ตอนที่ 856: เทพจุติอีกครั้ง

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 856: เทพจุติอีกครั้ง

สายตาของนูบิสสั่นไหวอย่างรุนแรง เขามองผ่านไปที่ไป่ยี่เฟยและผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายยิหยวนอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขานั้นเคร่งเครียดแบบที่เขาไม่เคยแสดงให้เห็นมาก่อน เขาคำรามออกมา “เซียนราชา 2 คน เจ้าหนูเจี้ยนเฉิน พวกเราแย่แล้วครั้งนี้ พวกเราหนีไม่ได้”

ท่าทีของเจี้ยนเฉินน่ากลัวมาก กระบี่สังหารมังกรปรากฏขึ้นในมือของเขาทันทีและพลังของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างท่วมท้น เขาเปล่งรัศมีไปด้วยพลังที่พุ่งทะยานขึ้นเตรียมพร้อมที่จะสู้ตาย

แม้ว่าเขาจะรู้แน่ว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้กับเซียนราชาถึง 2 คน แต่เจี้ยนเฉินก็ไม่หยุด

ไป่ยี่เฟยมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างเหยียดเหยียดและพูดหยามออกมา “เจี้ยนเฉิน ด้วยความแข็งแกร่งอันน้อยนิดที่เป็นเพียงเซียนผู้คุมกฎของเจ้า เจ้ายังต้องการจะสู้กับพวกเราอีกหรือ ? เจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว”

“เจี้ยนเฉิน ข้าเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายยิหยวน หลิงหยวนซี ข้าไม่ต้องการที่จะทำร้ายเจ้า สิ่งที่ข้าหวังมีเพียงให้เจ้ามอบพยัคฆ์ปีกเทวะมาเท่านั้น ทันทีที่ข้าได้รับมัน ข้าก็จะจากไปทันทีและไม่สร้างปัญหาให้กับเจ้าอีก” หลิงหยางซีพูดออกมา เขาหวังที่จะโน้มน้าวให้เจี้ยนเฉินส่งพยัคฆ์ปีกเทวะมา

ในตอนนี้ เจี้ยนเฉินนั้นเป็นคนพิเศษมาก แม้แต่หลิงหยวนซีก็ไม่ต้องการที่จะทำให้เขาโกรธยกเว้นเขาจำเป็นจะต้องทำ แม้จะไม่สนใจว่าเขาเป็นสมาชิกของตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยาง เขาก็ยังมีความสัมพันธ์กับอารามจิตพิสุทธิ์และที่สำคัญที่สุด พี่สาวของเขาเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ของศาลาเทพเจ้าน้ำแข็ง พวกเขามีพลังที่แม้แต่นิการยิหยวนยังต้องกลัว

ศาลาเทพเจ้าน้ำแข็งมีอยู่มานานมากแล้ว แม้แต่ในยุคที่มีสุดยอดจอมยุทธถึง 4 คนที่มีระดับเหนือกว่าเซียนจักรพรรดิอยู่ ก็ไม่มีใครรู้ว่าศาลาเทพเจ้าน้ำแข็งมีอยู่มานานขนาดไหนแล้ว มันทรงพลังมากถึงขนาดทำให้ตระกูลต่าง ๆ ในยุคโบราณกลัว แม้ว่าพวกเขาจะไม่ยุ่งกับเรื่องราวในทวีป แต่การมีอยู่ของพวกเขาก็เป็นอุปสรรคขัดขวางมาก

“มันคงเป็นไปไม่ได้ถ้าเจ้าต้องการที่จะให้ข้าส่งพยัคฆ์ปีกเทวะไป” เจี้ยนเฉินพูดอย่างเย็นชา เขาต้องการที่จะต่อรอง

