ตอนที่ 855: ที่อยู่ถูกเปิดเผย

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 855: ที่อยู่ถูกเปิดเผย

เมื่อบรรลุข้อตกลงกับคนของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงแล้ว พวกเขาก็ตกลงปลงใจหลังจากนั้น พวกเขาไม่ได้เรียกร้องอะไรเพิ่มเติมเพราะไม่ต้องการที่จะทำให้เจี้ยนเฉินโกรธ

เมื่อสมาคมจากไป เจี้ยนเฉินและนูบิสก็จากไปและเดินทางไปยังเขตของเผ่าพันธุ์ทะเล

ย้อนกลับไปที่เกาะสามเซียน ประตูหินหนักได้เปิดออกอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นถ้ำมืดสนิทด้านใน เสียงก้าวเท้าที่นุ่มนวลเป็นชุดชุด หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ในชุดม่วงก็เดินออกมาอย่างเชื่องช้าพร้อมกับพิณในมือของนาง

เมื่อนางมาถึงที่ทางเข้าถ้ำ หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ก็จ้องอย่างหวาดระแวงไปที่หญ้าน้ำลายมังกรหลายสิบต้นบนพื้นอย่างเงียบเงียบ สายตาของนางเปี่ยมไปด้วยอารมณ์

หญ้าเหล่านี้ได้มาจากความสัมพันธ์ระหว่างเขากันมังกรทองเทวะ รุยจิน หญ้าทุกต้นมีอายุใกล้เคียงกับ 1 ล้านปี บนทวีปเทียนหยวนนั้นมันเป็นสมบัติที่ประเมินค่ามิได้ เจี้ยนเฉินเก็บมันไว้แค่ 10 ต้นและให้ที่เหลือทั้งหมดกับนาง มันทำให้หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์หวั่นไหวอีกครั้ง

สักพักต่อมา นางก็ตั้งสติ พิณปีศาจร่ำไห้หายไปจากมือของนางและนางก็นั่งยอง ๆ ลง นางยื่นมือที่ขาวและสวยงามของนางลงไปเก็บหญ้าที่พื้นอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้น นางก็เข้าไปในถ้ำอีกครั้ง

ไข่มุกส่องแสงขนาดเท่ากำปั้นสิบกว่าอันถูกติดอยู่ตามเพดานและส่องแสงออกมาอย่างนุ่มนวล

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์นั่งขัดสมาธิอยู่บนหินหยกก้อนใหญ่ นางมีท่าทางสลดใจ ในขณะเดียวกันนางก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรดวงดาวพร้อมกับสิ่งที่นางประสพมาจากมิติที่เกิดมาจากศิลาเซียนหยินหยาง นางคิดกลับไปถึงคำพูดของจอมยุทธผู้ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ โมเทียนหยุน

“เจี้ยนเฉิน เจ้าอาจจะได้ร่างกายของข้าไปแต่เจ้าก็ช่วยชีวิตของข้าไปด้วยในเวลาเดียวกัน ข้าควรจะเกลียดเจ้าหรือไม่ ? ” หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์พึมพำออกมาเบา ๆ นางดูค่อนข้างท้อแท้

นางทำตามอารมณ์เกินไปตอนที่นางตื่นขึ้นมา นางทำสิ่งที่ไม่ยั้งคิด นางต้องการที่จะฆ่าเจี้ยนเฉินเนื่องจากความเกลียดชังของนาง เมื่อนางสงบใจลงอย่างช้า ๆ นางก็คิดมันอย่างรอบคอบ เจี้ยนเฉินไม่มีทางเลือกอื่นตอนที่เขาทำแบบนั้น ถ้าเขาไม่ทำแบบนั้น พวกเขาทั้งคู่ก็คงจะตายที่นั่นและไม่ได้พบกับแสงสว่างภายนอกอีกครั้ง

นอกเหนือไปจากนั้น นางยังได้รับบางอย่างที่ดีกลับมาแม้ว่านางจะเสียของที่ล้ำค่าที่สุดของสตรีไป ความแข็งแกร่งของนางพุ่งพรวดขึ้นจากการที่ได้ดูดซับพลังงานที่สมดุลของหยินหยางและพลังหยินบาง ๆ ที่อยู่บนผิวของหินเซียน นางแข็งแกร่งขึ้นจนถึงจุดที่นางยังพบว่าเหลือเชื่อ

ในเที่ยงของวันถัดมา ประตูมิติก็โผล่ขึ้นมาทันทีเหนือเกาะสามเซียน ชายวัยกลางคนที่ดูธรรมดาก้าวออกมาพร้อมกับไป่เจี้ยน เขาดูมีอายุเยอะกว่ามาก

สายตาของชายนั่นเย็นชาโดยไร้อารมณ์ใดใด ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความวางตัว เหมือนกับมีเพียงไม่กี่สิ่งบนโลกนี้เท่านั้นที่เขาจะไม่ดูแคลน

