บทที่ 2949 เทวาดับสูญ 9
คนเหล่านั้นใช้สุ้มเสียงที่เบายิ่ง ถึงขั้นที่มักจะใช้กระแสเสียงสื่อสารกันอย่างลับๆ ด้วย แต่โสตการรับเสียงของฟั่นเชียนซื่อดีเลิศจนน่าตะลึงมาตั้งแต่กำเนิด โดยเฉพาะหลังจากจนบรรลุเป็นซ่างเสินแล้ว โสตการรับเสียงก็ยิ่งแตกต่างไปจากชาวเซียนทั่วไป
ต่อให้มีคนสนทนากันอย่างลับในจุดที่ห่างจากเขาไปร้อยเมตร เขาก็ได้ยินทุกอย่างแจ่มแจ้งดี!
“คนผู้นี้ไม่รู้จักประเมินกำลังของตนเกินไปแล้ว ชอบพอผู้เป็นอาจารย์ก็แล้วไปเถิด ยังใช้ความตายมาบีบคั้นอีก…ไม่เช่นนั้นงานวิวาห์ของพระองค์เจ้ากับราชครูตี้ก็คงไม่ล่ม…”
“ข้ารู้สึกว่าสองปีมานี้พระองค์เจ้ามิได้ไยดีเขาเท่าเมื่อก่อนแล้ว ได้ยินว่าคิดจะไล่เขาออกจากสังกัดอยู่ตลอด…”
“ไม่ใช่กระมัง? พระองค์เจ้ามีเขาเป็นศิษย์เพียงคนเดียว หากว่าขับเขาออกจากสังกัดไป แม้แต่ผู้สืบทอดสักคนพระนางก็จะไม่มีแล้วนะ”
“พระองค์เจ้าเป็นเทพผู้สร้างโลก มีชีวิตอมตะ อันที่จริงพระนางไม่จำเป็นต้องรับศิษย์ผู้สืบทอดสักคนเลยก็ได้ ข้าได้ยินมาว่าสองปีมานี้พระองค์เจ้าไล่ตามร่องรอยของราชครูตี้สารพัดวิถีทางมาโดยตลอด…ไม่แน่ว่าพระองค์เจ้าอาจคิดจะยกตำแหน่งให้ราชครูตี้สืบทอดก็ได้”
“พอเจ้าพูดแบบนี้ข้าก็รู้สึกคล้ายว่าจะเป็นเช่นนี้ขึ้นมาเลย แดนต้องห้ามของทวยเทพแห่งนี้มีเพียงเทพผู้สร้างโลกที่เข้าไปได้ ผู้อื่นต่อให้พลังยุทธ์สูงล้ำเพียงใดก็เข้าไปไม่ได้ ถึงขั้นที่ไม่อาจเข้าใกล้ได้เลย แต่ราชครูตี้กลับตามเข้าไปได้…ชัดเจนยิ่งนัก เทพผู้สร้างโลกคงถ่ายทอดศาสตร์ลับบางอย่างให้ราชครูตี้แล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะยกตำแหน่งให้เขาสืบทอดแล้วก็ได้ เขาถึงเข้าไปได้อย่างง่ายดายเช่นนี้…”
“พี่ชาย การวิเคราะห์นี้ของเจ้ามีเหตุผลยิ่งนัก เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว คุณชายเชียนซื่อผู้นี้ก็น่าเวทนายิ่งนัก บางทีตัวเขานอกจากฐานะศิษย์ของพระองค์เจ้าแล้ว ล้วนมิได้อื่นใดอีกเลย…”
เสียงพูดอันน่าชิงชังรังเกียจเหล่านี้แว่วเข้าหูของฟั่นเชียนซื่อจริงๆ
มือของเขาที่อยู่ในแขนเสื้อพลันกำแน่น จ้องประตูหยกบานนั้นเขม็ง
อาจารย์ ทำไมท่านถึงอนุญาตให้ตี้ฝูอีเข้าสู่แดนต้องต้องห้ามสำหรับทวยเทพล่ะ?
อาจารย์ ข้าสิถึงจะเป็นศิษย์ของท่าน ตี้ฝูอีน่ะไม่ใช่! ท่านจะส่งมอบมรดกให้เขาไม่ได้นะ…
อาจารย์ ศิษย์ไม่กล้าอาจเอื้อมท่านอีกแล้ว หวังเพียงจะได้อยู่ข้างกายท่านไปเนิ่นนาน เป็นลูกศิษย์ของท่าน…อาจารย์ แม้แต่ความหวังอันน้อยนิดสายนี้ของข้าท่านก็อย่าได้ริบเอาไปเลย…
อาจารย์ ท่านโปรดออกมาเร็วหน่อยเถิด ให้พวกเขาได้รู้ว่าท่านยังคงเมตตาศิษย์อยู่ มิใช่อย่างที่พวกเขากล่าวกัน…
ว่าแต่ เหตุใดตี้ฝูอีถึงสามารถเข้าสู่แดนต้องต้องห้ามสำหรับทวยเทพได้?