ใบหน้าของหลิงหยวนซีมืดครึ้ม “ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว ถ้าเจ้ายังดื้อรั้นอยู่ อย่าหาว่าข้าไม่เตือน” หลิงหยวนซีเข้าประเด็นและต่อต้านเจี้ยนเฉินทันที พยัคฆ์ปีกเทวะนั้นสำคัญมากและเป็นชะตากรรมของทวีปเทียนหยวน เขาไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้แม้ว่าเขาจะต้องทำให้ศาลาเทพเจ้าน้ำแข็งโกรธด้วยก็ตาม

หลิงหยวนซีคว้าไปที่อากาศ ด้วยพลังของหลิงหยวนซีที่เป็นเซียนราชาที่สามารถควบคุมมิติได้ มิติรอบเจี้ยนเฉินก็หยุดนิ่งทันทีและเปลี่ยนไปเป็นเหมือนก้อนน้ำแข็ง มันแม้แต่เริ่มที่จะมีเสียงเหมือนกำลังบดน้ำแข็ง

เจี้ยนเฉินและนูบิสได้รับผลกระทบและติดอยู่กับที่ขยับเขยื้อนไม่ได้

หลิงหยวนซีมั่นใจในความแข็งแกร่งของเขามาก เขาไม่เชื่อว่าเซียนผู้คุมกฎธรรมดาสองคนจะออกจากมิติที่พันธนาการเอาไว้ได้ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 ก็ตาม

“พยัคฆ์ปีกเทวะไม่ได้อยู่ที่เจ้า เจ้าต้องใช้มิติที่แยกออกไปเพื่อเก็บสิ่งมีชีวิตแน่ พยัคฆ์ปีกเทวะต้องซ่อนอยู่ในนั้นแน่ ถ้าเป็นแบบนั้น ให้ข้าดูให้ทั่วแหวนมิติของเจ้าหน่อย” หลิงหยวนซีพูด

ในตอนนี้ กลิ่นอายแห่งการทำลายล้างได้ระเบิดออกมาจากเจี้ยนเฉิน พลังบรรพกาลที่พวยพุ่งขึ้นทำให้มิติรอบ ๆ เขาสั่นไหว เขาหลุดจากมิติที่พันธนาการเอาไว้ของหลิงหยวนซี

“เป็นไปได้ยังไงกัน!? เจ้าทำลายมิติพันธนาการของข้าด้วยพลังของเจ้า อะไร พลังนี่มันอะไรกัน ? ” หลิงหยวนซีตกตะลึงและจ้องไปที่พลังบรรพกาลที่อยู่รอบ ๆ ตัวเจียนเจินด้วยความตกใจ เขารู้สึกได้ถึงความแปลกประหลาดและพลังจากพลังบรรพกาล มันเป็นพลังที่ยอดเยี่ยมที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

เจี้ยนเฉินไม่ได้ให้เวลาหลิงหยวนซีได้ตั้งตัว กระบี่สังหารมังกรส่องแสงสว่างจาง ๆ ออกมา และแทงไปที่หยวนหลิงซีด้วยความเร็วดุจสายฟ้า กระบี่ที่มีกลิ่นอายแห่งการทำลายล้างได้ตัดผ่านข้ามระยะทางไป

“เจ้ากล้าที่จะจำกัดการเคลื่อนไหวของข้า นูบิสผู้ยิ่งใหญ่งั้นหรือ ? เจ้าเป็นเซียนราชาแล้วยังไง ? ให้ข้าเห็นความแข็งแกร่งของเซียนราชาที่เป็นมนุษย์วันนี้หน่อยเถอะ” นูบิสกลับมาเคลื่อนไหวได้อีก เขาตะโกนออกมาทันที และเหวี่ยงหมัดที่เปล่งแสงแสบตาสีทองไปที่หลิงหยวนซี