ไป่เจี้ยนยืนอยู่ข้างเขาและตะโกนออกไปยังเกาะสามเซียน “หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ออกมา ท่านพ่อของข้ามาด้วยตนเองในครั้งนี้ นี่เป็นวิธีที่เจ้าต้อนรับแขกอย่างนั้นหรือ ? “

“ท่านไป่ยี่เฟยมาเยือนด้วยตัวเองครั้งนี้ ข้าพลาดไปที่ไม่ได้มาต้อนรับท่านไกลขนาดนี้ ดังนั้นโปรดอภัยให้ข้าด้วย อย่างไรก็ตาม ข้ายังอยู่ในระหว่างการทำสมาธิฝึกฝนอยู่ในตอนนี้ ข้าไม่สามารถไปรับแขกได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นกรุณาอภัยให้กับข้าด้วย ท่านไป่ยี่เฟย เสี่ยวเหยียน เสี่ยวเยี่ย ต้อนรับท่านไป่ยี่เฟยแทนข้าที” เสียงของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ดังขึ้นมาบนท้องฟ้าโดยไม่สามารถรับรู้ถึงที่มาจากต้นกำเนิดของเสียงได้ เสียงดูเหมือนจะเต็มไปด้วยเสน่ห์อย่างมากและเหมือนจะหลอกล่อคนอื่นได้ ทันทีที่ไป่เจี้ยนได้ยิน ความฉงนสนเท่ห์ก็เกิดขึ้นที่ใบหน้าของเขา เขาสูญเสียความเยือกเย็นไป

สายตาของไป่ยี่เฟยเป็นประกาย เขาพูดอย่างประหลาดใจ “หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ข้าไม่คิดเลยว่าความแข็งแกร่งของเจ้าจะเพิ่มไวถึงเพียงนี้ เจ้าตัดผ่านจากเซียนผู้คุมกฎไปเป็นเซียนราชาแล้ว”

“อะไรนะ ? ท่านพ่อ ท่านพูดว่าอะไรนะ ? หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เป็นเซียนราชาแล้วหรือตอนนี้” ไป่เจี้ยนมองไปที่พ่อของเขาอย่างเหลือเชื่อ เขาตกตะลึง

“ถูกต้อง” ไป่ยี่เฟยพูดเสียงแหบแห้ง แม้แต่เขายังยากที่จะเชื่อในความเร็วที่หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์พัฒนาตนเอง

“เป็นไปไม่ได้ ตอนที่พวกเราพบกันที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เมืองทหารรับจ้างสองสามปีก่อน ความแข็งแกร่งของนางยังเท่ากับข้าอยู่เลยที่เป็นเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 6 เป็นไปได้อย่างไรที่นางจะตัดผ่านเป็นเซียนราชาจากเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 6 ภายในเวลาไม่กี่ปีนี้ ? นั่นมันเป็นไปไม่ได้” ไป่เจี้ยนเต็มไปด้วยความสงสัย

เสี่ยวเยี่ยและเสี่ยวเหยียนได้บินขึ้นมาจากเกาะสามเซียน ทันทีที่พวกเขาได้ยินว่าอาจารย์ของเขานั้นสำเร็จเป็นเซียนราชาแล้ว พวกเขาก็ยินดีอย่างมาก หลังจากนั้นพวกเขาก็เชิญแขกทั้งสองไปที่เกาะด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อม

ไป่เจี้ยนและไป่ยี่เฟยยังคงอยู่บนท้องฟ้าและไม่ขยับเขยื้อน ไป่ยี่เฟยพูด “ใครคือคนที่ทำให้ลูกชายของข้าได้รับบาดเจ็บ ? “

“ท่านพูดถึงอาจารย์เจี้ยนเฉินหรือไม่ ? อาจารย์เจี้ยนเฉินจากไปนานแล้ว พวกเราก็ไม่รู้ว่าเขาไปที่ไหน” เสี่ยวเหยียนพูดตรงประเด็น

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ ? เจี้ยนเฉิน ? ” เมื่อเขาได้ยินชื่อนี้ ท่าทีของไป่ยี่เฟยก็เปลี่ยนไปทันที พวกเขาเริ่มส่อแววสนใจขึ้นมาทันทีและเปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้ เขาเอาภาพวาดออกมาจากแหวนมิติแล้วพูด “ดูนี่ให้ดี ๆ นี่ใช่เจี้ยนเฉินที่พวกเจ้าพูดถึงหรือไม่ ? “

