส่วนนางได้รับผลสะท้อน ตกสู่ห้วงนิทรา
….
————————————————————————————-