แต่ยังไงหลิงหยวนซีก็เป็นเซียนราชา เขาอาจจะพบว่ามันยากที่จะยอมรับว่าคนที่อ่อนแอ 2 คนสามารถหลุดจากมิติพันธนาการของเขาไปได้แต่เขาก็ไม่ได้วิตกกังวล เขาโบกมือแล้วพลังเซียนที่มากมายก็ออกมาจากร่างของเขาและเกิดเป็นโล่ใหญ่ที่ด้านหน้าของเขา

เมื่อกระบี่ของเจี้ยนเฉินและหมัดของนูบิสปะทะกับโล่ก็ทำให้เกิดเสียงอื้ออึงดังและเกิดคลื่นพลังที่รุนแรงและลมที่น่ากลัวที่กวาดทำลายล้างบริเวณรอบ ๆ ซึ่งทำให้มิติบิดเบี้ยวและน้ำทะเลพุ่งปะทุขึ้น

แม้ว่าพลังบรรพกาลของเจี้ยนเฉินจะพิเศษขนาดไหน แต่มันก็ยังไม่บริสุทธิ์อยู่ดี มันแค่เทียบเท่ากับเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 7 เท่านั้น เมื่อการโจมตีของทั้งคู่ปะทะเข้าที่โล่ของหลิงหยวนซี มันก็ไม่ขยับเขยื้อนเลย และตั้งรับการโจมตีที่เกือบจะสุดกำลังของพวกเขาได้

“บ้าเอ้ย ความแตกต่างระหว่างเซียนผู้คุมกฎกับเซียนราชานั้นมีมากเกินไป ข้าสามารถรับมือแค่เซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 1 ได้เท่านั้น ด้วยความแข็งแกร่งของเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 ของข้า ชายชราคนนี้เหนือกว่าชั้นสวรรค์ที่ 1 ไปแล้ว ข้าไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย” นูบิสส่งข้อความทางจิตไปให้กับเจี้ยนเฉินในขณะที่พวกเขาถูกส่งลอยถอยกลับไปจากคลื่นพลัง

“ความแข็งแกร่งของหลิงหยวนซีนั้นยอดมาก พวกเราไม่สามารถทำอันตรายกับเขาได้เลยแม้ว่าพวกเราจะร่วมมือกัน หนีเร็วเข้า พวกเราต้องไปให้ถึงเผ่าพันธุ์ทะเลให้เร็วที่สุดเท่าที่พวกเราจะทำได้ เซียนราชาจากที่อื่นไม่สามารถผ่านเข้าไปในม่านพลังป้องกันของพวกเขาได้” เจี้ยนเฉินตอบกลับนูบิส

“ข้าจะพาเจ้าไปด้วยตอนที่หนี ความเร็วของเขามีมากกว่าเจ้ามาก” นูบิสไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาไม่ต้องการที่จะติดอยู่ในการต่อสู้ เขาดึงเจี้ยนเฉินเอาไว้และใช้พลังมิติหนีไปไกล เขาเดินทางไปได้หลายสิบกิโลเมตรในพริบตาเดียว

“จะหนีอย่างนั้นหรือ ? พวกเจ้าไม่คิดว่ามันจะง่ายไปหน่อยหรือ ? ” ไป่ยี่เฟยเหยียด เขาหลอมรวมกับมิติและหายไปเพียงก้าวเดียว เมื่อเขาปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งเขาก็เดินทางไปได้หลายสิบกิโลเมตรและปรากฎอยู่ที่หน้าเจี้ยนเฉินและนูบิส เขาเข้ามาขวางทางเอาไว้

“ถ้าข้าปล่อยให้พวกเจ้าทั้งสองหนีรอดไปได้จากสายตาของข้า ข้าจะยังมีศักดิ์ศรีความเป็นเซียนราชาเหลืออยู่อีกหรือ ? ” สายตาของไป่ยี่เฟยเย็นชา เขาส่งฝ่ามือของเขาออกมา พลังธรรมชาติจำนวนมากได้พุ่งพล่านและก่อตัวเป็นมังกรที่กราดเกรี้ยวและมองเห็นได้ พุ่งไปที่พวกเขาทั้งสอง