เสี่ยวเยี่ยและเสี่ยวเหยียนรับรูปภาพมาแล้วมองไปที่มันด้วยกันด้วยความสงสัย หลังจากนั้น พวกเขาก็พยักหน้าพร้อมกัน แล้วเสี่ยวเหยียนก็พูดออกมา “ถูกแล้ว เขาคืออาจารย์เจี้ยนเฉิน ท่านไป่ยี่เฟ่ย ทำไมท่านถึงได้มีรูปของอาจารย์เจี้ยนเฉินล่ะ ? ” เสียงของเสี่ยวเหยียนเต็มไปด้วยความสงสัย

“เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลไปหรอก บอกข้ามาตามตรง เจี้ยนเฉินอยู่ที่ไหน ? ” ไป่ยี่เฟยพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“พวกเราไม่รู้จริง ๆ ” เสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเยี่ยไม่รู้เรื่องเลย

เมื่อได้เห็นว่าเสี่ยวเหยียนและเสี่ยวเยี่ยดูเหมือนจะไม่ได้โกหก ไป่ยี่เผยก็ไม่กวนใจพวกเขาต่อ เขาพูดเสียงแหบแห้ง “ไป่เจี้ยน ไปกับเถอะ” หลังจากพูดจบ ไป่ยี่เฟยก็หันกลับแล้วสร้างประตูมิติทันที เขาไม่ได้พูดอะไรเลย แล้วหายไปในประตูมิติพร้อมกับดึงไป่เจี้ยนไปกับเขาด้วย

ระยะทางไม่ใช่ปัญหาสำหรับเซียนราชาขั้นสูง พวกเขาต้องการแค่เพียงก้าวเดียวที่จะเดินทางไปได้ล้านกิโลเมตรหรือแม้แต่สิบล้านกิโลเมตร

ไป่ยี่เฟยเปิดประตูมิติอันที่สองหลังจากที่เปิดประตูแรกเพื่อกลับไปที่ทวีป หลังจากนั้นเขาก็ไปพบกับสหายสนิทของเขาทันทีเพื่อแจ้งให้สหายของเขาทราบเกี่ยวกับเรื่องที่เจี้ยนเฉินไปโผล่ที่มหาสมุทร

สหายสนิทของเขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายยิหยวนของตระกูลทั้งสิบ เขาเป็นเซียนราชาเช่นกันและเมื่อเขาได้ทราบข่าวนี้ เขาก็ตกตะลึงทันที

“ไป่ยี่เฟย เจ้าพูดจริงหรือไม่ ? เจี้ยนเฉินไปปรากฏตัวอยู่ที่มหาสมุทรจริงหรือ ? ” ผู้อาวุโสสูงสุดตื่นเต้น

“ข้ามั่นใจแน่นอน ข้าได้ไปพิสูจน์มาแล้วและเขายังทำให้ลูกชายของข้าได้รับบาดเจ็บอีกด้วย” ไป่ยี่เฟยพูดอย่างมั่นใจ

“ถูกต้อง คนที่ทำให้ข้าได้รับบาดเจ็บคือคนที่อยู่ในรูป เขาดูเหมือนกับเป๊ะ เขาต้องเป็นเจี้ยนเฉินแน่” ไป่เจี้ยนก็เห็นรูปของเจี้ยนเฉินด้วยและเขาพูดออกมาอย่างจริงจัง

“ยอดเยี่ยม ข้าจะไปติดต่อผู้อาวุโสคนอื่นเดี๋ยวนี้ พวกเราจะไล่ตามเขาไปที่มหาสมุทรทันที” ผู้อาวุโสสูงสุดพูดขณะที่เขารีบจากไป

“รอก่อน!” ไป่ยี่เฟยหยุดท่านหยุดท่านผู้อาวุโสสูงสุดเอาไว้ “หลิงหยวนซี แค่พวกเราคนเดียวก็จัดการกับเจี้ยนเฉินได้อย่างง่ายดายแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ทุกคนเคลื่อนไหว อีกทั้งถ้าผู้อาวุโสของนิกายยิหยวนออกไปกันหมดพร้อม ๆ กัน มันจะเป็นที่สงสัยระหว่างตระกูลทั้งสิบ ในตอนนั้นมันคงจะยากที่รู้ว่าพยัคฆ์ปีกเทวะจะไปตกอยู่กับใคร สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ เจี้ยนเฉินได้ออกจากเกาะสามเซียนไปแล้ว ข้าไม่รู้เลยว่าเขาไปที่ไหน ถ้าเจ้าใช้เวลามากไป เขาก็คงหนีไปค่อนข้างไกลแล้ว ความยากในการค้นหาก็จะมีมากยิ่งขึ้นไปด้วย ถ้าไม่ใช่เรื่องที่ข้าไม่รู้วิชาค้นหาระยะไกลแล้วละก็ ข้าก็คงจะจับเขาและส่งให้นิกายยิหยวนนานไปแล้ว”

“น้องไป่ยี่เฟยพูดถูกแล้ว นิกายยิหยวนติดหนี้เจ้าอย่างมากในครั้งนี้ พวกเราจะแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปไม่ได้ พวกเราไปกันเถอะ”

ผู้อาวุโสสูงสุดหลิงหยวนซีและคู่หูพ่อลูกแหวกประตูมิติรอบเขาออกและมุ่งหน้าไปที่มหาสมุทร

..