หากว่าเขาก็สามารถออกมาโดยไม่บุบสลายได้ แล้วสมควรจะอธิบายว่าอย่างไรเล่า?
ราวกับเขาคว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายเอาไว้ได้ พลันสูดหายใจลึกๆ คราหนึ่ง คล้ายจะเอ่ยกับตัวเอง และคล้ายว่าจะเอ่ยให้ฝูงชนได้ฟังด้วย “อาจารย์จะต้องปลอดภัยแน่นอน นางต้องออกมาแน่นอน!”
สายตามองไปที่ประตูหยกอีกครั้ง เอ่ยเสียงเบา “อาจารย์ ไข่มังกรประทีปใบนั้นที่ท่านมอบให้ศิษย์ก่อนหน้านี้ใกล้จะฟักตัวสำเร็จแล้ว รอเมื่อท่านออกมา ศิษย์ก็จะพาท่านไปดู…”
ฝูงชนต่างตกตะลึงแล้ว!
ไข่มังกรประทีป? ฟักตัว?!
ไม่น่าเชื่อว่าพระองค์เจ้าจะมอบไข่มังกรประทีปให้ศิษย์คนนี้ ดูเหมือนพระนางยังคงเมตตาศิษย์คนนี้อยู่สินะ!
ขณะที่ฝูงชนกำลังพูดคุยกันอยู่ตรงนี้ จู่ๆ แต่ละคนก็รู้สึกว่าหัวใจพลันดิ่งฮวบ ตื่นตระหนกอย่างน่าประหลาด จากนั้นดวงตาก็เริ่มแสบเคือง ยังคิดไม่กระจ่างเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ความโศกเศร้าก็เอ่อท้นขึ้นมาในหัวใจ หยาดน้ำตาเริ่มหลั่งรินออกมาจากเบ้าตา หยดแล้วหยดเล่า อยากจะควบคุมก็ควบคุมไว้ไม่อยู่
เกิดอะไรขึ้น?!
ทุกคนต่างสบตากันด้วยดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยหยดน้ำ ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรทุกคนถึงร้องไห้ขึ้นมาพร้อมกัน…
————————————————————————————-
บทที่ 2950 เทวาดับสูญ 10
และในเวลานี้เอง คลื่นสีรุ้งสายหนึ่งก็เล็ดรอดออกมาจากด้านในประตู จากนั้นก็กระจัดกระจายหายไปในท้องนภา
ฝูงชนนิ่งงัน…
ทุกคนมีสีหน้างุนงง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เพียงแต่ หลังจากผ่านไปสักครู่หนึ่ง ผู้นำของหกภพภูมิต่างได้รับการรายงานข่าวจากลูกน้องที่ประจำการอยู่…
‘ฝ่าบาท บุปผาพืชพรรณเหล่านั้นฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติแล้วพ่ะย่ะค่ะ ต้นไม้งอกใบใหม่ออกมา ดอกตูมก็เริ่มผลิบานอีกครั้ง…’
‘องค์ราชินี พิรุณโลหิตหยุดแล้วพ่ะย่ะค่ะ! พระอาทิตย์โผล่ออกมาแล้ว!’
‘ใต้ฝ่าพระบาท ในทะเลสาบใหญ่ของภพเราน้ำกลับมาเต็มเปี่ยมแล้วพ่ะย่ะค่ะ! น่าอัศจรรย์แท้!’
สิ่งที่รายงานล้วนเป็นข่าวดีทั้งสิ้น เพียงแต่น้ำเสียงของผู้ที่รายงานข่าวกลับสะอึกสะอื้นยิ่ง ราวกับฝืนข่มกลั้นน้ำตาเพื่อรายงาน
ผู้ฟังร้องไห้ ผู้รายงานก็ร้องไห้ ทว่าล้วนไม่ทราบว่าสรุปแล้วตนร้องไห้เพราะอะไร…
ยังคงเป็นถูซานอิงที่ค่อนข้างรอบรู้กว้างขวาง นางพึมพำออกมาประโยคหนึ่ง “นี่…เหตุใดนี่จึงดูคล้ายเหตุการณ์เทวาดับสูญในตำนานกันล่ะ?”
ฝูงชนตะลึงงัน!
“เทวาดับขันธ์ ปวงประชาร่ำไห้ ร้อยบุปผาร่วงโรย ภูผานทีพังทลาย นภาร่ำไห้เป็นสายโลหิต…” ถูซานอิงท่องโคลงท่อนหนึ่งที่ดูคล้ายบทสวดออกมา
อย่างไรก็ตาม นางได้เผชิญหน้ากับการโต้แย้งจากทุกคน
“ราชินีปีศาจอย่าได้กล่าวให้ผู้อื่นตื่นตระหนกไป! หากว่าอาเพศเหล่านั้นคือเทวาดับขันธ์ ยามที่เกิดอาเพศเหล่านี้ขึ้นมา เทพผู้สร้างโลกเพิ่งจะเข้าสู่แดนต้องห้ามของทวยเทพชัดๆ นกเหอถงก็เห็นนางมากับตา…”
“ใช่ ใช่! ยิ่งไปกว่านั้นคือตอนนี้อาเพศเหล่านั้นล้วนหายไปแล้ว หกภพภูมิดำเนินไปตามครรลอง…”
“เปิ่นหวางยังท่องไม่จบ!” ถูซานอิงโมโห นางท่องอีกไม่กี่ประโยคที่เหลือออกมาในคราวเดียว “เทวาดับสูญ กายาแปลงวาโย เติมเต็มนภา หกภพภูมิธำรง สรรพสัตว์อาลัย ร่ำไห้โดยไร้เหตุ…”
ฝูงชนพูดไม่ออกแล้ว!