ทั้งคู่รู้สึกเหมือนพวกเขาถูกโจมตีอย่างรุนแรงที่หน้าอกด้วยกระบอง แม้ร่างกายที่ทรงพลังของพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะต่อต้านมันได้ นูบิสกระอักเลือดออกมาทันที เขาหน้าซีดและได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก

ในขณะเดียวกัน สภาพของเจี้ยนเฉินดูดีกว่าเล็กน้อยเพราะการป้องกันจากเกราะไหมบรรพกาล อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงเจ็บปวด อวัยวะของเขาปั่นป่วนอย่างรุนแรงและเลือดก็พุ่งพล่านไปทั่ว

พวกเขาทั้งคู่ลอยกระเด็นไปไกล พวกเขาเริ่มตั้งหลักได้หลังจากที่ลอยกระเด็นไปไกลกว่าสิบกิโลเมตร

“เจี้ยนเฉิน พวกเราหนีไม่ได้แล้ว พวกเราทำยังไงดี ? ” ท่าทีของนูบิสหดหู่

เจี้ยนเฉินไม่ได้พูดอะไรในขณะที่สายตาของเขาเป็นประกาย หลังจากชั่วขณะ เขากัดฟันแล้วตะโกนออกมา “เซียนราชานั้นทรงพลังจริงจริง แม้แต่นูบิสกับข้าร่วมมือกัน พวกเรายังยากที่จะต่อต้านแม้แต่การโจมตีเพียงครั้งเดียวจากเจ้า แต่เจ้าไม่ได้ไร้เทียมทาน วันนี้ข้าเจี้ยนเฉินจะใช้ความแข็งแกร่งของข้าในฐานะเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 7 ในการทำให้พวกเจ้าเซียนราชาที่ยิ่งใหญ่ 2 คนได้รับบาดเจ็บสาหัสหรืออาจจะสังหารพวกเจ้าทั้งสองไปเลย”

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจี้ยนเฉิน เจ้าเป็นชายที่หยิ่งยโสโอหัวเสียจริง ข้าอย่างเห็นเหลือเกินว่าเจ้าจะทำให้เซียนราชาที่ยิ่งใหญ่ 2 คนได้รับบาดเจ็บหนักยังไงในฐานะที่เจ้าเป็นเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 7 ” ไป่เจี้ยนดูเหมือนจะได้ยินเรื่องที่ตลกที่สุดในโลก เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเย้ยหยันออกมา ในขณะที่สายตาที่เขามองไปที่เจี้ยนเฉินนั้นเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

รอยยิ้มที่เหยียดหยามก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของหลิงหยวนซีเช่นกัน “เจี้ยนเฉิน เมื่อเจ้ามั่นใจขนาดนั้น ให้ข้าดูหน่อยเถอะว่าไพ่ตายอะไรที่เจ้าเอามาคุยโวแบบนี้ ความสามารถหรือวิชาอะไรที่เจ้ามีที่จะเอามาทำร้ายเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 5 ได้กัน?”

ไป่ยี่เฟยก็ยิ้มอย่างเหยียดหยาม สายตาที่เขามองไปที่เจี้ยนเฉินเหมือนกับว่าเขากำลังมองตัวตลก แม้ว่าเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 7 จะร่ายทักษะการต่อสู้ระดับเซียน พวกเขาก็ทำได้แค่ทำให้เซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 1 หรือ 2 บาดเจ็บได้เท่านั้น ทั้งเขาและหลิงหยวนซีอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 5 พวกเขาสามารถดูแคลนเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 7 ไปได้เลย พวกนั้นก็อ่อนแอเหมือนมดปลวกในสายตาของพวกเขา