เจี้ยนเฉินและนูบิสในตอนนี้เร่งรีบในการใช้พลังมิติเหนือขึ้นไปบนท้องฟ้าสีครามเหนือมหาสมุทร พวกเขากลายเป็นภาพติดตาและมุ่งตรงไปที่ทิศทางของอาณาจักรเผ่าพันธุ์ทะเล

“อ้างอิงจากความทรงจำทางสายเลือดของข้า เผ่าพันธุ์ทะเลน่าจะอยู่ไม่ไกลจากพวกเราแล้ว น่าจะอีกไม่กี่พันกิโลเมตร” นูบิสสื่อสารผ่านทางจิตใจ

“นูบิส พวกเราเข้าใจคร่าวคร่าวเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์ทะเลแล้ว พวกเขานั้นทรงพลังมากกว่าทวีปเทียนหยวน พวกเราต้องระวังเมื่อพวกเราไปที่นั่น พวกเราต้องไม่สร้างความวุ่นวายมากไม่งั้นมันคงจะยากที่พวกเราจะมีชีวิตรอด”

“ข้ารู้ เจ้าไม่จำเป็นที่จะต้องบอกข้าเรื่องนี้หรอก ในฐานะที่เป็นคนนอก พวกเราจะถูกปฏิเสธจากเผ่าพันธุ์ทะเลที่อยู่ที่นั้นแต่แรกอยู่แล้วแน่นอน ถ้าพวกเราทำตัวไม่ดี พวกเราอาจจะกลายเป็นศัตรูกับทุกคนที่อยู่ที่นั่นและถูกล่าจากเผ่าพันธุ์ทะเลทั้งหมด” นูบิสเข้าใจดี มันเป็นครั้งแรกที่เขาดูเหมือนจะระมัดระวัง

ในตอนนี้ ท่าทีของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปทันที ด้วยพลังแห่งการมีอยู่ที่ทรงพลังมากของเขา เขาสามารถรู้สึกได้ชัดเจนถึงคลื่นที่ไม่ชัดเจนที่พุ่งผ่านพวกเขาทั้งสองไป

“ไม่นะ จอมยุทธบางคนหาพวกเราเจอแล้ว ถ้านั่นไม่ใช่พ่อของไป่เจี้ยน ก็คงเป็นจอมยุทธขากทวีป พวกเราต้องเพิ่มความเร็วทันที” เจี้ยนเฉินพูดอย่างเคร่งเครียด

หลังจากพูดจบ ท่าทีของนูบิสก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เขาสบถ “นี่ต้องเป็นเพราะสมาคมไปรายงานกับตระกูลทั้งสิบแน่ พวกเลวนั้น พวกเขาต้องการให้ตระกูลทั้งสิบกำจัดเจ้าเพื่อที่จะเอาวัตถุเซียนของพวกเขาคืน เจี้ยนเฉิน ความเข้าใจในความลึกลับของธรรมชาติของเจ้ายังต่ำไป ข้าจะพาเจ้าแล้วหนีไป” นูบิสจับมือของเจี้ยนเฉินและความแข็งแกร่งของเขาที่เป็นเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 ก็ระเบิดออกมาอย่างไม่ออกแรงแม้แต่น้อย เขาพึ่งความลึกลับของมิติไปจนถึงขีดสุดและหายไปยังเส้นขอบฟ้าเหมือนว่าเขากำลังหายตัวไป

แม้ว่านูบิสนั้นรวดเร็วมากแต่เขาก็ไม่ได้เร็วไปกว่าเซียนราชาในท้ายที่สุด มิติตรงหน้าเขาเริ่มที่จะบิดเบี้ยวอย่างรุนแรงแล้วประตูมิติก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเอง กลิ่นอายที่กว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุดก็เปล่งออกมาจากข้างใน กลิ่นอายได้บีบอัดมิติ ทำให้บริเวณรอบ ๆ รู้สึกเชื่องช้าไป

ทั้งเจี้ยนเฉินและนูบิสรู้สึกเหมือนกับจมอยู่ในโคลน มันต้านการเคลื่อนที่ของพวกเขาอย่างมาก

“เจี้ยนเฉิน ข้าจะดูว่าเจ้าจะหนีได้หรือไม่ครั้งนี้ ! “

เสียงชราระเบิดขึ้น ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายยิหยวน หลิงหยวนซีและคู่พ่อลูกเดินออกมาและปิดกั้นทางของพวกเขาเอาไว้