หน้าฟั่นเชียนซื่อซีดเผือด โกรธาขึ้นมาทันที ซัดฝ่ามือหนึ่งออกไป “ผายลม! นี่เจ้าพูดเหลวไหลอะไรกัน?! เทพจะดับสูญได้อย่างไร? อาจารย์ของข้าไม่มีวันดับสูญ! นังปีศาจอย่างเจ้าไม่น่าเชื่อพูดจาเลื่อนเปื้อนแช่งชักพระองค์เจ้า!”
ฝ่ามือนี้ของเขาแทบจะใช้พลังทั้งหมดแล้ว ตอนนี้เขาเป็นซ่างเสินขั้นเจ็ด บนโลกนี้แทบจะไร้ซึ่งคู่ต่อสู้แล้ว หนึ่งฝ่ามือทรงพลังสะท้านสะเทือนฟ้าดิน!
หลายปีมานี้เขาอยู่ข้างกายกู้ซีจิ่วมาโดยตลอด ออกไปด้านนอกน้อยยิ่ง ไม่ค่อยได้เห็นเขาแสดงฝีมือง่ายๆ ดังนั้นผู้คนในภพภูมิที่เคยเห็นเขาสำแดงฝีมือที่แท้จริงออกมาจึงมีแค่ไม่กี่คนจริงๆ
อีกทั้งสองปีครึ่งก่อนที่เขาแสดงท่าทีเช่นนั้นออกมาต่อหน้าสาธารณชนด้วย น่าสมเพชอย่างยิ่ง ด้อยศักดิ์ศรีน่าอับอาย…
เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงถูกผู้อื่นดูแคลนอย่างที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้
ซ้ำยามนี้ผู้นำของหกภพภูมิก็เป็นคนของตี้ฝูอีหมดแล้ว พวกเขาก็ยิ่งไม่เห็นฟั่นเชียนซื่ออยู่ในสายตาเลยจริงๆ
ด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาพูดจาอยู่ที่นี่ถึงได้เอ่ยวาจาพล่อยๆ ตามอำเภอใจเช่นนี้ รู้สึกว่านี่มิใช่หนุ่มน้อยมหัศจรรย์ในปีนั้นแล้ว แทบไม่ต่างไปจากเศษสวะแล้ว อย่างมากก็แค่อาศัยบารมีอาจารย์มาอวดเบ่งเท่านั้น
ผู้ใดก็คาดไม่ถึงว่าวรยุท์ของเขาจะแกร่งกล้าถึงเพียงนี้!
ถูซานอิงถูกฝ่ามือของเขาโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส ถูกซัดจนเกือบจะเผยร่างเดิมออกมาแล้ว…
นี่ยังคงเป็นเพราะลูกน้องของนางเห็นท่าไม่ดีแล้ว จึงพากันลงมือสกัดขวางเอาไว้ให้นาง ส่วนตัวนางเองก็ร่ายวิชาหลบเร้นที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาเช่นกัน มิเช่นนั้นฝ่ามือนี้ของฟั่นเชียนซื่อคงเพียงพอจะเอาชีวิตของนางได้แล้ว
เห็นได้ชัดว่าฝูงชนไม่คาดคิดเลยว่าวรยุทธ์ของฟั่นเชียนซื่อจะเลิศล้ำถึงขั้นนี้แล้ว ล้วนตกตะลึงกันไปหมด!
บ้างก็คุ้มกันผู้เป็นนายให้ล่าถอยไป อย่างเช่นแม่ทัพของอีกห้าภพภูมิที่เหลือ
บ้างก็ต้องการจะล้างแค้นให้ผู้เป็นนาย อย่างเช่นบริวารจากภพมารของถูซานอิง
บ้างก็เอ่ยประณาม อย่างเช่นจักรพรรดิของแดนมนุษย์…
จักรพรรดิของแดนมนุษย์มีความสัมพันธ์อันดีกับถูซานอิง เมื่อเห็นนางบาดเจ็บย่อมไม่พอใจ ออกปากประณามฟั่นเชียนซื่อ วาทศิลป์เขายอดเยี่ยมนัก ถ้อยคำที่กล่าวออกมาทั้งกินใจและทำให้ผู้คนรู้สึกว่าคำพูดของเขามีเหตุผล
เขากล่าวว่า “คุณชายเชียนซื่อ ท่านวู่วามเกินไปแล้ว! สกุลถูซานเป็นเผ่าพันธุ์บรรพกาล…”
————————————————————————————-