ความแน่วแน่ปรากฏขึ้นในสายตาของเจี้ยนเฉิน เขาไม่พูดอะไรและเก็บกระบี่สังหารมังกรเข้าไปไว้ในแหวนมิติ มือทั้งสองเขาทำท่าผนึกแปลก ๆ ตรงหน้าเขาและพลังงานดั้งเดิมของพลังเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงก็กระจายออกมาจากทะเลแห่งสติสัมปชัญญะของเขา มันรวมกันเป็นพลังที่มองเห็นได้ซึ่งอบอวลไปรอบ ๆ เหมือนว่ามันหลอมรวมกับบริเวณรอบ ๆ

เจี้ยนเฉินหลับตาลงอย่างช้า ๆ ในขณะที่เขายังทำผนึกมือแปลก ๆ อยู่ เขาเงยหน้าขึ้นสูงและแสงจากจุดหว่างคิ้วของเขาพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า

ทันใดนั้นเอง แสงรอบ ๆ ก็สว่างขึ้น ท้องฟ้าสีฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยชั้นของเมฆที่ไม่รู้ที่มา เมฆนั้นขาวเหมือนหิมะและเปล่งแสงอ่อนอ่อนออกมา มันย้อมโลกไปด้วยสีขาวหิมะของมัน แม้แต่น้ำทะเลสีฟ้าก็ไม่เป็นข้อยกเว้น

“ข้าแลกเปลี่ยนชีวิต 500 ปีของข้าในการร่ายทักษะต้องห้าม…เทพ..จุติ…” เจี้ยนเฉินพึมพำในขณะที่หลับตาอยู่ เขารู้สึกว่าพลังชีวิตในร่างกายของเขาไหลออกไปอย่างรวดเร็วไปรวมกับทักษะที่เขากำลังสะสมพลัง

แม้แต่เจี้ยนเฉินยังพบว่ามันยากนิดหน่อยที่จะทนที่จะเสียพลังชีวิตไป 500 ปีในครั้งเดียว เขาเริ่มรู้สึกเหมือนพลังของเขาหมดและเขาอ่อนแอลงอย่างมาก

ทักษะที่กำลังสะสมพลังในท้องฟ้าเริ่มที่จะแหลมคนหลังจากที่เจี้ยนเฉินรวมเอาพลังชีวิต 500 ปีใส่ลงไปในนั้น เมฆขาวที่ปกคลุมมิติรอบ ๆ เริ่มที่จะเปล่งแสงสว่างแสบตาออกมา มันสว่างมากกว่าดวงอาทิตย์และทำให้โลกทั้งใบถูกย้อมไปด้วยสีขาวหิมะ

ในตอนนี้เอง แสงสีขาวเหมือนจะเป็นเพียงสิ่งเดียวที่มีอยู่บนโลกเท่านั้น

“บ้าเอ้ย เขากำลังร่ายทักษะต้องห้ามของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง เทพจุติ บ้าจริง ข้าลืมไปได้ยังไงว่าเจียนฉินก็เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงด้วยเหมือนกัน ? ” หลิงหยวนซีหน้าซีดไปด้วยความกลัว เขาเริ่มที่จะเคร่งเครียด

“เจี้ยนเฉินเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 ข่าวลือว่ากันว่าเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 สามารถร่ายเทพจุติที่เพียงพอจะทำให้เซียนราชาบาดเจ็บได้ และเขาใช้อายุของเขาถึง 500 ปีกับมัน เทพจุตินี้ต้องทรงพลังอย่างน่ากลัวแน่ เราจะให้เขาร่ายมันเสร็จไม่ได้ ไปขัดขวางตอนนี้เลย” ความสงบและความมั่นใจของไป่ยี่เฟยก่อนหน้านี้หายไป น้ำเสียงของเขาค่อนข้างเร่งรีบและเขาก็โจมตีไปที่เจี้ยนเฉินทันทีพร้อมกับหลิงหยวนซี พวกเขาหวังที่จะขัดขวางทักษะในระหว่างช่วงการสะสมพลัง